ตอนที่แล้วตอนที่ 13
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 15

ตอนที่ 14


ผมได้รับ ‘ความสำเร็จ’

หาเบาะแสเกี่ยวกับดราก้า I

คุณได้รับฉายา “สหายของโอเกอร์” เป็นรางวัล

คุณได้รับสกิล “ความโกรธของโอเกอร์” เป็นรางวัล

คุณได้รับภูติ “ผู้เกิดจากพลัง สแตรง” เป็นรางวัล

*ฉายา*

สหายของโอเกอร์

ผลของฉายา ลดโอกาสที่ ‘โอเกอร์’ จะมุ่งร้ายต่อคุณ

ผลของฉายา คุณสามารถสื่อสารกับ ‘โอเกอร์’ ได้

“สื่อสารกับโอเกอร์งั้นเหรอ…”

โอเกอร์นั้นพูดภาษามนุษย์ไม่ได้

หมายถึงนอกเหนือจากคิงแกรม

แต่เป็นเรื่องจริงที่ความสามารถในการสื่อสารกับโอเกอร์ในป่าจะเป็นพลังที่พิเศษ

ผมไม่รู้ว่ามันมีประโยชน์หรือไม่ แต่…ก็ดีกว่าไม่มีมัน

ผมดูหน้าต่างสกิลทันที

ความโกรธของโอเกอร์

ใช้งาน

คุณยืมพลังของโอเกอร์ที่กำลังโกรธและแข็งแกร่งขึ้นในทันที strength เพิ่มขึ้น 300 เป็นเวลา 30 วินาที ค่านี้จะได้รับผลจาก ‘ศิลปะร่างกาย’ และจะเพิ่มขึ้นตามเวลา

คูลดาวน์ : 3 นาที

‘สกิลที่ทำให้แข็งแกร่งขึ้นในทันที…’

มันจะเป็นพลังที่มีประโยชน์และใช้งาน

เหนือสิ่งอื่นใด เมื่อผมแข็งแกร่งขึ้น สกิลของผมก็รุนแรงขึ้นด้วย

ผมชอบที่มันเป็นสกิล ‘ประเภทเติบโต’ ได้

และอีกหนึ่งอย่าง

“นี่มันอะไร…?”

ผมพึมพำกับตัวเองเมื่อผมถือก้อนหินในมือ

คิงแกรมพยักหน้าราวกับรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่

“ดูเหมือนว่าเจ้าจะได้รับรางวัลจากภารกิจนะ บางครั้งดราก้าก็คุยกับอากาศแบบเจ้าเหมือนกัน”

“อย่างงั้นเหรอครับ?”

“ใช่ ไหนดูซิ”

คิงแกรมขยับร่างใหญ่ยักษ์มาใกล้ผม

เขาพูดหลังจากวิเคราะห์หินก้อนเล็ก ๆ ในมือผม

“หืม สแตรงนี่เอง”

เขาพูดถูก

ภูติผู้เกิดจากพลัง สแตรง

ผมรีบถามคิงแกรม

“ท่านรู้จักของอันนี้ด้วยเหรอ?”

“ของเรอะ? นี่ไม่ใช่ของ มันคือ ‘ร่างกำเนิด’ ข้าที่อยู่ใกล้ตัวดราก้ามาตลอดจะไม่รู้ได้อย่างไร? ดูมันตอนนี้สิ มันผนึกตัวเองเป็นศิลาภูติหลังจากที่ดราก้าตาย”

ร่างกำเนิด…

มันคืออะไรกัน?

แต่หลังจากได้ยินว่ามันผนึกตัวเองเป็น ‘ศิลาภูติ’ ผมก็เดาได้ว่ามันเป็นบางอย่างที่ใกล้เคียงกับภูติ

ภูติ

ภูติคือสิ่งมีชีวิตศักดิ์สิทธิ์ที่มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่จะมีได้

ผมเคยได้ยินว่ามีกลุ่มสิ่งมีชีวิตรูปแบบจิตที่จะรับมือกับภูติเหล่านี้อยู่บางแห่งในป่าทางเหนือ

ซึ่งพวกเขาถูกเรียกว่าจอมภูติ

ภูติเหล่านี้จะมีต้นกำเนิดพื้นฐานจาก 4 ธาตุตามธรรมชาติเช่นเดียวกับเวทมนตร์

แต่ว่า

“นี่คือร่างกำเนิดจากพลัง บางครั้งก็เรียกว่าภูติ แต่มันต่างจากภูติทั่วไป นิสัยของมันเลวร้ายแล้วก็เอาแต่ใจ มันจะขอพลังจากดราก้าทุกวันไม่หยุด แต่ถ้าเจ้าทำให้มันพอใจได้ มันก็สัญญาว่าจะมอบพลังให้เจ้าอย่างไร้สิ้นสุดเช่นกัน”

ไม่ใช่ธาตุทั้ง 4 แต่เป็น ‘พลัง’

และมันก็เป็น ‘ร่างกำเนิด’ ที่ไม่ใช่ภูติ

หรือว่านี่จะเป็นตัวตนที่เป็นตัวแทนแนวคิดพื้นฐานของพลัง?

ผมไม่เคยได้ยินเรื่องตัวตนแบบนี้มาก่อนเลย

‘หรือว่า…มันอธิบายเรื่องพลังในตอนนี้ของเราได้’

แน่นอนว่าถ้าเทียบกับสิ่งที่ผมต้องเจอในไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ผมก็ไม่ได้แปลกใจนัก

แต่ผมก็ถามคิงแกรม

“ท่านบอกว่าจะมีร่างกำเนิดออกมาจากหินก้อนนี้เหรอ?”

“ใช่แล้ว ตามปกติร่างกำเนิดจะไม่เผยตัวให้ใครเห็นนอกจากเจ้านาย ดังนั้นถ้ามันปรากฏตัวแบบนี้ก็แสดงว่ามันเจอเจ้านายของมันแล้ว”

“แล้วผมต้องทำยังไงล่ะ?”

“ต่อให้เจ้าไม่ทำอะไรแต่มันก็จะตื่นขึ้นมาเองในอีกไม่นาน เพราะมันเจอบ้านของมันแล้ว”

คิงแกรมพูดความจริง

เมื่อผมบีบก้อนหินในกำปั้น ก็เกิดเส้นหนึ่งปรากฏและมันก็เริ่มแตกออกมา

และที่กลางหินที่แตกนั้นเอง…

“...หมีงั้นเหรอ?”

มีหมีอยู่หนึ่งตัว

มันดูผิดธรรมชาติเพราะขนาดที่เท่าฝ่ามือของผม แต่ดูจากที่มันลูบตัวเองด้วยอุ้งเท้าเล็ก ๆ หลังจากเพิ่งเกิดมาแล้ว มันคือหมีน้อยน่ารักไม่ผิดแน่

แต่มันดูหงุดหงิดเมื่อถูกเรียกว่า ‘หมี’ สแตรงจ้องผมด้วยความโมโห

“อย่ามาเรียกข้าว่าหมีได้ไหม?”

“...เจ้าหมีนี่พูดได้ซะด้วย”

โอ้

เจ้าหมีกำลังพูด

ใช่ คงไม่ได้น่าตกใจอะไรแล้วถ้าได้เจอกับโอเกอร์พูดได้

“ข้าไม่ใช่หมีซักหน่อย!”

สแตรงลุกขึ้นด้วยการตบฝ่ามือของผมขณะที่ผมมองมันด้วยความสับสน

และหลังจากนั้นมันก็ใช้มือทั้งสองข้างเท้าเอวและพูดขณะที่พยายามทำให้ดูเหมือนโมโห

“ข้าเป็นร่างกำเนิดที่ไม่ได้ผูกมัดกับรูปลักษณ์ใด ข้าจะเป็นอะไรก็ได้ที่ต้องการ ดูนี่นะ!”

หลังจากตะโกนด้วยความมั่นใจแล้วสแตรงก็ลืมตาขึ้น

แต่…ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“เอ๋…หา? ปะ…แปลก…”

สิ่งเดียวที่เปลี่ยนไปก็คือหน้าของสแตรงที่แดงขณะกำหมัด

“ฮ่า”

“ยะ…อย่าหัวเราะนะ!”

ผมทำได้แต่หัวเราะกับความน่ารักของมัน

สแตรงตอบเสียงสั่นที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ

“นี่มัน…มันเพราะว่าข้าไม่มีพลังต่างหาก! ข้าอดอยากเพราะเพิ่งเกิดมา เอาอาหารมาให้ข้าได้แล้ว!”

“อาหาร? แกกินอะไรล่ะ?”

“พลังเจ้าไง”

“พลังชั้นเหรอ?”

ร่างกำเนิดแห่งพลัง สแตรง

ใช่แล้ว มันเติบโตโดยการกิน ‘สเตรนจ์’ (strength) ของผม

ดูจากค่าพลังที่ผมได้รับทุกวันจากภารกิจ มันบอกว่ามันจะได้พลังคืนมาเมื่อผมแข็งแกร่งขึ้น

แต่

หลังจากมองผมหัวจรดเท้า มันก็แก้มป่องอย่างไม่พอใจ

“ทำไมเจ้านายข้าคราวนี้ถึงอ่อนแอนักล่ะ?”

“...เจ้านาย? ชั้นเหรอ?”

“ใช่! เจ้านาย! ดราก้าเจ้านายคนก่อนน่ะแข็งแกร่งมากจริง ๆ ถึงแม้ว่าตอนแรกจะไม่ได้แข็งแกร่งเท่าไหร่…เอาเถอะ ถ้าเจ้าอยากจะให้ข้าช่วย เจ้าต้องขยันให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น ข้าเกลียดเจ้านายที่อ่อนแอที่สุดเลย”

พูดถึงเรื่องที่ผมอ่อนแอและพูดว่าเกลียดเจ้านายอ่อนแอตั้งแต่ที่เกิดมา

ถึงจะเป็นการบ่น ผมก็อดหัวเราะไม่ได้

‘แกบอกว่าชั้นเป็นเจ้านายแกสินะ…’

ผมต้องฝึกให้หนักขึ้นในอนาคต ต่อให้จะเป็นแค่การให้อาหารเจ้าหมีนี่ก็ตาม

อืม แทนที่จะเป็นความสัมพันธ์แบบข้ารับใช้กับเจ้านาย นี่มันความสัมพันธ์แบบพึ่งพาอาศัยกันมากกว่า

“ถ้าข้าแข็งแกร่งขึ้น เจ้าก็จะแข็งแกร่งขึ้นด้วย”

ถ้าผมแข็งแกร่งขึ้นได้ จะเป็นยังไงก็ช่าง ผมไม่สนใจอะไรอยู่แล้ว

“หาว…! ข้าจะงีบซักหน่อย ข้าเหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว ปลุกข้าตอนถึงเวลากินด้วยล่ะ”

สแตรงพูดราวกับว่า ‘เด็กต้องนอนเยอะ ๆ’ และนอนคว่ำบนไหล่ของผมและหลับในไม่นาน

ผมมองคิงแกรมและหัวเราะจากเรื่องประหลาดที่เกิดขึ้น

คิงแกรมเองก็เช่นเดียวกัน

“คิกคิก แม้จะได้เห็นอีกครั้งหลังจากหลายพันปี เจ้านั่นก็ยังเอาแต่ใจเหมือนเดิม”

คิงแกรมยิ้มอย่างที่ยากจะจินตนาการว่าจะได้เห็นในสถานที่สอบราวกับว่าสแตรงได้ทำให้เรื่องเก่า ๆ หวนคืนกลับมา

โอเกอร์ที่กำลังหัวเราะ

จะยังไงผมก็ยังไม่ชิน

หลังจากมองผมและสแตรงที่กำลังหลับมาสักระยะ คิงแกรมก็พูดขึ้นมา

“ได้เห็นเจ้าแบบนี้ทำให้ข้านึกถึงวันเก่า ๆ เจ้าเหมือนกับดราก้าในตอนที่เรารับเขามาที่บ้านเกิดเผ่า ‘ฟินิกซ์ท้องฟ้า’”

“จริงเหรอ?”

“ใช่ รูน อาเดล นักทำลายล้างน้อยที่จะสานต่อเจตนารมณ์ของดราก้า จากนี้ไปเจ้าคิดจะทำอะไรรึ?”

“ท่านหมายความว่าไง?”

“พลังที่เจ้ามีจะต้องช่วยให้เจ้าเติบโตขึ้นแน่นอน แต่มันจะนำพาเจ้าไปสู่เส้นทางที่ผิดได้ เจ้าอาจจะถูกพลังดูดกลืนไปก็ได้”

ผมรู้

ว่าที่สุดทางของถนนเส้นนี้จะมีความล่มสลายรอคอยผมอยู่

เหมือนกับดราก้า

“ตอนที่เจ้าแข็งแกร่งขึ้น เจ้าจะทำอะไร?”

ผมกลั้นหายใจขบคิดกับคำถาม

“อืมม”

เหตุผลที่ผมอยากจะแข็งแกร่งขึ้น

เหตุผลที่ผมอยากจะเป็นจอมเวทย์นั้น ทั้งหมดก็เพื่อดินแดนอาเดล

เพื่อปกป้องบ้านจากภัยคุกคามเวทมนตร์

เพื่อที่จะเป็นจอมเวทย์ที่ยอดเยี่ยมเพื่อให้คนที่อาศัยอยู่ในดินแดนของผมร่ำรวยขึ้นบ้างในชีวิต

เพื่อที่จะบ่งบอกชื่อ ‘อาเดล’ ที่ไม่มีใครรู้จัก

เพื่อที่จะแสดงให้พวกหมูที่เมินและเหยียดหยามชื่อ ‘อาเดล’

โอเค

พอแค่นี้ก่อน

อนาคตหลังจากนั้นไม่ได้น่ากลัวเหมือนกับทางเลือกที่ผมเลือกตอนนี้

มันไม่มีเหตุผลให้ต้องกลัว และไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธพลังนี้

ผมเงยหน้ามองคิงแกรมด้วยพลังในดวงตา

“ผมมไม่เหมือนดราก้า”

“หืม?”

“ผมจะใช้ชีวิตด้วยความคิดของตัวเอง เพื่อสิ่งที่เป็นของผม เพื่อครอบครัว และเพื่อตัวเอง”

“ผมสัญญาหนึ่งเรื่องว่าจะไม่ถูกพลังดูดกลืนไปอย่างดราก้า มีแค่เรื่องนี้ที่พูดได้ในตอนนี้”

“...หืมม”

คิงแกรมยิ้มกว้างราวกับพอใจในคำตอบและถามผม

“นักทำลายน้อย เจ้าไม่สงสัยรึว่าทำไมข้าถึงถามว่าเจ้าต้องการ 0 คะแนนหรือ 100 คะแนน?”

“ผมสงสัย”

“จากที่พวกจอมเวทย์โอหังพวกนั้นมอง เวทมนตร์ของเจ้าอาจจะดูไร้สาระและฉ้อฉล แต่ว่า…”

คิงแกรมยิ้มแปลก ๆ

“มันคือเวทมนตร์ที่ดีที่สุดสำหรับข้า”

โอเกอร์นั้นนับถือในพลัง

ยิ่งไปกว่านั้น การได้เห็นเวทมนตร์ของ ‘อาจารย์’ ดราก้าเป็นครั้งแรกหลังจากเวลาอันยาวนาน คิงแกรมจึงเห็นว่ามันคือเวทมนตร์ที่ดีที่สุด

โอเกอร์บรรพกาลที่มีชีวิตมาหลายพันปี แทบจะมีชีวิตอย่างยาวนานเป็นนิจนิรันดร์

คิงแกรม

ผมได้ให้ของขวัญกับประวัติศาสตร์มีชีวิตซึ่งเป็นความทรงจำอันยาวนาน

แล้วก็…

“ข้าจะตั้งตารอว่าเจ้าจะเป็นอย่างไรในอนาคต”

ปลูกเมล็ดพืชด้วยความคาดหวังว่ามันจะเติบโตไปสู่อนาคต

และสำหรับเรื่องนั้น คิงแกรมได้ตอบคำถามที่ทำให้ความสงสัยของผมหายไป

ถ้าหากพูดแบบนั้น การพบกันระหว่างพบกับคิงแกรมอาจจะเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับเราสองคนก็ได้

“ขอบคุณครับ”

หลังจากกล่าวขอบคุณ คิงแกรมก็เริ่มเดินกลับไปยังรูปปั้นแพลตตินัม

ถึงเวลาที่เขาจะหลับใหลอีกครั้ง

“แม้แต่ดราก้าก็ถูกพลังดูดกลืนไป…นักทำลายน้อยเอ๋ย จงภาคภูมิใจไว้ เขาเป็นสิ่งที่แข็งแกร่งเหนือสิ่งอื่นใด”

และคิงแกรมที่เข้ามาในรูปปั้นแล้ว เขาก็ลืมตาและเริ่มการหลับใหลอันยาวนาอีกครั้ง

‘ภาคภูมิในพลัง’

เรื่องดราก้าที่มีตัวตนอยู่จริง ผมได้รับรู้มันด้วยใจแล้ว

‘ผมจะทำให้เห็น’

พลังที่ให้มา

ผมจะต้องทำให้เห็นให้ได้

หลังออกมาจากห้องอาติแฟกต์ อาจารย์ไฮเดลกำลังยืนรอผมอยู่

แม้ว่าสแตรงจะหลับอยู่บนไหล่ของผมแต่ก็ดูเหมือนว่าอาจารย์จะมองไม่เห็น

อาจารย์ไฮเดลถามด้วยสีหน้าปกติ

“นายเสร็จธุระรึยัง?”

“ครับ”

“งั้นกลับกันเถอะ”

เป็นธรรมดาที่อาจารย์ไฮเดลจะสนใจในเรื่องที่ผมพูดคุยกับคิงแกรม แต่เขาก็ไม่ได้ถาม

เหตุผลนั้นเรียบง่าย

เพราะจอมเวทย์มีสิทธิ์ที่จะเก็บความลับของตัวเอง

เราเดินเงียบ ๆ ผ่านทางเดินและเขาก็พูดกับผมหลังจากกลับมาที่ชั้น 1 แล้ว

“รูน อาเดล”

“ครับ”

“ชั้นจะคอยดูการสอบครั้งต่อไปของนาย”

เพียงเท่านั้น

เขารีบหันหลังไปหลังจากพูดจบและหายไปที่สุดทางเดิน

คนที่เท่ในหลายความหมาย

“จะคอยดู…”

คิงแกรมแล้วยังอาจารย์ไฮเดล

ผมไม่รู้ว่าทำไมคำพูดนี้ถึงทำให้ผมรู้สึกดี

มันเป็นคำพูดที่ผมไม่ได้ยินมานานแล้ว

ถ้าให้พูดก็คือ ไม่ได้ยินหลังจากที่ผมอายุ 10 ขวบ

ใช่แล้ว

เรื่องราวมากมายได้เกิดขึ้นและเปลี่ยนเรื่องราวเดิมในไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

ผมคาดหวังกับคนบางคน

และ…

“รูน! นายคุยอะไรกับไอ้โอเกอร์เวรนั่นน่ะ?”

“...เจสัน?”

“เจ้านั่นกล้าดียังไงถึงมาบอกว่าเวทย์ชั้นผสมน้ำ! ไอ้โอเกอร์เวรตะไลเอ้ย!”

“รูน! ทำไมนายถึงดึงคะแนนเฉลี่ยให้สูงแบบนั้นล่ะ? ไม่สงสารชั้นที่ได้ 7 คะแนนเหรอ?”

“ชั้นได้ 3 นะโว้ย!”

ผมได้รับความสนใจที่ไม่ต้องการมากมายจากเพื่อนร่วมรุ่นที่เดินมาหาผม

“ปล่อยชั้นไปได้ไหม?”

“ฮื่มมม กับการที่ได้เกี่ยวพันกับท่านอัครจอมเวทย์รูนที่พลิกหน้าประวัติศาสตร์โรงเรียนแบบนี้ ชั้นล่ะปลื้มใจจริง ๆ”

“พอทีเถอะ”

“ได้ครับท่านอัครจอมเวทย์”

“...ฮ่าฮ่า”

เฮ่อ…

มันก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นหรอก

บอกตามตรง ชีวิตในโรงเรียนของผมเริ่มจะสนุกขึ้นแล้ว

เทียบกับชีวิต ‘เหมือนกับคุก’ ใน 5 ปีที่ผ่านมา ตอนนี้มันดีขึ้นกว่าเดิมอยู่บ้าง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด