ตอนที่ 19
ภารกิจสำเร็จแล้ว
ได้เวลาต่อสู้
เวลาแห่งการต่อยเตะอากาศได้จบลงแล้ว ศัตรูที่เลี่ยงไม่ได้ปรากฏตัว ถึงเวลาต่อสู้ วิ่งไปสยบมันให้ได้ก่อนคนอื่น
เป้าหมาย : โจมตีใส่ศัตรูเป็นคนแรก 1/1 (สำเร็จ)
เป้าหมาย 2 : เป็นผู้ชนะศัตรู 1/1 (สำเร็จ)
คุณได้รับ strength +30
ผมได้ 30 strength เป็นรางวัลกับภารกิจ
พอเป็นแบบนี้ strength ที่ผมต้องการก็เหลืออีกแค่ 40 เพื่อที่จะเริ่มการฝึกของจริงที่สแตรงพูดถึง
นอกเหนือจากนั้น
สกิลใหม่ถูกปลดล็อค
สแตรงที่จำสกิลได้ในทันทีก็พูดขึ้นมา
“ดวงตาผู้เล่น! ตอนนี้เจ้าเป็นผู้เล่นของจริงแล้ว”
“แกรู้จักสกิลนี้เหรอ?”
“ก็ใช่น่ะสิ! มันคือสิ่งที่มีแต่ผู้เล่นเท่านั้นที่จะมีเลยนะ”
มันคือของสุดยอดที่แม้แต่สแตรงยังยอมรับ
หมายความว่ามันเป็นสกิลที่หลากหลายมาก
ดวงตาผู้เล่น
ติดตัว
เต็ม
คุณได้รับความสามารถที่จะมองเห็นรายละเอียดของทุกสิ่งด้วยดวงตาผู้เล่น คุณในตอนนี้สามารถรวบรวมและทำข้อมูลทั้งหมดเป็นตัวเลขได้
คุณสามารถรับรู้ถึงการซ่อนตัวและแกะรอยการล่องหนได้
ปลดล็อคมินิแมพ
คุณสามารถอ่านหน้าต่างสถานะของคนอื่นได้ ปริมาณข้อมูลที่เห็นจะจำกัดตามพลัง
ไม่ยากที่จะรู้ว่าสิ่งนี้คืออะไร
“ศัตรูที่ซ่อนตัวโดยใช้เวทย์ซ่อนตัวหรือล่องหนจะดูแปลกจากสายตาคุณ คุณจะเห็นเป็นโครงร่างจาง ๆ”
รับรู้ถึงเวทย์ซ่อนตัวและล่องหน
เรื่องนี้ไม่ต้องการคำอธิบายเพิ่ม
มันเรียบง่ายมาก แต่ก็เป็นความสามารถที่แข็งแกร่งมากด้วย
ต่อมา เมื่อผมใช้ ‘มินิแมพ’
‘นี่มัน…’
จอกึ่งโปร่งใสปรากฏเป็นแผนที่แบบหนึ่ง
แผนที่แสดงรายละเอียดภูมิประเทศของสถานที่สอบ และยังบ่งบอกจุดที่โอเกอร์นอนอยู่นอนนี้ด้วย
ถ้าผมเชื่อตามที่สแตรงบอก ‘มินิแมพ’ อันนี้จะแสดงทุกอย่างในเห็นในรัศมี 500 เมตรรอบตัวผม
สิ่งต่อมาที่ผมเห็นนั้นค่อนข้างน่าตกใจ
โอเกอร์สะบักหลัง
ขั้น 3.5/***x
อาศัยอยู่ในเทือกเขาพายุฝน เป็นโอเกอร์ที่มีสะบักหลังยื่นออกมา มันมีขนาดเล็กกว่าโอเกอร์ทั่วไปและแม้ว่าจะอ่อนแอกว่า มันก็ว่องไวกว่า
“นี่มันอะไร?”
“เห เจ้าตกใจเหรอ? นี่น่ะคือประโยชน์ที่แท้จริงของดวงตาผู้เล่นยังไงล่ะ”
ดวงตาผู้เล่น
ทำให้เห็นรายละเอียดของทุกสิ่ง
ผมเริ่มที่จะเห็นหน้าต่างสถานะของสิ่งอื่น
ในหน้าต่างสถานะ ผมจะเห็นชื่อ ระดับ และเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่อธิบายมาอย่างเข้าใจได้
‘ข้อมูล’ นั้นเป็นปัจจัยสำคัญที่จะเปลี่ยนผลการต่อสู้ได้อย่างมาก
ในการต่อสู้จริง แค่รู้ระดับของศัตรู พลังพิเศษ และพฤติกรรมก็ชิงความได้เปรียบได้แล้ว
เมื่อรู้แบบนี้แล้วก็ได้รู้ว่าความสามารถนี้เป็นประโยชน์ในระดับที่สูงมาก
แต่แน่นอน
ไฮเดล
จอมเวทย์ชั้น 6
คุณยังอ่านไม่ได้
“ไม่ง่ายที่เจ้าจะได้ข้อมูลของคนที่ระดับเหนือกว่าเจ้า”
เหมือนกับอาจารย์ไฮเดล ข้อมูลที่ผมเห็นจากคนที่แข็งแกร่งกว่านั้นถูกจำกัดอย่างมาก
ส่วนคนอย่างผู้อำนวยการไทเรียน อิกนิทที่แข็งแกร่งกว่าผมอย่างมากนั้น
ไม่มีแม้กระทั่งชื่อในหน้าต่างสถานะเลย
แต่แค่นี้ก็เหลือเฟือแล้ว
เมื่อคิดถึงพลังในตอนนี้ของผม ถ้าไม่รวมอาจารย์ไม่กี่คน มันก็แทบจะไม่มีใครในโรงเรียนเลยที่หน้าต่างสถานะถูกซ่อนจากผมได้
และถ้าคิดจากที่สแตรงบอก
“ยิ่งเจ้าแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ เจ้าก็จะยิ่งอ่านคนได้มากขึ้น”
หมายความว่าถ้าผมแข็งแกร่งพอ ผมจะเห็นหน้าต่างสถานะของใครก็ไได้
‘นี่มัน ให้ตายเถอะ…’
การแอบดูพลังของคนอื่นได้แบบนี้
แม้แต่จอมเวทย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกก็ยอมทิ้งทุกสิ่งเพื่อสร้างมัน และมันอาจจะเป็นไปไม่ได้เลยก็ได้
เพราะมันไม่ต่างอะไรจากอำนาจของพระเจ้า
ผมเกาปลายจมูกด้วยความรู้สึกสุขใจและอึ้งในขณะเดียวกัน
ในสถานที่สอบ เสียงเชียร์และเสียงตะโกนหาผมกำลังเกิดขึ้นไม่ขาด
การสอบครั้งที่สาม
มันดูเหมือนจะเป็นการต่อสู้ตัวต่อตัวกับโอเกอร์ที่ทำให้เพื่อนร่วมรุ่นของผมประทับใจมาก
“เอ่อ..นายคือรูน ใช่ไหม?
“เอ๋? ใช่”
“การสอบรอบสามน่ะ…นายเท่มากเลย เอ่อ…นี่…เอาไปกินตอนหิวนะ”
“ทำไมถึงให้ผมล่ะ…?”
มีหลายครั้งที่ผู้หญิงรุ่นน้องที่ผมไม่เคยเห็นหรือรู้จักชื่อจะเข้ามาและยื่นกล่องอาหารกลางวันกับเครื่องดื่มให้
และจากนั้น แน่นอน
“อ๊าย! น่าอายจังเลย!”
เด็กผู้หญิงคนนั้นก็จะใช้มือปิดหน้าที่แดงและกรี๊ด ‘อ๊าย! อ๊าย!’ แล้วก็วิ่งไป
ถ้าอายขนาดนี้แล้วจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรกัน?
มันเหมือนกับว่าพวกเธอสนุกเสียมากกว่า
เมื่อเห็นเรื่องทั้งหมดนี้ เจสันเพื่อนร่วมหอพักจะพึมพำกับตัวเองในน้ำเสียงพ่ายแพ้
“แกนี่มัน…น่าอิจฉาชะมัด”
“นายอยากกินไหม?”
เมื่อผมยื่นน้ำให้เจสัน เขาก็ลุกขึ้นมาจากเก้าอี้และตะโกนใส่ผมทันที
“ไม่ได้โว้ย! ถ้าชั้นกินก็ถือว่าไม่ให้เกียรติผู้หญิงที่ให้ข้าวกล่องแกทั้ง ๆ ที่เขินสิ!”
“...โมโหอะไรของนาย…”
“ครั้งหน้า! หลังจากสอบเสร็จชั้นจะต้องได้ของขวัญแบบนี้แน่! รูน! ชั้นรู้เรื่องพรสวรรค์ทางเวทย์นะ แต่ชั้นไม่เคยแพ้เรื่องความเป็นที่นิยมกับนายหรอก!”
เจ้าหมอนี่พูดอะไร?
ผมหัวเราะขณะส่ายหัว
เพื่อนร่วมหอของผม เจสัน
เขามักจะเป็นคนเจ้าชู้ที่ชอบผู้หญิงและรักสนุก และบางครั้งก็จะกระโดดข้ามกำแพงโรงเรียนเพื่อออกไปดื่มข้างนอก
เขาอาจจะขี้เกียจอยู่บ้างและขาดสเน่ห์ แต่เขาเป็นคนดีจริง ๆ
กับเจสันที่พูดแบบนี้โดยไม่เข้ากับนิสัยนั้น ดูเหมือนว่าเขาจะรู้สึกอะไรมาบ้างในการสอบครั้งที่แล้ว
ผมพูดหนึ่งสิ่งกับเจสัน
“พยายามอีกหน่อยเถอะ สอบรอบหน้านายต้องทำได้ดีแน่”
“อย่าเลย ชั้นไม่อยากได้ความเห็นใจจากนาย…”
“ไม่ใช่ความเห็นใจหรอก แล้วก็ไม่ใช่การให้กำลังใจกลวง ๆ ด้วย นายน่ะมีพรสวรรค์พอ ทำใจให้ดีและพยายามเข้าไว้”
“...จริงเหรอ?”
สิ่งที่ผมพูดนั้นเป็นความจริง
เป็นแค่เขาไม่พยายามเพราะมีนิสัยเจ้าชู้
เจสันนั้นมีพรสวรรค์ที่ซ่อนอยู่จริง ๆ
ไม่กี่วันก่อน ผมดูหน้าต่างสถานะของนักเรียนชั้นปีสุดท้ายทุกคนเผื่อไว้
และพวกเดียวที่ผมเห็นสถานะก็คือไมเคิล เกลฮิลกับเจสัน
ดังนั้น ถ้าเขาพยายามอีกซักหน่อย เขาก็จะได้ผลสอบที่ดีในครั้งถัดไป
“ใช่ พยายามเข้า อย่าเอาแต่เล่น”
เจสันกำหมัดด้วยความมุ่งมั่นหลังจากดูจะมั่นใจเมื่อได้รับคำชม
“เอาล่ะ! ครั้งถัดไป ชั้นต้องได้ 10 อันดับแรก!”
10 อันดับแรก
ค่อนข้างจะยากสำหรับเขาในตอนนี้
แต่อย่างไรก็ดีถ้าจะมีเป้าหมายเพื่อตัวเอง
ผมยักไหล่และหัวเราะติดตลกกับคำตอบ
เจสันยิ้ม เขาดูเขินอายนิด ๆ
“ยังไงก็เถอะ…รูน บางครั้งชั้นก็เชื่อไม่ลง”
“เชื่ออะไร?”
“นายยังเป็นรูนคนเดิมที่ชั้นรู้จักมา 6 ปีใช่ไหม?”
อืม
บางครั้งผมก็เชื่อไม่ลงเหมือนกัน
ความแตกต่างระหว่างชีวิตใน 5 ปีที่ผ่านมากับชีวิตในไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้มันมากเกินไป
ความตั้งมั่นที่แผดเผาอยู่ในใจยังคงเดิม
แต่คนอื่นนั้นมองผมเปลี่ยนไป
จากนักเรียนที่ล้มเหลวได้เลวร้ายที่สุด
“ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปมันก็ต้องเป็นแบบนี้แหละรูน มีคนพูดว่านายจะก้าวข้ามไมเคิล เกลฮิลและเป็นนักเรียนที่ดีที่สุดในโรงเรียน”
เป็นนักเรียนอันดับต้น ๆ เพื่อแข่งขันในการเป็นที่หนึ่ง
ผมที่ไม่ได้หลุดจากวงโคจรเองก็รู้เรื่องดีเช่นกัน
ไมเคิล เกลฮิลที่รักษาตำแหน่งนักเรียนคะแนนสูงมา 5 ปี
และผม คนที่ผ่านฤดูจบการศึกษา ‘อย่างก้าวกระโดด’ ในจุดที่คะแนนมีผลมากกว่า
การต่อสู้ระหว่างผมกับไมเคิลเพื่อชิงอันดับ 1 ในตอนนี้นั้นเป็นเรื่องเร่าร้อนที่สุดในวงสนทนา
ใครเก่งกว่ากัน?
ใครแกร่งกว่ากัน?
‘ตอนนี้ไมเคิลยังนำหน้าอยู่’
‘รูนเริ่มจริงจังมากขึ้นแล้วนะ’
เหตุผลที่ทุกคนพูดคุยกันเรื่องนี้ก็เพราะว่า…
“ก็นี่มันเป็นปีนั้นนี่ ปีของ ‘เทศกาลเวทมตร์’ และ ‘โอลิมเปียด’ ที่ทับซ้อนกัน ปีของเทศกาลครั้งใหญ่”
‘เทศกาลมหาเวทย์เรย์แนค’ จะเปิดในปีนี้
ในเดือน 5 ของทุกปี ‘เทศกาลเวทมนตร์’ จะถูกจัดขึ้นและจะรวบรวมนักเรียนที่มีความสามารถจากทั้งทวีปมารวมตัวกันและโรงเรียนที่มีชื่อเสียงจะตัดสินใจกันว่าใครเหนือกว่ากัน
และในทุก 8 ปี จอมเวทย์จะมาที่ ‘โอลิมเปียด’ เพื่อแข่งขันกันในหลายงาน
ในปีนี้ ‘เทศกาลเวทมนตร์’ และ ‘โอลิมเปียด’ ได้จัดในปีเดียวกัน
จึงเรียกว่าเป็น ‘เทศกาลใหญ่’
เทศกาลใหญ่นั้นเป็นการแข่งขันระดับชาติสำหรับนักเรียนที่มาจากโรงเรียนที่มีชื่อเสียงที่สุด
โรงเรียนที่เป็นผู้ชนะในเทศกาลใหญ่จะได้รับเงินจำนวนมหาศาลและสิทธิพิเศษมากมาย
แน่นอนว่าโอกาสที่จะเข้าร่วมงานใหญ่ครั้งนี้ไม่ได้มอบให้กับนักเรียนทุกคน
1 คนสำหรับงานเดี่ยว
30 คนสำหรับงานกลุ่ม
มีเพียงนักเรียน 31 อันดับแรกของโรงเรียนเท่านั้นที่จะเข้าร่วมได้
เพราะเรื่องนี้ เรื่องหลักที่คนพูดคุยกันก็จึงเป็น…
คนที่จะได้เข้าร่วมกิจกรรมเดี่ยว
“คิดว่าใครจะเป็นตัวแทนโรงเรียนเราปีนี้ล่ะ? ต้องเป็นรูนแน่เลยใช่ไหม?”
ตัวแทนของโรงเรียน
นักเรียนตัวแทนนั้นจะถูกเลือกภายในโรงเรียน
แน่นอน มันหมายความว่าจนกระทั่งตอนนี้ ตำแหน่งตัวแทนของโรงเรียนนั้นเป็นของไมเคิล เกลฮิล และผมก็ไม่เคยถูกนับว่าเป็น 31 ลำดับแรกใน ‘กิจกรรมกลุ่ม’ เลยสักครั้ง
แต่เพราะจู่ ๆ ที่ผมก็พุ่งทะยานขึ้นมา สถานการณ์จึงเปลี่ยนไปในปีนี้
ระหว่างผมกับไมเคิล
ใครจะเป็นตัวแทนของโรงเรียน?
เพราะคำถามนี้เอง คุณจึงได้ยินทั้งชื่อของผมและไมเคิลเต็มไปหมดเมื่อเข้ามาในโรงเรียน
“ก็ต้องเป็นรูนอยู่แล้วสิ!”
“ใช่ เขาเป็นจอมเวทย์คนเดียวที่ได้ 100 คะแนนจากคิงแกรมด้วยนี่นา”
ในเหตุการณ์ที่คล้าย ๆ กันแบบนี้ เจสันและนักเรียนคนอื่นอีกหลายคนก็เดาว่าผมจะเป็นตัวแทน
โดยมากก็เพราะหนึ่งเหตุผล
“ก็ครั้งที่แล้วที่ส่งไมเคิลไปสิ น่าขายหน้าจริง ๆ”
ผลการแข่งที่ไมเคิลแสดงออกมาในตอนที่ร่วมงานเทศงานเวทมนตร์นั้นนับได้ว่าเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์
ไม่จำเป็นต้องพูดถึงงานกิจกรรมกลุ่มด้วยซ้ำ และแม้แต่ในกิจกรรมเดี่ยว ใน 5 ครั้งที่เขาเป็นตัวแทน เขาได้ที่โหล่ไปสี่ครั้ง
และครั้งเดียวที่ไม่ได้อันดับสุดท้ายก็เป็นอันดับรองสุดท้าย
นี่จึงเป็นเหตุผลที่เรามีชื่อเล่นในระดับชาติว่า
‘โรงโหล่’
เกียรติยศของโรงเรียนที่สุดยอดอัครจอมเวทย์โฟรเลียน อิกนิทนั้นหมดความเปล่งประกายไปแล้ว
ถ้าหากออกไปนอกอาณาจักร ยังมีโรงเรียนเวทมนตร์เลื่องชื่อและมีเกียรติยศอยู่มากมาย
ถ้าหากเลือกโรงเรียนเหล่านั้นมาก็จะมีศูนย์ฝึกทหารเวทมนตร์เรย์แนคจากอาณาจักรเรย์แนคที่แข็งแกร่งที่สุด และวิทยาลัยหญิงเซกิที่ความสามารถโดดเด่นพอที่จะแข็งขันกับทีมที่ชนะในทุกปี
ดูจากระดับปัจจุบันของโรงเรียนเราแล้ว เราไม่มีสิทธิจะไปแข่งในกิจกรรมเดี่ยวหรือกลุ่มทั้งนั้น
“รูนคือโอกาสเดียวของเราเท่านั้นที่จะรอดจากการเป็น ‘โรงโหล่’ ได้ ไม่คิดแบบนั้นเหรอ?”
“ใช่ รูน นายคิดว่าไง?”
โรงโหล่
เพื่อที่จะกำจัดชื่อเล่นน่าอัปยศที่ติดอยู่หน้าชื่อโรงเรียนอิกนิทมา 6 ปี
เพื่อที่จะสลักชื่อในทวีปว่า ‘รูน อาเดล’ คือตัวแทนของโรงเรียน
ความปรารถนาได้กำเนิดขึ้น
เพราะนี่คือความฝันของนักเรียนทุกคนที่อยากจะเป็นจอมเวทย์ฝันอย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต
แต่ว่า
“...การสอบยังไม่จบนะ”
ยังเร็วเกินไปที่จะมั่นใจและคาดหวัง
คัวแทนองโรงเรียนที่จะเข้าเทศกาลใหญ่นั้นขึ้นอยู่กับผลสอบสองเทอมหนึ่งและการได้รับการแนะนำจากอาจารย์
และการสอบเทอมนี้ยังไม่จบ
ยังเหลือการสอบรอบ 4 อยู่
ซึ่งก็คือ การสู้กับไมเคิล
“มาสนใจการสอบครั้งต่อไปกันเถอะ”
เป้าหมายคือการเอาชนะในการสอบครั้งถัดไป
ในตอนนี้ นั่นคือสิ่งเดียวที่ต้องทำให้ได้