บทที่ 96: ชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่
จากเหตุการณ์ก่อนที่หูเจียวเจียวจะมาถึงที่หมาย หลงโม่ไม่ได้ระวังหลังให้ดี ตอนนั้นเขาเกือบตายเพราะหมาป่าไปแล้ว
เมื่อหลงอู่สัมผัสได้ถึงสายตาคมกริบของจิ้งจอกสาว เขาก็รู้สึกราวกับว่าตนถูกจับได้ เขาจึงแสดงอาการร้อนรนและรีบพูดว่า "ใช่แล้ว เรามาจัดการกับภูตเร่ร่อนกันก่อนเถอะ!"
พอชายหนุ่มรวบรวมสติได้ เขาก็หันไปหากลุ่มศัตรูที่อยู่ข้างหน้า
ยามนี้ภูตเร่ร่อนนำโดยแมงป่องช้างกำลังต้านทานการโจมตีของหมาป่า ซึ่งภูตเหล่านี้โหดเหี้ยมผิดมนุษย์มนา ในไม่ช้าซากศพหมาป่าก็กองพะเนินอยู่บนพื้น
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้หลงโม่ อิงหยวนและคนอื่น ๆ พุ่งเข้าสู่สนามรบทีละคน
เวลานั้นอาจเป็นเพราะความมุ่งมั่นในการแก้แค้นของอินทรีหนุ่ม เขาได้ใช้กรงเล็บจับหางแมงป่องยักษ์แล้วบินขึ้นไปในอากาศก่อนจะเหวี่ยงมันลงมาอย่างแรง
ในขณะที่ศัตรูยังไม่ทันได้ตั้งตัว นกอินทรีสีดำก็ใช้จงอยปากจิกนัยน์ตาของอีกฝ่ายจนมืดบอด
ภาพอันน่าสยดสยองนี้ทำให้หูเจียวเจียวพูดไม่ออกอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
“ไม่น่าแปลกใจเลย เขามีสกิลตัวเอกติดตัว แค่เขามั่นใจมากขึ้นแล้วเข้าต่อสู้กับศัตรูโดยตรง เขาก็เอาชนะได้ง่าย ๆ ซะงั้น สกิลตัวเอกนี่มันสุดยอดไปเลย...” เธอพึมพำเบา ๆ พลางคิดกับตัวเอง
เมื่ออิงหยวนหนีออกจากวิกฤตที่อันตรายถึงชีวิตมาได้ ออร่าตัวเอกของเขาก็เปล่งประกายอีกครั้ง ดังนั้นการสู้รบจากนี้ไปจึงไม่น่ามีปัญหาอะไร
ในเวลาเดียวกัน หูเจียวเจียวเฝ้าดูการต่อสู้อย่างจริงจัง และในสายตาของหลงโม่ก็เข้าใจว่าเธอกำลังชื่นชมอินทรีหนุ่มคนนั้น ส่งผลให้นัยน์ตาสีทองล้ำลึกของเขามืดลงทันที ก่อนจะทะยานไปบีบคอภูตเร่ร่อนให้ตายอนาถราวกับว่าเขากำลังแข่งขันกับใครบางคนอยู่
ถัดมาก็เกิดการต่อสู้วุ่นวายขึ้น
ปัจจุบันมีภูตเร่ร่อนในกลุ่มทั้งหมด 15 คน โดยที่จ่าฝูงหมาป่าฆ่าไป 1 คน อิงหยวนฆ่าไป 5 คน หลงโม่ฆ่าไป 5 คน และภูตที่เหลือฆ่าไป 4 คน
สถานการณ์หลังจากนั้นก็คือทุกคนมัวแต่วุ่นอยู่กับเรื่องตรงหน้าของตัวเอง
พอทุกคนร่วมมือกันสังหารภูตเร่ร่อนทั้งหมดแล้ว อิงหยวนกับหลงโม่ก็หมดแรงในที่สุด และพวกเขาก็แปลงร่างกลับมาเป็นมนุษย์พลางยืนหอบหายใจอยู่ท่ามกลางซากศพบนพื้น
ทว่าสายตาของทั้ง 2 ที่ประสานกันอยู่กลับเต็มไปด้วยความเกลียดชัง หากนัยน์ตาคู่นั้นเปลี่ยนเป็นมีดได้ ในเวลานี้มันคงจะห้ำหั่นฝ่ายตรงข้ามเป็นชิ้น ๆ ไปแล้ว
อิงหยวนโกรธที่หลงโม่ฆ่าคนของเขา แต่หลงโม่...
บัดนี้ดวงตาที่คมดั่งกริชของเขาจับจ้องไปที่ใบหน้าของอินทรีหนุ่มพลางคิดเหยียดหยามอยู่ในใจ
นี่หรือสภาพของผู้ชายที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่า พอดูดี ๆ แล้วก็ไม่เห็นจะมีอะไรพิเศษตรงไหน ผู้หญิงที่มาชอบหมอนี่คงจะสายตาไม่ดีนัก
"อิงหยวน เจ้าแข็งแกร่งมาก! เจ้าฆ่าภูตเร่ร่อนเองตั้ง 5 คน เจ้าสมกับเป็นผู้ชายที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่าจริง ๆ!"
เนื่องจากการพยายามอย่างหนักของชายหนุ่มทั้ง 2 ภูตคนอื่น ๆ จึงไม่ค่อยได้ลงแรงมากนัก พวกเขาทั้งหมดก้าวเข้าไปตบไหล่ของอิงหยวนพร้อมกล่าวชื่นชมเขา
แต่หูชิงหลู่ที่เห็นสถานการณ์ชื่นมื่นแปลก ๆ นี้กลับรู้สึกอารมณ์เสียเลยโต้กลับทุกคนไปว่า
"คู่ของน้องสาวของข้าเองก็ฆ่าภูตเร่ร่อนไปตั้ง 5 คน ฉะนั้นเขาก็นับเป็นผู้ชายที่แข็งแกร่งที่สุดในเผ่าเช่นกัน!"
หลังจากการสู้รบอันดุเดือดสิ้นสุดลง ความประทับใจของหูชิงหลู่ที่มีต่อหลงโม่ก็เปลี่ยนไปเหมือนพลิกฝ่ามือ ก่อนหน้านี้เขาไม่ชอบมังกรหนุ่มเพราะอีกฝ่ายเป็นสวะไร้ประโยชน์ในสายตาทุกคน ประกอบกับหูเจียวเจียวไม่ชอบเขาด้วย
ตามปกติแล้วภูตมักจะตัดสินคนอื่นจากความแข็งแกร่งก่อนเสมอ และตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าหลงโม่สามารถต่อสู้ได้ดี คนที่ปฏิเสธชายหนุ่มจึงไม่ได้เยอะเหมือนแต่ก่อน
ที่สำคัญที่สุดก็คือ หูชิงหลู่เกลียดใบหน้ายะโสโอหังของอิงหยวนมาก!
เมื่อเทียบกับอินทรีหนุ่ม แน่นอนว่าเขาอยู่ข้าง ‘ครอบครัวของตัวเอง’ อย่างแน่นอน
"ถูกต้อง หลงโม่เองก็ฆ่าภูตเร่ร่อนไปถึง 5 คน ข้าไม่คาดคิดเลยว่าหลงโม่จะทรงพลังขนาดนี้ เขาแข็งแกร่งจริง ๆ!" หลังจากที่ภูตคนอื่นได้ยินสิ่งที่จิ้งจอกหนุ่มพูด ในที่สุดพวกเขาก็หยุดมองคนที่เคยถูกตราหน้าว่าเป็นขยะไร้ค่าด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม แล้วเปลี่ยนมาเอ่ยชมเชยเขา
"ต้องขอบคุณหลงโม่ที่จับจ่าฝูงหมาป่าได้ ไม่อย่างนั้นเราคงตายไปแล้ว"
“หลงโม่ ขอบคุณที่ช่วยข้าไว้เมื่อกี้ ข้าจะไม่ลืมบุญคุณของเจ้า!”
“โชคดีที่มีหลงโม่อยู่ที่นี่ วันนี้เขาก็เหมือนอิงหยวนที่เป็นนักรบผู้กล้าของเผ่าเรา!”
ก่อนหน้านี้ภูตทุกคนจำช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายได้ติดตา มังกรหนุ่มต่อสู้โดยไม่สนใจอันตรายใด ๆ เพื่อปกป้องพรรคพวก เมื่อนึกถึงยามที่ตนเองเคยเยาะเย้ยอีกฝ่าย พวกเขาก็รู้สึกละอายใจขึ้นมาทันที
นี่เป็นครั้งแรกที่หลงโม่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้จากคนอื่น สีหน้าท่าทางของเขาจึงแข็งทื่อ จากนั้นเขาก็เดินไปที่ด้านข้างของหูเจียวเจียวด้วยใบหน้าบึ้งตึงโดยไม่พูดอะไรสักคำ
ทันใดนั้นทุกคนก็เห็นหลงอู่ยืนอยู่ไม่ไกลจากกลุ่ม
"หลงอู่ เจ้าฆ่าภูตเร่ร่อนไปกี่ตัว ข้าจำได้ว่าตอนที่เราออกจากเผ่า เจ้าบอกว่าเจ้าอยากช่วยเราฆ่าภูตเร่ร่อนทั้งหมด ทำไมเมื่อกี้ข้าไม่เห็นเจ้าเลยล่ะ?" จู่ ๆ หูชิงหลู่ก็ตะโกนขึ้นมา ทำให้ทุกคนหันไปมองภูตมังกรตัวโตที่กำลังหลบอยู่ในมุมหนึ่ง
เหล่าภูตเห็นว่าเขาอยู่ในสภาพที่ไม่สู้ดี แต่ไม่มีบาดแผลบนตัวอีกฝ่ายในขณะที่ทุกคนเต็มไปด้วยรอยแผลและคราบเลือด บางคนถึงขั้นสูญเสียแขนขาไป แต่บนตัวชายผู้นี้กลับเปื้อนเลือดน้อยมาก
ภาพดังกล่าวอธิบายสิ่งที่ชายร่างกำยำทำไปก่อนหน้านี้ได้ชัดเจน
คำพูดของจิ้งจอกหนุ่มรวมไปถึงสายตาของคนอื่น ๆ ทำให้ใบหน้าของหลงอู่เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำในทันที และเขาก็พูดอย่างหนักแน่นว่า "ข้าก็อยากฆ่าพวกมันเหมือนกัน แต่ว่า 2 คนนั้นแสดงฝีมือจนไม่เหลืออะไรไว้ให้ข้าเลย เอาไว้ครั้งหน้าข้าจะฆ่าพวกมันทั้งหมดคนเดียวเลยดีไหม!"
เขาเติบโตในเผ่ามาตลอด การเผชิญหน้ากับสัตว์ป่าถือว่าเขายังคงทำได้ดี แต่หมาป่าที่น่าสะพรึงกลัวพวกนั้นทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวมาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงภูตเร่ร่อนที่โหดเหี้ยมกว่า เขาไม่ใช่คู่มือของอีกฝ่ายเลยสักนิด
ในระหว่างการต่อสู้ หลงอู่ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังทุกคนอยู่ตลอด โดยไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับศัตรูในระยะประชิด
ทันใดนั้นภูตทุกคนก็แสดงสายตาดูถูกเหยียดหยามภูตมังกรจอมหลงตัวเอง
หลังจากที่หายนะจบลง หูเจียวเจียวก็รู้สึกมีความสุขกับมันมาก เธอชำเลืองมองหลงอู่ แล้วจู่ ๆ เธอก็นึกขึ้นได้ว่ายังมีภารกิจที่ต้องทำอยู่อีกจึงวิ่งกลับไปหาจ่าฝูงหมาป่าที่ยืนอยู่ไม่ไกล
กลุ่มหมาป่าได้ปฏิบัติตามคำสั่งลับของหัวหน้าให้ล่าถอยไปด้านหลังป่าทึบ
เมื่อหลงโม่เห็นการเคลื่อนไหวของจิ้งจอกสาว เขาก็เดินตามหลังเธอไปนิ่ง ๆ โดยไม่เปลี่ยนสีหน้า แต่ท่าทางของเขาพร้อมที่จะปกป้องอีกคนไว้ตลอด
“ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือที่ผ่านมา ข้ารักษาสัญญาที่จะปล่อยเจ้าไป แต่ข้ามีข้อแม้อยู่ข้อหนึ่ง”
หูเจียวเจียวมองหมาป่าสีเทาตัวโตด้วยสีหน้าจริงจัง
“คนของเจ้ากับคนของข้ามีความแค้นต่อกัน ข้ารู้ว่ามันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ถ้าเจ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ พาคนของเจ้าออกไปจากที่นี่ซะ อพยพไปหาสถานที่ที่ไม่มีภูตอาศัยอยู่ อย่ามาโผล่ที่นี่อีก” น้ำเสียงที่ไพเราะทิ้งร่องรอยของความเมตตาเอาไว้
เนื่องจากภูตอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหารในโลกนี้ และโดยเนื้อแท้แล้วพวกเขาเข้ากับสัตว์ป่าไม่ได้ด้วย หูเจียวเจียวจึงไม่สามารถตัดสินว่าใครถูกหรือใครผิดได้
นอกจากนี้ เหล่าภูตล่าสัตว์ป่าก็เพื่อเอาชีวิตรอด การแก้แค้นของจ่าฝูงหมาป่าเองก็เพื่อความอยู่รอดเช่นกัน ทางออกเดียวก็คือ ต่างฝ่ายต่างต้องอยู่ให้ห่างกันเอาไว้เท่านั้น
เวลาต่อมา หัวหน้าฝูงหมาป่ามองจิ้งจอกสาวด้วยดวงตาล้ำลึก
สัตว์ป่ามีการรับรู้ถึงอันตรายโดยสัญชาตญาณตั้งแต่กำเนิด หลังจากเผชิญหน้ากันเพียงครั้งเดียว มันก็สัมผัสได้ว่าผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้ามันคือศัตรูที่ควรกลัวที่สุด
หูเจียวเจียวรู้ว่ามันเข้าใจคำพูดของตน เธอจึงรอการตอบสนองของอีกฝ่ายอย่างเงียบ ๆ
ไม่นานจ่าฝูงหมาป่าก็หันหลังเดินออกไป แล้วร่างแข็งแรงใหญ่โตที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งก็ไม่หันกลับมามองข้างหลังเลยแม้แต่ครั้งเดียว
เวลาผ่านไปสักพัก ร่างที่สง่าผ่าเผยก็หายเข้าไปในป่าโดยเหลือเพียงเสียงหมาป่าหอนซึ่งฟังดูโศกเศร้าอาดูร
จิ้งจอกสาวไม่รู้ว่าพวกมันกำลังไว้ทุกข์ให้สหายร่วมสายเลือดที่ตายไปของพวกมันหรือบ่นเกี่ยวกับความอยุติธรรมของชีวิต
จนกระทั่งตอนนี้ หูเจียวเจียวยังคงมองตามหลังกลุ่มหมาป่าไปอย่างเงียบ ๆ
เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายที่สัตว์ป่ากลายพันธุ์จะมีสติปัญญาเหมือนมนุษย์…
เมื่อเสียงหมาป่าหอนค่อย ๆ สงบลง หญิงสาวก็หันหลังเดินจากไปเพื่อเตรียมตัวกลับเผ่าพร้อมกับทุกคน
ก่อนหน้านี้เธอมัวแต่สนใจเรื่องตรงหน้ามากไปจนไม่รู้ตัวว่าหลงโม่มายืนอยู่ข้างหลังตนตั้งแต่เมื่อไหร่
ตอนนั้นพอแม่จิ้งจอกหันตัวกลับก็ประสานสายตาเข้ากับดวงตาสีทองคู่หนึ่ง หัวใจดวงน้อยของเธอสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว เธอก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัวจนเผลอเหยียบเลือดเหนียวข้นบนพื้น
ซี้แหงแก๋...
หูเจียวเจียวคร่ำครวญในใจพลางนึกภาพเนื้อตัวของตนเองที่เปื้อนไปด้วยเลือด ระหว่างที่เธอกำลังจะล้มลงกับพื้น ทันใดนั้น มือใหญ่ทรงพลังคู่หนึ่งก็โอบรัดเอวเธอไว้
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: พ่อตามติดแม่ประหนึ่งบอร์ดี้การ์ดเลยจ้าาา แต่ดันไปทำเขาตกใจกลัว ><