ตอนที่ 114: แวมไพร์
ตอนที่ 114: แวมไพร์
หลังซาร่าจากไปเอเลนก็ลุกยืนขึ้นพร้อมกับเดินสำรวจบริเวณโดยรอบ
คนที่รับผิดชอบในการเฝ้าจับตาดูเซี่ยเฟยซ่อนตัวอยู่บริเวณสี่แยก ซึ่งอยู่ห่างออกไปมากกว่า 100 เมตร โดยในขณะนี้พวกเขากำลังพูดคุยกันพร้อมกับเหล้าภายในมือและพวกเขาก็ไม่ได้สนใจที่จะแอบฟังบทสนทนาของเซี่ยเฟยเลย
เอเลนเดินกลับเข้ามาภายในห้องพร้อมกับปิดประตูอย่างระมัดระวัง จากนั้นเขาก็กระซิบถามชายหนุ่มว่า
“เซี่ยเฟย เอ็งคิดยังไงกับซาร่า?”
คำถามนี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตกตะลึงไปเล็กน้อย แล้วมันก็เห็นได้ชัดเลยว่ามันมีเงื่อนงำของอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ภายใต้คำถามนั้น
“ซาร่าก็ดี ว่าแต่ทำไมลุงถึงถามแบบนี้?” เซี่ยเฟยตอบกลับไปอย่างคลุมเครือ
เอเลนยกแก้วเบียร์ขึ้นมาดื่มอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะกล่าวออกไปด้วยใบหน้าที่ขมขื่นอยู่เล็กน้อย
“ซาร่ากำลังจะแต่งงาน”
“ถ้าอย่างนั้นผมก็ขอแสดงความยินดีด้วย”
“แสดงความยินดี? เอ็งจะไม่พูดแบบนั้นถ้าเอ็งรู้ว่าซาร่ากำลังจะแต่งงานกับใคร” เอเลนกล่าว
“ถ้าซาร่าเต็มใจมันก็ไม่น่ามีปัญหาไม่ใช่เหรอครับ ทำไมลุงถึงต้องทำท่าทางลังเลแบบนั้นด้วย” เซี่ยเฟยพูดติดตลก
จู่ ๆ เอเลนก็เงียบเสียงของเขาไปพร้อมกับจ้องมองของเหลวสีทองในมืออย่างไม่วางตา จากนั้นหลังจากเวลาได้ผ่านพ้นไปไม่กี่นาทีเขาก็สูดลมหายใจเข้าไปพร้อมกับกล่าวออกมาว่า
“เอ็งคิดว่าซาร่าเต็มใจจะแต่งงานกับหนิงไป่เฉินไหมล่ะ?”
คำตอบจากเอเลนถึงกับทำให้เซี่ยเฟยพูดไม่ออก ดังนั้นเขาจึงหยิบบุหรี่ออกมาจากกล่องพร้อมกับพ่นควันอยู่เงียบ ๆ
ถึงเขาจะไม่รู้อายุที่แท้จริงของผู้นำตระกูลหนิง แต่ชายชราคนนั้นย่อมมีอายุไม่น้อยกว่า 70 ปีอย่างแน่นอน ขณะเดียวกันซาร่าก็มีอายุเพียงแค่ 17 ปีเท่านั้นซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่หญิงสาวกำลังเบ่งบานมากที่สุด
คนเรามีช่วงเวลาเบ่งบานเพียงแค่ครั้งเดียวในชีวิต ซึ่งโดยปกติวัยรุ่นคนอื่น ๆ ก็จะใช้ช่วงเวลานี้เพลิดเพลินไปกับความสนุก แต่ซาร่าไม่เพียงแต่จะต้องทำงานหาเลี้ยงครอบครัวตั้งแต่เด็กเท่านั้น แต่เธอยังต้องแต่งงานกับชายชรารุ่นคุณปู่อีกด้วย
“ซาร่ารู้เรื่องนี้แล้วหรือยังครับ?” เซี่ยเฟยถาม
“ถ้าเธอรู้เธอคงจะโวยวายไปแล้ว แต่คนอย่างพวกเราจะขัดขืนตระกูลหนิงได้ยังไง ถ้าไม่ใช่เพราะความวุ่นวายที่เพิ่งเกิดขึ้นพวกตระกูลหนิงก็คงจะส่งสินสอดเข้ามาแล้ว”
“ตอนนี้ผู้นำตระกูลหนิงตัดสินใจที่จะกำจัดสการ์เป็นอย่างแรกและรอจนกว่ากลุ่มโจรสลัดนกฮูกจะถูกกวาดล้าง จากนั้น…” เอเลนพูดไปได้เพียงแค่ครึ่งทางก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงพร้อมกับดวงตาที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง
เหตุการณ์นี้ทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ และเขาก็รู้สึกราวกับว่ามันมีภูเขาลูกใหญ่กดทับลงมาที่หน้าอก
“ในเมื่อลุงตัดสินใจเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง มันก็หมายความว่าลุงตัดสินใจอะไรไปบางอย่างแล้วใช่ไหมครับ” เซี่ยเฟยถาม
“เอ็งน่าจะกลับไปเร็ว ๆ นี้ ถ้าหากเอ็งไม่ว่าอะไรช่วยเอาพวกเราลุงหลานไปด้วยจะได้ไหม” เอเลนกล่าวพร้อมกับจ้องมองไปที่เซี่ยเฟย
เซี่ยเฟยไม่ต้องการที่จะอยู่ในเขตดาววิลเดอร์เนสอีกต่อไป และถึงแม้ว่ายานของพวกเซิร์กจะถูกจับกุมไปแล้วแต่เขาก็ไม่รู้ว่าเซียวรั่วหยูอยู่บนยานหรือไม่ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจจะกลับไปยังเขตพันธมิตรโดยเร็วที่สุด
“นั่นคือเหตุผลที่ลุงซ่อนตัวอยู่ในบ้านตลอดทั้งวัน เพราะว่าลุงกำลังเตรียมการเรื่องนี้อยู่ใช่ไหมครับ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
แม้จะได้ยินคำถามแต่เอเลนก็ไม่ได้พูดอะไรต่อไป จากนั้นเขาก็ลุกยืนขึ้นพร้อมกับหยิบคอมพิวเตอร์อัจฉริยะรุ่นเก่าออกมาจากห้อง
“ข้าจะส่งข้อมูลทั้งหมดที่ข้ารวบรวมมาได้ให้กับเอ็ง ข้าคิดว่ามันคงพอจะมีประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย”
—
เมื่อเวลาได้ผ่านไปจนถึงช่วงกลางคืนเซี่ยเฟยที่กำลังนอนอยู่บนโซฟาหักก็กำลังนอนไม่หลับ ดังนั้นเขาจึงเปิดไมโครคอมพิวเตอร์เพื่อตรวจสอบข้อมูลที่ได้รับมาจากเอเลนซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เพื่อที่จะหนีไปกับซาร่า เอเลนได้เตรียมความพร้อมเอาไว้หลายอย่างมากซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือข้อมูลข่าวที่สำคัญ มันจึงทำให้เซี่ยเฟยสามารถวางแผนการรบได้อย่างสะดวกสบาย
เซี่ยเฟยเริ่มทำการตรวจสอบแผนที่ดาวเปรียบเทียบกับข้อมูลที่เอเลนได้ให้เขามา แล้วมันก็ทำให้แผนปฏิบัติการโจรปล้นโจรในหัวของเขาชัดเจนมากยิ่งขึ้น
นับจากฐานเรดสโตนในระยะ 200,000 ปีแสงมีฐานทัพอยู่ทั้งหมด 6 แห่ง ได้แก่ ฐานเรดสโตน, ฐานไวท์สโตน, ฐานบลูสโตน, ฐานกรีนสโตน, ฐานแบล็คสโตนและฐานเยลโล่สโตน นอกจากนี้มันยังมีฐานของโจรสลัดอยู่ทั้งสิ้น 4 แห่ง ได้แก่ ฐานของกลุ่มโจรสลัดนกฮูก, ฐานของกลุ่มโจรสลัดไนท์ฟลาเวอร์, ฐานของกลุ่มโจรสลัดบลูฟอกซ์และฐานของกลุ่มโจรสลัดโบรคเคนเบลด
จากข้อมูลที่เอเลนได้ให้ไว้ครั้งนี้หนิงไป่เฉินได้ทำการติดต่อฐานทัพบริเวณใกล้เคียงทั้งสิ้นห้าแห่ง รวมถึงกลุ่มโจรสลัดไนท์ฟลาเวอร์และกลุ่มโจรสลัดบลูฟอกซ์เพื่อมาทำการโค่นล้มกลุ่มโจรสลัดนกฮูก แต่เขาไม่ได้ติดต่อไปยังกลุ่มโจรสลัดโบรคเคนเบลด นั่นก็เพราะว่าตระกูลหนิงได้ทะเลาะกับกลุ่มโจรสลัดโบรคเคนเบลดเรื่องเหมืองแร่คริสตัลเมื่อประมาณปีที่แล้ว
ก่อนหน้านี้หนิงไป่เฉินได้ให้ความสำคัญกับการรักษาความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านมาโดยตลอด แต่ภายในระยะเวลา 1 ปีนี้เขากลับหันหลังให้กับกลุ่มโจรสลัดที่ทรงพลังถึงสองกลุ่มซึ่งมันดูไม่ใช่นิสัยปกติของเขาเลย
“ดูเหมือนสถานการณ์มันจะซับซ้อนมากเลยนะ” เซี่ยเฟยส่งเสียงพึมพำ
“นายคิดไปเองหรือเปล่า? ความเป็นจริงสถานการณ์อาจจะไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่นายคิดก็ได้” อันธกล่าวพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ
“มันก็อาจจะเป็นไปได้… แต่พวกเรายังต้องเตรียมการอีกหลายอย่าง อันที่จริงยิ่งสถานการณ์วุ่นวายมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งเป็นผลดีสำหรับพวกเรามากขึ้นเท่านั้น” เซี่ยเฟยตอบ
หลังจากนั้นชายหนุ่มก็จุดบุหรี่พร้อมกับวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับมาและจดจำบุคคลที่สำคัญแต่ละคนเอาไว้ในใจ
—
เช้าวันรุ่งขึ้นเซี่ยเฟยกับซาร่าก็เดินทางไปยังโกดังด้วยกันพร้อมกับจอดโคแอกิวเลชั่นเอาไว้ด้านข้างลูน่า
ห่างจากเขาไปไม่ไกลยังมีคนสะกดรอยตามเขาอยู่ตลอดเวลา แต่เซี่ยเฟยไม่ได้สนใจคนพวกนี้มากนัก เพราะท้ายที่สุดเขายังมีประโยชน์กับแผนการโจรปล้นโจร ดังนั้นในช่วงเวลานี้ตระกูลหนิงย่อมไม่สร้างปัญหาให้กับเขา
“วันนี้เธอไม่ไปทำงานหรอ?” เซี่ยเฟยถามหลังจากทิ้งชิ้นส่วนอะไหล่ทั้งหมดในแหวนมิติลงบนพื้น
“ตอนนี้ฐานทัพถูกปิดตาย คนในไม่ให้ออกคนนอกไม่ให้เข้า” ซาร่าตอบพร้อมกับใช้มือลูบโคแอกิวเลชั่น จากนั้นเธอก็พูดต่อไปว่า
“ยานลำนี้ดูแข็งแกร่งมากเลย นี่นายไปเอามันมาจากไหนหรอ?”
ซาร่าไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับยานรบเลย ซึ่งในความคิดของเธอยานรบที่แข็งแกร่งก็คือยานรบที่สามารถเข้าทำลายข้าศึกได้
“ในระหว่างการสำรวจฉันพลาดทำยานของลุงแอนดี้หายไป เธอช่วยไปถามเขาหน่อยได้ไหมว่าฉันจะต้องจ่ายค่าเสียหายเท่าไหร่ แล้วเธอช่วยเช่าเครื่องมือทั้งหมดของเขามาด้วยนะ เขามีเครื่องมือแค่ไหนก็เช่ามาให้หมดเลย” เซี่ยเฟยเปลี่ยนประเด็นพร้อมกับยื่นถุงเงินให้กับซาร่า
งานซ่อมแซมยานทั้งสองลำนี้ค่อนข้างหนักและอีกสองวันจะเป็นวันปฏิบัติการโจรปล้นโจร ด้วยเหตุนี้เซี่ยเฟยจึงจำเป็นจะต้องใช้ช่วงเวลานี้รีบซ่อมแซมยานทั้งสองของเขาให้ทันเวลา
“ไม่ต้องห่วง! ถ้าเขากล้าโก่งราคา ฉันจะเป็นคนจัดการกับเขาเอง!!” ซาร่ากล่าวพร้อมกับเปิดดูถุงเงิน
“ลุงแอนดี้ช่วยเหลือพวกเราเยอะมาก เธออย่าหักส่วนแบ่งของเธอก่อนที่จะเอาเงินไปให้กับเขาล่ะ ก่อนหน้านี้ฉันได้เห็นใบเสนอราคาที่เขาทำมาให้ฉันแล้วและราคาที่เขาระบุเอาไว้ก็ค่อนข้างยุติธรรม” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ฉันรู้ว่านายรวย แต่ไม่ว่านายจะรวยแค่ไหนนายก็ต้องเก็บเงินเอาไว้บ้างนะ นายต้องรู้นะว่าการหาเงินมันยากกว่าการใช้เงิน!” ซาร่ากล่าว
หญิงสาวเติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมที่ไม่ต่างไปจากสลัม มันจึงทำให้เธอติดนิสัยตระหนี่ถี่เหนียวมาตั้งแต่เด็ก และเพียงแค่การมองไปที่รองเท้าบู๊ทหนังขาด ๆ ที่เธอได้สวมใส่อยู่เป็นประจำ มันก็สามารถบอกได้เลยว่าหญิงสาวคนนี้เป็นคนที่ขี้เหนียวมากแค่ไหน
หลังจากเวลาผ่านไปประมาณ 2 ชั่วโมงซาร่าก็กลับมาพร้อมกับรถบรรทุกที่เต็มไปด้วยอะไหล่และเครื่องมือช่างตามที่เซี่ยเฟยต้องการ
“เธอไปพักเถอะ เดี๋ยวฉันจะซ่อมยานเอง” เซี่ยเฟยเดินเข้าไปหาพร้อมกับยื่นขวดน้ำอัดลมให้ซาร่า
หญิงสาวรับเครื่องดื่มเข้ามาไว้ในอ้อมแขนอย่างมีความสุข จากนั้นเธอก็เปิดฝาอย่างระมัดระวังก่อนที่จะยกขวดขึ้นมาจิบกินน้ำอัดลมทีละน้อย
แม้ว่าภายนอกเธอจะดูห้าวหาญมากแค่ไหนแต่ภายในเธอก็เป็นเพียงแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เธอมีบุคลิกอย่างในปัจจุบันนั่นก็เพราะสภาพแวดล้อมที่หล่อหลอมเธอขึ้นมา
“อ๊า~ ถ้าฉันได้ดื่มไอ้นี่ทุกวันมันคงจะดี” ซาร่าพึมพำกับตัวเอง
“เธอนี่เป็นพวกมักน้อยจริง ๆ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลังจากนั้นชายหนุ่มก็ขนเครื่องมือลงมาจากรถบรรทุก แต่ถึงแม้ว่าเครื่องมือบางชิ้นจะมีน้ำหนักหลายร้อยกิโลกรัม แต่เซี่ยเฟยกลับยกพวกมันด้วยมือทั้งสองข้างราวกับว่าเครื่องมือพวกนั้นไม่มีน้ำหนักเลย
“โอ้ว~ ฉันดูถูกนายจากรูปลักษณ์ภายนอกไม่ได้สินะ ปกติแล้วเครื่องจักรพวกนี้ต้องใช้คนช่วยยกถึง 4 คนเลยนะถึงจะยกพวกมันได้” ซาร่ากล่าวด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย
แม้ว่าเซี่ยเฟยจะเป็นผู้มีพลังสายความเร็วแต่ความแข็งแกร่งกับความเร็วก็เป็นสิ่งที่มีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด เพราะว่ามันเป็นพลังที่จำเป็นจะต้องใช้กำลังกายเหมือน ๆ กัน ด้วยเหตุนี้การฝึกฝนเพิ่มพลังให้กับสายใดสายหนึ่งจึงเป็นการเพิ่มพลังให้กับอีกสายแบบอ้อม ๆ ด้วย
ยกตัวอย่างเช่น นักวิ่งมืออาชีพที่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้มีความแข็งแรงเหมือนนักยกน้ำหนัก แต่สภาพร่างกายของพวกเขาก็มีความแข็งแกร่งเหนือกว่าคนธรรมดา
เซี่ยเฟยใกล้จะมีความแข็งแกร่งถึงระดับสตาร์ฟิลด์แล้ว มันจึงทำให้ความแข็งแกร่งทางด้านร่างกายของเขาเพิ่มขึ้นตามระดับความสามารถของเขาไปด้วย ซึ่งการยกสิ่งของที่มีน้ำหนักเพียงแค่ไม่กี่ร้อยกิโลกรัมจึงไม่ต่างไปจากการยกของเด็กเล่นในสายตาของเซี่ยเฟยเลย
ขณะเดียวกันไม่ว่าจะเป็นลูน่าหรือโคแอกิวเลชั่นต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นยานฟริเกตชั้นยอด แต่ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันมันจึงบังคับให้เขาจำเป็นจะต้องเลือกยานลำใดลำหนึ่งเท่านั้น
โคแอกิวเลชั่นเป็นยานที่เขาเพิ่งได้รับมาใหม่ ดังนั้นสภาพของยานจึงยังไม่ได้รับความเสียหายมากนัก แต่ทางฝั่งของลูน่าได้รับความเสียหายทางโครงสร้างอย่างร้ายแรงและการพยายามจะซ่อมแซมมันขึ้นมาภายใน 3 วันก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย
เซี่ยเฟยตัดสินใจถอดเครื่องยนต์แบล็คเซอร์เพนท์ 130 จากลูน่าไปติดตั้งภายในโคแอกิวเลชั่น และติดตั้งเครื่องยนต์ปกติของโคแอกิวเลชั่นกลับเข้าไปภายในลูน่า
ขณะเดียวกันเขาก็ทำการถอดเครื่องวาร์ปดิสรับเตอร์จากลูน่าแล้วนำไปประกอบในโคแอกิวเลชั่นด้วยเช่นกัน
เซี่ยเฟยใช้เวลาถอดประกอบยานในโกดังถึงสามวันเต็ม ๆ โดยในระหว่างนั้นซาร่าก็เป็นคนที่คอยส่งน้ำส่งอาหารให้กับเขา
เมื่อเวลาได้ล่วงเลยมาจนถึงรุ่งสางของวันที่ 3 ในที่สุดโคแอกิวเลชั่นที่ติดอาวุธพร้อมรบก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเซี่ยเฟย
เนื่องจากข้อจำกัดทางด้านของเวลาชายหนุ่มจึงยัดอุปกรณ์ต่าง ๆ เข้าไปภายในยานจนทำให้ช่องโดยสารไม่เหลือที่ว่างให้ก้าวเดินแม้แต่ก้าวเดียว
ห้องนอนของลูกเรือถูกแทนที่ด้วยเครื่องวาร์ปสเตบิไลเซอร์, ห้องอาหารถูกแทนที่ด้วยเครื่องกำเนิดเกราะพลังงาน ดังนั้นหากใครต้องการเดินเข้าไปภายในยานพวกเขาก็จำเป็นที่จะต้องทำการปีนป่ายกันสักหน่อย
“นายตั้งชื่อยานลำนี้เอาไว้แล้วหรือยัง?” อันธถามขณะมองไปยังยานโคแอกิวเลชั่นที่ถูกดัดแปลงโดยเซี่ยเฟย
“ฉันขอตั้งชื่อมันว่า 'แวมไพร์’” เซี่ยเฟยใช้มือเช็ดเหงื่อพร้อมกับกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม
*****************
ในที่สุดยานลำใหม่ที่น่าขัดใจของพี่เฟยก็เป็นแบบที่พี่เฟยชอบสักที ไร้ซึ่งสิ่งอำนวยความสะดวกใด ๆ 5555