ตอนที่ 119: ค้อน
ตอนที่ 119: ค้อน
เซี่ยเฟยพุ่งเข้าหาสการ์ด้วยความเร็ว 800 เมตรต่อวินาที แต่ไม่น่าเชื่อว่าการจู่โจมด้วยความเร็วขนาดนี้สการ์กลับมีปฏิกิริยาตอบสนองได้ทัน
พริบตาต่อมาขนหนาทั่วทั้งร่างของหัวหน้าโจรสลัดก็ลุกตั้งเป็นเหมือนเข็มเหล็ก
ตอนนี้ร่างของสการ์เป็นเหมือนเม่นที่พองขนออกมาปกป้องตั้งแต่หัวจรดเท้า และนี่ก็คือพลังของความสามารถเข็มอนันต์ที่สามารถควบคุมเส้นขนทั่วทั้งร่างกายได้ตามต้องการ โดยบางครั้งเส้นขนเหล่านี้ก็ถูกควบคุมให้มีความนุ่มเหมือนกับเส้นไหม และในบางครั้งพวกมันก็จะถูกทำให้แข็งจนเป็นเหมือนกับเหล็กกล้า
ความยาวของเข็มแต่ละเล่มคือ 50 เซนติเมตรซึ่งมันมีความยาวเกินกว่าใบดาบของเชสซิ่งไลท์ หรือมันก็หมายความว่าเซี่ยเฟยไม่สามารถที่จะใช้เชสซิ่งไลท์เจาะเข้าไปในร่างกายของสการ์ได้ หากเขาไม่พร้อมที่จะถูกเข็มเหล่านี้ทำร้ายร่างกายของเขาไปในเวลาเดียวกัน
เข็มเหล็กแต่ละเล่มมีความแหลมคมมากเพียงพอที่จะเจาะทะลุชุดต่อสู้วินด์ชาโดว์มาร์คโฟร์ ดังนั้นถ้าหากเซี่ยเฟยก็ไม่คิดที่จะเสียสละตัวเองเขาก็ไม่มีทางทำอะไรสการ์ได้เลย
เซี่ยเฟยยังไม่ต้องการที่จะทำร้ายร่างกายตัวเองในตอนนี้ ด้วยเหตุนี้เมื่อแขนของเขากำลังจะกระทบกับเข็มเหล็กบนร่างกายของสการ์ เขาก็เบี่ยงลำตัวไปด้านข้างพร้อมกับเปลี่ยนเส้นทางพุ่งไปยังโปว๋หนานแทน
ฉัวะ!
เชสซิ่งไลท์เปลี่ยนเป็นเส้นแสงที่สวยงามพุ่งเข้าตัดขาของโปว๋หนานโดยตรง ซึ่งบาดแผลที่เกิดขึ้นนี้มีความประณีตและสม่ำเสมอ ก่อนที่โปว๋หนานจะทันได้รู้ตัวขาที่อยู่ใต้เข่าของเขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
สการ์เริ่มทำการตอบโต้ด้วยความรวดเร็ว โดยเขาได้ควบคุมให้เข็มเหล็กจำนวนนับไม่ถ้วนหลุดออกไปจากผิวหนัง ก่อนที่จะพุ่งกระจายออกไปด้วยความเร็วราวกับลูกกระสุน
การโจมตีของสการ์เป็นเหมือนกับการระเบิดพลัง เพราะเขาได้ทำการยิงเข็มเหล็กออกไปทั่วทิศทางทำให้ทั่วทั้งห้องตกอยู่ภายใต้การโจมตีของเขา
เซี่ยเฟยกัดฟันออกแรงถีบอย่างรุนแรงแล้วพุ่งตัวออกไปซ่อนอยู่ด้านหลังเครื่องวิเคราะห์คุณภาพอากาศก่อนที่เข็มเหล็กจะพุ่งมาถึง
ปัง! ปัง! ปัง!
เสียงเข็มเจาะทะลุเข้าไปในโลหะดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่องและทำให้ห้องบัญชาการแห่งนี้เปลี่ยนรูปลักษณ์ไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง โดยในปัจจุบันมีเข็มเหล็กจำนวนนับไม่ถ้วนติดฝังอยู่ตามเครื่องมือและผนัง ซึ่งมันก็ทำให้ห้องขนาด 1,000 ตารางเมตรได้กลายเป็นป่าที่เต็มไปด้วยเหล็กแหลม
โปว๋หนานน่าจะเป็นคนที่โชคร้ายมากที่สุด เพราะเขาเพิ่งจะถูกเซี่ยเฟยตัดขาก่อนที่จะถูกเข็มแหลมพุ่งทะลุร่างจนตัวพรุนไปหมด
เดิมทีเซี่ยเฟยต้องการเก็บโปว๋หนานเอาไว้ เพราะพลังเสียงของชายคนนี้ยังมีประโยชน์อยู่บ้าง แต่แผนการของเขาก็ต้องเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน เพราะเมื่อสการ์รู้สึกตื่นตระหนกเขาก็ทำการจู่โจมทั่วทิศทางโดยไม่สนมิตรหรือศัตรู
ตูม!
จู่ ๆ มันก็มีเครื่องมือระเบิดขึ้นมาอย่างกะทันหันและถึงแม้ว่าเครื่องมือชิ้นอื่น ๆ จะไม่ได้ระเบิดตามไปด้วย แต่แรงระเบิดจากเครื่องมือชิ้นแรกก็ทำให้ไฟทั่วทั้งห้องได้ดับลงและทำให้ศูนย์บัญชาการตกลงสู่ความมืด
โชคดีที่เครื่องวิเคราะห์สภาพอากาศทำขึ้นมาจากแผ่นโลหะหนาหลายชั้น มันจึงทำให้ชายหนุ่มที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังไม่ได้รับบาดเจ็บ
“ปฏิกิริยาของเจ้านี่เร็วจริง ๆ” เซี่ยเฟยพูดกับตัวเองในความมืด
ผู้มีพลังเข็มอนันต์มีความโดดเด่นทั้งการโจมตีและการป้องกัน ดังนั้นเมื่อเซี่ยเฟยไม่สามารถลงมือสังหารได้ตั้งแต่การจู่โจมในครั้งแรก มันจึงทำให้เขาสูญเสียโอกาสที่ดีที่สุดในการสังหารสการ์ไปแล้ว
พริบตาต่อมาทั่วทั้งห้องก็มีไฟกระพริบขึ้นมา 2-3 ครั้ง ก่อนที่ระบบไฟสำรองจะเปิดทำงานและทำให้ทั่วทั้งห้องบัญชาการตกอยู่ภายใต้แสงสีน้ำเงิน
“แกเป็นใคร!” สการ์พูดออกมาอย่างหงุดหงิด โดยในปัจจุบันสถานที่ที่เขายืนอยู่ได้กลายเป็นเหมือนกับกระบองเพชรและเขาก็ได้ใช้สายตาสแกนไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง
แม้ว่าพลังเข็มอนันต์จะเต็มไปด้วยข้อดีแต่มันก็มีข้อบกพร่องอยู่เช่นกัน เพราะทันทีที่เขาได้เปิดใช้ความสามารถนี้มันจะทำให้ร่างของเขาติดอยู่กับที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ และจะสามารถจู่โจมได้ด้วยขนที่เหมือนกับเข็มเหล็กเท่านั้น
เซี่ยเฟยยังคงซ่อนตัวอยู่ด้านหลังเครื่องวิเคราะห์สภาพอากาศและชำเลืองมองไปที่ศัตรูโดยไม่สนใจจะพูดจาตอบโต้กลับไปเลยแม้แต่นิดเดียว
“กล้า ๆ หน่อย ถ้าแกเป็นลูกผู้ชายก็ออกมาเผชิญหน้ากันโดยตรง” สการ์พยายามยั่วยุเซี่ยเฟยให้ออกมาจากที่กำบัง
หลังจากมองไปรอบ ๆ อยู่นานเซี่ยเฟยก็สังเกตเห็นค้อนขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงบริเวณมุมกำแพง โดยค้อนนี้มีความยาวประมาณ 4-5 เมตรแล้วมันก็ดูค่อนข้างหนัก
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็ได้ไอเดียเขาจึงยกเท้าขึ้นเตะเครื่องวิเคราะห์สภาพอากาศซึ่งมีความยาวกว่า 4 เมตรและมีความสูงกว่า 1.8 เมตรเข้าไปหาสการ์
สการ์ได้เปิดใช้งานความสามารถของตัวเองไปแล้ว ดังนั้นในช่วงเวลานี้เขาจึงไม่สามารถที่จะเคลื่อนไหวได้ ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงถูกเครื่องวิเคราะห์สภาพอากาศกระแทกเข้าใส่อย่างแรง จนร่างถูกผลักกระเด็นไปติดกับกำแพงโดยที่เขาไม่สามารถจะหลบหลีกได้เลย
เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มเมื่อเห็นว่าการคาดการณ์ของเขาได้ผล ดังนั้นเขาจึงเคลื่อนที่ไปหยิบค้อนขนาดใหญ่ขึ้นมาจากพื้นและเขาก็ประมาณการณ์ว่าค้อนอันนี้น่าจะมีน้ำหนักไม่น้อยกว่า 300 กิโลกรัม
ต่อมาชายหนุ่มก็เดินลากค้อนไปตามทางเดิน โดยจงใจให้หัวค้อนครูดไปกับพื้นโลหะทำให้เกิดเสียงในระหว่างที่เขากำลังเดินตลอดเวลา
เหตุการณ์ในปัจจุบันทำให้สีหน้าของสการ์เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โดยเฉพาะที่ในตอนนี้ร่างของเขาถูกบีบเข้ากับกำแพงและใบหน้าของเขายังหันหน้าเข้าหากำแพงอีกด้วย มันจึงทำให้เขาไม่รู้ว่าเสียงข้างหลังมันเกิดขึ้นมาจากอะไรกันแน่
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
เมื่อรับรู้ได้ถึงอันตรายสการ์ก็ทำการปล่อยเข็มเหล็กออกไปอย่างสิ้นหวัง แต่น่าเสียดายที่มุมการยิงเข็มของเขาถูกบังเอาไว้ด้วยเครื่องวิเคราะห์สภาพอากาศ มันจึงทำให้การจู่โจมครั้งนี้ไม่ได้เป็นภัยคุกคามสำหรับเซี่ยเฟยเลย
หลังจากถุยน้ำลายใส่มือ 2-3 ครั้งเซี่ยเฟยก็ใช้ค้อนภายในมือทุบเข้าใส่สการ์ที่ร่างติดอยู่กับกำแพง
“บี้ไปซะ!!”
แม้ว่าเชสซิ่งไลท์จะสั้นจนเกินไปจนไม่สามารถพุ่งทะลุผ่านเข็มเหล็กทั่วทั้งร่างของสการ์ไปได้ แต่ค้อนที่เขาถืออยู่มันก็มีความยาวมากกว่า 4 เมตร มันจึงสามารถพุ่งเข้าไปทุบร่างของสการ์ได้อย่างง่ายดาย
พริบตาต่อมาเสียงโหยหวนก็ดังขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าพร้อมกับร่างของสการ์ที่ถูกทุบเข้าใส่อย่างโหดร้าย ไม่กี่นาทีต่อมาเสียงโหยหวนก็เริ่มอ่อนกำลังลงก่อนที่เสียงของชายคนนี้จะหายไปในที่สุด
ปัง!
เซี่ยเฟยโยนค้อนเปื้อนเลือดทิ้งลงไปบนพื้น โดยในปัจจุบันสการ์ได้กลายเป็นก้อนเนื้อผสมกับเข็มเหล็กบนร่างกายของเขาไปแล้ว
“ดูเหมือนว่าฉันควรจะต้องเตรียมค้อนเอาไว้ในแหวนมิติบ้างแล้วสินะ บางครั้งค้อนพวกนี้มันก็มีประโยชน์มากกว่ามีด” เซี่ยเฟยพึมพำพร้อมกับพ่นควันด้วยท่าทางสบาย ๆ
“กรณีนี้มันเป็นแค่กรณีพิเศษ นายเป็นผู้ใช้ความเร็วที่เรียนรู้วิชาการลอบสังหารแล้วนายจะใช้ค้อนในระหว่างการลอบสังหารได้ยังไง” อันธกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
—
ในที่สุดลูกน้องของสการ์ประมาณ 60 คนก็ทำภารกิจหลอกล่อกองทัพพันธมิตรไปยังชั้นบนสุดได้สำเร็จ
พลซุ่มยิงที่ซ่อนตัวอยู่ตรงมุมประตูยังคงนิ่งสงบและเตรียมพร้อมที่จะลงมือเมื่อเป้าหมายปรากฏตัว
แต่ทันทีที่ลูกน้องของสการ์ได้เดินทางมาจนถึงทางเข้าห้องต่าง ๆ ในศูนย์บัญชาการ พวกเขาก็ได้พบว่าประตูที่ควรจะเปิดต้อนรับการกลับมาของพวกเขากลับถูกล็อกจากด้านในทำให้พวกเขาไม่สามารถเปิดประตูได้แม้ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ตาม
“ชิบหายแล้ว! พวกเราโดนไอ้สการ์ทรยศ!!”
“อย่ามาพูดจาไร้สาระ! เจ้านายจะทรยศพวกเราไปทำไม”
“ถ้าอย่างนั้นก็อธิบายมาซิว่าทำไมพวกเราถึงเปิดประตูไม่ได้”
เหล่าสมุนของสการ์เริ่มเกิดอาการร้อนรน เพราะกองกำลังคนนับพันตามหลังพวกเขามาแค่ไม่กี่นาที ดังนั้นถ้าหากพวกเขาไม่สามารถเข้าไปซ่อนตัวในศูนย์บัญชาการได้ พวกเขาก็จะต้องตายอยู่ตรงนี้
เมื่อสถานการณ์ตกอยู่ในความสิ้นหวังโจรสลัดคนหนึ่งก็ยกอาวุธในมือขึ้นพร้อมกับยิงไปที่ประตู และในเวลาต่อมาโจรสลัดคนอื่น ๆ ก็เริ่มทำตามโดยการระดมยิงเข้าใส่ประตูอย่างบ้าคลั่ง
หลังการจู่โจมอย่างไร้ประโยชน์อยู่พักหนึ่งพวกโจรสลัดก็รู้ตัวแล้วว่าการพยายามพังประตูเข้าไปเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย เพราะท้ายสุดเพื่อรอรับการบุกจู่โจมของกองกำลังหลักทั้งเจ็ด ประตูและหน้าต่างทุกบานภายในฐานบัญชาการได้รับการเสริมความแข็งแกร่งขึ้นมาใหม่ จนทำให้อาวุธธรรมดาไม่สามารถที่จะทำลายประตูหน้าต่างพวกนี้ได้
“ตาย ๆ ๆ พวกเราควรจะทำยังไงดี?”
“พวกเรากลับไปข้างล่างดีไหม? อย่างน้อยพื้นที่ข้างล่างก็ซับซ้อนกว่าที่นี่ พวกเราอาจจะมีโอกาสรอดอยู่บ้าง”
“อย่าโง่ไปหน่อยเลย! ไอ้พวกนั้นคงจะยิงพวกเราตัวเป็นพรุนก่อนที่พวกเราจะซ่อนตัวได้ด้วยซ้ำ”
เซี่ยเฟยซึ่งกำลังซ่อนตัวอยู่ด้านหลังประตูมองผ่านช่องไปยังเหล่าคนสิ้นหวังกลุ่มนี้ด้วยรอยยิ้ม
ตอนนี้เขาเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่ภายในห้องหลายร้อยห้องของศูนย์บัญชาการแล้ว ด้วยเหตุนี้สิ่งที่เขาจะต้องทำก็มีเพียงแค่การนั่งรอดูการแสดงที่กำลังจะเกิดขึ้น
เมื่อเวลาผ่านไปกองกำลังพันธมิตรก็บุกขึ้นมาจนถึงชั้นบนสุด พวกกลุ่มโจรสลัดที่ถูกขังอยู่ด้านนอกจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องต่อสู้กลับอย่างสิ้นหวัง
แน่นอนว่าการต่อสู้ระหว่างกองกำลังหลายพันคนกับกลุ่มโจรสลัดที่เหลือรอดอยู่ไม่ถึง 100 คนเป็นการต่อสู้ที่สิ้นหวังมากจนเกินไป ดังนั้นหลังจากเวลาได้ผ่านพ้นไปเพียงแค่ไม่กี่นาทีเหล่าโจรสลัดผู้โชคร้ายก็กลายเป็นศพไปทีละคน
เมื่อหนิงไป่เฉินเดินทางขึ้นมาจนถึงชั้นบนสุดใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ เพราะตอนนี้กองทัพพันธมิตรได้เดินทางมาจนถึงกับดักที่วางไว้แล้ว แต่ทำไมสการ์จะต้องเสียสละลูกน้องของเขาด้วย
แม้ว่าจะรู้สึกสับสนแต่หนิงไป่เฉินก็ยังคงความสงบนิ่งเอาไว้
“ผู้นำหนิงทำไมห้องพวกนั้นถึงถูกปิดด้วยแผ่นโลหะผสม? นี่มันจะต้องเป็นกับดักแน่ ๆ”
“อย่าขี้ขลาดไปหน่อยเลย โลหะพวกนั้นมันก็แค่เศษขยะ ยิงพวกมันทิ้งไปก็สิ้นเรื่อง!”
“รีบกระจายกันไปหาสการ์เร็ว ๆ เข้า พวกเราจะต้องเป็นคนที่ได้หัวของมันมา!”
เหตุการณ์นี้ทำให้หนิงไป่เฉินรู้สึกผิดปกติมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะตามแผนการที่พวกเขาตกลงกันเอาไว้ ทางเข้าของศูนย์บัญชาการควรจะต้องปิดลงในทันที ก่อนที่โปว๋หนานจะโจมตีด้วยคลื่นเสียงของเขาออกมา
ตอนนี้กองกำลังพันธมิตรได้บุกเข้ามาในฐานบัญชาการพักใหญ่แล้ว แต่มันก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ หรือว่ามันจะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับสการ์!!
เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้นี้สีหน้าของหนิงไป่เฉินก็เปลี่ยนไปอย่างน่าเกลียด
ขณะเดียวกันเหล่าทหารของตระกูลหนิงก็เริ่มตื่นตระหนกเมื่อสถานการณ์ในปัจจุบันแตกต่างจากที่หนิงไป่เฉินเคยบอกพวกเขาเอาไว้ พวกเขาจึงไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องทำอะไรต่อไปในเวลานี้
ทันใดนั้นเองเซี่ยเฟยก็ใช้นิ้วจิ้มลงไปบนคอนโซลเบา ๆ ก่อนที่ประตูทางเข้าศูนย์บัญชาการจะปิดตัวลง
***************
ถึงเวลาสนุกแล้วสิ ๆ ๆ อิอิ