ตอนที่ 21
ในที่สุดวันสอบรอบสุดท้ายก็มาถึง
หลังจากเข้ามาในสถานที่สอง ผมก็มองคนที่หยุดผมระหว่างทาง
“มาทักทายก่อนสู้รึไง?”
ไมเคิลปรากฏตัวด้วยใบหน้าอวดดีเป็นอันธพาลอย่างเคย และเขามองผมด้วยใบหน้าที่มั่นใจกว่าปกติ
“ชีวิตในโรงเรียนของแกช่วงนี้คงสนุกน่าดู ใช่ไหม?”
“อะไร?”
“ชั้นผิดรึไง? ได้ยินว่าแกเป็นที่นิยมมากเลยนี่ ทุกคนพยายามจะไปอยู่ข้างแก”
ว้าว อะไรกันเนี่ย?
ดูเหมือนว่าเขาจะคิดว่าผมขโมยชื่อเสียงที่ควรจะเป็นของเขาไป
ชื่อเสียง
แม้ว่าผมจะไม่ได้สนใจเรื่องอะไรแบบนั้น…
ผมก็ตอบยั่วกลับไป
“แล้วนายล่ะ?”
“อะไรนะ?”
“อยากจะมาทำดีกับชั้นก่อนจะสายเกินไปไหม?”
หน้าผากของไมเคิลเริ่มบิดเบี้ยวเมื่อผมยิ้มแบบบริสุทธิ์ไร้เดียงสาออกไป
“...นี่แก…”
และทำให้เจ้านั่นแค้น
“แก แกไม่รู้หรือว่าชั้นเป็นใคร? ไม่ว่าแกจะได้คะแนนดีแค่ไหน สุดท้ายพ่อของชั้นก็มีโลกเวทมนตร์ของอาณาจักรเรเดียนในมือ! คนที่ต้องทำดีไม่ใช่ชั้น แต่เป็นแก! เข้าใจไหม?!”
ระเบิดออกมาตามคาด
เหมือนกับ ตู้ม!
“...ชั้นไม่ได้หูตึง พูดเบา ๆ หน่อยได้ไหม?”
เขาพูดถูก
อิทธิพลของตระกูล ‘เกลฮิล’ ในอาณาจักรเรเดียนนั้นยิ่งใหญ่
แม้แต่ในโรงเรียนที่ควรจะปราศจากอิทธิพล มันก็ยังอยู่ในเงื้อมมือของตระกูล ‘เกลฮิล’
และมันยิ่งเลวร้ายในสภาสูงและหอคอยเวทมนตร์
แต่ผมจะทำอะไรได้?
เป้าหมายสุดท้ายของผมไม่ใช่ ‘โลกเวทมนตร์ของอาณาจักรเรเดียน’
แต่เป็น ‘ทั้งทวีป’
ผมถามขณะที่ยิ้มอย่างสดใส
“ก็เอาสิ จะเรียกว่าอำนาจหรืออะไรก็ได้ถ้านายจะพูดแบบนั้น ถึงมันจะเป็นอำนาจที่เน่าเหม็นผุพัง แต่ไมเคิล…‘นาย’ อยู่ในอำนาจนั้นด้วยรึเปล่า?”
“...ว่าไงนะ?”
“ต้องถูกยอมรับในฐานะจอมเวทย์ถึงจะถูกยอมรับในฐานะสมาชิกตระกูลเกลฮิล ‘ที่แท้จริง’ นี่นา? แล้วนายล่ะ?”
นานมาแล้ว มีข่าวลือหลุดออกมาจากบ้านเกลฮิล
ว่าพวกเขาปฏิบัติและทิ้งคนในตระกูลที่ไร้พรสวรรค์ในเวทมนตร์อย่างโหดร้ายอย่างไร และถ้าหากเด็กในตระกูลอื่นแสดงพรสวรรค์ออกมา พวกเขาก็จะรับเลี้ยงให้เป็นคนของตัวเอง
แล้วก็ เพื่อที่จะพิสูจน์ความสามารถในเวทมนตร์ พวกเขาก็ต้องเรียนจบในฐานะคนที่ดีที่สุด
เพราะเป็นแบบนี้ ไมเคิล เกลฮิลจึงถือว่ายังไม่ถูกยอมรับจากตระกูล
“...การยอมรับจากพ่อชั้นงั้นเหรอ?”
ราวกับคำพูดของผมโดนเส้น หน้าของไมเคิล เกลฮิลบิดเบี้ยวด้วยความโกรธและเริ่มกัดฟันแน่น
“การยอมรับอันนั้น ชั้นก็แค่ต้องจัดการแกให้ได้ในวันนี้”
“จริงเหรอ? จะรอนะ”
เมื่อผมหันหลังกลับ ไมเคิลก็พูดมาจากด้านหลัง
“รูน”
“มีอะไร?”
“ที่แกดูถูกชั้นในวันนี้ ชั้นจะทำให้แกเสียใจ”
เขาเตรียมตัวมาแค่ไหนกันถึงได้มั่นใจขนาดนี้?
ผมยักไหล่ให้ไมเคิล
“อืม จะทำอะไรก็ทำไปเถอะ”
จุดสำคัญที่สุดของการประลองระหว่างจอมเวทย์กับจอมเวทย์ก็คือ…
ความเร็วในการร่ายเวทย์
และเหนือไปกว่านั้น มันคือความฉลาดในการรับมือกับศัตรูเมื่อเริ่มร่ายเวทย์ป้องกัน
แต่ในการประลองนี้ ผมต้องมองในมุมมองที่ต่างออกไป
เพราะไม่ว่าผมจะทำอะไร ผมก็ยังคงเป็นจอมเวทย์ที่ร่ายในระยะ ‘ประชิด’
ผมต้องมองในฐานะอัศวินที่ประลองกับจอมเวทย์
“ที่ดราก้ามีปัญหาในการต่อสู้มากที่สุดก็คือจอมเวทย์ระดับสูง โดยเฉพาะจอมเวทย์ที่มีเวทย์จำกัดการเคลื่อนไหวเพื่อทิ้งระยะห่าง”
เวทย์จำกัดการเคลื่อนไหวที่ทำให้เคลื่อนไหวได้ช้าลง
เวทย์แช่แข็งที่แช่แข็งร่างกายของผม
เวทย์ที่เรียกพายุออกมาผสมกับเวทย์อื่นเพื่อหยุดอัศวินจากการเข้าใกล้
และเวทย์อื่น ๆ
“ศัตรูจะรู้ว่าเจ้าจะพยายามต่อสู้ในระยะประชิด ถ้าหากเตรียมตัวมา การต่อสู้คงไม่ยาก”
ก็อย่างที่สแตรงพูด ถ้าไมเคิลเตรียมตัวมาดี สถานการณ์จะซับซ้อนขึ้นแน่นอน
แต่ในอีกมุมหนึ่ง
“ถ้าชั้นเข้าใกล้ได้มันก็เป็นไปได้ใช่ไหม?”
“ก็ใช่ หมัดเดียวก็จอดแล้ว”
ถ้าผมเข้าถึงตัวได้ มันจะเป็นชัยชนะของผม
ผมเหยียดแขนเหนือศีรษะและมองรอบ ๆ
ระยะระหว่างผมกับไมเคิลน่าจะอยู่ที่ราว 100 เมตร
ถ้าผมอยากจะลดระยะห่างให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผมต้องใช้สิ่งที่สถานที่มีให้อย่างเป็นประโยชน์
ซึ่งมันคือหนึ่งในความภูมิใจของโรงเรียน
การที่ทำให้พลังเวทย์ที่ไหลที่นี่ถูกควบคุมและการโจมตีถึงตายนั้นจะถูกลดพลังไป 99% นั้นทำให้เกิดการประลองที่ปลอดภัยได้
และมันยังมีพื้นที่หลายรูปแบบที่จอมเวทย์ใช้เพื่อจำลองการต่อสู้จริง
“เสา ก้อนหิน พื้นต่างระดับ…”
นอกเหนือจากสถาพแวดล้อมแล้วก็ยังมีกองดินเล็ก ๆ อยู่บางจุดเพื่อที่จะใช้กลยุทธ์จริงได้
ผมเตรียมตัวประลองโดยการจำตำแหน่งของสภาพแวดล้อมเหล่านี้
เพื่อให้เข้าใจและใช้ประโยชน์เพื่อตัวเองได้
นีคือพื้นฐานของการต่อสู้
ในจุดนี้ อาจารย์คนหนึ่งก็ได้เดินเข้ามาเป็นกรรมการ เขาพูด
“ทุกคนพร้อมไหม?”
“พร้อมครับ”
ทันทีที่ผมตอบ ไมเคิลที่หลับตาก็ลืมตาช้า ๆ และพยักหน้า
ไมเคิลและผมประสานสายตาพร้อมกัน
“......เอ๋?”
ไมเคิล เกลฮิล
เขาต้องด้วยสายตาดุร้าย มันไม่มีปิดบังจิตสังหารเลย
แต่ว่า
‘มีบางอย่างแปลก ๆ…’
มีบรรยากาศประหลาดรอบตัวเขา
จากดวงตา เขากูวิตกกังวลเกี่ยวกับสิ่งรอบข้างและมีออร่าของความบ้าคลั่งหนาแน่นบนร่างกาย ที่ปลายนิ้วของเขาก็สั่นด้วย
ผมรู้
ว่าไมเคิลอาจจะเป็นคนที่ดูอวดดีและน่าหมั่นไส้
แต่ที่จริงเขานั้นเป็นคนขี้ขลาดที่จะทำเป็นมั่นใจเพื่อปิดบังตัวตนที่อ่อนแอของเขา
ไม่ว่าเขาจะเกลียดผมเท่าไหร่ เขาก็ไม่ใช่คนที่จะแสดงจิตสังหารบ้าคลั่งแบบนั้นออกมา
ผมใช้งาน ‘ดวงตาผู้เล่น’ และอ่านหน้าต่างสถานะของไมเคิล
และจึงได้รู้…
ว่าทำไมไมเคิลถึงมีท่าทางแบบนั้น
ไมเคิล เกลฮิล
จอมเวทย์ชั้น 3
ศักยภาพ : สูง
ความชำนาญ : ร่ายเวทย์คู่
เงื่อนไขพิเศษ : บ้าคลั่ง (ซ่อน)
‘บ้าคลั่ง’
เงื่อนไขพิเศษจะปรากฏในหน้าต่างสถานะก็ต่อเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์หนึ่งเท่านั้น
มันเกิดขึ้นเมื่อมีคนกินของที่ไม่มั่นคงในชั้นเรียนปรุงยา
และนอกจากนั้น ‘ซ่อน’ ที่เขียนถัดจากมัน ผมก็เดาได้ไม่ยากว่าเขากินยาต้องห้ามและกินยาเพื่อปิดบังเรื่องที่เขากินยาตัวแรกเข้าไป
คนที่ตรวจสอบการกินยาชูกำลังก่อนสอบคืออาจารย์เอลริค
ใครเป็นลุงของไมเคิล เกลฮิล
‘แย่แล้ว…’
นี่คือเหตุผลที่ไมเคิลมั่นใจอย่างผิดหูผิดตา
เรื่องทั้งหมดเริ่มจะมีเหตุผลแล้ว
จากนั้นกรรมการก็พูดต่อ
“เอาล่ะ เวทย์ที่ห้ามใช้ในการประลองคือเวทมนตร์ดำเท่านั้น เวทย์ที่มีพื้นฐาน 4 ธาตุนั้นใช้ได้และเราจะนับระดับของเวทย์ที่โดนคู่ประลองเป็นคะแนน แต่ถ้าใช้เวทย์เพื่อการฆ่า จะถือว่าแพ้ทันที มีอะไรจะถามไหม?”
ผมรีบยกมือ
“ผมมีคำถาม”
“มีอะไร?”
“ถ้าหากกินยาต้องห้ามแล้วถูกเจอเข้า จะเกิดอะไรขึ้น?”
“จะถือว่าสละสิทธิ์การนับคะแนนและสอบตก การประเมินจะขึ้นอยู่กับความรุนแรง แต่เธอจะรู้ไปทำไม?”
“ไม่มีอะไรครับ”
ไมเคิลหรี่ตาเมื่อผมถาม
ราวกับว่ากำลังถาม
‘แก ทำไมถึงได้…?’
หุหุ
ผมจะตอบไปทำไมล่ะ?
ใช่แล้ว
สิ่งเดียวที่ผมมีนั้นไม่ต่างจาก ‘สัญชาตญาณ’ เลย
มันมีขีดจำกัดถ้าจะให้ใครมาเชื่อ ‘หน้าต่างสถานะ’ ที่มีผมคนเดียวที่เห็น
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผมต้องหาหลักฐาน
หลักฐานที่มัดตัวได้อย่างแน่นหนา
“เอาล่ะ ทุกคนประจำที่”
เมื่อกรรมการสั่ง ไมเคิลและผมนั้นยืนอยู่ตามตำแหน่งแล้ว
และจากนั้น กริ๊งงงงงงง…
การต่อสู้ก็ได้เริ่มขึ้นพร้อมกับมานาที่ส่งเสียงสะท้อน กรรมการตะโกนเสียงดัง
“เริ่มประลองได้!”
“รูน! ตายซะ!”
คนที่ลงมือก่อนคือไมเคิล เกลฮิล
เวทย์ที่ไมเคิลร่ายใส่ผมก็คือ
ต้นไม้เยือกแข็ง
กิ่งไม้จะระเบิดออกมาจากพื้นและจับข้อเท้าของศัตรูและค่อย ๆ รุกคืบขึ้นมาทั้งร่างกายจนขยับไม่ได้
มันคือเวทย์จำกัดการเคลื่อนไหวที่พื้นฐานที่สุด แต่ผลลัพธ์ของมันนั้นดีมาก
และในความลังเลนั้น…
ฉึก
กิ่งไม้พุ่งออกมาจากพื้นในพริบตาและพันรอบข้อเท้าของผม
ยากที่จะเชื่อสายตาว่ามันเร็วขนาดนั้น
การโจมตีแรกของไมเคิล เกลฮิล สำเร็จ
“ต่อไปแกไม่รอดแน่!”
หลังจากยืนยันแล้วว่าผมโดนเวทย์รัดเท้า ไมเคิลก็เริ่มร่ายเวทย์ไฟ
แต่ว่า
ฉึก
ผมยกเท้าออกจากพันธนาการด้วยการเตะ
และจากนั้น
แกร๊ก! เพล้ง!
“อะ อะไรกัน?”
กิ่งไม้ส่งเสียงแตกและรากไม้ทั้งหมดก็เริ่มแตกจากข้อเท้าของผม
ไมเคิลไม่ใช่คนเดียวที่ตกใจ
“ขะ เขาแก้มัดได้ง่าย ๆ แบบนั้นเลยเหรอ?”
“เวทย์ของไมเคิลไม่ได้โดนตรง ๆ รึไง?”
ไม่เลย
เวทย์ของเขาโดนเป้าอย่างสมบูรณ์แบบ
แต่ก็มีปัจจัยหนึ่งที่ไมเคิลไม่ได้คิด
พลังของผม
ในจุดนี้ strength ของผมได้เพิ่มขึ้นมาเป็น 1200
ผมไม่รู้ว่า strength 1200 หมายความว่ายังไง แต่หลังจากได้ strength 300 จากการใช้สกิลความโกรธของโอเกอร์ ผมก็ต่อสู้กับโอเกอร์ได้อย่างเท่าเทียมกัน
มันอาจจะข่มเวทมนตร์ของผมได้ แต่มันหยุดพละกำลังของผมไม่ได้
นั่นจึงเป็นสาเหตุที่กิ่งไม้นิดหน่อยไม่ใช่เรื่องน่าหนักใจ
“ไอ้สารเลว…ตายซะ!”
เมื่อเห็นผมแก้เวทย์ของเขาได้อย่างง่ายดาย หลังจากความตกใจในเสี้ยววินาทีนั้นไมเคิลก็ร่ายเวทย์ไฟเสร็จแล้วและยิงใส่ผม
“พ่นเพลิง!”
ฟึ่บ!
พ่นเพลิง
กะโหลกขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นที่เหนือศีรษะของไมเคิล และกะโหลกนั่นก็พ่นไฟออกมา
“ระ เร็ว!”
“ไมเคิลแข็งแกร่งขนาดนี้มาตลอดเลยเหรอ?”
มันเป็นเวทย์พื้นที่ที่ยากจะหลบ และครั้งนี้ความเร็วในการร่ายเวทย์ของเขาก็เร็วกว่าปกติด้วย
ผมหลบด้วยเวทย์ความเร็วและเข้าจุดกำบังหลังเสาที่เห็นมาก่อน
ขณะที่ซ่อนตัวหลังเสา ไมเคิลก็พูดยั่วด้วยเสียงอันบ้าคลั่ง
“รูน! แกคิดจะหลบไปตลอดรึไง? ดะ ดูเหมือนแกจะมุดหัวเป็นอย่างเดียวสินะ!”
แต่ผมก็ไม่ตอบและเริ่มคิดขณะที่ยืนนอกระยะของเขา
‘ความเร็วการร่ายของเขาเร็วขึ้น…’
หมายความว่าเขากินยาที่เพิ่มอัตราการเก็บมานาและทำให้การเสริมพลังมานาเร็วขึ้น
และพื้นที่ที่โดนเวทย์ไฟยังกว้างขึ้นด้วย
‘เพิ่มทั้งความเร็วการร่ายและพลังเวทย์’
ในฐานะคนที่ได้คะแนนเต็มในการสอบข้อเขียนมาตลอดห้าปี ไม่มียาอะไรที่ผมไม่รู้จัก
หลังจากคิดสั้น ๆ ก็มีตัวยาผุดขึ้นมาในหัว
“ออกมาได้แล้วววว! รูน! ออกมาสู้จริง ๆ ได้แล้ววว!”
เมื่อเห็นไมเคิลที่ตื่นตัวมากกว่าปกติ ผมก็ชี้ตัวยาได้หนึ่งตัว
‘สมุนไพรแห่งการตื่น ดอกไม้แผดเผา’
ถ้าเป็นยาตัวนั้น มันก็อธิบายทุกอย่างได้
ผลข้างเคียงของยาชนิดนี้
มือสั่น ฮอร์โมนที่หลั่งมากเกินไปจนทำให้ตื่นเต้น ลดการรับรู้ความเจ็บปวด และยังลดความสามารถในการแยกแยะมิตรหรือศัตรู
คุณสมบัติทั้งหมดตรงกันเป๊ะ
เหลือสิ่งเดียวที่ต้องตรวจสอบ
‘ลดความเจ็บปวด’
หลังจากคิดจบแล้วผมก็เดินออกมาจากหลังเสาและพูดกับไมเคิล
“ไมเคิล ชั้นว่านายมั่นใจเกินไปหน่อยนะ…เพราะเรื่องนั้นใช่ไหม?”
“อะไรนะ?”
“ดอกไม้แผดเผา”
เมื่อพูดจบสีหน้าของไมเคิลก็ยับยู่ยี่ราวกับกระดาษ
ผมแสยะยิ้มมองไมเคิล
“ตาชั้นบ้างนะ ไมเคิล”
ผมพุ่งเข้าใส่เขา