ตอนที่ 14
ผมได้รับ ‘ความสำเร็จ’
หาเบาะแสเกี่ยวกับดราก้า I
คุณได้รับฉายา “สหายของโอเกอร์” เป็นรางวัล
คุณได้รับสกิล “ความโกรธของโอเกอร์” เป็นรางวัล
คุณได้รับภูติ “ผู้เกิดจากพลัง สแตรง” เป็นรางวัล
*ฉายา*
สหายของโอเกอร์
ผลของฉายา ลดโอกาสที่ ‘โอเกอร์’ จะมุ่งร้ายต่อคุณ
ผลของฉายา คุณสามารถสื่อสารกับ ‘โอเกอร์’ ได้
“สื่อสารกับโอเกอร์งั้นเหรอ…”
โอเกอร์นั้นพูดภาษามนุษย์ไม่ได้
หมายถึงนอกเหนือจากคิงแกรม
แต่เป็นเรื่องจริงที่ความสามารถในการสื่อสารกับโอเกอร์ในป่าจะเป็นพลังที่พิเศษ
ผมไม่รู้ว่ามันมีประโยชน์หรือไม่ แต่…ก็ดีกว่าไม่มีมัน
ผมดูหน้าต่างสกิลทันที
ความโกรธของโอเกอร์
ใช้งาน
คุณยืมพลังของโอเกอร์ที่กำลังโกรธและแข็งแกร่งขึ้นในทันที strength เพิ่มขึ้น 300 เป็นเวลา 30 วินาที ค่านี้จะได้รับผลจาก ‘ศิลปะร่างกาย’ และจะเพิ่มขึ้นตามเวลา
คูลดาวน์ : 3 นาที
‘สกิลที่ทำให้แข็งแกร่งขึ้นในทันที…’
มันจะเป็นพลังที่มีประโยชน์และใช้งาน
เหนือสิ่งอื่นใด เมื่อผมแข็งแกร่งขึ้น สกิลของผมก็รุนแรงขึ้นด้วย
ผมชอบที่มันเป็นสกิล ‘ประเภทเติบโต’ ได้
และอีกหนึ่งอย่าง
“นี่มันอะไร…?”
ผมพึมพำกับตัวเองเมื่อผมถือก้อนหินในมือ
คิงแกรมพยักหน้าราวกับรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะได้รับรางวัลจากภารกิจนะ บางครั้งดราก้าก็คุยกับอากาศแบบเจ้าเหมือนกัน”
“อย่างงั้นเหรอครับ?”
“ใช่ ไหนดูซิ”
คิงแกรมขยับร่างใหญ่ยักษ์มาใกล้ผม
เขาพูดหลังจากวิเคราะห์หินก้อนเล็ก ๆ ในมือผม
“หืม สแตรงนี่เอง”
เขาพูดถูก
ภูติผู้เกิดจากพลัง สแตรง
ผมรีบถามคิงแกรม
“ท่านรู้จักของอันนี้ด้วยเหรอ?”
“ของเรอะ? นี่ไม่ใช่ของ มันคือ ‘ร่างกำเนิด’ ข้าที่อยู่ใกล้ตัวดราก้ามาตลอดจะไม่รู้ได้อย่างไร? ดูมันตอนนี้สิ มันผนึกตัวเองเป็นศิลาภูติหลังจากที่ดราก้าตาย”
ร่างกำเนิด…
มันคืออะไรกัน?
แต่หลังจากได้ยินว่ามันผนึกตัวเองเป็น ‘ศิลาภูติ’ ผมก็เดาได้ว่ามันเป็นบางอย่างที่ใกล้เคียงกับภูติ
ภูติ
ภูติคือสิ่งมีชีวิตศักดิ์สิทธิ์ที่มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่จะมีได้
ผมเคยได้ยินว่ามีกลุ่มสิ่งมีชีวิตรูปแบบจิตที่จะรับมือกับภูติเหล่านี้อยู่บางแห่งในป่าทางเหนือ
ซึ่งพวกเขาถูกเรียกว่าจอมภูติ
ภูติเหล่านี้จะมีต้นกำเนิดพื้นฐานจาก 4 ธาตุตามธรรมชาติเช่นเดียวกับเวทมนตร์
แต่ว่า
“นี่คือร่างกำเนิดจากพลัง บางครั้งก็เรียกว่าภูติ แต่มันต่างจากภูติทั่วไป นิสัยของมันเลวร้ายแล้วก็เอาแต่ใจ มันจะขอพลังจากดราก้าทุกวันไม่หยุด แต่ถ้าเจ้าทำให้มันพอใจได้ มันก็สัญญาว่าจะมอบพลังให้เจ้าอย่างไร้สิ้นสุดเช่นกัน”
ไม่ใช่ธาตุทั้ง 4 แต่เป็น ‘พลัง’
และมันก็เป็น ‘ร่างกำเนิด’ ที่ไม่ใช่ภูติ
หรือว่านี่จะเป็นตัวตนที่เป็นตัวแทนแนวคิดพื้นฐานของพลัง?
ผมไม่เคยได้ยินเรื่องตัวตนแบบนี้มาก่อนเลย
‘หรือว่า…มันอธิบายเรื่องพลังในตอนนี้ของเราได้’
แน่นอนว่าถ้าเทียบกับสิ่งที่ผมต้องเจอในไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ผมก็ไม่ได้แปลกใจนัก
แต่ผมก็ถามคิงแกรม
“ท่านบอกว่าจะมีร่างกำเนิดออกมาจากหินก้อนนี้เหรอ?”
“ใช่แล้ว ตามปกติร่างกำเนิดจะไม่เผยตัวให้ใครเห็นนอกจากเจ้านาย ดังนั้นถ้ามันปรากฏตัวแบบนี้ก็แสดงว่ามันเจอเจ้านายของมันแล้ว”
“แล้วผมต้องทำยังไงล่ะ?”
“ต่อให้เจ้าไม่ทำอะไรแต่มันก็จะตื่นขึ้นมาเองในอีกไม่นาน เพราะมันเจอบ้านของมันแล้ว”
คิงแกรมพูดความจริง
เมื่อผมบีบก้อนหินในกำปั้น ก็เกิดเส้นหนึ่งปรากฏและมันก็เริ่มแตกออกมา
และที่กลางหินที่แตกนั้นเอง…
“...หมีงั้นเหรอ?”
มีหมีอยู่หนึ่งตัว
มันดูผิดธรรมชาติเพราะขนาดที่เท่าฝ่ามือของผม แต่ดูจากที่มันลูบตัวเองด้วยอุ้งเท้าเล็ก ๆ หลังจากเพิ่งเกิดมาแล้ว มันคือหมีน้อยน่ารักไม่ผิดแน่
แต่มันดูหงุดหงิดเมื่อถูกเรียกว่า ‘หมี’ สแตรงจ้องผมด้วยความโมโห
“อย่ามาเรียกข้าว่าหมีได้ไหม?”
“...เจ้าหมีนี่พูดได้ซะด้วย”
โอ้
เจ้าหมีกำลังพูด
ใช่ คงไม่ได้น่าตกใจอะไรแล้วถ้าได้เจอกับโอเกอร์พูดได้
“ข้าไม่ใช่หมีซักหน่อย!”
สแตรงลุกขึ้นด้วยการตบฝ่ามือของผมขณะที่ผมมองมันด้วยความสับสน
และหลังจากนั้นมันก็ใช้มือทั้งสองข้างเท้าเอวและพูดขณะที่พยายามทำให้ดูเหมือนโมโห
“ข้าเป็นร่างกำเนิดที่ไม่ได้ผูกมัดกับรูปลักษณ์ใด ข้าจะเป็นอะไรก็ได้ที่ต้องการ ดูนี่นะ!”
หลังจากตะโกนด้วยความมั่นใจแล้วสแตรงก็ลืมตาขึ้น
แต่…ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เอ๋…หา? ปะ…แปลก…”
สิ่งเดียวที่เปลี่ยนไปก็คือหน้าของสแตรงที่แดงขณะกำหมัด
“ฮ่า”
“ยะ…อย่าหัวเราะนะ!”
ผมทำได้แต่หัวเราะกับความน่ารักของมัน
สแตรงตอบเสียงสั่นที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“นี่มัน…มันเพราะว่าข้าไม่มีพลังต่างหาก! ข้าอดอยากเพราะเพิ่งเกิดมา เอาอาหารมาให้ข้าได้แล้ว!”
“อาหาร? แกกินอะไรล่ะ?”
“พลังเจ้าไง”
“พลังชั้นเหรอ?”
ร่างกำเนิดแห่งพลัง สแตรง
ใช่แล้ว มันเติบโตโดยการกิน ‘สเตรนจ์’ (strength) ของผม
ดูจากค่าพลังที่ผมได้รับทุกวันจากภารกิจ มันบอกว่ามันจะได้พลังคืนมาเมื่อผมแข็งแกร่งขึ้น
แต่
หลังจากมองผมหัวจรดเท้า มันก็แก้มป่องอย่างไม่พอใจ
“ทำไมเจ้านายข้าคราวนี้ถึงอ่อนแอนักล่ะ?”
“...เจ้านาย? ชั้นเหรอ?”
“ใช่! เจ้านาย! ดราก้าเจ้านายคนก่อนน่ะแข็งแกร่งมากจริง ๆ ถึงแม้ว่าตอนแรกจะไม่ได้แข็งแกร่งเท่าไหร่…เอาเถอะ ถ้าเจ้าอยากจะให้ข้าช่วย เจ้าต้องขยันให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น ข้าเกลียดเจ้านายที่อ่อนแอที่สุดเลย”
พูดถึงเรื่องที่ผมอ่อนแอและพูดว่าเกลียดเจ้านายอ่อนแอตั้งแต่ที่เกิดมา
ถึงจะเป็นการบ่น ผมก็อดหัวเราะไม่ได้
‘แกบอกว่าชั้นเป็นเจ้านายแกสินะ…’
ผมต้องฝึกให้หนักขึ้นในอนาคต ต่อให้จะเป็นแค่การให้อาหารเจ้าหมีนี่ก็ตาม
อืม แทนที่จะเป็นความสัมพันธ์แบบข้ารับใช้กับเจ้านาย นี่มันความสัมพันธ์แบบพึ่งพาอาศัยกันมากกว่า
“ถ้าข้าแข็งแกร่งขึ้น เจ้าก็จะแข็งแกร่งขึ้นด้วย”
ถ้าผมแข็งแกร่งขึ้นได้ จะเป็นยังไงก็ช่าง ผมไม่สนใจอะไรอยู่แล้ว
“หาว…! ข้าจะงีบซักหน่อย ข้าเหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว ปลุกข้าตอนถึงเวลากินด้วยล่ะ”
สแตรงพูดราวกับว่า ‘เด็กต้องนอนเยอะ ๆ’ และนอนคว่ำบนไหล่ของผมและหลับในไม่นาน
ผมมองคิงแกรมและหัวเราะจากเรื่องประหลาดที่เกิดขึ้น
คิงแกรมเองก็เช่นเดียวกัน
“คิกคิก แม้จะได้เห็นอีกครั้งหลังจากหลายพันปี เจ้านั่นก็ยังเอาแต่ใจเหมือนเดิม”
คิงแกรมยิ้มอย่างที่ยากจะจินตนาการว่าจะได้เห็นในสถานที่สอบราวกับว่าสแตรงได้ทำให้เรื่องเก่า ๆ หวนคืนกลับมา
โอเกอร์ที่กำลังหัวเราะ
จะยังไงผมก็ยังไม่ชิน
หลังจากมองผมและสแตรงที่กำลังหลับมาสักระยะ คิงแกรมก็พูดขึ้นมา
“ได้เห็นเจ้าแบบนี้ทำให้ข้านึกถึงวันเก่า ๆ เจ้าเหมือนกับดราก้าในตอนที่เรารับเขามาที่บ้านเกิดเผ่า ‘ฟินิกซ์ท้องฟ้า’”
“จริงเหรอ?”
“ใช่ รูน อาเดล นักทำลายล้างน้อยที่จะสานต่อเจตนารมณ์ของดราก้า จากนี้ไปเจ้าคิดจะทำอะไรรึ?”
“ท่านหมายความว่าไง?”
“พลังที่เจ้ามีจะต้องช่วยให้เจ้าเติบโตขึ้นแน่นอน แต่มันจะนำพาเจ้าไปสู่เส้นทางที่ผิดได้ เจ้าอาจจะถูกพลังดูดกลืนไปก็ได้”
ผมรู้
ว่าที่สุดทางของถนนเส้นนี้จะมีความล่มสลายรอคอยผมอยู่
เหมือนกับดราก้า
“ตอนที่เจ้าแข็งแกร่งขึ้น เจ้าจะทำอะไร?”
ผมกลั้นหายใจขบคิดกับคำถาม
“อืมม”
เหตุผลที่ผมอยากจะแข็งแกร่งขึ้น
เหตุผลที่ผมอยากจะเป็นจอมเวทย์นั้น ทั้งหมดก็เพื่อดินแดนอาเดล
เพื่อปกป้องบ้านจากภัยคุกคามเวทมนตร์
เพื่อที่จะเป็นจอมเวทย์ที่ยอดเยี่ยมเพื่อให้คนที่อาศัยอยู่ในดินแดนของผมร่ำรวยขึ้นบ้างในชีวิต
เพื่อที่จะบ่งบอกชื่อ ‘อาเดล’ ที่ไม่มีใครรู้จัก
เพื่อที่จะแสดงให้พวกหมูที่เมินและเหยียดหยามชื่อ ‘อาเดล’
โอเค
พอแค่นี้ก่อน
อนาคตหลังจากนั้นไม่ได้น่ากลัวเหมือนกับทางเลือกที่ผมเลือกตอนนี้
มันไม่มีเหตุผลให้ต้องกลัว และไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธพลังนี้
ผมเงยหน้ามองคิงแกรมด้วยพลังในดวงตา
“ผมมไม่เหมือนดราก้า”
“หืม?”
“ผมจะใช้ชีวิตด้วยความคิดของตัวเอง เพื่อสิ่งที่เป็นของผม เพื่อครอบครัว และเพื่อตัวเอง”
“ผมสัญญาหนึ่งเรื่องว่าจะไม่ถูกพลังดูดกลืนไปอย่างดราก้า มีแค่เรื่องนี้ที่พูดได้ในตอนนี้”
“...หืมม”
คิงแกรมยิ้มกว้างราวกับพอใจในคำตอบและถามผม
“นักทำลายน้อย เจ้าไม่สงสัยรึว่าทำไมข้าถึงถามว่าเจ้าต้องการ 0 คะแนนหรือ 100 คะแนน?”
“ผมสงสัย”
“จากที่พวกจอมเวทย์โอหังพวกนั้นมอง เวทมนตร์ของเจ้าอาจจะดูไร้สาระและฉ้อฉล แต่ว่า…”
คิงแกรมยิ้มแปลก ๆ
“มันคือเวทมนตร์ที่ดีที่สุดสำหรับข้า”
โอเกอร์นั้นนับถือในพลัง
ยิ่งไปกว่านั้น การได้เห็นเวทมนตร์ของ ‘อาจารย์’ ดราก้าเป็นครั้งแรกหลังจากเวลาอันยาวนาน คิงแกรมจึงเห็นว่ามันคือเวทมนตร์ที่ดีที่สุด
โอเกอร์บรรพกาลที่มีชีวิตมาหลายพันปี แทบจะมีชีวิตอย่างยาวนานเป็นนิจนิรันดร์
คิงแกรม
ผมได้ให้ของขวัญกับประวัติศาสตร์มีชีวิตซึ่งเป็นความทรงจำอันยาวนาน
แล้วก็…
“ข้าจะตั้งตารอว่าเจ้าจะเป็นอย่างไรในอนาคต”
ปลูกเมล็ดพืชด้วยความคาดหวังว่ามันจะเติบโตไปสู่อนาคต
และสำหรับเรื่องนั้น คิงแกรมได้ตอบคำถามที่ทำให้ความสงสัยของผมหายไป
ถ้าหากพูดแบบนั้น การพบกันระหว่างพบกับคิงแกรมอาจจะเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับเราสองคนก็ได้
“ขอบคุณครับ”
หลังจากกล่าวขอบคุณ คิงแกรมก็เริ่มเดินกลับไปยังรูปปั้นแพลตตินัม
ถึงเวลาที่เขาจะหลับใหลอีกครั้ง
“แม้แต่ดราก้าก็ถูกพลังดูดกลืนไป…นักทำลายน้อยเอ๋ย จงภาคภูมิใจไว้ เขาเป็นสิ่งที่แข็งแกร่งเหนือสิ่งอื่นใด”
และคิงแกรมที่เข้ามาในรูปปั้นแล้ว เขาก็ลืมตาและเริ่มการหลับใหลอันยาวนาอีกครั้ง
‘ภาคภูมิในพลัง’
เรื่องดราก้าที่มีตัวตนอยู่จริง ผมได้รับรู้มันด้วยใจแล้ว
‘ผมจะทำให้เห็น’
พลังที่ให้มา
ผมจะต้องทำให้เห็นให้ได้
หลังออกมาจากห้องอาติแฟกต์ อาจารย์ไฮเดลกำลังยืนรอผมอยู่
แม้ว่าสแตรงจะหลับอยู่บนไหล่ของผมแต่ก็ดูเหมือนว่าอาจารย์จะมองไม่เห็น
อาจารย์ไฮเดลถามด้วยสีหน้าปกติ
“นายเสร็จธุระรึยัง?”
“ครับ”
“งั้นกลับกันเถอะ”
เป็นธรรมดาที่อาจารย์ไฮเดลจะสนใจในเรื่องที่ผมพูดคุยกับคิงแกรม แต่เขาก็ไม่ได้ถาม
เหตุผลนั้นเรียบง่าย
เพราะจอมเวทย์มีสิทธิ์ที่จะเก็บความลับของตัวเอง
เราเดินเงียบ ๆ ผ่านทางเดินและเขาก็พูดกับผมหลังจากกลับมาที่ชั้น 1 แล้ว
“รูน อาเดล”
“ครับ”
“ชั้นจะคอยดูการสอบครั้งต่อไปของนาย”
เพียงเท่านั้น
เขารีบหันหลังไปหลังจากพูดจบและหายไปที่สุดทางเดิน
คนที่เท่ในหลายความหมาย
“จะคอยดู…”
คิงแกรมแล้วยังอาจารย์ไฮเดล
ผมไม่รู้ว่าทำไมคำพูดนี้ถึงทำให้ผมรู้สึกดี
มันเป็นคำพูดที่ผมไม่ได้ยินมานานแล้ว
ถ้าให้พูดก็คือ ไม่ได้ยินหลังจากที่ผมอายุ 10 ขวบ
ใช่แล้ว
เรื่องราวมากมายได้เกิดขึ้นและเปลี่ยนเรื่องราวเดิมในไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
ผมคาดหวังกับคนบางคน
และ…
“รูน! นายคุยอะไรกับไอ้โอเกอร์เวรนั่นน่ะ?”
“...เจสัน?”
“เจ้านั่นกล้าดียังไงถึงมาบอกว่าเวทย์ชั้นผสมน้ำ! ไอ้โอเกอร์เวรตะไลเอ้ย!”
“รูน! ทำไมนายถึงดึงคะแนนเฉลี่ยให้สูงแบบนั้นล่ะ? ไม่สงสารชั้นที่ได้ 7 คะแนนเหรอ?”
“ชั้นได้ 3 นะโว้ย!”
ผมได้รับความสนใจที่ไม่ต้องการมากมายจากเพื่อนร่วมรุ่นที่เดินมาหาผม
“ปล่อยชั้นไปได้ไหม?”
“ฮื่มมม กับการที่ได้เกี่ยวพันกับท่านอัครจอมเวทย์รูนที่พลิกหน้าประวัติศาสตร์โรงเรียนแบบนี้ ชั้นล่ะปลื้มใจจริง ๆ”
“พอทีเถอะ”
“ได้ครับท่านอัครจอมเวทย์”
“...ฮ่าฮ่า”
เฮ่อ…
มันก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นหรอก
บอกตามตรง ชีวิตในโรงเรียนของผมเริ่มจะสนุกขึ้นแล้ว
เทียบกับชีวิต ‘เหมือนกับคุก’ ใน 5 ปีที่ผ่านมา ตอนนี้มันดีขึ้นกว่าเดิมอยู่บ้าง