ตอนที่ 113: อัญมณีสีม่วง
ตอนที่ 113: อัญมณีสีม่วง
ภายในจานสีเงินถูกวางเอาไว้ด้วยอัญมณีสีม่วงขนาดเท่ากำปั้น โดยอัญมณีทั่วทั้งก้อนได้ส่องแสงออกมาอย่างเปล่งประกาย
“หัวใจจักรวาลสีม่วง!”
“โอ้วพระเจ้า ก้อนโคตรใหญ่เลย!!”
“มันมีอัญมณีแบบนี้อยู่จริง ๆ! ตอนแรกฉันคิดว่ามันมีเพียงแต่ในตำนาน!!”
หลังจากทั่วทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบชั่วครู่หนึ่งฝูงชนก็ระเบิดความเห็นออกมาอย่างบ้าคลั่ง โดยในขณะนี้ดวงตาหลายสิบคู่กำลังจับจ้องมองไปยังหัวใจจักรวาลสีม่วงอย่างละโมบ และมันก็ไม่มีใครปิดบังความปรารถนาของพวกเขาเอาไว้เลยแม้แต่นิดเดียว
“ทำไมหัวใจจักรวาลก้อนนั้นถึงมีสีม่วง?” เซี่ยเฟยเอ่ยถามอันธ
“หัวใจจักรวาลมี 2 ประเภทคือหัวใจจักรวาลสีแดงและหัวใจจักรวาลสีม่วง ว่ากันว่าพลังงานภายในหัวใจจักรวาลสีม่วงสูงกว่าสีแดง 100-150 เท่า มันจึงเป็นแหล่งพลังงานที่หาได้ยากมาก”
“อย่างไรก็ตามหัวใจจักรวาลสีม่วงก็ปลดปล่อยพลังงานออกมารุนแรงกว่าหัวใจจักรวาลสีแดงมาก มันจึงไม่ค่อยมีใครเอาหัวใจจักรวาลประเภทนี้ไปใช้และมักจะถูกเก็บสะสมเอาไว้ในของหายาก”
“อาจารย์ของฉันก็มีหัวใจจักรวาลสีม่วงอยู่เหมือนกันและเขาก็มักที่จะกำมันเล่นเอาไว้ในมือเสมอ อาจารย์เคยบอกว่าหัวใจจักรวาลสีแดงและสีม่วงต่างก็บรรจุพลังงานต้นกำเนิดของจักรวาลเหมือนกัน แต่หัวใจจักรวาลสีม่วงถือกำเนิดขึ้นมาใกล้กับจุดศูนย์กลางพลังงานมากกว่า มันจึงทำให้พลังงานภายในอัญมณีเต็มไปด้วยพลังงานอันรุนแรง”
“หากนายต้องการเข้าถึงความลับขั้นสูงสุดของจักรวาล ก่อนอื่นนายก็จะต้องทำความเข้าใจหัวใจจักรวาลสีม่วงพวกนั้นให้ได้เสียก่อน” อันธกล่าวอธิบายก่อนที่เขาจะถอนหายใจและพูดต่อไปว่า
“เฮ้อ! หัวใจจักรวาลสีม่วงก้อนนี้มีขนาดใหญ่กว่าหัวใจจักรวาลของอาจารย์ฉันเสียอีก ถ้าฉันมีโอกาสมอบหัวใจจักรวาลสีม่วงก้อนนี้ให้กับอาจารย์ได้ มันก็คงจะทำให้อาจารย์มีความสุขมากแน่ ๆ”
หลังพูดจบมันก็มีน้ำตาใส ๆ ไหลออกมาจากหางตาของอันธ ซึ่งมันก็ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย เพราะใครมันจะไปคิดว่าสุดยอดนักฆ่าที่มีชื่อเสียงไปทั่วทั้งจักรวาลจะแสดงความอ่อนไหวออกมาแบบนี้ แล้วถ้าหากว่าเขาได้นำเรื่องนี้ไปเล่าให้คนอื่นฟังมันก็คงจะไม่มีใครเชื่อถือในคำพูดของเขาอย่างแน่นอน
“เอาล่ะทุกคน ฉัน ‘หนิงไป่เฉิน’ ขอให้คำสัญญาว่าถ้าหากใครเอาหัวของสการ์กลับมาได้ ฉันจะให้อัญมณีก้อนนี้เป็นของรางวัล!” ผู้นำตระกูลหนิงประกาศออกไปเสียงดัง ซึ่งมันก็ทำให้ทุกคนภายในห้องรู้สึกประทับใจ พร้อมกับแอบคิดภายในใจว่าพวกเขาจะต้องตัดหัวของสการ์มาให้ได้
“คราวนี้ถึงคราวตายของสการ์จริง ๆ แล้วสินะ การเคลื่อนไหวของเฒ่าหนิงครั้งนี้น่ากลัวจริง ๆ ไม่น่าเชื่อเลยว่าเขาจะใช้หัวใจจักรวาลสีม่วงอันล้ำค่ามาเป็นค่าหัวของสการ์” เซี่ยเฟยวิเคราะห์สถานการณ์อย่างใจเย็น
หนิงไป่เฉินเป็นชายชราที่มีความเจ้าเล่ห์และสามารถวางกลอุบายได้อย่างแยบยล เขามีความเข้าใจในความโลภของมนุษย์ได้เป็นอย่างดีและเมื่อเขาได้เสนอของรางวัลก้อนโต มันก็ไม่เพียงแต่เขาจะพิพากษาชีวิตของสการ์เท่านั้น แต่เขายังทำให้คนเหล่านี้เกิดความขัดแย้งขึ้นมาระหว่างกันอีกด้วย
หัวใจจักรวาลสีม่วงมีอยู่เพียงแค่ชิ้นเดียว ด้วยเหตุนี้หากใครต้องการได้รับรางวัลเขาคนนั้นก็จำเป็นที่จะต้องแย่งชิงกับผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ
การใช้วิธีนี้ทำให้ตระกูลหนิงไม่จำเป็นจะต้องกังวลว่าคนพวกนี้จะรวมกลุ่มกัน เพราะไม่เพียงแต่พวกเขาจะเป็นพันธมิตรกันไม่ได้เท่านั้น แต่ในอนาคตพวกเขาอาจจะได้กลายเป็นศัตรูระหว่างกันอีกด้วย
ขณะเดียวกันหัวใจจักรวาลสีม่วงก็ถือว่าเป็นสมบัติที่หาได้ยาก ดังนั้นถ้าหากว่าใครได้รับมันไปท่ามกลางสายตาของคนอื่น มันก็จะทำให้อัญมณีชิ้นนี้ไม่ต่างไปจากเผือกร้อน เพราะการมีใครคนหนึ่งได้รับรางวัลมันย่อมทำให้คนในส่วนที่เหลือรู้สึกไม่พอใจ ซึ่งมันก็เป็นเพียงแค่เรื่องของเวลาก่อนที่อัญมณีชิ้นนี้จะได้กลายเป็นต้นตอของความขัดแย้งต่อไป
แผนโจรปล้นโจรแต่เดิมดูเหมือนเป็นแผนที่เรียบง่าย แต่เมื่อแผนนี้ถูกวางหมากเอาไว้โดยผู้นำตระกูลหนิงมันกลับได้กลายเป็นแผนการที่มีความซับซ้อน
เมื่อเวลาผ่านไปเหล่าสาวใช้ก็นำอาหารเครื่องดื่มเข้ามาเลี้ยงแขกจากทุกทิศทาง และในระหว่างที่เซี่ยเฟยกำลังลังเลว่าเขาจะเดินทางกลับดีไหมผู้นำตระกูลหนิงก็เดินเข้ามาหาเขา
“นายเป็นอะไรกับเอเลน?” ผู้นำตระกูลหนิงกล่าวถาม
เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะตอบคำถามกลับไปตามข้อมูลที่เขาได้ตกลงกับเอเลนเอาไว้ล่วงหน้า
ชายชราคนนี้เป็นจิ้งจอกเฒ่าที่มีประสบการณ์ ซึ่งหลังจากได้ฟังเซี่ยเฟยตอบคำถามของเขาอย่างลื่นไหล เขาจึงไม่ได้รู้สึกระแวงชายหนุ่มคนนี้อีก
“วันนี้นายช่วยฐานเรดสโตนเอาไว้ ในฐานะตัวแทนของผู้พักอาศัยในฐานเรดสโตนทุกคน ฉันต้องขอขอบใจนายมาก” ผู้นำตระกูลหนิงกล่าวอย่างสุภาพ
“มันไม่ใช่ความดีความชอบอะไรของผมหรอกครับ ผมแค่บังเอิญถูกพวกโจรสลัดไล่ตาม ตอนนั้นผมกลัวจนฉี่แทบรดกางเกงแล้ว แต่ในตอนที่ผมกำลังคิดว่าผมตายแน่ ๆ ยานลำนั้นมันก็เหมือนจะพังในวินาทีสุดท้าย”
“จู่ ๆ เกราะพลังงานของตัวยานก็หายไปแม้แต่ปืนใหญ่ของพวกมันก็ยิงไม่ได้ ผมจึงรวบรวมความกล้ายิงปืนใหญ่ออกไป 2-3 ครั้งพูดตามตรงว่าตอนนั้นผมตื่นเต้นจนตัวเย็นไปหมด ผมก็ไม่คิดเหมือนกันว่าผมจะได้ทำลายยานโจรสลัดลงไปจริง ๆ” เซี่ยเฟยตอบกลับโดยแสร้งทำตัวเป็นคนขี้ขลาด
ระหว่างที่เขาอธิบายเขาพยายามแสดงท่าทีหวาดกลัวออกมาตลอดเวลา นอกจากนี้เขายังไม่ได้พูดถึงระบบดูดพลังงานเลย โดยโยนความผิดให้เป็นการขัดข้องของทางฝ่ายโจรสลัดเอง ซึ่งตลอดการพูดคุยน้ำเสียงของเขาก็เต็มไปด้วยความอ่อนแอ โดยหวังว่าตระกูลหนิงจะไม่ได้มุ่งความสนใจมาที่เขามากเกินไป
คงจะมีเพียงแต่คนโง่เท่านั้นที่เปิดไพ่ให้คนแปลกหน้าได้เห็น และแน่นอนว่าเซี่ยเฟยย่อมไม่พลาดให้กับเรื่องง่าย ๆ เพียงแค่นี้
ขณะเดียวกันผู้นำตระกูลหนิงก็อยู่ในศูนย์บัญชาการของฐานทัพในระหว่างการถูกบุกโจมตี เขาจึงเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่แรกว่าเซี่ยเฟยพยายามจะหลบหนีออกไปจริง ๆ แต่เนื่องมาจากการปะทะระหว่างชายหนุ่มกับโจรสลัดเกิดขึ้นในระยะไกล เขาจึงไม่เห็นว่าในตอนนั้นยานโจรสลัดเกิดเหตุกลไกขัดข้องตามที่ชายหนุ่มคนนี้ได้กล่าวอ้างเอาไว้จริงหรือไม่
หลังได้รับคำอธิบายชายชราก็รู้สึกดูถูกเซี่ยเฟยจากก้นบึ้งของหัวใจ โดยชายชราคิดว่าชายหนุ่มเป็นเพียงแค่ผู้โชคดีที่อ่อนแอที่เผอิญรอดมาได้ในช่วงเวลาที่สำคัญ
จากนั้นชายชราก็หยิบถุงผ้าเล็ก ๆ ออกมาจากหน้าอกพร้อมกับยื่นถุงผ้าให้กับเซี่ยเฟย
“ไม่ว่ายังไงนายก็มีส่วนร่วมในการปกป้องฐานทัพของเรา ของสิ่งนี้ถือซะว่าเป็นสินน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ตระกูลหนิงให้เป็นค่าตอบแทน”
เมื่อได้รับของตอบแทนเซี่ยเฟยก็รีบคว้าถุงผ้าพร้อมกับนับหัวใจจักรวาลด้านในด้วยท่าทางที่ละโมบ หลังจากนั้นเขาก็ก้มหัวขอบคุณผู้นำตระกูลหนิงหลายครั้งติดต่อกันราวกับว่าเขากำลังรู้สึกดีใจอยู่จริง ๆ
“ขอบคุณผู้นำตระกูลหนิงมาก ๆ ๆ ๆ ๆ ครับ”
ชายชราพยายามระงับความดูถูกภายในใจขณะจ้องมองไปยังเซี่ยเฟยที่ยังคงนับหัวใจจักรวาลภายในถุงซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ขณะเดียวกันชายหนุ่มไม่ได้รู้สึกสนใจสายตาดูถูกพวกนั้นเลย เพราะท้ายที่สุดเขาก็กำลังทำการแสดง ดังนั้นสายตาดูถูกเหล่านี้จึงเป็นสิ่งที่เขาต้องการ
หลังจากนับเงินซ้ำ ๆ 3-4 ครั้งเขาก็เก็บถุงเงินเข้าไปไว้ในกระเป๋าหน้าอกอย่างระมัดระวัง ก่อนที่จะเผยรอยยิ้มหน้าบานออกมา
“เอาล่ะเซี่ยเฟย ฉันจะขอย้ำอีกครั้งว่าพวกเรากำลังจะต่อสู้กับกลุ่มโจรสลัดนกฮูกและกำลังของนายก็เป็นสิ่งที่พวกเราขาดไม่ได้” ชายชรากล่าว
“เอ่อ… แล้วไม่ทราบว่าผมจะได้ค่าตอบแทนเท่าไหร่หรอครับ?” เซี่ยเฟยหรี่ตาลงเล็กน้อยพร้อมกับกล่าวถามออกไปอย่างระมัดระวัง
—
หลังบทสนทนาจบลงเซี่ยเฟยก็สามารถสร้างความเกลียดชังภายในใจของชายชราได้สำเร็จ และเมื่อเขาบอกว่าเขาไม่ว่างอยู่ทานอาหารเย็นผู้นำตระกูลหนิงก็ไม่คิดที่จะรั้งเขาเอาไว้เลยแม้แต่นิดเดียว
เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มพร้อมกับฮัมเพลงขึ้นมาเบา ๆ ในระหว่างที่เขาเดินโซซัดโซเซออกไปจากคฤหาสน์
“นี่นายไม่ได้คิดจะมอบชีวิตให้กับไอ้พวกนั้นจริง ๆ ใช่ไหม” อันธถาม
“ฉันมีทางเลือกอื่นด้วยรึไง! นายลองมองไปข้างหลังชั้น 4 สิ” เซี่ยเฟยตอบพร้อมกับหัวเราะออกมาเบา ๆ
เมื่ออันธมองย้อนกลับไปเขาก็ได้เห็นชายฉกรรจ์ร่างกำยำ 2 คนกำลังแอบตามเซี่ยเฟยมาตลอดทาง
“ฉันเดาว่าตระกูลหนิงตั้งเป้าหมายไปที่ทุกคนที่ครอบครองยานรบ แต่เนื่องมาจากฉันเป็นคนนอกตาเฒ่าเจ้าเล่ห์นั่นเลยให้ฉันไปที่คฤหาสน์เพื่อประเมินฉันด้วยตัวของเขาเอง”
“นายสังเกตไหมว่าในระหว่างที่หนิงไป่เฉินกำลังพูดสายตาของเขามักจะมองมาทางฉันอย่างไม่ได้ตั้งใจ ตาเฒ่านี่เป็นคนที่รับมือได้ยากจริง ๆ”
อันธเงียบไปชั่วขณะและถึงแม้ว่าเขาจะสังเกตเห็นรายละเอียดเหล่านี้ แต่เขาก็ไม่ได้วิเคราะห์สถานการณ์ลึกลงไปเหมือนเซี่ยเฟย
“แล้วตอนนี้พวกเราจะเอายังไงต่อ?”
เซี่ยเฟยแสร้งเดินไปฉี่ที่มุมกำแพงพร้อมกับใช้หางตามองไปทางชายฉกรรจ์ที่แอบตามเขามาทั้งสองคน โดยในขณะนี้พวกเขากำลังแกล้งทำเป็นคุยกันและมองมาทางเซี่ยเฟยเป็นครั้งคราว
“นายเคยบอกฉันว่าพลังงานในค่ายชั้นในน่าจะถูกสกัดมาจากหัวใจจักรวาลใช่ไหม ถ้าหากว่าหัวใจจักรวาลสีแดงมีส่วนช่วยทำให้ฉันสามารถดูดซับน้ำยาได้เร็วขึ้น มันก็หมายความว่าหัวใจจักรวาลสีม่วงน่าจะมีส่วนช่วยฉันได้ดีกว่าหัวใจจักรวาลสีแดงใช่ไหมล่ะ” เซี่ยเฟยกล่าวขณะยกขากางเกงขึ้น
“เรื่องนี้มันเป็นเพียงแค่การคาดเดา ฉันไม่สามารถรับประกันให้นายได้” อันธตอบ
“ตอนนี้ฉันต้องใช้เวลาดูดซับน้ำยานานขึ้นเรื่อย ๆ ถ้ามันยังเป็นแบบนี้ต่อไปฉันก็ไม่รู้ว่ามันจะต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนกว่าที่ฉันจะได้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริง ไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่มีทางปล่อยโอกาสในการพัฒนาตัวเองไปได้ ในเมื่อหัวใจจักรวาลสีม่วงได้มาอยู่ต่อหน้าฉันแล้วมันก็ไม่มีเหตุผลที่ฉันจะต้องยอมปล่อยมันไปให้กับคนอื่น” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น
“ดูเหมือนว่าฉันจะประเมินความตั้งใจของนายต่ำเกินไปสินะ” อันธกล่าวด้วยความเหลือเชื่อ
“มันก็ไม่ขนาดนั้นหรอก ฉันแค่คิดว่าโอกาสไม่ได้เกิดขึ้นมาตลอดเวลา ดังนั้นฉันต้องพยายามคว้าโอกาสกลับมาให้ได้มากที่สุด” เซี่ยเฟยกล่าว
เมื่อเซี่ยเฟยเดินไปยังเขตที่พักของพลเรือน เขาก็ยังสังเกตเห็นว่าชายฉกรรจ์ทั้งสองยังคงยืนอยู่ตรงบริเวณสี่แยกไม่ไกลออกไป ซึ่งเห็นได้ชัดเลยว่าคนพวกนี้ถูกสั่งให้เฝ้าระวังเขาเป็นพิเศษ
วันนี้เอเลนทำอาหารอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนและเขาก็ยังซื้อเบียร์มาฉลองอีก 2-3 ขวด
“ตาลุงนี่เป็นบ้าไปแล้ว! นายไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก” ซาร่ากล่าวขณะหยิบไส้กรอกเข้าไปในปาก
เอเลนไม่ได้สนใจท่าทีของหลานสาว ก่อนที่จะเดินนำเซี่ยเฟยมาที่โต๊ะอาหารอย่างกระตือรือร้น
เหตุการณ์นี้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างผิดปกติ เพราะก่อนหน้านี้เอเลนมักจะแสดงท่าทีขี้เหนียวออกมาอยู่ตลอดเวลา และถ้าหากไม่ใช่เพราะในแหวนมิติของเขาได้เก็บตุนอาหารเอาไว้อยู่เขาก็คงจะไม่มีทางได้กินอิ่ม
ระหว่างทานอาหารเซี่ยเฟยคอยสังเกตท่าทางของเอเลนตลอดเวลา โดยในระหว่างนั้นชายชราได้ชวนเขาดื่มเบียร์อยู่เสมอ แต่เซี่ยเฟยก็คอยปฏิเสธกลับไปในทุก ๆ ครั้ง เพราะเขาต้องการรอดูว่าเจตนาแอบแฝงของชายชราคนนี้คืออะไรกันแน่
“ซาร่ากลับเข้าไปในห้องก่อน ฉันมีเรื่องต้องคุยกับเซี่ยเฟย” หลังดื่มเบียร์เข้าไป 2-3 แก้วเอเลนก็ไล่ซาร่ากลับเข้าไปภายในห้องของเธอ
**************
หรือว่าจะมีการสู่ขอพี่เฟยเกิดขึ้น?!