ตอนที่ 20
การเตรียมการสอบรอบที่ 4 นั้นเป็นไปอย่างราบรื่น
แม้แต่ในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ‘เทศกาลใหญ่’ หรือ ‘นักเรียนอันดับหนึ่ง’ โรงเรียนก็เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยกันเรื่องผมและไมเคิล
แต่ผมก็เลือกที่จะสนใจกับเรื่องที่จำเป็นต้องทำ
ซึ่งก็คือ ภารกิจ
ผมฝึกฝนต่ออีก 4 วันหลังจาก strength ของผมเพิ่มขึ้น
และสุดท้าย
คุณได้มี strength 1000
คุณได้รับฉายา ‘การเตรียมการจบลงแล้ว’
ภารกิจทำซ้ำได้จะเลื่อนเป็นระดับ II
ความยากของภารกิจทำซ้ำได้จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า และรางวัลจะเพิ่มเป็นสามเท่า
รางกำเนิดแห่งพลัง สแตรงได้เลื่อนเป็นขั้น 2**
Strength เพิ่ม 200 เป็นรางวัล
เมื่อ strength ของผมถึง 1000 สแตรงนั้นถูกเลื่อนเป็นขั้น 2
และเพราะแบบนี้ strength ของผมจึงเพิ่มขึ้นทันที
“อืม strength ของเจ้าเพิ่มขึ้นเป็น 1000 แล้วใช่ไหม?”
“ใช่ ถ้าพูดชัด ๆ ก็ 1200 ล่ะนะ”
“นี่คือจุดที่เจ้าจะได้เริ่มของจริง ดูภารกิจเจ้าสิ ความยากและรางวัลควรจะเพิ่มขึ้นแล้ว”
ผมเปิดหน้าต่างภารกิจ
เป็นเรื่องจริง
ภารกิจทำซ้ำได้
ฝึกฝนร่างกาย II
คุณฝึกระดับพื้นฐานจนมากพอสำหรับการต่อสู้แล้ว แต่การฝึกไม่เคยจบสิ้น จงก้าวต่อไปข้างหน้า
ต่อย : 0/5000
เตะ : 0/5000
หมุนเตะ : 0/5000
วิ่ง 15 กิโลเมตร : 0/1
ฝึกฝนสู้จริง : 0/1
*รางวัล : strength +30
เมื่อภารกิจเข้าสู่ขั้นสอง จำนวนการเตะและต่อยที่ผมต้องทำในแต่ละวันก็เพิ่มขึ้น และยังมีการวิ่ง 15 กิโลเมตรเพิ่มขึ้นมาด้วย
แต่ต้องขอบคุณคำแนะนำของสแตรงในเร็ว ๆ นี้ ผมได้เพิ่มการเตะและต่อยมาเป็น 5000 ครั้งแล้ว และตั้งแต่ที่ผมเพิ่มการวิ่งเข้าาด้วยแล้ว มันก็ไม่ใช่จำนวนที่มากเกินไป
และมันยังเป็นสถานการณ์ที่เป็นใจเพราะการฝึกแทบจะรู้สึกเหมือนเดิม แต่รางวัลที่ได้นั้นเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่า
แต่ก็มีภารกิจหนึ่งที่ผมไม่เข้าใจในทีแรก
ซึ่งก็คือ
นี่เราต้องทำอะไรกัน?
ในตอนนั้น สแตรงที่กินจนอิ่มหลังจากเป็นขั้น 2 ก็บอกผมขณะที่ลูบท้องที่บวมขึ้นมา
“เอิ้ก~! ดีจริง ๆ ข้าบอกเจ้าตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม? ว่าข้าเป็นอะไรก็ได้น่ะ?”
“หืม? ก็บอกนะ”
“ตอนนี้ข้าทำได้แล้ว การแปลงร่างน่ะ”
ตอนนี้สแตรงเป็นขั้น 2 แล้ว เขาไม่ดูเหมือนกับภูติตุ๊กตาหมีที่จะแปลงร่างเป็นร่างที่เห็นและสัมผัสได้
“ถ้างั้น แปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ไหม?”
“ได้สิ ถ้าเป็นขั้น 5 น่ะ แต่ตอนนี้ข้ายังแปลงร่างเป็นมนุษย์ไม่ได้”
“แล้วตอนนี้แปลงร่างเป็นอะไรได้บ้างล่ะ?”
“ให้ทำให้ดูไหม?”
สแตรงหัวเราะติดตลก
ก่อนที่ผมจะตอบ ควันสีแดงก็ปกคลุมร่างกายสแตรง
ควันหมุนรอบตัวสแตรง และจากนั้นไม่นานเขาก็ปรากฏตัวเป็นร่างที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง
ซึ่งก็คือ…
“...หุ่นไล่กา?”
รูปร่างหุ่นไล่กา
มันดูแตกต่างจากหุ่นไล่กาไม้ปกติเล็กน้อยเพราะมีแขนและขาติดอยู่
ดูจากการเป็นร่างกำเนิดแห่งพลัง ผมคิดว่าเขาจะใช้ร่างที่ดูดีกว่านี้ การแปลงร่างเป็นหุ่นไล่กานั้นไม่ได้คิดมาก่อน
สแตรงพูดเมื่อผมทำหน้าสับสน
“อย่าเมินข้าแค่เพราะข้าเป็นหุ่นไล่กา เจ้ารู้ไหมว่าข้าช่วยได้มากแค่ไหนในตอนที่ดราก้าฝึกฝนต่อสู้จริงครั้งแรกน่ะ?”
“ฝึกการต่อสู้จริง? หรือจะบอกว่า…แกถูกใช้ฝึกงั้นเหรอ?”
“ใช่ ถ้าบอกชัด ๆ ก็เพื่อทำการกิจนั่นแหละ”
“...อา”
ใช่แล้ว
เป้าหมายของการแปลงร่างของสแตรงในตอนนี้ก็คือ…
เป็นหุ่นไล่กาเพื่อทำภารกิจ
“ก็คือนับจากนี้ไป ชั้นต้องฝึกสู้กับแกทุกวันสินะ?”
“ใช่แล้ว”
จากนี้ไป หนึ่งครั้งในทุกวัน…
ผมต้องประลองกับสแตรงอย่างไม่มีหยุดพัก
“ตอนนี้ข้าอ่อนแอเกินไป เป็นได้แค่จอมเวทย์ชั้น 3 หรืออัศวินขั้น 3 น่ะ…แต่ต่อไปที่ข้าได้พลังทั้งหมดคืนมา ทุกอย่างก็เป็นไปได้ ถ้าเจ้าต้องการ แม้แต่ปีศาจหรือมังกรข้าก็เป็นได้”
ขั้นแรก หุ่นไล่กาแบบมนุษย์
ต่อมาก็มนุษย์ของจริง
และหลังจากนั้นยังเป็นสัตว์ประหลาดมากมายและยังเป็นปีศาจได้อีก
ความสามารถเฉพาะตัวของสแตรงนั้นทำให้เขาเป็นอิสระจากรูปร่างเดียว
ถ้าหากเงื่อนไขตรง เขาจะแปลงร่างเป็นอะไรในรูปร่างและขนาดใดก็ได้
และยังหมายความว่ายังใช้สำหรับการฝึกฝนเพื่อเพิ่มความชำนาญในการต่อสู้ได้
“...ว้าว”
โคตรเจ๋ง
ไมเคิลเป็นจอมเวทย์
และเป็นจอมเวทย์ที่พอใช้ได้ด้วย
ผมเป็นนักเรียนล้มเหลวมาตลอด 5 ปี ผมไม่เคยต่อสู้หนึ่งต่อหนึ่งกับจอมเวทย์คนอื่นเลย และในเวลาแบบนี้ ผมต้องเตรียมตัวให้พร้อม
และตอนนี้การฝึกก็เป็นไปได้
เป็นความสามารถที่มีขึ้นมาในเวลาที่ผมต้องการมากที่สุด
ผมไม่มีอะไรให้ห่วงอีกแล้ว
ผมพูดกับสแตรง
“ถ้างั้น ก็มาทำกันเลย”
“แบบไหนล่ะ?”
“จอมเวทย์”
สแตรงสร้างรอยแยกในอากาศและคทาไม้ขนาดใหญ่ก็ปรากฏในมือเมื่อผมขอจอมเวทย์
“ได้สิ”
และจากนั้น อย่างไม่ให้ซุ่มให้เสียง…
“ฮึบ!”
เริ่มถาโถมเวทมนตร์ใส่ผม
สแตรงตะโกน
“ต่อให้เจ้าโดนเวทย์ของข้ามันก็ทำได้แค่กระเด็นเท่านั้น มันทำร้ายเจ้าไม่ได้ ไม่ต้องห่วงอะไรหรอก!”
แค่กระเด็น ต่อให้โดนเวทย์
ถ้าผมโจมตีสแตรง เขาก็ไม่เป็นอะไร
สถานการณ์นี้ทำให้เกิดการฝึกที่ไม่จบสิ้นได้เลยทีเดียว
“...แบบนี้สินะ?”
ผมอัดพลังใส่หมัดทั้งสองข้าง
พลังมหาศาลที่ผมไม่เคยรู้สึกมาก่อนอัดแน่นในมือผม จากนั้นผมก็วิ่งเข้าใส่สแตรง
ในตอนนี้ ผมคิดถึงไมเคิล เกลฮิล
‘ไมเคิล เกลฮิล…เจ้านั่นเตรียมตัวมามากแค่ไหนนะ?’
ขณะที่ผมเตรียมตัวสู้กับไมเคิล ไมเคิลเองก็ต้องเตรียมตัวต่อสู้กับผมอีกแน่
ไม่ว่าจะเป็นวิธีที่ดี…
หรือที่เลวร้าย
อาจารย์แผนกปรุงยาเอลริค เกลฮิลระเบิดความโกรธจากความหงุดหงิด
“บ้าเอ้ย! บัดซบ!”
เขาให้รูนสู้กับโอเกอร์ได้สำเร็จ
แต่ใครจะไปเดาผลลัพธ์ได้กันล่ะ?
สำหรับนักเรียนที่ไม่มีประสบการณ์สู้จริงและแสดงพลังในการต่อสู้ที่เทียบเท่าโอเกอร์ออกมาได้และถึงกับเอาชนะได้ในการใช้พลังครั้งเดียว
และเขายังได้คะแนนพิเศษเพื่อฟื้นเกรดขึ้นมาอีกด้วย
ถ้ามองจากมุมอื่น มันจะดูราวกับว่าอาจารย์เอลริคนั้นอยากจะให้รูนได้คะแนนดีจึงช่วยเขาไม่มีผิด
และเพราะเรื่องนี้ รูน อาเดลก็ถึงจุดสูงที่คนอื่นเอื้อมไม่ถึงและยังได้รับความสนใจจากทุกคนในโรงเรียน
แต่ปัญหาใหญ่ที่สุดก็คือ…
‘ต้องสู้กับรูน อาเดลทั้ง ๆ ที่มีคนอื่นตั้งมากมาย…’
เรื่องที่หลานของเขา ไมเคิล เกลฮิลต้องสู้กับรูนในการสอบรอบที่ 4
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป มันจะเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าตระกูลเกลฮิลจะต้องขายหน้าในการสอบรอบที่ 4
ซึ่งมันยังหมายความว่าการได้เป็นตัวแทนของ ‘เทศกาลใหญ่’ ที่จะเริ่มในเดือน 7 จะไม่เกิดขึ้น
และตอนนี้ก็มีโอกาสที่พวกเขาจะเสีย ‘นักเรียนอันดับหนึ่ง’ ไปด้วย
นี่คือ…สิ่งที่จะเกิดขึ้นไไม่ได้
‘ต้องหาทางพลิกผันเรื่องนี้ให้ได้’
ตระกูลเกลฮิลจะต้องเป็นจุดสูงสุดของโรงเรียน
ถ้าไมเคิล เกลฮิลขาดความสามารถ เอลริคในฐานะอาจารย์ก็ต้องทำให้ได้
ตระกูลจอมเวทย์ที่ดีที่สุดอย่างเกลฮิลนั้นเป็นตระกูลที่ดีที่สุดในอาณาจักรเรเดียนมาอย่างยาวนานแล้ว
และมันจะต้องดีที่สุดต่อไปในอนาคต
การใช้ทุกวิถีทางนั้นเป็นสิ่งจำเป็น
ก๊อก ก๊อก
ขณะนี้ มีคนเคาะประตูห้องวิจัยของอาจารย์เอลริคและเขาก็รอบราวกับรออยู่แล้ว
“เข้ามา”
คนที่เข้ามาในห้องวิจัยนั้นคือไมเคิล เกลฮิล
ไมเคิลทำหน้ารำคาญในทันทีที่เห็นลุงของเขา
“แล้วเราจะทำยังไงกันดี?”
“ไอ้เด็กเวร นี่เป็นสิ่งที่แกควรจะพูดตอนนี้เหรอ? ถ้าแกแข็งแกร่งกว่านี้ซักหน่อยล่ะก็…”
“มีคนบอกว่าลุงเป็นคนเพิ่มเกรดของรูนไปเยอะเลย”
“วะ…ว่าไงนะ?”
“ก็ถูกไม่ใช่รึไง? มันคือความคิดของลุงที่ให้รูนสู้กับโอเกอร์ไม่ใช่เหรอ? เป็นเพราะลุง รูนเลยได้คะแนนดีที่สุดในประวัติศาสตร์ และถ้าหากเรื่องนี้รู้ถึงบ้านเกลฮิล ลุงจะต้องตกที่นั่งลำบากแน่”
“เด็กอย่างแกกล้าขู่ชั้…”
“มันไม่สำคัญแล้ว ตอนนี้เราจะทำยังไงกันดี?! ลุงคิดจะปล่อยให้เจ้ารูนนั่นลอยนวลงั้นเหรอ? ถ้าเจ้าหมอนั่นกลายเป็นตัวแทนของโรงเรียนไปที่ ‘เทศกาลใหญ่’ ล่ะก็…”
“...ไม่ จะไม่เกิดเรื่องแบบนั้นเด็ดขาด”
อาจารย์เอลริคส่ายหน้าและหยิบขวดยาในลิ้นชัก
“หึหึหึ รับนี่ไปสิ”
ขวดนั้นมีดอกไม้ดอกเล็กวาดเอาไว้ แต่มันแปลกที่ดอกไม้นั้นกำลังดื่มเลือดอยู่
“นี่มัน…สมุนไพรแห่งการตื่น ดอกไม้แผดเผา”
สมุนไพรแห่งการตื่น ดอกไม้แผดเผา
เติบโตในดินแดนมายา เป็นสมุนไพรหายากที่ล้ำค่า
และยังใช้สร้างยาวิเศษได้ด้วย
มันจะกระตุ้นผู้ใช้โดยการเพิ่มอัตราการเก็บมานาเพื่อลดความเร็วการร่ายและผลักดันการปลุกมานาให้ถึงขีดจำกัดสูงสุด
ผลของมันยังทำให้ประสาทสัมผัสทื่อลงและลืมความเจ็บปวดไปด้วย
มันมอบพลังอันยิ่งใหญ่ให้ แต่ก็มีผลข้างเคียงที่รุนแรง
“ถะ…ถ้าผมดื่มนี่…ว่ากันว่าจะแยกเพื่อนกับศัตรูไม่ได้”
ด้วยผลของภาพหลอน มันยากที่จะแยกมิตรกับศัตรู
สภาวะถูกกระตุ้นทำให้ผู้ใช้ยาลืมการใช้เหตุผลไป
เพราะแบบนี้ มันจึงเป็นยาอันตรายที่จะใช้แค่ในสนามรบหรือสถานการณ์เลวร้ายที่สุดเท่านั้น
อาจารย์เอลริคพยักหน้า
“ใช่แล้ว แกแค่จะมองเห็นไม่ชัด หึหึ ดูเหมือนว่าแกจะไม่ได้แอบวอกแวกในชั้นเรียนของชั้นสินะ”
“ตะ…แต่ทำไมกัน? ไม่มีทาง…ลุงจะให้ผมดื่มนี่เหรอ?”
“ใช่”
ความมั่นใจของไมเคิลจางหายในทันที
“ลุงบ้าไปแล้วเหรอ?”
ดื่มยาต้องห้ามนั้นจะทำให้หมดสิทธิ์สอบ
และถ้ามันเป็นยาที่อันตรายมากแบบนี้ล่ะ?
บทลงโทษก็จะยิ่งหนักหนา
มากพอที่จะทำให้โดนไล่ออกจากโรงเรียนได้
แต่อาจารย์เอลริคเพียงแค่หรี่ตาพูด
“แกเลือกได้รึไง? ไม่เห็นเจ้ารูนนั่นสู้เรอะ? แกอยากจะแพ้ให้เด็กนั่น ให้ตระกูลต้องขายหน้า และโดนไล่ออกจากตระกูลใช่ไหม?”
“ตะ…แต่ผมถูกจับได้แน่ อาจารย์คนอื่นจะจับได้แน่”
“ลืมไปแล้วเรอะว่าชั้นเป็นใคร? งานตรวจเรื่องยาเป็นของชั้นไม่ใช่เหรอ?”
เอลริค เกลฮิล
อาจารย์แผนกปรุงยา
ผู้ตรวจสอบที่จะตรวจสอบยาของนัะกเรียนทุกคนและตัดสินใจว่าใช้ได้หรือไม่
แต่ไมเคิล เกลฮิลส่ายหน้า
“อาจารย์ฮะ…ไฮเดลรู้ระดับพลังของผมดี เขาจะตะ…ต้องรู้การเปลี่ยนแปลงแน่”
“คิดว่าชั้นไม่ได้เตรียมตัวกับเรื่องเล็กน้อยนั่นรึไง?”
อาจารย์เอลริคหยิบอีกขวดออกมา
มันคือขวดแก้วที่ไม่มีร่องรอยและมีของเหลวใสอยู่ข้างใน
“นี่เป็นยาที่จะปิดบังว่าแกใช้ยาหลอนประสาท ดื่มนี่หลังจากดื่มยานั่น แล้วแกจะไม่มีวันถูกจับได้”
อาจารย์เอลริคคิดจะใช้ทุกวิถีทาง
“ถ้ามีคนถามว่าทำไมแกถึงแข็งแกร่งขึ้นเหรอ? ใครจะสนล่ะ? ถ้าไม่มีหลักฐาน แกก็ไม่ถูกจับได้ หึหึ”
ไม่ว่าวิธีการจะอันตรายแค่ไหน…
ไมเคิล เกลฮิล แม้ว่าเขาจะทำใจแล้วยังเริ่มกลัวที่จะต้องกินยาอันตรายและความเกินเลยที่ไม่คาดคิด
“มะ…มันเป็นทางเดียวเหรอ?”
แต่อาจารย์เอลริคก็ยิ้มชั่วร้ายเหมือนกับงูและพยายามสงบไมเคิลลง
“อย่ากลัวไปหน่อยเลย พี่น้องแก พ่อของแก ปู่ของแก่ ทุกคนก็ชนะแบบนี้ แกแค่ต้องเป็นจอมเวทย์ที่เด่นกว่าใคร เข้าใจไหม?”
จอมเวทย์ที่โดดเด่น
การเป็นจอมเวทย์ที่โดดเด่นหมายถึงการเป็นคนที่ใช้ทุกวิถีทางเพื่อชัยชนะ
จอมเวทย์ประเภทนั้น
ยอมทำเรื่องเลวร้ายทุกอย่างเพื่อที่จะอยู่เหนือคนอื่น
ถ้าอยู่เหนือคนอื่นได้ การโกงก็จะกลายเป็น ‘ความยุติธรรม’
นี่คือ…ธรรมเนียมของตระกูลเกลฮิล
ทางเดียวที่พวกเขาใช้เพื่อเอาตัวรอด