ตอนที่แล้วบทที่ 958 (79) โครงการตระกูลจี้!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 960 (81) - บทที่ 961 (82) (1แถม1)

บทที่ 959 (80) ต้องคอยระแวดระวัง(ตอนฟรี)


บทที่ 959 (80) ต้องคอยระแวดระวัง

“โรงแรมซิงไท่?”

ในห้องหนังสือ จี้เจิ้นกั๋วขมวดคิ้วเล็กน้อย “ทำไมจู่ๆถึงได้มาถามเรื่องนี้?”

“เมื่อประมาณสัปดาห์ที่แล้ว ผมมีความขัดแย้งเล็กน้อยกับพนักงานของโรงแรมซิงไท่ มีใครบางคนที่ผมต้องไปช่วย...” จี้เฟิงรีบอธิบายเพิ่มเติม

“ไปช่วยคนออกมางั้นหรือ?” จี้เจิ้นกั๋วส่ายหัว “แล้วคนที่โรงแรมซิงไท่รู้ตัวตนของเจ้าหรือเปล่า พวกเขารู้มั้ยว่าเจ้าเป็นใคร?”

“คิดว่าไม่รู้นะครับ” จี้เฟิงกล่าว

ตอนอยู่ที่โรงแรมซิงไท่ เขาไม่ได้บอกชื่อและไม่ได้ทิ้งข้อมูลใดๆเกี่ยวกับตัวเขาไว้เลย ในตอนนั้นเขายังให้จางเล่ยไปเอาบันทึกวิดีโอกล้องวงจรปิดของโรงแรมมาด้วย โดยธรรมชาติแล้วมันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทิ้งข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับฝ่ายนั้นเอาไว้

“ทีหลังอย่าหุนหันพลันแล่นแบบนี้อีก ถ้ามีคนสิ้นคิดซักคนในโรงแรมนั้น มันไม่เท่ากับว่าเจ้าเอาความปลอดภัยของตัวเองไปเสี่ยงหรอกหรือ?” จี้เจิ้นกั๋วอดไม่ได้ที่จะตำหนิ “เจ้าต้องรอบคอบกว่านี้ หัดใจเย็นและคิดให้เยอะๆ ไม่ใช่เอะอะก็ใช้กำลังต่อสู้ไปเรื่อย!”

จี้เฟิงยิ้มและกล่าวอย่างช่วยไม่ได้ “อารองก็รู้นิสัยของผม ถ้ามันสุดจะทนผมก็ไม่คิดจะทน!”

“เจ้า..!” จี้เจิ้นกั๋วแสดงรอยยิ้มที่บิดเบี้ยวบนใบหน้าที่เคร่งขรึมของเขา “ต่อจากนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต เจ้าต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของตัวเองมาเป็นอันดับหนึ่ง แม้ว่าเจ้าจะเก่งกาจด้านกังฟู แต่ถ้าคู่ต่อสู้มีอาวุธล่ะ?”

“ผมจะจำเอาไว้ครับอารอง” จี้เฟิงพยักหน้า

แน่นอนว่าเขาเข้าใจว่าอาคนรองตำหนิเขาด้วยความเป็นห่วง และเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอบอุ่นในใจ

“แล้วอารองว่าเราควรจะจัดการยังไงกับโรงแรมซิงไท่ดีครับ?” จี้เฟิงถาม

“ไม่ใช่ตอนนี้!” จี้เจิ้นกั๋วกล่าว

“อารองจะไม่จัดการกับมันเหรอ?” จี้เฟิงตกตะลึง “แต่อารองครับ โรงแรมซิงไท่มันเป็นเนื้อร้าย ยิ่งปล่อยเอาไว้ก็ยิ่งลุกลามบานปลาย แล้วซักวันหนึ่งปัญหามันก็จะยิ่งใหญ่โตจนเราอาจจะแก้ไขไม่ทันแล้วก็ได้นะครับ!”

“ไม่มีหลักฐานแล้วจะจัดการอย่างไร!”

จี้เจิ้นกั๋วกล่าวว่า “ตั้งแต่ฉันมาที่เจียงโจว สำนักงานเทศบาลได้จัดตั้งปฏิบัติการมากกว่าสิบครั้งแล้วกับโรงแรมซิงไท่! และแต่ละครั้งก็จบลงด้วยความล้มเหลว แทบทุกครั้งที่เรารวบรวมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทุกอย่างที่นั่นก็ถูกเคลียร์จนสะอาดหมดจรด แล้วตอนนี้เราจะผลีผลามได้อย่างไร?”

“พวกนั้นมีคนวงในอยู่ในสำนักงานเมืองงั้นเหรอครับ?” จี้เฟิงถามทันที

จี้เจิ้นกั๋วพยักหน้า “ดังนั้น หากเราคิดจะจัดการกับโรงแรมซิงไท่ เราจะต้องมีหลักฐานมากพอ ไม่อย่างนั้น ฝ่ายที่จะได้รับผลเสียจะเป็นฝ่ายเราเอง...”

จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะนึกถึงข่าวลือที่ว่าโรงแรมซิงไท่มีภูมิหลัง และตอนนี้เมื่อรวมกับสิ่งที่อารองของเขาพูด เขาก็แน่ใจแล้วว่าโรงแรมซิงไท่มีภูมิหลังมากมาย ดังนั้นอารองจึงต้องลงมืออย่างระมัดระวัง

“อารอง ผมได้ยินมาว่าเจ้าของโรงแรมซิงไท่เป็นพี่เขยของผู้นำในเมือง เรื่องนี้มีมูลความจริงมากน้อยแค่ไหนเหรอครับ?”

“เป็นความจริง บางคนยังคงทำไม่รู้ไม่ชี้ ยืนหน้าเชิดหลังแอ่นและเอาแต่พูดคำว่าซื่อสัตย์ทั้งวัน...” ใบหน้าของจี้เจิ้นกั๋วมืดลง แต่เมื่อตระหนักได้ว่าในเวลานี้ยังมีจี้เฟิงยืนอยู่ตรงหน้า เขาจึงไม่ได้พูดอะไรต่อ

“อารอง ตอนนี้ผมมีบันทึกกล้องวงจรปิดของโรงแรมซิงไท่ ผมไม่แน่ใจว่ามันจะใช้เป็นหลักฐานได้หรือไม่...” จี้เฟิงหยิบยูเอสบีแฟลชไดรฟ์ออกมาจากกระเป๋าของเขา ซึ่งเขาคัดลอกมาจากโทรศัพท์มือถือของจางเล่ย เขาตั้งใจที่จะมอบให้จี้เจิ้นกั๋วตั้งแต่วันนั้น แต่เกิดความล่าช้าเพราะเหตุการณ์ของเซียวฉางเหอ

“อืม! เอามาให้ฉันก่อน เดี๋ยวฉันค่อยเอาให้รองผู้อำนวยการเจิ้งดูทีหลัง เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ แล้วเราจะได้รู้ว่ามันใช้เป็นหลักฐานได้หรือไม่!” จี้เจิ้นกั๋วกล่าว

จี้เฟิงพยักหน้าและส่งยูเอสบีแฟลชไดรฟ์ให้กับจี้เจิ้นกั๋ว

เขารู้ว่าอารองต้องการให้เจิ้งหยวนซานยืนยันว่าวิดีโอที่เขาให้สามารถใช้เป็นหลักฐานได้หรือไม่ พร้อมกันนี้ เขาต้องการคิดถึงจังหวะเวลาและกลยุทธ์ในการกระทำของเขาด้วย

หลังจากบอกอารองจี้เจิ้นกั๋วเกี่ยวกับโรงแรมซิงไท่เรียบร้อยแล้วจี้เฟิงก็ไม่พูดถึงมันอีก เขารู้ว่าอารองมีการตัดสินใจของเขาเอง และจากสิ่งที่อารองพูด เขาเองก็ต้องการกำจัดมะเร็งเนื้อร้ายอย่างโรงแรมซิงไท่อยู่แล้วเช่นกัน แต่เขาต้องใช้ความอดทนอย่างมากที่จะไม่ผลีผลามเนื่องจากยังขาดหลักฐานซึ่งเป็นองค์ประกอบชิ้นสำคัญ และเป็นไปได้ว่ามีคนในคอยขัดขวาง

อย่างไรก็ตาม จี้เฟิงค่อนข้างมั่นใจว่ายูเอสบีแฟลชไดรฟ์สามารถนำมาใช้เป็นหลักฐานเอาผิดโรงแรมซิงไท่ได้ หรืออย่างน้อยก็ทำให้ผู้บริหารของโรงแรมต้องออกมาให้ปากคำและถูกสอบสวน!

ดูสิ่งที่เรียกว่าโรงแรม ทั้งวุ่นวาย มั่วสุม แถมยังชัดเจนมากว่าเป็นวิดีโอภายในโรงแรมซิงไท่จริงๆ หากยังไม่มีการตรวจสอบอีก มันคงเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลอย่างมาก และแม้แต่ผู้ที่คอยซัพพอร์ตโรงแรมซิงไท่ก็คงไม่กล้าที่จะพูดอะไร

“อารองครับ มีอีกเรื่องที่ผมเป็นกังวล เบื้องหลังของตระกูลอู๋คือยักษ์ใหญ่หรงเผิงกรุ๊ป ซึ่งผู้มีอำนาจที่คอยดูแลบริหารอยู่คือพ่อและลูกสาวตระกูลหรง...” จี้เฟิงกล่าว “คราวนี้ตระกูลอู๋ประสบความสูญเสียครั้งใหญ่ พวกเขาจะไม่ปล่อยมันไปอย่างแน่นอน ผมเกรงว่าพวกเขาจะต้องใช้พลังอันมหาศาลของหรงเผิงกรุ๊ปเพื่อสร้างปัญหาให้กับอารองแล้วก็พ่อของผม”

กลุ่มหรงเผิงแตกต่างจากตระกูลอู๋ที่ต้องปฏิบัติตามกฎบางอย่างในแวดวงการเมือง ไม่เช่นนั้น ตระกูลอื่นๆจะไม่มีวันเห็นด้วยกับการกระทำที่ล้ำเส้นของตระกูลอู๋

ประเทศนี้ไม่ได้เป็นของตระกูลใดหรือบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่เป็นของทุกคน และไม่ใช่ว่าตระกูลที่ยิ่งใหญ่เพียงหนึ่งหรือสองตระกูลจะสามารถปิดแผ่นฟ้าได้ด้วยมือเดียว หากตระกูลอู๋กล้าล้ำเส้นและสร้างปัญหาอย่างไม่สนกฎเกณฑ์ คนอื่นๆจะไม่ยอมอยู่เฉยอย่างแน่นอน

จะแก่งยิ่งชิงดีกับใครก็ทำไป แต่อย่าทำให้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของชาติบ้านเมือง การสู้ต้องที่เกิดจากการพัฒนาเศรษฐกิจนั้นไม่เป็นปัญหา แต่การต่อสู้ที่ทำให้เศรษฐกิจต้องถดถอยเป็นเรื่องที่อภัยไม่ได้!

ดังนั้นตระกูลอู๋จึงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามอย่างแน่นอน อย่างน้อยวิธีการของพวกเขาก็มีจำกัด พวกเขาไม่สามารถกระโดดไปมาต่อหน้าตระกูลจี้ได้!

แต่กลุ่มหรงเผิงนั้นแตกต่างกัน ตระกูลอู๋อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ของแวดวงการเมือง ภายใต้การจับจ้องของหลายๆตระกูล แต่กลุ่มหรงเผิงมีอิสระมากกว่า

ด้วยเหตุนี้ กลุ่มหรงเผิงจึงมีวิธีการมากมายที่จะเลือกใช้ แถมพลังของพวกเขาก็ยิ่งใหญ่มาก ในการดำเนินการของพวกเขา ไม่เพียงแต่สามารถทำได้โดยไม่มีใครเห็นเท่านั้น แต่การเขย่าตระกูลจี้ให้สะเทือนถึงรากฐานไม่ใช่เรื่องยากสำหรับพวกเขา!

ในเวลานั้น แม้จะเป็นตระกูลจี้ก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ พฤติกรรมการแข่งขันทางธุรกิจเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นปกติ  เนื่องจากเป็นเศรษฐกิจแบบตลาดจึงไม่สามารถแทรกแซงตลาดได้มากเกินไป

และนี่คือสิ่งที่จี้เฟิงเป็นกังวลมากที่สุด

“กลุ่มหรงเผิงเป็นปัญหาที่ยุ่งยาก และนี่คือเหตุผลที่เราต้องประนีประนอมกับตระกูลอู๋เป็นการชั่วคราว ในแง่หนึ่งก็เพื่อพิจารณาทางด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ และอีกแง่หนึ่งก็เพื่อหลีกเลี่ยงการต่อสู้...”

จี้เจิ้นกั๋วมีท่าทีครุ่นคิด “แต่ตั้งแต่มีคดีลักพาตัวเกิดขึ้น สถานการณ์ก็เริ่มเปลี่ยนไป”

“แล้วเราจะจัดการกับมันยังไง? แบบนี้กลุ่มหรงเผิงจะไม่มาก่อกวนสถานการณ์เหรอครับ?” จี้เฟิงถาม “อย่างเช่น บุกเข้าไปในภาคตะวันออกอย่างอุกอาจ และทำให้ระบบเศรษฐกิจของที่นั่นพังอะไรทำนองนั้น...”

จี้เฟิงแสดงความคิดและความกังวลของเขา ภาคตะวันออกคือจุดเริ่มต้นของอารองและพ่อของเขา จะเรียกว่าเป็นบ้านเกิดของตระกูลจี้ก็ไม่ผิดเสียทีเดียว กลุ่มผู้อาวุโสผู้มีอำนาจของตระกูลจี้ตั้งอยู่ในหลายจังหวัดและหลายเมืองทางตะวันออกและทางเหนือ ดังนั้นสิ่งที่จี้เฟิงกังวลมากที่สุดในตอนนี้ก็คือกลุ่มหรงเผิงจะดับเครื่องชนและทำลายการพัฒนาเศรษฐกิจในท้องถิ่นอย่างไม่สนผลประโยชน์ส่วนรวม

แต่ทันทีที่จี้เฟิงพูดถึงสิ่งนี้ จี้เจิ้นกั๋วก็หัวเราะและโบกมือ “อย่ากังวลไปเลย! ตระกูลอู๋ไม่ได้โง่ขนาดนั้น!”

“ห๊ะ.. ครับ?” จี้เฟิงผงะเล็กน้อย

เมื่อเห็นท่าทางงุนงงของจี้เฟิง จี้เจิ้นกั๋วก็ตั้งใจว่าจะต้องสอนหลานชายของเขาให้ดี

เขาพูดขึ้นว่า “เสี่ยวเฟิง ฉันขอถามอะไรหน่อย เจ้าว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในประเทศเราตอนนี้”

คำถามนี้กว้างเกินไป จี้เฟิงนิ่งคิดอยู่พักหนึ่งก็ยังไม่รู้ว่าจะตอบอะไรถึงจะดีที่สุด ดังนั้นเขาจึงตอบอย่างรวมๆว่า “ผมคิดว่าเป็นเรื่องการเร่งพัฒนาทางเศรษฐกิจ ปรับปรุงความแข็งแกร่งของชาติโดยรวม ในขณะเดียวกันก็ยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและวางแผนต่างๆสำหรับอนาคต”

“อืม! ดี คำตอบของเจ้าถือว่าครอบคลุมทุกอย่าง!”

จี้เจิ้นกั๋วพยักหน้าเล็กน้อย “ผู้ที่ต้องการจะเร่งพัฒนาแต่ในขณะเดียวกันก็เป็นการทำลายเศรษฐกิจไปด้วย จะไม่ได้รับความเห็นชอบจากใครทั้งนั้น แม้ว่ากลุ่มหรงเผิงจะยิ่งใหญ่ แต่ตราบใดที่พวกเขากล้าทำลายเศรษฐกิจโดยไม่สนผลประโยชน์โดยรวมของประเทศ พวกระดับสูงจะไม่มีวันนิ่งเฉย นี่เป็นเรื่องของหลักการและไม่มีใครสามารถฝ่าฝืนได้!”

ทันใดนั้นจี้เฟิงก็พยักหน้า “นี่คือ...”

“นอกจากนี้ ตระกูลอู๋จะไม่อนุญาตให้กลุ่มหรงเผิงทำ ไม่เช่นนั้น สิ่งที่รอพวกเขาอยู่คือการโจมตีจากหลายฝ่ายร่วมมือกัน แม้ว่าตระกูลอู๋จะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่สามารถรับมือการโจมตีของกลุ่มที่ลุกฮือขึ้นและร่วมมือกันได้ ทีนี้ เจ้าพอจะคาดเดาจุดจบในตอนนั้นได้หรือไม่หากพวกเขาโง่เขลาถึงเพียงนั้นจริงๆ?!”

“ครับ! นี่คือสาเหตุที่ทำให้หรงเผิงกรุ๊ปไม่กล้าสร้างปัญหาสินะครับ?!” จี้เฟิงถาม

“ใช่แล้ว! พวกเขาไม่กล้าสร้างปัญหาที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจแน่!” จี้เจิ้นกั๋วโบกมือ คำพูดและท่าทางของเขาแสดงถึงความสง่างามของผู้นำที่น่าเกรงขาม

จากนั้นจี้เฟิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก การยืนยันของอารองเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเขาสามารถมั่นใจในเรื่องนี้ได้อย่างเต็มที่ เพราะการที่เขาสามารถโจมตีตระกูลอู๋ได้โดยลำพังจากเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น มันสามารถบอกได้ว่าผู้ใหญ่ตระกูลจี้ได้เตรียมการไว้อย่างสมบูรณ์แล้ว บางทีพวกเขาอาจจะรอให้ตระกูลอู๋โจมตีกลับและสร้างความวุ่นวายเสียด้วยซ้ำ!

“อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เจ้าพูดก็ใช่ว่ามันจะไม่สมเหตุสมผลไปเสียทั้งหมด” จี้เจิ้นกั๋วกล่าว

จี้เฟิงตกใจทันที “อารอง มีอะไรผิดปกติหรือเปล่าครับ?”

“ฉันลอบโจมตีผู้นำตระกูลอู๋โดยที่ฉันไม่ต้องเสียอะไรเลย มันจะไปมีของดีราคาถูกแบบนี้ได้อย่างไร? ตระกูลอู๋ไม่ใช่พ่อพระแม่พระ พวกเขาไม่มีทางอยู่นิ่งเฉยแน่!” จี้เจิ้นกั๋วโบกมือและพูดด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนว่าพวกเขาไม่กล้าสร้างปัญหาใหญ่ แต่เป็นไปได้มากที่เขาจะแทรกแซงในบางเรื่องและกำจัดคนสำคัญของเราหลายคน”

“อารองหมายถึง... ไม่ว่ายังไงกลุ่มหรงเผิงก็ยังคงมองหาโอกาสที่จะโจมตีเราคืนงั้นสินะครับ?” จี้เฟิงถาม

“มีโอกาส มีโอกาส!” จี้เจิ้นกั๋วพยักหน้าสองครั้งอย่างครุ่นคิด “แต่นี่ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ช่วยไม่ได้ล่ะนะ การต่อสู้ไม่มีทางเกิดขึ้นด้านเดียวอยู่แล้ว การที่ตระกูลอู๋จะโต้กลับแทบจะเป็นเรื่องแน่นอนเลยก็ว่าได้”

จากนั้นจี้เฟิงก็เข้าใจสิ่งที่อารองพูด ผู้นำของตระกูลอู๋ที่ถูกโจมตี ไม่กล้าที่จะใช้วิธีตอบโต้ที่ไร้ยางอาย อย่างไรก็ตาม พวกเขายังคงกำหนดเป้าหมายคนสำคัญบางคนของตระกูลจี้ พวกเขาอาจใช้วิธีต่างๆเพื่อเอาชนะหรือขุดคุ้ยข้อผิดพลาดในอดีตมาเล่นงาน

แน่นอนว่าการต่อสู้แบบนี้เกิดขึ้นในพื้นที่เล็กๆ ไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นการสร้างหายนะ

แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็ยังคงต้องเฝ้าระวัง ตระกูลอู๋และกลุ่มหรงเผิงที่ร่วมมือกัน ไม่ใช่เรื่องที่ควรประมาท!

“อารอง เรามีวิธีเตรียมการรับมือกับมันมั้ยครับ?” จี้เฟิงถาม

“หากอีกฝ่ายอยู่ในสายราชการ ก็มีวิธีตามธรรมชาติที่จะจัดการ แต่ถ้าพวกเขาลงมือทางด้านธุรกิจและเศรษฐกิจ ก็ค่อนข้างยากที่เราจะจัดการกับมัน” จี้เจิ้นกั๋วส่ายหัวเล็กน้อย “เจ้าต้องรู้เอาไว้ว่าเราไม่มีอำนาจทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งที่นี่ ดังนั้นการรับมือกับยักษ์ใหญ่เช่นหรงเผิงกรุ๊ปเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก!”

จี้เฟิงพยักหน้า ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมอารองถึงบอกว่าการต่อสู้จะไม่ใช่สถานการณ์ด้านเดียว

เห็นได้ชัดว่าตระกูลอู๋มีข้อได้เปรียบทางเศรษฐกิจ ซึ่งจี้เฟิงในเวลานี้ก็ไม่สามารถจัดการกับมันได้เช่นกัน

“หากการกระทำแบบนี้ของตระกูลอู๋เกิดขึ้นอย่างรอบด้าน มันจะส่งผลกระทบอย่างมาก... อารอง เราต้องหาวิธีรับมือและจัดการกับมันให้เร็วที่สุด!” จี้เฟิงขมวดคิ้ว

แม้ว่าพวกเขาจะสร้างความปั่นป่วนจากจุดเล็กๆต่อคนบางกลุ่มของตระกูลจี้ แต่ถ้าพวกเขาเปิดฉากรุกอย่างเต็มที่ อาจส่งผลกระทบต่อสถานการณ์โดยรวมในขณะนั้น

ผู้ที่ปฏิบัติงานในตระกูลจี้มีการเชื่อมต่อกัน หากเกิดอะไรขึ้นแค่จุดเดียว มันอาจส่งผลกระทบทั้งหมด การดึงผมเส้นเดียวก็สามารถทำให้ทั้งตัวเคลื่อนไหวได้

....จบบทที่ 959 ~

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด