บทที่ 92: ข้ารอให้พวกเจ้ามาหานานแล้ว
หลงโม่เงยหน้าขึ้นก่อนจะเลื่อนดวงตาสีทองไปมองหลงอู่
เมื่อภูตมังกรตัวใหญ่สัมผัสได้ถึงความเป็นปรปักษ์ที่น่ากลัวในรูม่านตาสีทองคู่นั้น ใบหน้าของเขาก็แข็งทื่อ จากนั้นเขาก็ปิดปากเงียบไปโดยไม่รู้ตัว
ครู่ถัดมา อิงหยวนเดินเข้าไปหาหลงโม่พร้อมกับจ้องมองอีกฝ่ายเขม็งแล้วเอ่ยถามว่า
"เจ้ารู้ได้ยังไงว่าพวกมันอยู่ที่ไหน?"
ในขณะที่มังกรหนุ่มต้องเผชิญหน้ากับออร่าอันทรงพลังของภูตอินทรี เขาก็ยังไม่รู้สึกสะทกสะท้านก่อนจะตอบอย่างเย็นชาว่า "ข้าเคยตามรอยไปถึงรังของพวกมันแล้ว"
หลังจากที่เขาไปพบท่านผู้เฒ่าพร้อมกับหูเจียวเจียวครั้งล่าสุด เดิมทีเขาต้องการออกไปหาวัสดุก่อสร้างที่จิ้งจอกสาวต้องการ แต่เมื่อเขาผ่านสถานที่ที่เป็นแหล่งอาหาร เขากลับเปลี่ยนใจติดตามร่องรอยที่ภูตเร่ร่อนทิ้งไว้เพื่อค้นหาถ้ำที่พวกมันซ่อนตัวอยู่
เนื่องจากเขาต้องการหาโอกาสที่จะล้างแค้นแทนผู้หญิงคนนั้น แต่เขาไม่คิดว่าโอกาสจะมาถึงเร็วขนาดนี้
คำตอบของหลงโม่ทำให้อิงหยวนขมวดคิ้วมองชายตรงหน้านิ่ง 2-3 วินาที เขากำลังสงสัยคำพูดของอีกฝ่ายว่าเป็นความจริงหรือไม่
“เอาเถอะ ในเมื่อเจ้ารู้แล้ว เจ้าก็นำทางไป”
ในไม่ช้าชายผู้แข็งแกร่งที่สุดในเผ่าก็ตัดสินใจ
ความจริงแล้วอิงหยวนไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้มากนัก เขาเลือกที่จะเชื่อคนในเผ่าของตน บวกกับอยากจะทำให้เรื่องนี้มันจบโดยเร็วที่สุด เขาจึงไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้อีกแล้ว
อีกอย่าง สิ่งที่หลงโม่พูดมาก็มีเหตุผล
ปัจจุบันทุกคนลงเรือลำเดียวกันแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีใครกล้าฝ่าฝืนคำสั่งของอินทรีหนุ่ม เขาจึงพูดเสริมขึ้นมาว่า
“ถึงยังไงหลงโม่ก็อาศัยอยู่ในป่ามาตั้งนานแล้ว เขาคงคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมที่นี่มากกว่าเราเป็นไหน ๆ บางทีเขาอาจจะรู้จริง ๆ ว่าภูตเร่ร่อนซ่อนตัวอยู่ที่ไหน”
"หลงโม่ รีบพาเราไปที่นั่น—"
ขณะนั้นหลงอู่ที่อยู่ด้านข้างตั้งท่าจะพูดขัดอิงหยวนขึ้นมา แต่พอเห็นว่ามีคนจำนวนมากเข้าข้างอีกฝ่าย เขาก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้อีก
ชายร่างบึกบึนเลยทำได้เพียงชำเลืองมองสหายมังกรด้วยสายตาชั่วร้ายพลางเม้มริมฝีปากเย้ยหยัน
หึ! ตอนที่เจ้าไปถึงที่ซ่อนของภูตเร่ร่อน ก็ถึงเวลาตายของเจ้าแล้ว!
ต่อมา หลงโม่ก็เป็นฝ่ายเดินนำกลุ่มภูตเข้าไปในส่วนลึกของป่า
เนื่องจากที่นี่ไม่ค่อยมีใครสัญจรผ่านไปมา ทำให้ต้นไม้เติบโตสูงใหญ่และมีพุ่มไม้เขียวชอุ่มสูงเกือบเท่าตัวคนอยู่รอบ ๆ อีกทั้งตอนนี้ภูตทุกคนแปลงร่างเป็นสัตว์เพื่อให้เดินทางได้อย่างคล่องตัว ตามปกติแล้ว รูปร่างของภูตนั้นมีขนาดใหญ่โตกว่าสัตว์ป่าทั่วไป 2-3 เท่า จึงเป็นเหตุให้การเดินทางในป่าทึบแห่งนี้ยิ่งลำบากมากขึ้น
เวลาผ่านไปไม่นาน หลงโม่ซึ่งเป็นผู้นำแถวหน้าของกลุ่มจู่ ๆ ก็หยุดฝีเท้าและเตือนสมาชิกในกลุ่มด้วยเสียงสัตว์
“เรามาถึงแล้ว ข้างหน้านั่นคือรังของพวกภูตเร่ร่อน”
จากนั้นอิงหยวนก็ยกมือขึ้นแสดงให้ทุกคนหยุด ในเวลาเดียวกัน พวกภูตชายก็มองไปข้างหน้าอย่างกระวนกระวายใจ
เหล่าภูตทั้งหลายมองเห็นที่ราบที่อยู่ถัดจากป่าทึบ โดยมีเศษใบไม้แห้ง ไม้ผุ รวมถึงหินที่เปื้อนอุจจาระสกปรกกองรวมกัน หากกวาดตามองเสี้ยววินาทีแรก มันดูไม่เหมือนสถานที่ที่จะมีใครอาศัยอยู่เลย
ที่นี่เหมือนเอาไว้ให้สัตว์ป่าอาศัยอยู่มากกว่า
แต่ถ้าสังเกตดี ๆ จะพบว่ามีกระสอบใส่ดินวางอยู่หลังพื้นราบซึ่งดูเหมือนกองทับซ้อนกัน พอมองจากระยะไกลจะเห็นถ้ำลึกตรงด้านหลังกระสอบดินคล้ายกับบังเกอร์หลุมหลบภัย
เมื่อพิจารณาดูแล้ว นี่คือรังของพวกภูตเร่ร่อนจริง ๆ
ถ้ำที่มืดและอับชื้นซึ่งซ่อนอยู่หลังกระสอบดินที่สกปรกนั้นสะท้อนถึงลักษณะของภูตเร่ร่อนอย่างแท้จริง
"ในเมื่อเราพบที่ซ่อนของพวกมันแล้ว เราจะรออะไรอีก? ก่อนที่พวกมันจะพบเรา เราควรจะรีบฆ่าพวกมันทั้งหมด!" หลงอู่กล่าวอย่างหมดความอดทน
เขาออกมาท่องโลกกว้างเพื่อฝึกฝน ถ้าเขาไม่เริ่มทำสงคราม เขาจะมีโอกาสได้ฝึกฝนตัวเองตอนไหนอีก!
เดิมทีภูตมังกรร่างใหญ่ตั้งใจจะปล่อยให้ภูตไร้ประโยชน์พวกนี้ได้เห็นความแข็งแกร่งของตน หากเขาได้หูเจียวเจียวไปครอบครอง ถึงเวลานั้นเขาจะไม่ปล่อยให้หัวหน้าเผ่าคนเดิมได้ปกครองเผ่าแห่งนี้อีก
แต่สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ ความคิดดังกล่าวก็อยู่ในหัวของอิงหยวนเหมือนกัน
“พวกเจ้า 2 คนเข้าไปสำรวจทางกับข้า และล่อพวกภูตเร่ร่อนออกมา ส่วนพวกเจ้าที่เหลือซุ่มอยู่ที่นี่”
สิ้นเสียงของผู้นำกลุ่ม นกอินทรีดำก็กางปีกบินออกไปในอากาศ โดยมีจุดมุ่งหมายคือการบินเข้าไปในถ้ำ
“ช้าก่อน” จังหวะนั้นหลงโม่กระซิบเรียกคนอื่นพลางมองไปรอบ ๆ อย่างระแวดระวัง “ทำไมรังของภูตเร่ร่อนถึงเงียบได้ขนาดนี้ มันผิดปกติ...”
หลงอู่ตวัดสายตามองคนพูดอย่างไม่พอใจ "หลงโม่ เจ้าคิดที่จะทำอะไร? ถ้าเจ้ากลัว เจ้าก็ไปซ่อนตัวอยู่ข้างหลังโน่น อย่ามาพูดจามั่วซั่ว ตอนนี้เป็นเวลาเช้าตรู่ พวกภูตเร่ร่อนเกียจคร้านคงยังไม่ตื่นกันหรอก"
อิงหยวนเองก็หันไปจ้องคนที่ถูกตราหน้าว่าสวะเขม็ง ในขณะที่เขาไม่สนใจคำเตือนของอีกฝ่ายเลยแม้แต่นิดเดียว
“เจ้าไม่ต้องกังวล เจ้าเป็นคนพาเรามาที่นี่ ยังไงเราก็จะยกความดีความชอบให้เจ้า ส่วนที่เหลือเราจะจัดการกันต่อเอง เจ้ารอพวกเราอยู่ที่นี่ก็ได้”
อินทรีหนุ่มพูดจบแล้วก็พุ่งทะยานหายวับไปกับตา
ก่อนที่หลงโม่จะทันได้คัดค้าน เขาได้นำกำลังภูตหลายสิบคนบุกเข้าไปในถ้ำแล้ว
โดยทิ้งไว้เพียงเจ้าของดวงตาสีทองอันหม่นหมองที่จ้องมองแผ่นหลังของกลุ่มคนที่พุ่งออกไป
...
อีกด้านหนึ่ง อิงหยวนได้บินนำเหล่าภูตกลุ่มหนึ่งกำลังมุ่งหน้าเข้าไปในถ้ำ
ทันใดนั้น ภูตที่รั้งอยู่ท้ายสุดก็ร้องอุทานขึ้นมา "อ๊ากกกกก!"
ตอนที่ภูตนกอินทรีหันไปมอง เขาเห็นงูหลามสีดำตัวหนึ่งโผล่หัวขึ้นมาจากพื้นแล้วใช้ส่วนหางรัดรอบคอสมาชิกในกลุ่มของเขาเอาไว้แน่น ในขณะที่ชายคนนั้นถูกบีบคอจนหน้าแดงพลางดิ้นรนออกจากพันธนาการของศัตรู
ชายหนุ่มขมวดคิ้วพร้อมกับรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี
"เฮ้ย! ภูตเร่ร่อนพบเราเข้าแล้ว!"
คนที่เหลือพากันตื่นตระหนก ก่อนที่พวกเขาจะทันได้ล่าถอยออกไป ร่างของภูตเร่ร่อนที่ทั้งน่าเกลียดน่ากลัวมากกว่า 10 คนก็โผล่ออกมาจากหลังกระสอบดินมาล้อมแขกเอาไว้
หัวหน้าของเหล่าภูตเร่ร่อนคือแมงป่องช้างสีน้ำตาลแดงที่มีขนาดเท่าช้าง 2 ตัวรวมกัน
บนร่างของมันมีหนามแหลมปกคลุมอยู่ทั่วตัวและมีปุยขนสีน้ำตาลอยู่รอบหัว บวกกับหางยาวที่มีปลายแหลมชูอยู่เหนือหัวของมัน เมื่อรวมเข้ากับพิษที่อยู่บนปลายหางนั้น ทำให้หัวหน้าภูตเร่ร่อนดูน่าเกรงขามมากขึ้น
บัดนี้ดวงตาสีน้ำตาลของมันกำลังจ้องมองไปที่อิงหยวน ก่อนจะเปล่งเสียงหัวเราะประหลาดออกมา
"เคี้ยกๆๆ...เสี่ยวหู่พูดถูก พวกเจ้ามาที่นี่จริง ๆ ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนั้นจะไม่ได้ล้อเล่น ข้าไม่คิดว่าพวกเจ้าจะหลงกลมาที่นี่ง่ายดายเช่นนี้ ข้าเฝ้ารอพวกเจ้ามานานแล้ว"
ในตอนนั้นเอง อินทรีหนุ่มรู้สึกว่าตนเดินเข้ามาติดกับดักของศัตรูอย่างสมบูรณ์
“เจ้าซุ่มโจมตีพวกเรา!”
ถ้าเขายังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นในเวลานี้ มันคงบ่งบอกว่าสมองของเขาพิการไปแล้ว
"ภูตในเผ่าของเจ้าฆ่าน้องชายของข้า ดังนั้นข้าจะล้างแค้นให้เขาเอง ไม่ต้องกังวล หลังจากที่เจ้าตาย ข้าจะคอยดูแลผู้หญิงในเผ่าของเจ้าอย่างดี เคี้ยกๆๆ..."
แมงป่องยักษ์เงยหน้าขึ้นหัวเราะ เผยให้เห็นดวงตาที่แฝงไปด้วยความชั่วร้าย
"เจ้ากล้ารึ!" คำพูดของศัตรูทำให้อิงหยวนโกรธมาก เพราะลู่เมี่ยนเอ๋อคือสิ่งสำคัญที่สุดของเขา
สิ้นเสียงคำราม เขาก็กางปีกออกเพื่อรวบรวมพละกำลัง แล้วพุ่งเข้าหาแมงป่องร้ายพร้อมตวัดกรงเล็บอินทรีใส่อีกฝ่าย
ทางด้านภูตคนอื่นพอเห็นหัวหน้ากลุ่มเปิดการโจมตี ทุกคนก็พุ่งทะยานเข้าไปปะทะกับเหล่าภูตเร่ร่อน
ในป่าทึบ กลุ่มภูตที่แปลงร่างเป็นสัตว์ทั้งหมดยังคงรอที่จะลอบสังหารภูตเร่ร่อน แต่พอทุกคนได้ยินเสียงการต่อสู้ในถ้ำ พวกเขาก็ชะงักค้างไปเนื่องจากสถานการณ์เกิดการพลิกผันโดยไม่คาดคิด
ใบหน้าของหลงอู่เปลี่ยนไป พร้อมกับสบถเสียงเบา "กลุ่มภูตเร่ร่อนที่ร้ายกาจกลุ่มนี้เจ้าเล่ห์จริง ๆ พวกมันรอซุ่มโจมตีเราอยู่ที่นี่ก่อนแล้ว"
ทันใดนั้นเขาก็สงบสติอารมณ์ลง
ในเมื่ออิงหยวนติดกับดักของศัตรูแล้ว นี่มันคือเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่เขาจะได้แสดงพลังของตัวเองไม่ใช่หรือ?
ต่อมา ภูตมังกรตัวใหญ่เดินไปที่ด้านหน้าของกลุ่มโดยกำลังจะออกคำสั่งให้สมาชิกทุกคน ทว่าหลงโม่กลับพุ่งออกไปเสียก่อน
ในเวลานั้น คนอื่น ๆ ก็กลับมาตั้งสติได้ พวกเขาจึงรีบตามหลังมังกรหนุ่มไปติด ๆ
"อิงหยวนกำลังถูกซุ่มโจมตี ทุกคนรีบไปช่วยเขาเร็ว!"
"บัดซบ!" หลงอู่กัดฟันมองไปที่ด้านหลังของหลงโม่อย่างโกรธแค้น
ไอ้สวะไร้ประโยชน์นั่นดันมาขโมยช่วงเวลาที่ข้าจะได้เฉิดฉายไปเสียได้!
ทว่า…
หลงโม่ยังไม่ทันได้ก้าวออกไปจากป่าทึบก็มีเสือตัวสีเหลืองสลับดำเข้ามาขวางทาง
"เป็นเจ้านั่นเอง?"
เมื่อมังกรหนุ่มเห็นเสือโคร่งหูขาดที่คุ้นตา แสงเย็นเยียบก็ส่องประกายไปทั่วดวงตาสีทองของเขา
ถ้าเขาจำไม่ผิด ภูตเร่ร่อนที่เกือบทำร้ายหูเจียวเจียวในครั้งที่แล้วก็คือเสือหูขาดตัวหนึ่ง
ยามนี้เสือโคร่งตัวใหญ่ยืนจังก้าอยู่ระหว่างป่าทึบกับพื้นที่ราบด้วยรอยยิ้มแห่งชัยชนะ
“อยากจะเข้าไปช่วยพวกมันงั้นหรือ เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ!”
ทันทีที่ภูตเสือพูดจบ เสียงหอนของหมาป่าก็ดังขึ้นรอบ ๆ ป่าทึบ...