ตอนที่แล้วตอนที่ 3 มุ่งมั่นตั้งใจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 5 ความเจ็บปวดที่เพิ่มขึ้น

ตอนที่ 4 ทำความเข้าใจจิตเวทย์


ในเวลานั้นเอลิน่าและราซ (พ่อ) ได้กลับมาที่บ้าน เมื่อพวกเขาได้ยินเสียงร้องอย่างสิ้นหวังของลิธ พวกเขาก็รีบวิ่งไปหาเขา

เมื่อพวกเขาเห็นออพัลที่กำลังอาเจียนพวกเขาก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นทันที พวกเขานั้นได้สงสัยอยู่แล้วเนื่องจากเมื่อใดก็ตามที่ออพัลป้อนข้าวให้ลิธ เขาก็มักจะหิวมากกว่าปกติเสมอ

แต่ตอนนี้พวกเขามีหลักฐานที่ชัดเจน นั่นก็คือซุปครีมที่ยังไม่ย่อยที่กองอยู่เต็มพื้น

ใบหน้าของราซเปลี่ยนเป็นแดงก่ำด้วยความโกรธ

*“เจ้า... !”* แต่เขาก็ต้องหยุดคำพูดนั้นลง ลูกคนอื่น ๆ ของเขาก็กลับมาแล้วเช่นกัน

“แม่*ผิดหวัง* ในตัวเจ้ามาก” เอลิน่าพูดหลังจากที่เห็นว่าสามีของเธอโกรธจนพูดไม่ออก

*“จากนี้ไปเอลิน่าจะป้อนข้าวให้ลิธต่อ ส่วนเจ้าต้องไปทำหน้าที่ของเธอแทนที่คอกวัว ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะแย่งวัวกินฟางหรอกนะ”*

“แต่ท่านแม่…” ออพัลพยายามพูดเพื่อปกป้องตัวเอง เขาเกลียดวัวและก็เกลียดกลิ่นของพวกมัน

*“ไม่มีแต่!”* ราซตะโกน *“และการลงโทษแค่นั้นมันก็ยังไม่เพียงพอหรอกนะ! เอลิน่าจากนี้ไปให้เตรียมชามอีกหนึ่งใบให้ลิธ และแบ่งอาหารจากส่วนของออพัลมา! เขาต้องเรียนรู้ว่าการตัดสินใจทำสิ่งที่ไม่ดีนั้นจะมีผลที่ตามมา!”*

พวกเขาพูดเร็วเกินไปสำหรับลิธที่จะฟังทันและก็มีคำศัพท์จำนวนมากที่ลิธไม่รู้จัก แต่สีหน้าของออพัลซีดลงดังนั้นมันน่าจะเป็นข่าวดี

ออพัลเริ่มร้องไห้และขอโทษแต่ลิธก็ทำให้เสียงร้องไห้ของเขาดังกว่าอยู่ดี ราซและเอลิน่าไม่สนใจคำอ้อนวอนของออพัลและไล่เขาไปดูแลสัตว์

หลังจากถูกป้อนด้วยซุปและนมมากมาย ในที่สุดลิธก็สามารถโฟกัสไปที่สิ่งที่เกิดขึ้นได้ หลังจากลองผิดลองถูกมาหลายวัน เขาก็ได้เข้าใจพื้นฐานของความสามารถใหม่ของเขา และเขาก็ได้เข้าใจเกี่ยวกับเวทมนตร์ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

ลิธได้ค้นพบว่าเมื่อเขาร่ายคาถาธาตุ จริง ๆ แล้วมันประกอบด้วยกระบวนการสามขั้นตอน ก่อนอื่นเขาจะปล่อยมานาออกมา จากนั้นเขาก็ต้องผสมมันเข้ากับพลังงานของโลกพวกพลังธาตุต่าง ๆ และขั้นตอนสุดท้ายคือการควบคุมคาถาและเอฟเฟกต์ของมันซึ่งขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่ยากที่สุด

ส่วนการใช้จิตเวทย์นั้นจะข้ามขั้นตอนที่สองไป มันใช้เพียงพลังของเขาเองโดยไม่ต้องยืมพลังธาตุ นั่นทำให้มันยากกว่าเวทมนตร์ใด ๆ ที่เขาเคยฝึกมา

นอกจากนี้ยังต้องใช้สมาธิมากกว่าเมื่อเทียบกับการใช้เวทมนตร์ปกติ มานาบริสุทธิ์นั้นไม่มีรูปร่างทางกายภาพ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถพึ่งพาสายตาของเขาเพื่อควบคุมเอฟเฟกต์ของมันได้

ทั้งหมดขึ้นอยู่กับอำนาจจิตและจินตนาการของเขา ยิ่งภาพในจินตนาการที่เขาต้องการให้มานาทำชัดเจนเท่าไหร่ ผลลัพธ์ก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น

แต่ระยะของจิตเวทย์ของเขาก็มีอยู่อย่างจำกัด มันมีรัศมีแทบจะไม่ถึงหนึ่งเมตร

แม้จะมีข้อจำกัดที่เข้มงวดเหล่านี้ แต่ตอนนี้ลิธสามารถฝึกจิตเวทย์ได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น การค้นพบที่ดีที่สุดเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คือทุก ๆ ครั้งที่จิตเวทย์ของเขาพัฒนาเวทมนตร์ประเภทอื่นของเขาก็จะพัฒนาไปด้วยเหมือนกัน

เนื่องจากเขาไม่จำเป็นต้องแยกการฝึกฝนระหว่างพวกมันอีกต่อไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน

ในบางครั้งเขาจะใช้เวทมนตร์ธาตุแบบสุ่มเพื่อตรวจสอบความก้าวหน้าของเขาถึงความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับธรรมชาติที่แท้จริงของธาตุนั้น ๆ

ความก้าวหน้าของลิธ ทำให้เขาสามารถพัฒนาเทคนิคการหายใจของเขาได้

ด้วยเทคนิครวบรวมของเขาในตอนนี้เขาไม่เพียงแต่รับรู้การเปลี่ยนแปลงขนาดของแกนมานาในร่างกายผ่านการฝึกฝน แต่ยังสามารถรู้ปริมาณมานาที่มีอยู่ในร่างกายของเขาได้อย่างคร่าว ๆ อีกด้วย

ด้วยการใช้เทคนิครวบรวม ทำให้เขาสามารถส่งพลังงานโลกให้กับแกนมานาของเขาจนมันขยายจากขนาดเท่าหัวเข็มหมุดไปเป็นขนาดเท่าลูกแก้ว

เมื่อแกนมานามีขนาดเท่ากับลูกแก้ว เขาจะสามารถพัฒนาต่อไปก็ต่อเมื่อร่างกายของเขาบีบอัดแกนมานาให้มันกลับไปมีขนาดเท่ากับหัวเข็มหมุดอีกครั้ง

ลิธไม่รู้ว่าปรากฏการณ์นี้ทำงานอย่างไร ดูเหมือนว่าแกนมานากับร่างกายต้องพัฒนาไปพร้อมกัน มันไม่มีทางลัด

คอขวดจะเกิดขึ้นในตอนที่ลิธพยายามใช้เทคนิครวบรวมในขณะที่แกนมานามีขนาดใหญ่สุดของมัน ในตอนนั้นพลังงานของโลกจะถูกปฏิเสธโดยแกนมานาและทำให้มันพุ่งผ่านร่างกายของเขาอย่างบ้าคลั่งและสร้างความเสียหายให้กับร่างกายของเขา

ด้วยการขยายและบีบอัดอย่างต่อเนื่อง ความจุมานาของเขาก็เพิ่มขึ้นจนเทียบไม่ได้เลยกับตอนที่เขาพึ่งจะได้เกิดใหม่

หลังจากการค้นพบและฝึกฝนจิตเวทย์ลิธก็สามารถควบคุมมานาของเขาได้ดีขึ้นทั้งภายในและภายนอกร่างกาย

เขาได้ปรับเปลี่ยนเทคนิคเพิ่มพูนเพื่อที่ว่าเมื่อเขาหายใจเอาพลังงานของโลกเข้าไป เขาจะสามารถรวมพลังของมันเข้ากับมานาของตัวทำให้เขามีมานามากกว่าขีดจำกัดของเขาชั่วคราว

จากนั้นเขาก็ขยายพลังงานที่เกิดขึ้นย้ายมันออกมาจากช่องท้องออกไปข้างนอกจนแม้แต่ขนตามร่างกายของเขาก็ยังเต็มไปด้วยมานา

นับตั้งแต่เขาคิดค้นเทคนิคเพิ่มพูนเขาก็สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพต่อร่างกายของเขา ตอนนี้ลิธมีความต้านทานต่อความเย็นและความร้อนดีขึ้น ดังนั้นเขาจึงแทบจะไม่เคยป่วยเลย

เมื่อทั้งครอบครัวของเขาเป็นหวัด เขาจะหายดีก่อนที่อาการจะแสดงออกมาหรือหายเป็นปกติในสองสามวัน

‘ถ้ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญการปรับปรุงเทคนิคเพิ่มพูนเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ฉันอุ่นร่างกายได้ ถ้าฉันคิดถูกนี่หมายความว่าฉันสามารถใช้มันแทนการออกกำลังกายได้จนกว่าฉันจะโตพอที่จะออกกำลังกายได้’ เขาคิด

‘แล้วก็หวังว่ามันจะช่วยให้ฉันสามารถทะลวงคอขวดได้เร็วขึ้น มันเป็นการพนันอย่างหนึ่งแต่มันก็ไม่น่าจะเป็นอันตรายอะไร นอกจากเรื่องความหิวและคอขวด มันก็ไม่มีอะไรที่ฉันสามารถทำได้มากนักในฐานะทารกอายุเจ็ดเดือน’

สำหรับชีวิตครอบครัวของเขามันก็มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา

หลังจากเหตุการณ์ซุปกับออพัล มันก็มีความแตกแยกเกิดขึ้นระหว่างพี่น้อง ลิธมีความแค้นต่อที่ชายของเขาตามธรรมชาติและพี่ชายของเขาก็มีเช่นกัน

ในบางครั้งที่ออพัลโกรธเขาจะเรียกลิธว่าปลิง เพราะเขามักจะเรียกลิธแบบนั้นในใจของเขา

ทุกครั้งที่เขาหลุดปากจะทำให้เขาถูกตำหนิอย่างรุนแรง และเมื่อเขาเถียงเขาก็จะโดนตีด้วย

เขาโทษว่าลิธเป็นต้นเหตุของความโชคร้ายทั้งหมดของเขา เจ้าตัวเล็กจะหัวเราะคิกคักเสมอในตอนที่เขามีช่วงเวลาที่ยากลำบาก

ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างลิธกับพ่อแม่ของเขานั้นยังคงดีขึ้นเรื่อย ๆ

เขาเริ่มพูดอ้อแอ้ได้แล้ว เขาจะพูดว่า "มาม่า" เมื่อเอลิน่ากอดเขา และพูดว่า "ดาด้า" เมื่อใดก็ตามที่ราซเข้ามาใกล้เขา

‘หากโลกนี้มีความคล้ายคลึงกับยุคกลางของโลกในอดีต มันจะเป็นการดีกว่าที่เขาจะพยายามรักษาความเป็นมิตรกับพ่อแม่ของเขาเอาไว้จนกว่าเขาจะสามารถดูแลตัวเองได้เอง’ นี่คือเหตุผลของลิธ

เขายังคงกลัวพ่อของเขาอยู่มาก และพวกเขาทั้งสองก็ไม่มีความสัมพันธ์ที่ดีอะไร เนื่องจากราซมักจะยุ่งกับบางสิ่งอยู่เสมอ เขาจะปล่อยให้ภรรยาและลูกสาวคนโตใช้เวลาส่วนใหญ่กับลิธเท่านั้น

เพื่อเป็นการหลอกตัวเอง เขาสันนิษฐานอย่างมั่ว ๆ ว่าลิธยังเด็กเกินไป และพวกเขาคงมีเวลามาเพิ่มความสัมพันธ์กันอีกมากในอนาคต

จริง ๆ แล้วราซรักเขามากและลิธก็ไม่เคยหยุดทำให้เขาประหลาดใจได้เลย เขาไม่เคยเห็นลิธร้องไห้โดยที่ไม่มีเหตุผลเลย แม้แต่ตอนที่ฟันน้ำนมของเขากำลังงอก

หากมีคนชนเข้ากับเปลของเขาหรือส่งเสียงในขณะที่ลิธหลับอยู่หรืออย่างน้อยก็แกล้งเป็นหลับอยู่ เขาจะไม่ส่งเสียงหรือร้องไห้ เขาจะเพียงแค่มองไปรอบ ๆ ก่อนที่จะกลับไปนอนต่อ

ลิธเริ่มชอบเรน่ามากขึ้นเรื่อย ๆ เธอดูเหมือนป้ามากกว่าพี่สาวของเขาซะอีก เขาเห็นตัวเองอยู่ในตัวของเธอ เธอดูแลน้องชายของเธอเหมือนกับที่เขาทำกับคาร์ล

เขาชอบความอบอุ่นที่เธอมอบให้ แต่สิ่งที่เขาทำได้ก็คือยิ้มและหัวเราะทันทีที่เขาเห็นเธอและเรียกเธอว่า “ลาล่า” อันที่จริงเธอเป็นคนเดียวที่นอกเหนือจากพ่อและแม่ของเขาที่มีชื่อเรียกจากลิธ

มันอาจจะไม่มากนัก แต่มันหมายความว่าในโลกของเขานั้นมีเธออยู่

หลังจากเวลาผ่านไปหกเดือนตั้งแต่ที่เขามาถึงโลกใบนี้ ลิธก็ได้เหยียบพื้นเป็นครั้งแรกและเริ่มคลานภายใต้การดูแลที่เข้มงวด ในเดือนที่เก้าเขาก็เริ่มเดินและเริ่มเปลี่ยนจากคำพูดอ้อแอ้ไปเป็นคำศัพท์จริง ๆ

ในวันเกิดของเขาเขาก็ได้ค้นพบว่าในโลกนี้ก็มีวันเกิดเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะเริ่มพูดประโยคง่าย ๆ และเริ่มตั้งคำถามเพื่อที่จะทำให้คลังคำศัพท์ของเขาสมบูรณ์แบบมากขึ้น

การไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเด็กทารกทำให้เป็นเรื่องที่ยากที่จะหาจังหวะที่เหมาะในการที่จะเริ่มสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้ โชคดีที่ลิธสามารถใช้การโกงเพื่อหาเวลาที่เหมาะสมสำหรับเขาที่จะ “เรียนรู้” เพื่อทำอะไรบางอย่าง ในตอนนี้เขาสามารถเข้าใจสิ่งที่เขาได้ยินส่วนใหญ่ได้แล้วดังนั้นเขาจึงขอ “คำแนะนำ” เสมอ

ถ้าเอลิน่าอยากให้เขาเรียกเธอว่า “แม่” ให้ได้แทนที่จะเป็นคำว่า “มาม่า” เขาก็จะรออีกสองสามวันก่อนที่จะทำให้มันเกิดขึ้น ถ้าราซให้เชียร์ให้ลิธวิ่งไปหาเขาเขาก็จะทำ

ปัญหาที่แท้จริงคือเขาต้องให้ความสนใจในทุกคำที่ราซ เอลิน่า และเรน่าพูด แต่เขาก็ต้องพยายามทำเหมือนว่าเขาเป็นเด็กน้อยที่ไม่ได้สนใจสิ่งที่พวกเขาพูดอยู่

ปัญหาอีกอย่างหนึ่งคือเมื่อพวกเขาปล่อยให้เขาไปเดินเล่นในห้องรับประทานอาหาร พวกเขายังให้เขาเล่นของเล็ก ๆ ที่ทำจากไม้ โดยหวังว่าเขาจะเล่นกับมันไปในขณะที่สำรวจรอบ ๆ

ตอนนี้ลิธรู้จักห้องรับประทานอาหารเหมือนกับสวนหลังบ้านของเขาแล้วและมันก็ไม่ได้มีอะไรให้สำรวจซักเท่าไหร่ แต่เขาก็ต้องแกล้งทำเป็นอยากรู้อยากเห็น

นั่นเป็นสิ่งที่ยากที่สุดที่เขาเคยทำมาตั้งแต่เป็นเด็กและมันทำให้อยากจะบ้าตาย เขาไม่รู้เลยว่าปกติแล้วเด็กควรจะสำรวจสภาพแวดล้อมที่น่าเบื่อแบบอย่างไร และความหวาดระแวงเกี่ยวกับการถูกเปิดเผยความลับก็ทำให้เขาเหงื่อแตกพลั่ก

เมื่อเห็นความคาดหวังในสายตาของพวกเขา เขาจึงเริ่มต้นด้วยการไปสำรวจสิ่งที่ใกล้ที่สุดนั่นก็คือเตาผิง ไฟไม่ได้ถูกจุดอยู่แล้วมันก็มีท่อนซุงเย็น ๆ ที่ถูกปกคลุมด้วยขี้เถ้า

เมื่อเขาเดินไปใกล้ ราซก็หยุดเขา

“นี่คือเตาผิงตอนนี้ปลอดภัย แต่ไฟไม่ดี ไฟเจ็บ อย่าไปจับมัน”

ลิธมองไปที่เขา ทำสีหน้าสับสนเล็กน้อย ก่อนที่จะพยายามเอามือของเขาไปจับขี้เถ้า นั่นทำให้ราซกันมือของเขาเอาไว้

“ไฟไม่ดี อย่าไปจับมัน” พ่อของเขาพูดซ้ำ

ลิธจ้องมองไปที่ดวงตาของเขาเหมือนกับว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ก่อนที่จะพูดว่า “ไฟไม่ดี?”

“ใช่ ไม่ดีมาก ๆ” ราซตอบขณะพยักหน้า

“โอเค” จากนั้นลิธก็คลานออกจากเตาผิงและเข้าไปใกล้โต๊ะแทน เมื่อเขาพยายามที่จะปีนขึ้นไปบนเก้าอี้และเกือบจะร่วงลงไป เอลิน่าจึงรีบวิ่งมาช่วยเขา

“พระเจ้า เจ้าตัวน้อยนี่ชอบแต่อะไรที่มันอันตรายจริง ๆ” เมื่อเห็นสีหน้ากังวลของพวกเขา ลิธก็ค้นพบทางเอาชีวิตรอดจากการถูกทรมานตรงนี้ได้ทันที

เขาจะทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตรายเช่น พยายามปีนขึ้นไปบนโต๊ะ หรือเข้าไปในห้องครัวและพยายามหยิบหม้อและมีด

พวกเขาจึงตัดสินใจอย่างรวดเร็วว่าการผจญภัยของเขาควรจะสิ้นสุดลงได้แล้ว พวกเขาพาลิธมานั่งบนผ้าที่ปูบนพื้นไม้และเอาของเล่นให้เขาเล่น พวกเขาจึงสบายใจขึ้นมาหน่อย

เขามีม้าไม้ตัวเล็ก รถเข็นไม้ และสุนัขไม้แปลก ๆ การเล่นนั้นเป็นอะไรที่ง่ายกว่าสำหรับเขามาก ลิธไม่จำเป็นต้องสร้างเรื่องราวหรืออธิบายสิ่งที่เขาทำ

เขาสามารถใช้เวลาเล่นเพื่อฝึกจิตเวทย์ได้ จริง ๆ แล้วลิธจะไม่ใช้มือของเขาในการขยับของเล่น แต่จะทำให้พวกมันลอยลอยอยู่ใกล้นิ้วของเขามากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

เขาชอบช่วงเวลานั้นอย่างมาก สุดท้ายลิธก็สามารถแสดงความสุขได้อย่างเปิดเผย เขาหัวเราะและกรี๊ดได้ตลอดเวลาที่เขาค้นพบสิ่งใหม่ ๆ หรือได้ทำความเข้าใจเรื่องราวใหม่ ๆ และทุกๆ ครั้งที่เขาทำแบบนั้น พ่อแม่ของเขาก็จะเห็นลูกของพวกเขากำลังมีความสุขอยู่ในจินตนาการของเขา

“ใครจะเคยคิดว่าเจ้าตัวน้อยที่เงียบ ๆ จะสดใสได้เช่นนี้” ราซพูดด้วยรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของเขา

“ดูเขาสิ ที่เขามีก็แค่ของเล่นเก่า ๆ แต่เหมือนกับว่าเขามีโลกทั้งใบอยู่ในมือ”

---

จากผู้แปล

คืองี้ เหมือนร่างกายเป็นตัวจำกัดขนาดของแกนมานา เพราะอย่างนั้นเลยต้องทำการบีบอัดให้มันเล็กลง แล้วสะสมมานาด้วยเทคนิครวบรวมจนมันค่อย ๆ ใหญ่ขึ้นจนใหญ่สุดเท่าที่ร่างกายจะรับไหว จากนั้นก็ต้องบีบให้มันเล็กลงไปอีก ถ้ารวบรวมต่อจะทำให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บ โดยในแต่ละครั้งที่มีการบีบอัดแกนมานาความจุมานาที่มีก็จะเพิ่มตามไปด้วย นั่นหมายความว่าขนาดเท่ากันแต่ไม่ได้หมายความว่าปริมาณมานาที่เก็บอยู่จะเท่ากัน เพราะอันหนึ่งอาจจะเข้มข้นว่า เพราะถูกบีบอัดมาเยอะ

ส่วนพลังงานโลกก็*น่าจะ*หมายถึงพลังงานรวมๆ ให้จินตนาการว่าพวกมานาและพลังธาตุมันอยู่ในอากาศ มานาก็เป็นอนุภาคอย่างหนึ่งคล้าย ๆ ฝุ่นไรงี้ พลังธาตุก็เป็นอนุภาคอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งอนุภาคพวกนี้มันก็กระจายอยู่เต็มทั้งโลกอ่ะ

เรื่องฟันน้ำนม ทารกส่วนใหญ่จะเริ่มมีฟันงอกเมื่ออายุประมาณ 6 เดือน โดยอาจจะรู้สึกเจ็บหรือไม่สบายตัว อันนี้ fact

ที่ลิธบอกว่าเรน่าเหมือนป้า ต้องเข้าใจว่าความรู้สึกระหว่างพี่น้องก็แค่ความผูกพันเฉย ๆ ใช่ไหม แต่ถ้าป้ากับหลาน ก็คือ ความรัก เอ็นดู เอาใจใส่ มันมากกว่าแค่ความผูกพัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด