ตอนที่แล้วตอนที่ 117: ฆ่าครึ่งหนึ่ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 119: ค้อน

ตอนที่ 118: สการ์


ตอนที่ 118: สการ์

เซี่ยเฟยเจาะรูบนท่อพร้อมกับหย่อนตัวลงไปในห้องน้ำที่ว่างเปล่า โดยหนีบแผ่นโลหะที่ถูกตัดเอาไว้ใต้แขนของเขา

จากนั้นชายหนุ่มก็ยกแผ่นโลหะขึ้นสูงเหนือศีรษะก่อนที่จะออกแรงกระโดดเบา ๆ เพื่อแปะแผ่นโลหะเข้าไปที่ท่อดังเดิม ซึ่งถ้าหากว่าใครไม่สังเกตดี ๆ มันก็ไม่มีทางที่เขาคนนั้นจะมองเห็นรอยตัดที่ชายหนุ่มได้ก่อเอาไว้เลย

หลังจากปกปิดร่องรอยการลอบเข้ามาชายหนุ่มก็ซ่อนปลอกแขนสีแดงเอาไว้ในชุด

สีแดงเป็นสีที่สะดุดตามากและนักฆ่าที่มีประสบการณ์ย่อมไม่พกของสีแดงในระหว่างที่พวกเขากำลังพรางตัว

ทันใดนั้นเองมันก็มีเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา ชายหนุ่มจึงถอยหลังไป 2-3 ก้าวพร้อมกับซ่อนตัวอยู่หลังประตูอย่างระมัดระวัง

ต่อมาทหารที่สวมชุดเครื่องแบบของกลุ่มโจรสลัดนกฮูกก็ผลักประตูเดินเข้ามาภายในห้อง เซี่ยเฟยจึงได้แอบเคลื่อนตัวไปอยู่ด้านหลังชายคนนี้อย่างเงียบ ๆ โดยจมูกของเขาอยู่ห่างจากศีรษะของชายตรงหน้าไม่ถึง 1 เซนติเมตร แต่ทหารคนนี้กลับไม่สามารถสัมผัสถึงนักฆ่าที่อยู่ด้านหลังของตัวเองได้เลย

ในเวลาเดียวกันเซี่ยเฟยก็พาดเชสซิ่งไลท์เอาไว้บนคอของชายคนนั้นพร้อมกับใช้มือซ้ายอุดปากเพื่อไม่ให้เขาส่งเสียง

เนื่องมาจากว่าเซี่ยเฟยยืนอยู่ด้านหลังเขาจึงไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของทหารคนนี้ได้ แต่เขาก็ยังสามารถคาดเดาได้อย่างชัดเจนว่าใบหน้าของทหารจะต้องเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

“ถ้าฉันถามอะไรให้รีบตอบ! ถ้าหากว่าแกไม่บอกหัวแกจะหลุดจากบ่าทันที” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็น

ชายคนนั้นพยักหน้าตอบกลับอย่างเร่งรีบและเซี่ยเฟยก็รู้สึกได้ถึงของเหลวอุ่น ๆ ที่มือซ้าย ซึ่งมันก็คงจะเป็นเหงื่อจากใบหน้าเหยื่อของเขา

“พวกแกมีทั้งหมดกี่คน?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับปล่อยมือซ้ายโดยที่ไม่กลัวอีกฝ่ายจะส่งเสียงตะโกนเลย

ด้วยปฏิกิริยาความเร็วของเขาถ้าหากอีกฝ่ายคิดจะเล่นตุกติกแม้แต่เพียงเล็กน้อย เขาก็จะสามารถตัดคอของอีกฝ่ายได้ในทันทีก่อนที่อีกฝ่ายจะเปล่งเสียงออกมาด้วยซ้ำ

“400 กว่าคน” ชายคนนั้นตอบอย่างตะกุกตะกัก

“ทำไมมีแค่นี้? ถ้าฉันจำไม่ผิดกลุ่มโจรสลัดนกฮูกมีสมาชิกมากกว่า 1,000 คนไม่ใช่หรอ”

“คนพวกนั้นออกไปทำภารกิจ”

“ภารกิจอะไร?”

“หัวหน้าสการ์ไม่ได้บอกรายละเอียดเอาไว้ แต่ดูเหมือนพวกเขาจะไปพร้อมกับหัวหน้าโบรคเคนเบลด”

คำตอบจากอีกฝ่ายทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย เพราะถ้าหากว่าพวกกลุ่มโจรสลัดโบรคเคนเบลดและนกฮูกลงมือในเวลาเดียวกันกับที่หนิงไป่เฉินรวบรวมกองกำลังออกมาโจมตี มันก็ช่วยยืนยันการคาดเดาของเซี่ยเฟยว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีการเตี้ยมกันเอาไว้ล่วงหน้า

“พวกแกมีอยู่แค่ 400 กว่าคน แต่พวกแกกำลังรอรับกองกำลังที่มีสมาชิกมากกว่า 8,000 คนเนี่ยนะ! ดูเหมือนพวกแกจะมั่นใจในตัวเองมากเลยใช่ไหม” เซี่ยเฟยถามด้วยรอยยิ้ม

“พวกเรามีผู้ใช้พลังเสียงที่สามารถปล่อยคลื่นความถี่สูงได้ ในกระเป๋าด้านซ้ายของฉันมีเครื่องสะท้อนเสียงอยู่ ถ้าหากว่าใครไม่มีเครื่องสะท้อนเสียงพวกนี้อวัยวะภายในทั้งหมดจะถูกคลื่นเสียงทำลาย ดังนั้นพวกเราจึงไม่กลัวแม้ว่าพวกที่บุกเข้ามาจะมีจำนวนมากกว่าก็ตาม”

เซี่ยเฟยยื่นมือซ้ายเข้าไปในกระเป๋าตามคำบอกเล่าจากอีกฝ่ายและเขาก็ได้พบกับอุปกรณ์เล็ก ๆ ที่เหมือนกับอุปกรณ์ที่ติดเอาไว้ในปลอกแขนของตูเร่

การโจมตีด้วยคลื่นเสียงเป็นการโจมตีแบบวงกว้างที่สามารถจัดการกับผู้คนได้เป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามพลังการโจมตีด้วยคลื่นเสียงก็จัดประเภทอยู่ในการโจมตีระดับกลางเท่านั้น เพราะตราบใดที่ร่างกายของคู่ต่อสู้แข็งแกร่งเกินไปคลื่นเสียงพวกนี้ก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้

ฐานบัญชาการชั้นบนสุดเป็นพื้นที่ปิดมิดชิดทำให้สภาพแวดล้อมของสถานที่แห่งนี้เหมาะสำหรับการโจมตีโดยใช้คลื่นเสียง และถ้าหากว่ากองกำลังพันธมิตรได้บุกเข้ามาในห้องนี้จนหมด พวกเขาก็จะถูกโจมตีทันทีโดยที่ไม่สามารถป้องกันได้เลย

เซี่ยเฟยโยนอุปกรณ์สะท้อนคลื่นเสียงภายในมืออยู่ 2-3 ครั้ง แล้วถ้าหากว่าอุปกรณ์ชิ้นเล็ก ๆ ชิ้นนี้สามารถป้องกันอาการบาดเจ็บได้ เขาก็สันนิษฐานว่าผู้ใช้พลังเกี่ยวกับคลื่นเสียงคงจะมีระดับความสามารถไม่สูงมาก

แผนของพวกเขาคือการใช้คลื่นเสียงจัดการนักสู้ที่อ่อนแอ จากนั้นทหารของตระกูลหนิงและทหารจากกลุ่มโจรสลัดนกฮูกจะร่วมมือกันสังหารผู้รอดชีวิต ซึ่งการทำแบบนี้ก็จะเป็นการถอนรากถอนโคนกองกำลังหลักของฐานทัพทั้งหมดในคราวเดียว

เหล่าบรรดากองกำลังพันธมิตรที่น่าสงสารไม่รู้เลยว่าพวกเขาได้ตกหลุมพรางที่ตระกูลหนิง, กลุ่มโจรสลัดนกฮูกและกลุ่มโจรสลัดโบรคเคนเบลดได้วางเอาไว้แล้ว

หลังจากนั้นไม่นานเซี่ยเฟยก็เปลี่ยนไปใส่ชุดของกลุ่มโจรสลัดนกฮูก ก่อนที่จะเดินออกมาจากห้องน้ำ

เนื่องมาจากว่าเจ้าของชุดเดิมได้ให้คำตอบแก่ชายหนุ่มจนหมดแล้ว เซี่ยเฟยจึงให้ของขวัญกับเขาด้วยความตายที่ไม่ทรมาน

ทางเดินยาวที่เขาเดินออกมาเป็นเส้นทางที่เชื่อมห้องทั้งหมดเข้าด้วยกัน โดยสองข้างทางด้านซ้ายขวาเป็นห้องต่าง ๆ จำนวนนับไม่ถ้วน

ชายหนุ่มเดินก้มหน้าผ่านลูกน้องของสการ์ที่นั่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 20 เมตร โดยทหารทั้งสี่คนนี้ต่างก็กำลังพูดคุยกันเบา ๆ พร้อมกับมีปืนเลเซอร์อยู่ในมือ

วิชาพรางจิตเป็นวิชาที่น่าอัศจรรย์ เพราะพวกทหารได้เห็นเซี่ยเฟยเดินเข้ามาในห้องอย่างชัดเจน แต่พวกเขากลับรู้สึกราวกับว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นเพียงแค่สายลมที่ถูกพัดเข้ามาทางประตู

แต่จู่ ๆ สายลมที่ไร้ตัวตนกลับกลายเป็นพายุมรณะ!

ฟึบ!

ระยะทางเพียงแค่ 20 เมตรเป็นระยะทางเหมือนกับอยู่ปลายมือ เพราะเซี่ยเฟยจำเป็นต้องใช้เวลาในการเคลื่อนที่เพียงแค่ 1 ใน 20 วินาทีและการขยับเท้าเพียงแค่เล็กน้อยก็ทำให้ชายหนุ่มได้มาปรากฏตัวตรงหน้าพวกทหารทั้งสี่คนแล้ว

ฉัวะ!

เชสซิ่งไลท์ได้กลายเป็นลำแสงสีฟ้าพุ่งออกมาจากข้อมือของเซี่ยเฟย ก่อนที่ลำแสงสังหารนี้จะได้พุ่งตรงไปที่คอของศัตรู

ก่อนที่ใครจะทันได้รู้ตัวทหารทั้งสี่คนนี้ก็ได้เสียชีวิตลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยความเร็วในการสังหารของเขาเป็นความเร็วที่น่าเหลือเชื่อและคนธรรมดาก็ไม่สามารถที่จะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

ต่อมาชายหนุ่มก็ทำความสะอาดใบมีดก่อนที่จะออกมาจากห้องแล้วปิดประตูเบา ๆ

กระบวนการตั้งแต่การเคลื่อนที่เข้าไปสังหารจนถึงการซ่อนศพไว้หลังประตูเกิดขึ้นในเวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาที ซึ่งถ้าหากว่าใครกำลังเดินอยู่บนถนนพวกเขาก็จะเห็นเหมือนกับคนเปิดปิดประตูห้องเล่นเท่านั้น

เซี่ยเฟยเดินเข้าไปในห้องต่อไปก่อนที่จะปิดประตูเดินไปบนถนนอีกครั้ง โดยในคราวนี้มีผู้เสียชีวิตภายในห้องทั้งสิ้นสามคน

ตลอดกระบวนการสีหน้าของชายหนุ่มไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่นิดเดียว ซึ่งการลงมือทั้งหมดของเขาคล้ายกับเครื่องจักรที่ทำสิ่งเดิม ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ปกติการฆ่าคนไม่ใช่เรื่องง่ายและมันมีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณา แต่เซี่ยเฟยกลับทำงานที่ซับซ้อนเหล่านี้ราวกับว่ามันเป็นเรื่องที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี

เปิดประตู, สังเกตุการณ์, ลงมือสังหารแล้วปิดประตู กระบวนการทั้งสี่นี้เกิดขึ้นในไม่กี่วินาทีแล้วมันก็มีความลื่นไหลเหมือนกับเป็นการเคลื่อนไหวของผู้เชี่ยวชาญ

สิ่งเดียวที่งดงามในระหว่างการลงมือคือเส้นแสงสีน้ำเงินที่เกิดขึ้นมาจากเชสซิ่งไลท์ แต่น่าเสียดายที่มันมีคนเพียงแค่ไม่กี่คนที่สามารถมองเห็นเส้นแสงเส้นนี้ได้อย่างชัดเจน นั่นก็เพราะว่าการเคลื่อนไหวของเซี่ยเฟยเร็วเกินไปและเป้าหมายของมันส่วนใหญ่ก็ไม่มีใครรอดชีวิตกลับไป

ในโลกของศิลปะการต่อสู้ความเร็วเป็นสิ่งเดียวที่ไม่มีใครสามารถทำลายได้ ดังนั้นผู้ที่มีความสามารถทางด้านความเร็วจึงเป็นนักฆ่าโดยธรรมชาติ และเมื่อมันได้รวมกับวิชาพรางจิตและวิชาเล่ห์สังหารแล้ว มันจึงทำให้ชายหนุ่มคนนี้สามารถสังหารคนนับร้อยได้ในเวลาเพียงแค่ไม่กี่นาที

ที่ตั้งของห้องบัญชาการภายในฐานไม่ได้หายากนัก โดยในปัจจุบันเซี่ยเฟยได้ยืนอยู่ที่หน้าประตูพร้อมกับเอาหูแนบประตูโลหะเพื่อพยายามฟังเสียงที่เกิดขึ้นด้านใน

น่าเสียดายที่ประตูนี้ถูกออกแบบมาให้ปิดกั้นเสียง ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่ได้ยินเสียงอะไรที่เล็ดลอดออกมาจากด้านในเลย

ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้เซี่ยเฟยได้สังหารลูกน้องของสการ์ไปประมาณ 300 คนแล้ว ทำให้นอกเหนือจากพลซุ่มยิง 4 คนใกล้ ๆ ประตูกับทีมที่รับผิดชอบในการล่อกองกำลังของพันธมิตร มันก็มีผู้รอดชีวิตอยู่เพียงแค่ 2 คนคือสการ์ที่อยู่ภายในห้องบัญชาการและ ‘โปว๋หนาน’ ผู้มีพลังเกี่ยวกับคลื่นเสียงที่ถูกจ้างวานมา

ในตอนแรกชายหนุ่มตั้งใจที่จะสังหารเหล่าโจรสลัดนกฮูกเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น แต่เขาก็คิดแผนการบางอย่างขึ้นมาได้จึงทำให้เขาตัดสินใจฆ่าพวกมันทั้งหมดแทน

พวกทหารธรรมดาไม่ได้เป็นภัยคุกคามของเซี่ยเฟยเลย แม้แต่โปว๋หนานที่มีความสามารถทางด้านคลื่นเสียงก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเช่นกัน แต่การพยายามจัดการกับสการ์ก็ค่อนข้างจะลำบากเพราะเขามีความสามารถหายากที่ชื่อว่าเข็มอนันต์

เซี่ยเฟยเปิดประตูอย่างเบามือพร้อมกับมองเข้าไปที่ด้านในอย่างระมัดระวัง

ห้องบัญชาการมีพื้นที่มากกว่า 1,000 กิโลเมตรและมีเครื่องมือจำนวนนับไม่ถ้วนกระจัดกระจายอยู่ทั่วทุกมุมห้อง

บนเก้าอี้โลหะขนาดใหญ่มีชายวัยกลางคนผมยาวได้นั่งอยู่และข้าง ๆ ชายคนนี้ก็มีชายวัยประมาณ 30 ปียืนอยู่อีกหนึ่งคน

ชายผมยาวบนเก้าอี้ย่อมไม่ใช่ใครที่ไหนนอกเสียจากสการ์หัวหน้ากลุ่มโจรสลัดนกฮูก

บนหน้าผากของเขามีรอยแผลสีแดงที่น่ากลัวราวกับว่าศีรษะของเขาเคยถูกผ่าออกเป็นสองท่อนก่อนที่จะถูกเย็บกลับไปใหม่

ทั่วทั้งร่างกายของชายคนนี้เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่ทรงพลัง นอกจากนี้เขายังมีขนสีดำปกคลุมไปทั่วทุกที่และแม้แต่ฝ่ามือก็มีขนปกคลุมอยู่อย่างหนาแน่น ซึ่งถ้าหากว่าใครไม่ได้สังเกตดี ๆ พวกเขาก็คงจะคิดว่าชายคนนี้คือลิงชิมแปนซี

สการ์กับโปว๋หนานต่างก็กำลังถือแก้วไวน์ซึ่งบรรจุของเหลวสีทองเอาไว้ โดยพวกเขากำลังดื่มกันด้วยท่าทางสบาย ๆ ราวกับว่าพวกเขาไม่ได้สนใจกองกำลังพันธมิตรที่บุกเข้ามาภายในฐานของพวกเขาเลย

เซี่ยเฟยเริ่มเกร็งกล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างกายและทันทีที่เขาเห็นโอกาส เขาก็จะลงมือจัดการทั้งสองคนโดยไม่ลังเล

“น้องโปว๋หนานฉันได้ยินมาว่าจิ้งจอกเฒ่าหนิงไป่เฉินให้ของรางวัลคุณเป็นสาวพรหมจรรย์ 30 คนเลยอย่างนั้นหรอ?” สการ์ดื่มสุราภายในมือเข้าไปอึกใหญ่พร้อมกับกล่าวถาม

อย่างไรก็ตามมันก็เห็นได้ชัดเลยว่าโปว๋หนานไม่ได้คุ้นเคยกับสุราชนิดนี้เท่าไหร่นัก เพราะหลังจากที่เขาได้จิบสุราไปเพียงแค่นิดเดียวใบหน้าของเขาก็เริ่มเปลี่ยนกลายเป็นสีแดง

“อันที่จริงถึงแม้ว่าเขาจะไม่ให้รางวัลอะไรกับฉันเลยแต่ฉันก็ต้องช่วยเขาอยู่ดี เพราะตระกูลหนิงเคยช่วยฉันเอาไว้ตอนที่ฉันหนีจากพันธมิตรมายังเขตดาวแห่งนี้” โปว๋หนานกล่าวด้วยท่าทางสบาย ๆ

“งั้นหรอ” สการ์กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ฮ่า ๆ ๆ แน่นอนว่าโกหก! มันคงจะมีแค่คนโง่เท่านั้นแหละที่จะลงมือโดยไม่รับของตอบแทน” โปว๋หนานกล่าว

“ใช่แล้ว ตราบใดก็ตามที่ใครมีเงินมากพอฉันก็ยอมขายได้แม้แต่แม่ของตัวเอง” สการ์พูดติดตลกแต่พวกเขาก็ยังคงหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน

‘โอกาสมาแล้ว!’

ปฏิกิริยาของเส้นประสาทจะอ่อนแอที่สุดในเวลาที่ผู้คนกำลังหัวเราะอย่างร่าเริง ดังนั้นเซี่ยเฟยจึงพุ่งตัวไปพร้อมกับเชสซิ่งไลท์ที่อยู่ภายในมือ

***************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด