ตอนที่ 16
มันจะจัดขึ้นในลานประลอง สนามรบที่ใหญ่ที่สุดในโรงเรียนเวทมนตร์อิกนิท
อาจารย์ไฮเดล อาจารย์เวทมนตร์ต่อสู้ของเราเองก็มากับเราด้วย และยังมีอัศวินจากดินแดนโพลเดรนซึ่งตั้งอยู่ในระแวกของโรงเรียน
มีสองเหตุผลหลักที่เรารับการสนับสนุนจากอัศวิน
เหตุผลแรกก็เพื่อความปลอดภัยของนักเรียน
เหตุผลที่สองก็คือการทดสอบความสามารถของนักเรียนในการต่อสู้พร้อมกับอัศวิน
ในตอนนี้
“บาห์ล คาลี! แบบนั่นตกนะ! โจมตีอะไรของเธอ!”
“อั่ก! ขะ…ขอโทษครับ!”
ตามปกติแล้วจอมเวทย์จะโจมตีศัตรูจากด้านข้าง
เพราะเรื่องนี้ พวกเขาจึงต้องการความแม่นยำที่มากกว่าปกติ
ถ้าไม่เป็นแบบนั้นแล้ว สถานการณ์อาจจะเกิดขึ้นเมื่ออัศวินและมอนสเตอร์ต่อสู้ตะลุมบอนกัน การร่ายเวทย์ใส่พวกเดียวกันอาจเกิดขึ้นได้
เป้าหมายของการทดสอบนี้ก็เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นและประเมินความสามารถของจอมเวทย์ในการรับมือกับเรื่องคับขันในสนามรบ
ด้วยความคิดนี้ การสอบนี้จึงนับว่าเป็นการสอบที่ซับซ้อนและสำคัญที่สุดในการสอบทั้งหมดที่จัดขึ้น
การสอบนี้กินเวลา 10 วัน
ในวันแรก ‘นักเรียนคะแนนต่ำ’ ทุกคนที่ได้คะแนนไม่ถึง 10 จากโอเกอร์บรรพกาลคิงแกรมจะถูกส่งออกไป
มอนสเตอขร์ที่ปรากฏก่อนในวันแรกก็ไม่ใช่อะไรนอกจาก…
“นั่นมันสไลม์!”
“อย่างน้อยก็ง่ายกว่าที่คิดล่ะนะ”
สไลม์
มักจะอยู่ในป่าลึก พวกมันอาศัยอยู่เป็นฝูง
ด้วยวิธีพิเศษในการขยายพันธุ์ พวกมันจึงมีเป็นจำนวนมาก
และด้วยปฏิบัติการจำกัดที่มากในอดีต พวกมันจึงมักจะไม่พบในเมืองใหญ่ แต่ก็ยังเจอในดินแดนรอบนอกและหมู่บ้านตามภูเขา
นี่จึงเป็นเหตุผลที่มันคือหนึ่งในมอนสเตอร์ที่ต้องรู้วิธีจัดการที่ถูกต้อง
พวกมันช้า และถ้าโจมตีใส่แกนกลางตรง ๆ มันจะตายทันที
แต่ถ้าหากฆ่ามันไม่ได้ในทีเดียว มันจะปล่อยพิษร้ายออกมา ถ้าไม่ป้องกันตัวจะเป็นอันตรายได้
บางทีพวกเขาอาจจะหละหลวมเกินไป
นักเรียนบางคนนั้นประมาทและไม่น่าดูสำหรับ ‘ชั้นที่กำลังจบการศึกษา’
“เจสัน! ทำบ้าอะไรน่ะ!”
“ขะ…โทษที อ๊าก! ไปให้พ้นนะ!”
“แคว๊กกก!”
ท่ามกลางคนเหล่านั้น เพื่อนร่วมหอพักเจสันของผมก็แสดงภาพน่าเกลียดโดยการถูกสไลม์ตามล่า
“เจสัน เดมอน นายตก”
“อ๊าก! ตกงั้นเหรอ?! ให้โอกาสผมอีกครั้งเถอะนะอาจารย์!”
“นายไม่มีสิทธิ์บ่นนะ”
“ม่ายยยยย!”
ส่งร้องออกมาเมื่อสอบตก
เฮ่อ
ผมเลยบอกเจสันให้ฝึกมาก่อนไง
สุดท้ายอาจารย์ไฮเดลก็ต้องไปจัดการสไลม์ทั้งหมดด้วยตัวเอง
เขาส่ายหัวขณะที่พูดกับพวกนักเรียน
“แค่สไลม์ตัวเล็ก ๆ ตัวเดียวยังจัดการไม่ได้…ชั้นไม่รู้ว่าพวกนายเรียนอะไรใน 6 ปีที่ผ่านมาเลย กลับไปเถอะ”
“ชั้นไม่ได้มาเป็นพี่เลี้ยงพวกนาย”
‘ไม่ได้มาเป็นพี่เลี้ยง’
นี่คือวิธีสร้างแรงกดดันของอาจารย์ไฮเดล แต่เมื่อนักเรียนส่วนใหญ่คุ้นเคยกับเขาแล้ว มันก็ไม่ได้ผล
“สไลม์ตัวนั้นใหญ่ผิดปกติไม่ใช่เหรอ?”
“ว้าว…ไม่ใช่แค่ชั้นสินะ การสอบนี้มันแค่ยากเกินไป”
“ดูตัวใหญ่นั่นสิ…เหมือนกับว่าพวกเขาเอาสไลม์จักรพรรดิหรืออะไรแบบนั้นมาเลย”
เหล่านักเรียนต่างหาทางปฏิเสธความจริง
ผมอยากจะกระชากคอเสื้อคนพวกนั้นมาตะโกนใส่จนกว่าน้ำลายจะเต็มหน้าให้สาแก่ใจ
เฮ้! ไม่ใช่โว้ย! พวกแกมันกระจอกเกินไป!
“...ไอ้เจ้าพวกนี้”
เมื่อการสอบเริ่มขึ้น ระดับความสามารถอันน่าเวทนาของนักเรียนก็เผยออกมา และสแตรงก็ไม่พอใจเมื่อเห็นภาพเหล่านี้
“คิคิคิคิ…ไอ้ของพวกนี้อยากจะเป็นจอมเวทย์เรอะ? เป็นแค่ผู้ช่วยจอมเวทย์ยังไม่ได้เลย ข้าไม่เข้าใจยุคสมัยนี้จริง ๆ ในยุคของข้าน่ะ…”
สแตรงเริ่มพูดถึงอดีตกับมังกรอีกแล้ว
มันเป็นเรื่องเลบ่าที่ว่าจอมเวทย์นั้นอ่อนแอในยุคนี้ และผมก็พยักหน้าเห็นด้วย
ชั้นก็คิดเหมือนกับแก สแตรง
“ต่อไปคือโคบอล์ดเหมืองเหรอ?”
“ใช่”
มอนเตอร์ที่ปรากฏหลังจากสไลม์ก็คือโคบอล์ดเหมือง หมาป่าขนเงิน ธาตุไฟชั้นต่ำ และปีศาจเฮลกินแรงค์ 9
มอนสเตอร์และสัตว์วิเศษที่ถูกแยกตามเกรดของนักเรียนถูกปล่อยออกมาสอบ
แต่ผลการสอบก็ไม่ต่างจากการสอบกับสไลม์ และนักเรียนส่วนมากก็สอบตกอย่างอัปยศ
และจากนั้น สุดท้าย…
วันสุดท้าย
วันสอบของผม
มีนักเรียนแค่ 13 คนในกลุ่มนักเรียน ‘คะแนนสูง’ ที่เข้ารับการสอบในวันสุดท้าย
และความคิดเดียวที่อยู่ในหัวของทุกคนก็คือ
“วันนี้มอนสเตอร์จะเป็นอะไร?”
ในวันนี้
พวกเขาจะต้องเจอมอนสเตอร์แบบไหน?
และมอนสเตอร์ที่ปรากฏในการสอบนั้นจะมีระดับสูงกว่าปกติทุกวันอยู่แล้ว พวกเราเลยคาดว่ามอนสเตอร์ในวันสุดท้ายจะต้องเป็นตัวที่ยาก
แน่นอนว่าในฐานะวันสุดท้ายของการสอบ ความยากที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งนั้นก็ได้เพิ่มขึ้นมาในการสอบ
“อะ…ออคงั้นเหรอ?”
ออค
มอนสเตอร์คล้ายมนุษย์ที่มีถิ่นอาศัยหลายพื้นที่ในทวีปและอยู่เป็นกลุ่ม
ด้วยขนาดที่ใหญ่กว่ามนุษย์ 1.5 เท่า และยังมีสติปัญญาที่อยู่ในระดับเดียวกับมนุษย์
พวกมันมีโครงสร้างตระกูลแบบเผ่า และมักจะมองหาโอกาสที่จะปล้นเมืองมนุษย์
พวกมันเป็นเผ่าที่ไม่เป็นมิตร และมักจะก่อสงครามกับมนุษย์ในหลายพื้นที่
ออคเดินเข้ามาในพื้นที่สอบ มันถูกมัดด้วยโซ่ทั้งแขนและขา แต่ความดุร้ายของมันยังคงอยู่
เหล่านักเรียนเริ่มพูดคุยกันและถูกกดดันเมื่อได้เห็นมัน
“ถ้าเป็นออค…นี่ก็เป็นสงครามของจริง…”
“จะ…จริงด้วย”
“นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นออคเลยนะ”
“ชะ…ชั้นเคยเห็นมาก่อนตัวนึง ออคเคยบุกเข้ามาในดินแดนของชั้นหลายครั้ง”
เราถูกสอนตั้งแต่เด็กว่าออคนั้นคือศัตรูหลักของมนุษย์
เราเรียนรู้จากสงครามกับออค ชัยชนะต่อออค
และการที่เหล่ามนุษย์ยังคงตายเพราะพวกออคในโลกใบนี้
การที่มีอายุ 16 ถึง 19 ปี สำหรับนักเรียนที่นี่ ออคนั้นเป็นศัตรูที่พวกเขาจะต้องต่อสู้ในการต่อสู้จริงหลังเรียนจบจากโรงเรียน
บางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่นักเรียน 13 คนที่กำลังรับการสอบเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นที่เติมขึ้นใหม่
ไม่สิ ความรู้สึกมันยิ่งกว่าความมุ่งมั่น
“ออคเป็นศัตรูที่ชั้นอยากจะฆ่าให้ได้…ไม่คิดเลยว่าจะเป็นวันนี้”
“ใช่ พอได้เห็นออค นี่ก็ไม่ใช่การสอบแล้ว นี่คือสงครามที่เราต้องชนะ”
“ชั้นถูกสอนมาว่าเราต้องฆ่าออคให้หมด มาฆ่ามันกันเถอะ!”
สถานที่สอบเริ่มเร่าร้อนขึ้นจากความมุ่งร้ายที่เพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ และความตื่นเต้นที่ส่งมาถึงทุกคน
อาจารย์ไฮเดลนั้นมองทุกอย่างอยู่เงียบ ๆ เขาดีดนิ้วในทันทีและนำพันธนาการออกจากขาของออค
“ครึกกกก! ครี๊ดดด!”
“...เอ๋?”
เมื่อโซ่ตรวนหายไปจากออคที่กำลังโกรธเกรี้ยว มันก็รีบตั้งท่าวิ่งทันที
“อ๊ายยย!”
“อ๊ะ!”
นักเรียนที่เคยปล่อยความอาฆาตนั้นล้มลงไปข้างหลังจากความตกใจ
ในตอนนั้น อาจารย์ไฮเดลได้พูดขึ้นมา
“อยากจะฆ่าออคไม่ใช่เหรอ? สงครามเพื่อชนะงั้นเหรอ? อย่าพูดให้ขำหน่อยเลย เด็กอย่างพวกเธอรู้จักอะไรในสงครามบ้าง?”
ในตอนนั้นเอง
“ครูกกกกกก!”
ออคที่ไร้โซ่ตรวนเริ่มวิ่งใส่อาจารย์ไฮเดลด้วยความเร็วอันน่ากลัว
พละกำลัง ความเร็ว
สายพันธุ์ที่เกิดมาเพื่อต่อสู้และไม่ได้ขาดสองด้านนี้ การโดนหมัดของออคนั้นไม่ได้จบแค่กระดูกหักไม่กี่ท่อน
แต่อาจารย์ไฮเดลก็ดีดนิ้วอย่างเดิมและร่ายต้นไม้เยือกแข็งจับออคเอาไว้
เขาพูดต่อด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“ใจสู้ที่ได้เห็นออคตอนที่โดนมัดหายไปไหนหมดแล้วล่ะ?”
“อย่าเข้าใจผิด พวกเธอมันก็แค่เด็กไม่เอาไหนที่ทำอะไรไม่ได้ถ้าต้องสู้ตัวต่อตัวกับออคเท่านั้น”
ในตอนที่ออคถูกล่ามโซ่ มันดูเหมือนกับมอนสเตอร์ที่เราฆ่าได้ทุกเมื่อ
แต่ทันทีที่โซ่หายไปแล้ว ออคก็ได้สร้างความกลัวให้เรายิ่งกว่ามอนสเตอร์ธรรมดา
นี่มันเป็นความกลัวในระดับที่ต่างกับสไลม์
มันคือความกลัวที่บ่งบอกถึงความเป็นไปได้ที่จะตาย
“หยุดควมตื่นเต้นที่ไม่จำเป็นแล้วเอาความรู้สึกส่วนตัวออกไป พวกเธอเป็นจอมเวทย์ รักษาความใจเย็นเอาไว้”
เขาพูโถูก
นี่มันไม่ต่างจากการต่อสู้จริง
การต่อสู้ที่จะนำความผิดพลาดครั้งใหญ่หากพลาดเพียงเล็กน้อย
ด้วยท่าทางแข็งของอาจารย์ สแตรงก็หัวเราะคิกคักราวกับสนุกสนาน
“เจ้าอาจารย์นั่น ตรงเผงดีนะ”
“เขาคืออาจารย์ไฮเดล เขาเป็นคนดีนะ”
“อย่างนี้นี่เอง”
อาจารย์ไฮเดลพยักหน้าขณะที่มองหน้าเหล่านักเรียนที่ซีดด้วยความกลัว
เมื่อพอใจกับผลที่ได้ อาจารย์ไฮเดลก็พยักหน้าอีกครั้ง
“นั่นล่ะสีหน้าที่ดี หวังว่าพวกเธอจะระวังตัวให้ดี”
และการสอบที่สามก็ได้เริ่มขึ้น
อาจารย์เอลริค เกลฮิลจากแผนกปรุงยาที่สังเกตการสอบขมวดคิ้วกับการสอบครั้งที่สาม
‘ให้ตายสิ เจ้าหนูไมเคิล…ก่อเรื่องในการสอบอีกแล้ว…’
หลานของเขา ไมเคิล เกลฮิลนั้นจะต้องเป็น ‘ตัวอย่าง’ กลับแสดงด้านที่อ่อนแอเมื่อได้เห็นออค
ไมเคิลจะต้องเรียนจบในฐานะ ‘ตัวอย่างของรุ่น’
เพราะมันคือธรรมเนียมของตระกูลเกลฮิลที่เป็นที่รู้จักในฐานะตระกูลจอมเวทย์
และมันยังเป็นภารกิจของเอลริคในฐานะอาจารย์
แต่เมื่อได้เห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้น สถานการณ์อันตรายก็อาจเกิดขึ้นได้
เทียบกับไมเคิลแล้ว รูน อาเดลนับว่าได้รับคะแนนดีมาก
และมีทางออกเดียวสำหรับเวลานี้
‘ถ้าไมเคิลสอบเองไม่ได้เรื่อง…ชั้นก็ต้องทำให้รูนสอบตกไปด้วย…’
หลังจากเขารวบรวมความคิด อาจารย์เอลริคก็เดินไปหาผู้อำนวยการไทเรียนทันที
“ผู้อำนวยการ คิดจะทำการสอบแบบนี้งั้นรึ?”
“คิดจะพูดอะไร อาจารย์เอลริค?”
“เดี๋ยวก็ถึงรอบของรูนแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่”
“รูน อาเดลไม่ใช่นักเรียนหนึ่งในล้านที่ได้ 100 คะแนนจากโอเกอร์คิงแกรมไม่ใช่เหรอครับ? มันไม่ถูกเท่าไหร่ถ้าจะทดสอบนักเรียนที่ยอดเยี่ยมแบบนั้นภายใต้เงื่อนไขเดียวกับคนที่ได้คะแนนแค่ 20”
ไทเรียนหรี่ตาและคิด
เขารับรู้ถึงความคิดสกปรกของอาจารย์เอลริคจากคำพูดของเขาทันที
แต่คำพูดของอาจารย์เอลริคก็ไม่ได้ผิด
ตามธรรมเนียมของโรงเรียนเมื่อนานมาแล้ว การแบ่งแยกนักเรียนในการสอบครั้งที่ 3 และ 4 ด้วยความยากตามผลการสอบครั้งที่ 2 นั้นก็เพื่อบ่มเพาะความสามารถของจอมเวทย์ในการประเมินสถานการณ์
ส่วนสำหรับนักเรียนที่ได้ 100 คะแนนนั้น ก็จำเป็นต้องได้รับการสอบที่ยากยิ่งกว่าเดิม
“ที่พูดก็ไม่ได้ผิด…แต่เรามีมอนสเตอร์เตรียมไว้แล้วรึเปล่า?”
“มีสิ”
“งั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่ว่าโอเกอร์ที่อัศวินพอลเดรนจับได้ในตอนที่จับออคยังไม่ตายเหรอครับ?”
เมื่อได้ยินคำว่า ‘โอเกอร์’ อาจารย์ไฮเดลที่นิ่งเงียบก็พูดทันที
“ทำแบบนั้นไม่ได้”
“ทำไม่ได้? ทำไมกัน?”
“พูดว่าโอเกอร์งั้นเหรอ คิดว่าเทียบโอเกอร์กับออคมาอยู่ในระดับเดียวกันมันถูกต้องแล้วรึไง?”
พลังทำลายของโอเกอร์นั้นไม่ใช่สิ่งที่นักเรียนอายุ 16 คนเดียวจะมีหวังสู้ได้
“ยิ่งไปกว่านั้น รูนเองยังไม่มีประสบการณ์สู้จริงไม่เหมือนกับนักเรียนอื่น เขาเพิ่งจะก้าวข้ามภาวะปลุกมานาได้ในช่วงไม่นานมานี้ คิดจริง ๆ รึว่าเขาจะสู้กับโอเกอร์ได้?”
แต่อาจารย์เอลริคก็ยืนกรานโดยไม่มีทีท่าว่าจะรามือ
“อาจารย์ไฮเดล นี่เป็นธรรมเนียมของโรงเรียนที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานนะ ดูเหมือนอาจารย์ไฮเดลจะเมินเรื่องนี้ไป”
“นั่นมันไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ความปลอดภัยของนักเรียนต้องมาก่อน”
“ไม่ใช่ว่าเพราะความปลอดภัย อาจารย์เลยต้องเข้าไปในสถานที่สอบกับนักเรียนหรอกเหรอ? ถ้ามีเรื่องอันตรายเกิดขึ้นอาจารย์ไฮเดลจะได้เข้าไปปกป้องเขาไง ไม่ใช่แบบนี้เหรอ?”
อาจารย์ไฮเดลขมวดคิ้วกับสิ่งที่อาจารย์เอลริคพูด
เขาอยากจะโต้แย้งในทันทีแต่ก็หยุดตัวเองเอาไว้ ถ้าเขาท้าทายไปมากกว่านี้อาจจะมีคำหยาบที่หลุดออกมาได้
อีกปัญหาก็คือผู้อำนวยการนั้นดูจะสนใจกับเรื่องนี้
“ทั้งสองคนหยุดเถอะ ที่ทั้งคู่พูดก็มีส่วนที่จริงอยู่ แต่บอกตามตรง…ผมอยากรู้ว่ารูนจะแสดงอะไรออกมา”
“ผู้อำนวยการ!”
“เขาเป็นนักเรียนที่คิงแกรมเลือก เราต้องปฏิบัติกับเขาตามนั้น แน่นอนว่าเราจะส่งอาจารย์เพิ่มไปอีกหนึ่งคนเพื่อความปลอดภัยและจะขอให้หัวหน้าอัศวินจากพอลเดรนช่วยเราด้วย จากที่ได้ยินมา เขาน่าจะเป็นอัศวินขั้น 6 คนเดียวในเขตตะวันออก แบบนี้เป็นยังไงล่ะ?”
อาจารย์เอลริคยิ้มหลังจากได้ยินคำกล่าวของผู้อำนวยการไทเรียน
“ยอดเยี่ยมเลยครับ”
ไฮเดลไม่คิดจะพูดอะไรต่อและหันกลับ
ถ้าผู้อำนวยการไทเรียนพูดแบบนี้ มันก็เป็นที่แน่นอนแล้ว การตัดสินใจเปลี่ยนแปลงไม่ได้อยู่แล้ว
สายตาของไฮเดลมองไปที่รูน
แต่ว่า
“...หึหึ”
รูนฉีกยิ้มอย่างไม่น่ามองราวกับตลกกับอะไรบางอย่าง
แม้ว่าเขาอยากจะเป็นห่วงรูน แต่เด็กคนนั้นก็มักจะทำสิ่งที่ทำลายความห่วงใยของเขาไป