ตอนที่ 120: กลับบ้าน
ตอนที่ 120: กลับบ้าน
เสียงโลหะเสียดสีดังก้องกังวานก่อนที่แผ่นเหล็กอัลลอยที่มีขนาดความหนากว่า 30 เซนติเมตรจะปิดทางเข้าเอาไว้อย่างแน่นหนา ทำให้เหล่าทหารพันธมิตรถูกขังไว้ที่ชั้นบนสุดโดยไม่มีทางออก
“พวกเราติดกับแล้ว!”
“นี่มันจะต้องเป็นแผนการร้ายของสการ์! พวกเราควรจะทำยังไงดี?”
เหล่าทหารเริ่มตะโกนด้วยความตื่นตระหนก โดยหวังว่ามันจะมีใครคิดหาวิธีการแก้ปัญหาให้กับพวกเขาได้
“ดูเหมือนว่าแผนการแค่ล่าช้าออกไปเล็กน้อยสินะ” หนิงไป่เฉินอุทานพร้อมกับเผยรอยยิ้มที่มุมปาก
สายตาอันเย็นชาของชายชรากวาดมองไปรอบ ๆ ราวกับว่าชัยชนะได้อยู่ภายใต้เงื้อมมือของเขาแล้ว ตราบใดก็ตามที่กองกำลังหลักทั้งหมดถูกกวาดล้างไปจนหมด เขาก็จะได้ครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างในระยะ 200,000 ปีแสง
“ใจเย็น ๆ ไม่ต้องตกใจ ฉันแค่พยายามจะอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทุกคนได้ฟัง” เซี่ยเฟยพูดผ่านเครื่องสื่อสารด้วยรอยยิ้มและมันก็ทำให้เหล่าบรรดาทหารที่กำลังตื่นตระหนกรู้สึกหวาดกลัวมากยิ่งขึ้น
“ไอ้นี่มันเป็นใคร? ทำไมไม่โจมตีตามแผน!” หนิงไป่เฉินอุทานออกมาอย่างตื่นตระหนก
“พวกคุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมคนของสการ์ถึงบุกโจมตีฐานเรดสโตนทั้ง ๆ ที่พวกเขาก็รู้อยู่แล้วว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แล้วทำไมหนิงไป่เฉินถึงทะเลาะกับสการ์และโบรคเคนเบลดภายในระยะเวลาห่างกันไม่ถึงปี”
“ทำไมในครั้งนี้หนิงไป่เฉินถึงไม่ให้ของตอบแทนเป็นหัวใจจักรวาลเม็ดสีแดงแต่กลับเป็นหัวใจจักรวาลเม็ดสีม่วงที่ล้ำค่า นั่นก็เพราะพวกคุณน่าจะรู้อยู่แล้วว่าในเขตดาววิลเดอร์เนสถ้าหากว่าไม่เอาของล้ำค่ามาหลอกล่อก็ไม่มีใครทำงานให้ใครทั้งสิ้น”
“พวกคุณทุกคนถูกหลอก! ปฎิบัติการครั้งนี้เป็นแผนของหนิงไป่เฉินที่จะสังหารพวกคุณทั้งหมดและยึดฐานทัพทั้งหมดเอาไว้คนเดียว” เซี่ยเฟยร่ายยาวออกมาเป็นชุดถึงเบื้องหลังแผนการในวันนี้
ผู้คนมักจะตั้งข้อสงสัยท่ามกลางความหวาดกลัว ดังนั้นทันทีที่เซี่ยเฟยพูดจบลงกองทหารพันธมิตรก็กระจายกันออกเป็น 8 กลุ่มเล็ก ๆ พร้อมกับจ้องมองไปทางหนิงไป่เฉินอย่างไม่ไว้ใจ
“ทุกคนอย่าไปฟังเรื่องไร้สาระ! พวกคุณรู้ดีว่าฉันคือใคร? นี่คือแผนของสการ์ที่จะทำให้พวกเราทะเลาะกัน” หนิงไป่เฉินตะโกนด้วยใบหน้าที่แดงก่ำและมันก็มีความสิ้นหวังซ่อนอยู่ภายใต้คำพูดของเขา
“ทำให้พวกคุณทะเลาะกัน? ถ้าอย่างนั้นทำไมคนของตระกูลหนิงถึงต้องซ่อนอุปกรณ์สะท้อนคลื่นเสียงเอาไว้ในปลอกแขนด้วย พวกคุณรู้ตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหมว่าที่นี่จะถูกโจมตีด้วยคลื่นเสียง” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
เมื่อถูกเซี่ยเฟยเปิดโปงแผนการชายชราก็รู้สึกโกรธจนแทบจะล้มลงหมดสติ ซึ่งมันก็ทำให้ทหารของตระกูลหนิงรู้สึกหวาดกลัวมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม พวกเขาจึงถืออาวุธขึ้นมาตั้งท่าป้องกันอย่างกระวนกระวาย
“นี่มันเรื่องจริงหรอ?”
“พวกตระกูลหนิงโยนปลอกแขนของพวกแกมาซิ!”
ทันใดนั้นบรรยากาศก็ตกอยู่ภายใต้ความตรึงเครียด ก่อนที่ทหารจากกองกำลังทั้งเจ็ดจะยกปืนขึ้นมาเล็งใส่กลุ่มตระกูลหนิง
“ไม่ต้องเสียเวลาถามหรอก พวกเขาไม่กล้าโชว์ปลอกแขนให้พวกคุณดูอยู่แล้ว แต่พวกคุณรู้ไหมว่าทำไมลูกชายคนสุดท้องของผู้อาวุโสหนิงถึงไม่ตามมา นั่นก็เพราะว่าเขากำลังร่วมมือกันกับโบรคเคนเบลดโจมตีฐานทัพของพวกคุณอยู่ ท้ายที่สุดกองกำลังหลักของทุกฐานก็มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ มันจึงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะบุกเข้ายึดฐานทัพของพวกคุณ ผมพูดอะไรผิดไปไหมผู้อาวุโสหนิงไป่เฉิน!” เซี่ยเฟยที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องบัญชาการตะโกนถามเสียงดัง
อันที่จริงเรื่องทั้งหมดที่เขาพูดออกมาเป็นเพียงแค่การคาดเดา แต่เมื่อพิจารณาจากสีหน้าของชายชราแล้วการคาดเดาทุกอย่างของเขาก็คงจะเป็นเรื่องจริง
แรกเริ่มคือการหลอกล่อกองกำลังหลักของฐานทั้งเจ็ดไปที่ฐานของกลุ่มโจรสลัดนกฮูก จากนั้นทำการตัดการสื่อสารไปยังโลกภายนอก ต่อมาก็ทำการส่งหนิงรั่วซานที่มีความสามารถในการปลอมตัวปลอมแปลงเป็นผู้นำของแต่ละฐานเพื่อทำการบุกโจมตีอย่างกะทันหัน
แผนการทั้งหมดถูกวางเอาไว้อย่างแยบยล แต่มันก็ถูกเปิดโปงโดยคนนอกอย่างเซี่ยเฟย
หนิงไป่เฉินไม่ได้พูดอะไรโต้ตอบกลับไปซักคำและความฉลาดเจ้าเล่ห์ทั้งหมดที่เคยมีมันก็หายไปจนหมดแล้ว เพราะในตอนนี้ทั้งหัวใจของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวและความหดหู่
“อะไรนะ? นี่พวกแกคิดจะโจมตีฐานของพวกเราอย่างนั้นหรอ”
“ระบบสื่อสารล่ม! พวกเราติดต่อกลับไปยังฐานไม่ได้!!”
“ไปลงนรกซะ! ไอ้พวกเวรตะไล!!”
ทันใดนั้นมันก็มีเสียงปืนดังขึ้นก่อนที่คนจากตระกูลหนิงจะต้องเผชิญหน้ากับทหารอีก 7 ฐานพร้อม ๆ กัน
ระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายใกล้กันมาก แล้วมันก็แทบจะเป็นการประจัญหน้ากันด้วยอาวุธ
อย่างไรก็ตามสมาชิกจากกองกำลังทั้งแปดก็ไม่ได้มีความคุ้นเคยกันมากนัก ดังนั้นแทนที่มันจะเป็นการรุมจู่โจมใส่ตระกูลหนิงมันกลับกลายเป็นการต่อสู้ชุลมุนครั้งใหญ่ และใครก็ตามที่ไม่รู้จักกันพวกเขาก็จะเล็งปืนจู่โจมเข้าใส่อีกฝ่ายโดยไม่ลังเล
หนิงไป่เฉินเริ่มเคลื่อนไหวปกป้องลูกชายทั้งสองคนของเขาเอาไว้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับใช้เกราะป้องกันที่แข็งแกร่งเพื่อต่อต้านการโจมตีจากทุกทิศทาง
ความโกลาหลแบบนี้เป็นสิ่งที่เซี่ยเฟยรอคอยอยู่แล้ว เพราะยิ่งสถานการณ์วุ่นวายมากขึ้นเท่าไหร่เขาก็ยิ่งใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ได้มากขึ้นเท่านั้น ชายหนุ่มจึงทำการจดจำตำแหน่งของหนิงไป่เฉินเอาไว้ในใจ ก่อนที่เขาจะใช้นิ้วกดลงไปยังปุ่มสีแดงเพื่อปิดไฟภายในฐาน
เมื่อไม่มีแสงไฟพื้นที่ทั้งหมดก็ตกอยู่ในความมืดมิดทันที มันจึงมีเพียงแค่แสงจากปืนเลเซอร์จำนวนนับไม่ถ้วนที่พอจะทำให้เห็นพื้นที่บริเวณใกล้เคียง และถ้าหากว่าใครได้มองจากระยะไกลพวกเขาก็จะเห็นเหมือนกับดาวตกหลากสีกำลังพุ่งสวนกันไปมา
สถานการณ์วุ่นวายมากขึ้นเรื่อย ๆ และพวกทหารก็เริ่มกราดยิงไม่สนหน้าใครทั้งสิ้น เพราะในตอนนี้พวกทหารเริ่มตกอยู่ในความเครียดจนเกิดอาการคลั่งแล้ว
ฟุบ!
เซี่ยเฟยได้เคลื่อนที่มาจนถึงประตูด้วยความรวดเร็ว จากนั้นเขาก็กดนิ้วลงบนชุดวินด์ชาโดว์มาร์คโฟร์เพื่อใช้หน้ากากและระบบมองกลางคืน
ประตูค่อย ๆ ถูกเปิดขึ้นอย่างช้า ๆ และก่อนที่ประตูจะเปิดขึ้นจนสุดชายหนุ่มก็พุ่งตัวออกมาโดยการเคลื่อนที่ที่เกือบจะขนานไปกับพื้น
กุญแจสำคัญของการลงมือในครั้งนี้คือการจบการต่อสู้ในเวลาที่สั้นที่สุด ไม่อย่างนั้นเขาจะตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีจากทุกทิศทาง และมันก็อาจจะทำให้เขาได้พลาดโอกาสครั้งสำคัญในครั้งนี้ไป
ด้วยแว่นมองกลางคืนมันจึงทำให้เซี่ยเฟยสามารถสังเกตสถานการณ์ในสนามรบได้อย่างชัดเจน ขณะที่เหล่าทหารของกองกำลังต่าง ๆ ยังไม่สามารถปรับสายตาให้มองผ่านความมืดได้
ชายหนุ่มพุ่งตัวออกไปด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า โดยเคลื่อนที่หลบหลีกลำแสงเลเซอร์อย่างช่ำชองและพุ่งเข้าหาหนิงไป่เฉินอย่างรวดเร็ว
ตูม!
ลำแสงสีแดงเข้มพุ่งผ่านหลังเซี่ยเฟยด้วยระยะห่างไม่ถึง 1 เซนติเมตร ก่อนที่มันจะพุ่งกระทบเข้ากับกำแพงและเกิดการระเบิดขึ้นมาเสียงดัง
ชายหนุ่มเคลื่อนที่ราวกับผีในความมืด ก่อนที่เขาจะได้ไปหยุดอยู่ด้านหลังหนิงไป่เฉินประมาณ 10 เมตรพร้อมกับรอคอยโอกาสที่จะเคลื่อนไหว
หนิงไป่เฉินมีระดับความสามารถที่สูงมากและคนที่คอยคุ้มกันเขาอยู่แต่ละคนก็มีฝีมือที่ไม่ธรรมดาเช่นเดียวกัน ดังนั้นเซี่ยเฟยจึงจำเป็นที่จะต้องเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง โดยสายตาของเขายังคงจับจ้องมองไปยังแหวนมิติของชายชราอย่างไม่วางตา
ปกติแล้วเซี่ยเฟยไม่มีทางมองเห็นแหวนบนนิ้วของหนิงไป่เฉินท่ามกลางความมืดมิดเช่นนี้ได้ แต่เนื่องมาจากเขาได้เตรียมระบบมองกลางคืนเอาไว้ล่วงหน้า เขาจึงสามารถมองเห็นสภาพแวดล้อมได้อย่างชัดเจน
ขณะเดียวกันเมื่อเหล่าทหารรู้สึกว่าชีวิตของพวกเขากำลังถูกคุกคาม พวกเขาก็เริ่มกราดยิงอย่างสิ้นหวังโดยไม่สนว่าเป้าหมายจะเป็นมิตรหรือศัตรู
หลังจากเวลาได้ผ่านพ้นไปไม่นานบอดี้การ์ดทั้งสี่คนที่อยู่ข้าง ๆ กับชายชราก็ค่อย ๆ เว้นระยะห่างมากขึ้นเรื่อย ๆ และการป้องกันของพวกเขาก็ไม่ได้แน่นหนาเหมือนก่อนหน้านี้
ฟุบ!
เมื่อโอกาสได้ปรากฏขึ้นมาเซี่ยเฟยก็พุ่งตัวออกไปด้วยความรวดเร็วพร้อมกับตวัดเชสซิ่งไลท์ไปที่แขนซ้ายของหนิงไป่เฉิน
ฉัวะ!
—
ท่ามกลางอวกาศที่มืดมิดมันได้มีเศษซากยานล่องลอยอยู่อย่างเคว้งคว้าง โดยตรงกลางของตัวยานได้ถูกตัดขาดราวกับถูกสัตว์ประหลาดกัดยานจนขาดเว้าแหว่งไป
หากใครได้มองอย่างใกล้ชิดจะได้พบกับตัวอักษรที่สลักอยู่บนตัวยานและตัวอักษรนั้นก็ไม่ใช่คำอื่นใดเลยนอกเสียจากคำว่า ‘ลูน่า’
นี่คือยานรบของเซี่ยเฟย แต่ทำไมมันถึงมาลอยคออยู่ที่นี่? แล้วมันเสียหายแบบนี้ได้ยังไง?
ภายในห้องกัปตันของลูน่ามีชายหญิงสองคนในชุดอวกาศกำลังจ้องมองดวงดาวผ่านทางช่องหน้าต่าง
“นี่ลุง! เซี่ยเฟยจะมารับพวกเราจริง ๆ ใช่ไหม” ซาร่าถามอย่างจริงจัง
เพื่อหนีออกมาจากฐานเรดสโตนลุงหลานคู่นี้ได้เสี่ยงเปิดใช้งานระบบวาร์ปฉุกเฉินของลูน่าตามที่เซี่ยเฟยได้แนะนำ และฉากที่น่าตกใจที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ยังคงทำให้ซาร่ารู้สึกหวาดกลัวอยู่จนถึงตอนนี้
การเปิดระบบวาร์ปฉุกเฉินในระหว่างที่ยานยังจอดอยู่เป็นวิธีการที่บ้ามาก และมันก็ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าวิธีการนี้เป็นวิธีการที่อันตรายมากแค่ไหน
โชคดีที่เซี่ยเฟยได้ทำการดัดแปลงลูน่าเป็นอย่างดีทำให้ยานลำนี้สามารถทนรับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างฉับพลัน แต่ถึงแม้ว่าซาร่ากับเอเลนจะรอดชีวิตจากการวาร์ปฉุกเฉินมาได้ แต่ลูน่าก็ได้รับความเสียหายชนิดที่ไม่สามารถซ่อมแซมมันกลับมาได้อีกแล้ว
“เขาจะต้องมา! เขาสัญญากับฉันเอาไว้แล้ว” เอเลนตอบ
ซาร่ากัดริมฝีปากของเธออย่างแรงโดยไม่พูดอะไรออกไปสักคำ ขณะที่ดวงตาของเธอยังคงจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างไม่วางใจ
พริบตาต่อมามันก็ได้มีรูหนอนเปิดห่างออกไปจากลูน่าประมาณ 100 กิโลเมตร ก่อนที่ยานฟริเกตรุ่นโคแอกิวเลชั่นจะค่อย ๆ เคลื่อนที่ออกมาจากรูหนอนอย่างต่อเนื่อง
“เซี่ยเฟย! เซี่ยเฟยมาแล้ว!!” ซาร่าตะโกนโบกมืออย่างตื่นเต้นและแม้แต่ชายชราที่อยู่ข้าง ๆ เธอก็รู้สึกตื่นเต้นด้วยเช่นกัน
“เซี่ยเฟยมาหาพวกเราจริง ๆ เขามาช่วยพวกเราแล้วจริง ๆ” ซาร่ากระโดดเข้าไปหาเอเลนพร้อมกับกอดชายชราเอาไว้แน่น
แผนการทั้งหมดนี้ถูกเซี่ยเฟยวางเอาไว้ตั้งแต่แรก ซึ่งทันทีที่เขาลงมือสังหารหนิงไป่เฉิน เขาก็รีบวิ่งกลับไปยังแวมไพร์และส่งสัญญาณบอกให้เอเลนเริ่มดำเนินตามแผนการ
จากนั้นเอเลนกับซาร่าก็ใช้ระบบวาร์ปฉุกเฉินหนีออกมาจากฐานเรดสโตน ก่อนจะส่งสัญญาณบอกตำแหน่งไปหาแวมไพร์
10 นาทีต่อมาซาร่ากับเอเลนก็ได้ขึ้นไปบนแวมไพร์
“เซี่ยเฟยขอบใจมาก!” ซาร่าถอดชุดอวกาศพร้อมกับกระโดดกอดชายหนุ่มอย่างลืมตัว ซึ่งถ้าหากว่าใครมองดี ๆ เขาก็เห็นของเหลวใส ๆ ไหลออกมาจากหางตาของเธอด้วย
“ระบบบังคับวาร์ปฉุกเฉินเป็นยังไงบ้างครับ?” เซี่ยเฟยถาม
“โชคดีที่พวกเรารอดมาได้ แต่ยานของเอ็งก็เสียหายอย่างที่เห็น” เอเลนกล่าวพร้อมกับมองไปยังซากยานรบนอกหน้าต่าง
“เซี่ยเฟยนายกำลังจะพาพวกเราไปที่พันธมิตรพร้อมกับให้ที่พักและอาหารอร่อย ๆ กับพวกเราใช่ไหม?” ซาร่าถามพร้อมกับใช้มือเช็ดน้ำตา
“เธอนี่เป็นพวกมักน้อยจริง ๆ ไม่ต้องห่วงฉันจะจัดเตรียมของที่ดีกว่านั้นเอาไว้ให้กับเธอเอง” เซี่ยเฟยตอบพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
“มันมีอะไรดีไปกว่าอาหารกับที่พักอีกหรอ?” ซาร่าถามด้วยดวงตาเปล่งประกาย
หญิงสาวเติบโตขึ้นมาในเขตดาววิลเดอร์เนสตั้งแต่เด็ก ดังนั้นเธอจึงคิดว่าเพียงแค่การมีอาหารและที่พักก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของเธอแล้ว
“ฉันจะให้เธอไปพักอยู่บนดาวบ้านเกิดของฉัน บนโลกมีบ้านพักริมทะเลที่บรรยากาศดีมาก ฉันคิดว่าจะให้เธอไปเข้าโรงเรียนแล้วให้ลุงเอเลนไปทำงานในบริษัทของฉัน” เซี่ยเฟยกล่าว
“ไปโรงเรียน?” ซาร่าอุทานออกมาด้วยความสับสน เพราะตั้งแต่ที่เธอเกิดมา 17 ปีเธอก็ไม่เคยได้ยินคำว่าโรงเรียนมาก่อนเลย
“โรงเรียนเป็นสถานที่ที่ให้ความรู้และได้ผูกมิตรกับเพื่อนร่วมชั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเธอหลังจากออกมาจากเขตดาววิลเดอร์เนสคือหลังจากนี้เธอจะเป็นอิสระ ดังนั้นถ้าหากว่าเธออยากจะทำอะไรก็เชิญทำตามใจของเธอได้เลย”
ตลอดช่วงเวลาที่เครื่องยนต์กำลังชาร์จพลังงานเตรียมการวาร์ป ซาร่าก็ได้โยนคำถามเข้าหาเซี่ยเฟยเหมือนกับเด็กน้อย แล้วมันก็ทำให้เธอรู้สึกทึ่งกับสิ่งมหัศจรรย์ต่าง ๆ ที่มีอยู่ในพันธมิตรมนุษย์
ความเสียหายของลูน่าทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกเสียใจเล็กน้อย แต่อันที่จริงถึงแม้ว่าลูน่าจะไม่ได้รับความเสียหายเขาก็นำมันกลับไปยังพันธมิตรได้ยากมากอยู่ดี เพราะท้ายที่สุดฐานเรดสโตนก็ถูกปิดกั้นเอาไว้อย่างแน่นหนาทำให้คนในถูกห้ามออกและคนนอกถูกห้ามเข้า
ในเมื่อเขาจะต้องสูญเสียลูน่าไปอยู่แล้ว เขาจึงตัดสินใจให้ยานลำนี้ทำภารกิจสุดท้ายโดยการนำซาร่าและเอเลนหลบหนีออกมา เพราะอย่างน้อยการทำแบบนี้มันก็ดีกว่าการปล่อยให้ลูน่าตกไปอยู่ในมือของคนอื่น
หลังจากมองไปยังลูน่าเป็นครั้งสุดท้าย เซี่ยเฟยก็เริ่มบังคับยานมุ่งหน้าไปยังจักรวาลโดยมีเป้าหมายคือการกลับไปยังพันธมิตรมนุษย์
***************
แล้วพี่เฟยพาเอเลนกับซาร่าไปในฐานะอะไรอ่ะ? หรือว่าพี่เฟยจะแต่งงาน?!