ตอนที่แล้วตอนที่ 18
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 20

ตอนที่ 19


ภารกิจสำเร็จแล้ว

ได้เวลาต่อสู้

เวลาแห่งการต่อยเตะอากาศได้จบลงแล้ว ศัตรูที่เลี่ยงไม่ได้ปรากฏตัว ถึงเวลาต่อสู้ วิ่งไปสยบมันให้ได้ก่อนคนอื่น

เป้าหมาย : โจมตีใส่ศัตรูเป็นคนแรก 1/1 (สำเร็จ)

เป้าหมาย 2 : เป็นผู้ชนะศัตรู 1/1 (สำเร็จ)

คุณได้รับ strength +30

ผมได้ 30 strength เป็นรางวัลกับภารกิจ

พอเป็นแบบนี้ strength ที่ผมต้องการก็เหลืออีกแค่ 40 เพื่อที่จะเริ่มการฝึกของจริงที่สแตรงพูดถึง

นอกเหนือจากนั้น

สกิลใหม่ถูกปลดล็อค

สแตรงที่จำสกิลได้ในทันทีก็พูดขึ้นมา

“ดวงตาผู้เล่น! ตอนนี้เจ้าเป็นผู้เล่นของจริงแล้ว”

“แกรู้จักสกิลนี้เหรอ?”

“ก็ใช่น่ะสิ! มันคือสิ่งที่มีแต่ผู้เล่นเท่านั้นที่จะมีเลยนะ”

มันคือของสุดยอดที่แม้แต่สแตรงยังยอมรับ

หมายความว่ามันเป็นสกิลที่หลากหลายมาก

ดวงตาผู้เล่น

ติดตัว

เต็ม

คุณได้รับความสามารถที่จะมองเห็นรายละเอียดของทุกสิ่งด้วยดวงตาผู้เล่น คุณในตอนนี้สามารถรวบรวมและทำข้อมูลทั้งหมดเป็นตัวเลขได้

คุณสามารถรับรู้ถึงการซ่อนตัวและแกะรอยการล่องหนได้

ปลดล็อคมินิแมพ

คุณสามารถอ่านหน้าต่างสถานะของคนอื่นได้ ปริมาณข้อมูลที่เห็นจะจำกัดตามพลัง

ไม่ยากที่จะรู้ว่าสิ่งนี้คืออะไร

“ศัตรูที่ซ่อนตัวโดยใช้เวทย์ซ่อนตัวหรือล่องหนจะดูแปลกจากสายตาคุณ คุณจะเห็นเป็นโครงร่างจาง ๆ”

รับรู้ถึงเวทย์ซ่อนตัวและล่องหน

เรื่องนี้ไม่ต้องการคำอธิบายเพิ่ม

มันเรียบง่ายมาก แต่ก็เป็นความสามารถที่แข็งแกร่งมากด้วย

ต่อมา เมื่อผมใช้ ‘มินิแมพ’

‘นี่มัน…’

จอกึ่งโปร่งใสปรากฏเป็นแผนที่แบบหนึ่ง

แผนที่แสดงรายละเอียดภูมิประเทศของสถานที่สอบ และยังบ่งบอกจุดที่โอเกอร์นอนอยู่นอนนี้ด้วย

ถ้าผมเชื่อตามที่สแตรงบอก ‘มินิแมพ’ อันนี้จะแสดงทุกอย่างในเห็นในรัศมี 500 เมตรรอบตัวผม

สิ่งต่อมาที่ผมเห็นนั้นค่อนข้างน่าตกใจ

โอเกอร์สะบักหลัง

ขั้น 3.5/***x

อาศัยอยู่ในเทือกเขาพายุฝน เป็นโอเกอร์ที่มีสะบักหลังยื่นออกมา มันมีขนาดเล็กกว่าโอเกอร์ทั่วไปและแม้ว่าจะอ่อนแอกว่า มันก็ว่องไวกว่า

“นี่มันอะไร?”

“เห เจ้าตกใจเหรอ? นี่น่ะคือประโยชน์ที่แท้จริงของดวงตาผู้เล่นยังไงล่ะ”

ดวงตาผู้เล่น

ทำให้เห็นรายละเอียดของทุกสิ่ง

ผมเริ่มที่จะเห็นหน้าต่างสถานะของสิ่งอื่น

ในหน้าต่างสถานะ ผมจะเห็นชื่อ ระดับ และเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่อธิบายมาอย่างเข้าใจได้

‘ข้อมูล’ นั้นเป็นปัจจัยสำคัญที่จะเปลี่ยนผลการต่อสู้ได้อย่างมาก

ในการต่อสู้จริง แค่รู้ระดับของศัตรู พลังพิเศษ และพฤติกรรมก็ชิงความได้เปรียบได้แล้ว

เมื่อรู้แบบนี้แล้วก็ได้รู้ว่าความสามารถนี้เป็นประโยชน์ในระดับที่สูงมาก

แต่แน่นอน

ไฮเดล

จอมเวทย์ชั้น 6

คุณยังอ่านไม่ได้

“ไม่ง่ายที่เจ้าจะได้ข้อมูลของคนที่ระดับเหนือกว่าเจ้า”

เหมือนกับอาจารย์ไฮเดล ข้อมูลที่ผมเห็นจากคนที่แข็งแกร่งกว่านั้นถูกจำกัดอย่างมาก

ส่วนคนอย่างผู้อำนวยการไทเรียน อิกนิทที่แข็งแกร่งกว่าผมอย่างมากนั้น

ไม่มีแม้กระทั่งชื่อในหน้าต่างสถานะเลย

แต่แค่นี้ก็เหลือเฟือแล้ว

เมื่อคิดถึงพลังในตอนนี้ของผม ถ้าไม่รวมอาจารย์ไม่กี่คน มันก็แทบจะไม่มีใครในโรงเรียนเลยที่หน้าต่างสถานะถูกซ่อนจากผมได้

และถ้าคิดจากที่สแตรงบอก

“ยิ่งเจ้าแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ เจ้าก็จะยิ่งอ่านคนได้มากขึ้น”

หมายความว่าถ้าผมแข็งแกร่งพอ ผมจะเห็นหน้าต่างสถานะของใครก็ไได้

‘นี่มัน ให้ตายเถอะ…’

การแอบดูพลังของคนอื่นได้แบบนี้

แม้แต่จอมเวทย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกก็ยอมทิ้งทุกสิ่งเพื่อสร้างมัน และมันอาจจะเป็นไปไม่ได้เลยก็ได้

เพราะมันไม่ต่างอะไรจากอำนาจของพระเจ้า

ผมเกาปลายจมูกด้วยความรู้สึกสุขใจและอึ้งในขณะเดียวกัน

ในสถานที่สอบ เสียงเชียร์และเสียงตะโกนหาผมกำลังเกิดขึ้นไม่ขาด

การสอบครั้งที่สาม

มันดูเหมือนจะเป็นการต่อสู้ตัวต่อตัวกับโอเกอร์ที่ทำให้เพื่อนร่วมรุ่นของผมประทับใจมาก

“เอ่อ..นายคือรูน ใช่ไหม?

“เอ๋? ใช่”

“การสอบรอบสามน่ะ…นายเท่มากเลย เอ่อ…นี่…เอาไปกินตอนหิวนะ”

“ทำไมถึงให้ผมล่ะ…?”

มีหลายครั้งที่ผู้หญิงรุ่นน้องที่ผมไม่เคยเห็นหรือรู้จักชื่อจะเข้ามาและยื่นกล่องอาหารกลางวันกับเครื่องดื่มให้

และจากนั้น แน่นอน

“อ๊าย! น่าอายจังเลย!”

เด็กผู้หญิงคนนั้นก็จะใช้มือปิดหน้าที่แดงและกรี๊ด ‘อ๊าย! อ๊าย!’ แล้วก็วิ่งไป

ถ้าอายขนาดนี้แล้วจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรกัน?

มันเหมือนกับว่าพวกเธอสนุกเสียมากกว่า

เมื่อเห็นเรื่องทั้งหมดนี้ เจสันเพื่อนร่วมหอพักจะพึมพำกับตัวเองในน้ำเสียงพ่ายแพ้

“แกนี่มัน…น่าอิจฉาชะมัด”

“นายอยากกินไหม?”

เมื่อผมยื่นน้ำให้เจสัน เขาก็ลุกขึ้นมาจากเก้าอี้และตะโกนใส่ผมทันที

“ไม่ได้โว้ย! ถ้าชั้นกินก็ถือว่าไม่ให้เกียรติผู้หญิงที่ให้ข้าวกล่องแกทั้ง ๆ ที่เขินสิ!”

“...โมโหอะไรของนาย…”

“ครั้งหน้า! หลังจากสอบเสร็จชั้นจะต้องได้ของขวัญแบบนี้แน่! รูน! ชั้นรู้เรื่องพรสวรรค์ทางเวทย์นะ แต่ชั้นไม่เคยแพ้เรื่องความเป็นที่นิยมกับนายหรอก!”

เจ้าหมอนี่พูดอะไร?

ผมหัวเราะขณะส่ายหัว

เพื่อนร่วมหอของผม เจสัน

เขามักจะเป็นคนเจ้าชู้ที่ชอบผู้หญิงและรักสนุก และบางครั้งก็จะกระโดดข้ามกำแพงโรงเรียนเพื่อออกไปดื่มข้างนอก

เขาอาจจะขี้เกียจอยู่บ้างและขาดสเน่ห์ แต่เขาเป็นคนดีจริง ๆ

กับเจสันที่พูดแบบนี้โดยไม่เข้ากับนิสัยนั้น ดูเหมือนว่าเขาจะรู้สึกอะไรมาบ้างในการสอบครั้งที่แล้ว

ผมพูดหนึ่งสิ่งกับเจสัน

“พยายามอีกหน่อยเถอะ สอบรอบหน้านายต้องทำได้ดีแน่”

“อย่าเลย ชั้นไม่อยากได้ความเห็นใจจากนาย…”

“ไม่ใช่ความเห็นใจหรอก แล้วก็ไม่ใช่การให้กำลังใจกลวง ๆ ด้วย นายน่ะมีพรสวรรค์พอ ทำใจให้ดีและพยายามเข้าไว้”

“...จริงเหรอ?”

สิ่งที่ผมพูดนั้นเป็นความจริง

เป็นแค่เขาไม่พยายามเพราะมีนิสัยเจ้าชู้

เจสันนั้นมีพรสวรรค์ที่ซ่อนอยู่จริง ๆ

ไม่กี่วันก่อน ผมดูหน้าต่างสถานะของนักเรียนชั้นปีสุดท้ายทุกคนเผื่อไว้

และพวกเดียวที่ผมเห็นสถานะก็คือไมเคิล เกลฮิลกับเจสัน

ดังนั้น ถ้าเขาพยายามอีกซักหน่อย เขาก็จะได้ผลสอบที่ดีในครั้งถัดไป

“ใช่ พยายามเข้า อย่าเอาแต่เล่น”

เจสันกำหมัดด้วยความมุ่งมั่นหลังจากดูจะมั่นใจเมื่อได้รับคำชม

“เอาล่ะ! ครั้งถัดไป ชั้นต้องได้ 10 อันดับแรก!”

10 อันดับแรก

ค่อนข้างจะยากสำหรับเขาในตอนนี้

แต่อย่างไรก็ดีถ้าจะมีเป้าหมายเพื่อตัวเอง

ผมยักไหล่และหัวเราะติดตลกกับคำตอบ

เจสันยิ้ม เขาดูเขินอายนิด ๆ

“ยังไงก็เถอะ…รูน บางครั้งชั้นก็เชื่อไม่ลง”

“เชื่ออะไร?”

“นายยังเป็นรูนคนเดิมที่ชั้นรู้จักมา 6 ปีใช่ไหม?”

อืม

บางครั้งผมก็เชื่อไม่ลงเหมือนกัน

ความแตกต่างระหว่างชีวิตใน 5 ปีที่ผ่านมากับชีวิตในไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้มันมากเกินไป

ความตั้งมั่นที่แผดเผาอยู่ในใจยังคงเดิม

แต่คนอื่นนั้นมองผมเปลี่ยนไป

จากนักเรียนที่ล้มเหลวได้เลวร้ายที่สุด

“ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปมันก็ต้องเป็นแบบนี้แหละรูน มีคนพูดว่านายจะก้าวข้ามไมเคิล เกลฮิลและเป็นนักเรียนที่ดีที่สุดในโรงเรียน”

เป็นนักเรียนอันดับต้น ๆ เพื่อแข่งขันในการเป็นที่หนึ่ง

ผมที่ไม่ได้หลุดจากวงโคจรเองก็รู้เรื่องดีเช่นกัน

ไมเคิล เกลฮิลที่รักษาตำแหน่งนักเรียนคะแนนสูงมา 5 ปี

และผม คนที่ผ่านฤดูจบการศึกษา ‘อย่างก้าวกระโดด’ ในจุดที่คะแนนมีผลมากกว่า

การต่อสู้ระหว่างผมกับไมเคิลเพื่อชิงอันดับ 1 ในตอนนี้นั้นเป็นเรื่องเร่าร้อนที่สุดในวงสนทนา

ใครเก่งกว่ากัน?

ใครแกร่งกว่ากัน?

‘ตอนนี้ไมเคิลยังนำหน้าอยู่’

‘รูนเริ่มจริงจังมากขึ้นแล้วนะ’

เหตุผลที่ทุกคนพูดคุยกันเรื่องนี้ก็เพราะว่า…

“ก็นี่มันเป็นปีนั้นนี่ ปีของ ‘เทศกาลเวทมตร์’ และ ‘โอลิมเปียด’ ที่ทับซ้อนกัน ปีของเทศกาลครั้งใหญ่”

‘เทศกาลมหาเวทย์เรย์แนค’ จะเปิดในปีนี้

ในเดือน 5 ของทุกปี ‘เทศกาลเวทมนตร์’ จะถูกจัดขึ้นและจะรวบรวมนักเรียนที่มีความสามารถจากทั้งทวีปมารวมตัวกันและโรงเรียนที่มีชื่อเสียงจะตัดสินใจกันว่าใครเหนือกว่ากัน

และในทุก 8 ปี จอมเวทย์จะมาที่ ‘โอลิมเปียด’ เพื่อแข่งขันกันในหลายงาน

ในปีนี้ ‘เทศกาลเวทมนตร์’ และ ‘โอลิมเปียด’ ได้จัดในปีเดียวกัน

จึงเรียกว่าเป็น ‘เทศกาลใหญ่’

เทศกาลใหญ่นั้นเป็นการแข่งขันระดับชาติสำหรับนักเรียนที่มาจากโรงเรียนที่มีชื่อเสียงที่สุด

โรงเรียนที่เป็นผู้ชนะในเทศกาลใหญ่จะได้รับเงินจำนวนมหาศาลและสิทธิพิเศษมากมาย

แน่นอนว่าโอกาสที่จะเข้าร่วมงานใหญ่ครั้งนี้ไม่ได้มอบให้กับนักเรียนทุกคน

1 คนสำหรับงานเดี่ยว

30 คนสำหรับงานกลุ่ม

มีเพียงนักเรียน 31 อันดับแรกของโรงเรียนเท่านั้นที่จะเข้าร่วมได้

เพราะเรื่องนี้ เรื่องหลักที่คนพูดคุยกันก็จึงเป็น…

คนที่จะได้เข้าร่วมกิจกรรมเดี่ยว

“คิดว่าใครจะเป็นตัวแทนโรงเรียนเราปีนี้ล่ะ? ต้องเป็นรูนแน่เลยใช่ไหม?”

ตัวแทนของโรงเรียน

นักเรียนตัวแทนนั้นจะถูกเลือกภายในโรงเรียน

แน่นอน มันหมายความว่าจนกระทั่งตอนนี้ ตำแหน่งตัวแทนของโรงเรียนนั้นเป็นของไมเคิล เกลฮิล และผมก็ไม่เคยถูกนับว่าเป็น 31 ลำดับแรกใน ‘กิจกรรมกลุ่ม’ เลยสักครั้ง

แต่เพราะจู่ ๆ ที่ผมก็พุ่งทะยานขึ้นมา สถานการณ์จึงเปลี่ยนไปในปีนี้

ระหว่างผมกับไมเคิล

ใครจะเป็นตัวแทนของโรงเรียน?

เพราะคำถามนี้เอง คุณจึงได้ยินทั้งชื่อของผมและไมเคิลเต็มไปหมดเมื่อเข้ามาในโรงเรียน

“ก็ต้องเป็นรูนอยู่แล้วสิ!”

“ใช่ เขาเป็นจอมเวทย์คนเดียวที่ได้ 100 คะแนนจากคิงแกรมด้วยนี่นา”

ในเหตุการณ์ที่คล้าย ๆ กันแบบนี้ เจสันและนักเรียนคนอื่นอีกหลายคนก็เดาว่าผมจะเป็นตัวแทน

โดยมากก็เพราะหนึ่งเหตุผล

“ก็ครั้งที่แล้วที่ส่งไมเคิลไปสิ น่าขายหน้าจริง ๆ”

ผลการแข่งที่ไมเคิลแสดงออกมาในตอนที่ร่วมงานเทศงานเวทมนตร์นั้นนับได้ว่าเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์

ไม่จำเป็นต้องพูดถึงงานกิจกรรมกลุ่มด้วยซ้ำ และแม้แต่ในกิจกรรมเดี่ยว ใน 5 ครั้งที่เขาเป็นตัวแทน เขาได้ที่โหล่ไปสี่ครั้ง

และครั้งเดียวที่ไม่ได้อันดับสุดท้ายก็เป็นอันดับรองสุดท้าย

นี่จึงเป็นเหตุผลที่เรามีชื่อเล่นในระดับชาติว่า

‘โรงโหล่’

เกียรติยศของโรงเรียนที่สุดยอดอัครจอมเวทย์โฟรเลียน อิกนิทนั้นหมดความเปล่งประกายไปแล้ว

ถ้าหากออกไปนอกอาณาจักร ยังมีโรงเรียนเวทมนตร์เลื่องชื่อและมีเกียรติยศอยู่มากมาย

ถ้าหากเลือกโรงเรียนเหล่านั้นมาก็จะมีศูนย์ฝึกทหารเวทมนตร์เรย์แนคจากอาณาจักรเรย์แนคที่แข็งแกร่งที่สุด และวิทยาลัยหญิงเซกิที่ความสามารถโดดเด่นพอที่จะแข็งขันกับทีมที่ชนะในทุกปี

ดูจากระดับปัจจุบันของโรงเรียนเราแล้ว เราไม่มีสิทธิจะไปแข่งในกิจกรรมเดี่ยวหรือกลุ่มทั้งนั้น

“รูนคือโอกาสเดียวของเราเท่านั้นที่จะรอดจากการเป็น ‘โรงโหล่’ ได้ ไม่คิดแบบนั้นเหรอ?”

“ใช่ รูน นายคิดว่าไง?”

โรงโหล่

เพื่อที่จะกำจัดชื่อเล่นน่าอัปยศที่ติดอยู่หน้าชื่อโรงเรียนอิกนิทมา 6 ปี

เพื่อที่จะสลักชื่อในทวีปว่า ‘รูน อาเดล’ คือตัวแทนของโรงเรียน

ความปรารถนาได้กำเนิดขึ้น

เพราะนี่คือความฝันของนักเรียนทุกคนที่อยากจะเป็นจอมเวทย์ฝันอย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต

แต่ว่า

“...การสอบยังไม่จบนะ”

ยังเร็วเกินไปที่จะมั่นใจและคาดหวัง

คัวแทนองโรงเรียนที่จะเข้าเทศกาลใหญ่นั้นขึ้นอยู่กับผลสอบสองเทอมหนึ่งและการได้รับการแนะนำจากอาจารย์

และการสอบเทอมนี้ยังไม่จบ

ยังเหลือการสอบรอบ 4 อยู่

ซึ่งก็คือ การสู้กับไมเคิล

“มาสนใจการสอบครั้งต่อไปกันเถอะ”

เป้าหมายคือการเอาชนะในการสอบครั้งถัดไป

ในตอนนี้ นั่นคือสิ่งเดียวที่ต้องทำให้ได้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด