ยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 632 ยอดรับชะตากรรม(ฟรี)
สถานที่แรกที่เงายักษ์ของซู่เสี่ยวไป่ไปถึงคือจักรวรรดิจี้เช่อที่ตั้งอยู่สุดขอบของพื้นที่เก่าแก่
จักรวรรดิจี้เช่อนั้นเป็นจักรวรรดิที่เล็กที่สุดในมหาจักรวรรดิผิงเจียง แต่ยังสามารถอยู่รอดได้จนถึงตอนนี้ นั้นแปลว่าพวกเขาเองก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน
ที่ตั้งของจักรวรรดิจี้เช่อนั้นพิเศษอย่างมาก มันลอยอยู่เหนือช่องมิติกาลเวลาขนาดใหญ่ ไม่ใช่ใหญ่ธรรมดาแต่เป็นมหึมาเลยก็ว่าได้ ทุกครั้งที่ถูกศัตรูบุกโจมตี จักรพรรดิจี้เช่อนั้นจะใช้พลังของเขตแดนภัยพิบัติจมทั้งจักรวรรดิลงไปในช่องมิติกาลเวลา มันเป็นกลไกป้องกันตัวที่ไม่เหมือนใคร
แล้วตัวตนภัยพิบัตินั้นสามารถเข้าออกช่องมิติกาลเวลาได้ไม่ต่างจากเดินเข้าออกสวนหลังบ้าน เขายังสร้างความปั่นป่วนของพลังสวรรค์ ทำให้ไม่มีใครกล้าที่จะบุกโจมตี
ทำให้จักรพรรดิจี้เช่อนั้นปกปักรักษาจักรวรรดิแห่งนี้ จากน้ำมือของศัตรูได้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
เมื่อเงามาถึงสิ่งที่ซู่เสี่ยวไป่เห็นคือจักรวรรดิทั้งจักรวรรดิจมอยู่ในช่องมิติกาลเวลา
สร้างความประหลาดใจให้กับซู่เสี่ยวไป่มาก เป็นเรื่องจริงงั้นหรอหากใครจนมุมมากๆ ก็ทำเรื่องบ้าๆ อะไรแบบนี้ก็ได้
จักรพรรดิจี้เช่อนั้นเป็นคนที่ใจถึง และบ้าดีเดือดมาก
ไม่ว่าจะส่งทหารที่แข็งแกร่งขนาดไหนมายังจักรวรรดิจี้เช่อก็ตาม พวกเขาก็ทำอะไรจักรวรรดิแห่งนี้ไม่ได้ สุดท้ายแล้วมีเพียง ตัวตนภัยพิบัติสามคนเท่านั้นที่บุกโจมตีจากนอกหลุมมิติ
ทั้งสามที่ได้รับมอบหมายภารกิจในครั้งนี้ ต่างเชี่ยวชาญในด้านป้องกันตัวที่สุด ในบรรดาตัวตนภัยพิบัติขั้น 2
พวกเขาสามารถทนต่อกระแสย้อนกลับของกาลเวลา และมิติได้
แต่ทั้งสามยังไม่สามารถบุกเข้าไปในช่องมิติได้เพราะมีจักรพรรดิจี้เช่อคุ้มกันอยู่
ทันทีที่เงายักษ์มาถึง มันก็โดดเข้าไปในช่องมิติกาลเวลา และถูกจักรพรรดิจี้เช่อเจอแทบจะทันที
“เจ้าผู้มาใหม่! เจ้าเป็นศัตรูหรือมิตร!”
ซู่เสี่ยวไป่เมื่อถูกตั้งคำถามเขาก็นิ่งคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะตอบกลับไป
“ข้าไม่ได้เป็นมิตรกับท่าน เช่นเดียวกันกับที่ข้าไม่ได้เป็นศัตรูกับท่านด้วย”
จักรพรรดิจี้เช่อนั้นปล่อยพลังที่น่าเกรงขามออกมา
“หากเจ้ามาในช่วงเวลาที่จักรวรรดิของข้าตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ และไม่ใช่ศัตรูก็คงเป็นกำลังเสริม”
“ถ้าท่านเข้าใจแบบนั้นก็ไม่เลว แต่ข้าไม่ได้มาเพื่อช่วยท่านหรอกนะ ท่านจักรพรรดิ ข้ามาด้วยความตั้งใจของข้าเอง เพื่อจัดการเขตแดนภัยพิบัติขั้น 2 ทั้งสามคนนี้”
ซู่เสี่ยวไป่ได้ฟังข้อมูลเล็กน้อยมาจากจักรพรรดิจี้เช่อ แต่ข้อมูลพวกนี้ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก
แล้วตอนนั้นเองจักรพรรดิจี้เช่อก็พูดขึ้นราวกับนึกอะไรออก
“สหาย ข้าจะบอกอะไรเจ้าไว้ก่อน พวกมันทั้งสามตัวนั้นมีเกราะป้องกันที่แข็งมากและเทียบเท่าได้กับเขตแดนภัยพิบัติขั้น 3”
“แต่ถึงจะมีพลังป้องกันที่สูง แต่การโจมตีกลับอ่อนแอ ทำให้การบุกโจมตีของพวกมันล้มเหลวหลายต่อหลายครั้ง
ในขณะที่จักรพรรดิจี้เช่อพูดกับซู่เสี่ยวไป่ ตัวตนภัยพิบัติทั้งสาม ก็เริ่มโจมตีอีกครั้ง และหวังว่าจะผ่านด่านช่องมิติกาลเวลาได้
ซู่เสี่ยวไป่นั้นถึงกับไม่สบายใจเมื่อเห็นว่าช่องมิติแห่งนี้มันสั่นสะเทือนราวกับจะแตกออก
มันดีแล้วจริงๆ หรอที่จะหลบอยู่แต่ภายในนี้ หากพลาดขึ้นมาก็ตายทั้งจักรวรรดิ
จักรพรรดิจี้เช่อนั้นเห็นถึงความกังวลใจของซู่เสี่ยวไป่ เขาจึงพูดขึ้น
“อย่าได้กังวลไป คอยดูข้าไล่ไอ้พวกดื้อด้านทั้งสามตัวนี้ออกไปละกัน”
ตูม!! ตูม!! ตูม!!
เสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั่วพร้อมกับเสียงอู้อี้เหมือนกับมีบางสิ่งพูดอยู่ในกระแสมิติกาลเวลา
ก่อนที่ตัวตนภัยพิบัติทั้งสามจะถูกจักรพรรดิจี้เช่อขับไล่ออกไปอีกครั้ง
“ไอ้เวรนี้มันมีกระดองที่แข็งดีจริงๆ อีกครั้งแล้วที่พวกเราล้มเหลว!!”
ตัวตนภัยพิบัติคนนี้นามจิงเจี๋ย เขาได้ถ่มน้ำลายด้วยความหัวเสีย และแสดงสีหน้าหงุดหงิดอย่างมาก
นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาล้มเหลวในการบุก
ในแง่ของพลังแล้วจักรพรรดิจี้เช่อนั้นก็ทัดเทียมพอๆ กับพวกเขา และไม่ได้เหนือกว่าแต่อย่างใด
แต่ยุทธวิธีของจักรพรรดิจี้เช่อนั้นที่ซ่อนทั้งจักรวรรดิไว้ในช่องมิติกาลเวลา และใช้ประโยชน์จากกระแสมิติกาลเวลาที่รุนแรงเป็นป้อมปราการป้องกัน อีกทั้งจักรพรรดิจี้เช่อยังสามารถโจมตีผสานกับกระแสมิติกาลเวลาพวกนี้ได้ด้วย ทำให้ต่อให้สู้แบบสามต่อหนึ่งก็ไม่สามารถรู้ผลแพ้ชนะได้
ทำให้ตัวตนภัยพิบัติทั้งสามนั้นหัวเสียอย่างมาก แล้วตอนนั้นเองพวกเขาทั้งสามก็สัมผัสได้ถึงสิ่งแปลกปลอมที่อยู่ใกล้ๆ
ซู่เสี่ยวไป่กำลังยืนมองตัวตนภัยพิบัติทั้งสามอยู่ ด้วยแววตาที่อยากรู้อยากเห็น
“เขตแดนภัยพิบัติ? เจ้านี้มันมาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร? ทำไมถึงไม่มีใครรู้สึกได้เลยจนถึงเมื่อกี้!”
-ตัวตนภัยพิบัติอีกคนที่ชื่อหยินเจี๋ย ถึงกับผงะถอยด้วยความตกใจ เขาไม่รู้ว่าตัวตนนี้เป็นมิตรหรือศัตรู เห็นเพียงชายหนุ่มในชุดสีขาว แต่กลับไม่มีสัญลักษณ์ของสหัสจักรวรรดิ 9 ฟ้าไร้อนัน
เป็นไปได้สูงว่าจะเป็นศัตรู
ในเวลาเดียวกันก็มีข้อความมาจากฐานในเทวาคารผนึกปีศาจ
เจ้าภัยพิบัติไป่หลง ได้ขอกำลังเสริม และให้พวกเขายุติการโจมตีจักรวรรดิจี้เช่อทันที กลับไปสมทบกันที่ฐานเทวาคารผนึกปีศาจ
ทั้งสามมองหน้ากัน ก่อนที่จะปลดปล่อยพลังภัยพิบัติออกมา โดยที่ไม่มีใครพูดกันสักคำทั้งสามใช้พลังทั้งหมดโจมตีใส่เงายักษ์ทันที
“เก็บกวาดตัวปัญหาซะ!”
การโจมตีแบบผสานจากทั้งสามคนนั้น ทำให้ร่างของเงายักษ์แตกสลายเป็นเสี่ยงๆ
เพื่อที่จะลดปัญหาตัวตนภัยพิบัติฝั่งศัตรูที่มาสนับสนุน
แต่แล้วเงายักษ์ที่ควรตายไปแล้ว กลับฟื้นคืนชีพกลับขึ้นมาใหม่และยืนอยู่ในจุดเดิม
หยินเจี๋ยนั้นถึงกับจ้องมองด้วยแววตาที่เบิกกว้าง
“มันเกิดบ้าอะไรขึ้น!! ทำไมมันยังไม่ตาย!”
ทั้งสามร่วมมือกันโจมตีเงายักษ์อีกครั้ง แต่ผลก็เป็นเช่นเดิม ไม่ว่าจะกี่ครั้งเงายักษ์ก็ยังฟื้นกลับมาเสมอ
ซู่เสี่ยวไป่ที่แอบซ่อนตัวมองอยู่จากที่ไกลๆ เห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้น เขาได้แต่บ่นเบาๆ กับตัวเอง
“เป็นแบบนี้นี่เอง จริงอย่างที่จักรพรรดิจี้เช่อบอก การโจมตีของทั้งสามนั้นไม่ได้รุนแรงอย่างที่คิด!”
แล้วเงายักษ์ที่ซู่เสี่ยวไป่ส่งออกไปนั้นเป็นแค่เงายักษ์ระดับมนุษย์เท่านั้น ซึ่งอ่อนแอที่สุดในบรรดาเงาของเขา
แต่มันก็ยังเปล่งรัศมีของเขตแดนภัยพิบัติออกมา และแข็งแกร่ง แต่ระดับพลังนี้ไม่สามารถทนการโจมตีจากทั้งสามคนได้
หลังจากโดนการโจมตีสุดท้าย เงาก็เริ่มตอบโต้กลับไปทันที ซู่เสี่ยวไป่ได้ข้อสรุปแล้วว่าทั้ง 3 คนนี้แข็งแกร่งพอๆ กัน และมีพลังป้องกันสูงที่สุดคือจุดสูงสุดภัยพิบัติขั้น 2
และการโจมตีแรงสุดอยู่ที่ภัยพิบัติขั้น 2 ทุกอย่างสามารถวัดออกเป็นค่าได้อย่างชัดเจน
นั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้ทั้งสามไม่สามารถยึดจักรวรรดิจี้เช่อได้เลย และหากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ต่อให้ใช้เวลาอีก 20 ปีพวกเขาก็คงไม่มีทางได้เหยียบจักรวรรดิแห่งนี้
“ยอมรับชะตากรรมแต่โดยดี”
เงายักษ์ได้นำมีดทมิฬออกมา และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อวดดีอย่างมาก จนทำให้ทั้งสามหัวเราะราวกับเจอเรื่องขบขัน
ตัวตนภัยพิบัตินามจิงเจี๋ยตอบกลับไปอย่างดูถูก
“ถึงแกจะฆ่าไม่ตาย แต่แกจะทำอะไรพวกข้าได้? เพียงตัวคนเดียว คิดจะฆ่าพวกข้าสามคนเลยยังงั้นหรอ นี้เป็นเรื่องตลกที่สุดเท่าที่ึข้าเคยได้ยินมาในหลายปีนี้เลย!”
พวกเขาทั้งสามหัวเราะอย่างสนุกสนาน
ก่อนที่กระแสพลังของร่างเงาจะมากขึ้น และยกระดับเขตแดนขึ้น
ทำให้ทั้งสามหยุดหัวเราะทันที และคิดว่าสิ่งที่เห็นนั้นเป็นแค่ภาพลวงตา
ตอนนั้นเงาได้ทำการรวมร่างเปลี่ยนจากระดับมนุษย์ กลายเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์!
และวินาทีต่อมาเงาตัวเดิมได้แยกร่างออกมาอีกสิบร่าง และเป็นเงาระดับศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด!
โดยมีเงาทองคำขาวยืนอยู่ใจกลางเงายักษ์ทั้งสิบร่าง
ซู่เสี่ยวไป่แสยะยิ้ม
“งั้นหรอ ในเมื่อมั่นใจว่าตัวเองมีวิชาคุ้มกันตัวที่ดีเลิศ คงคิดว่าคงไม่มีใครทำร้ายพวกแกได้สินะ”
“ลองเจอระเบิดพลีชีพของเงายักษ์สิบร่างนี้ดู!”
(วันนี้ตอนเดียวนะครับ งานที่ออฟฟิตรัดตัววันนี้เลยแปลไม่ทัน)