บทที่ 91: กับดักของภูตเร่ร่อน
ในเมื่อหลงโม่ช่วยเธอค้นหาความจริง แสดงว่าเขาน่าจะเชื่อในตัวเธอ!
ขณะนี้หูเจียวเจียวมองลู่เมี่ยนเอ๋ออย่างคาดหวัง แต่เธอไม่ได้คาดคิดว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็นภูตหน้าตายที่มีจิตใจอบอุ่น ถ้าเธอได้พบชายหนุ่มอีกครั้ง เธอต้องตอบแทนเขาให้ดี
ทางด้านลู่เมี่ยนเอ๋อกับหัวหน้าเผ่ามองหน้ากันแบบลังเล
"หลงโม่... เขากับอิงหยวนออกไปกำจัดภูตเร่ร่อน" ชายชราอ้ำอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง แต่เขาก็ตัดสินใจบอกจิ้งจอกสาว
คำพูดของเขาทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของหูเจียวเจียวแข็งทื่อ หัวใจเต้นแรง และลางสังหรณ์ถึงอันตรายก็ปรากฏขึ้นในทันที
เมื่อกวางสาวเห็นใบหน้าซีดเผือดของอีกฝ่าย นางก็รีบปลอบโยนเธอ "เจียวเจียว ไม่ต้องห่วงนะ อาหยวนกับหลงอู่ก็อยู่ด้วย พวกเขาจะไม่ปล่อยให้หลงโม่เป็นอะไรไปแน่..."
"..."
เพราะมีหลงอู่ต่างหากที่มันจะทำให้หลงโม่ตกอยู่ในอันตราย!
ถัดมา หญิงสาวคว้ามือหัวหน้าเผ่ามาถามอย่างกระวนกระวายว่า "ท่านผู้เฒ่า พวกเขาออกเดินทางไปตั้งแต่เมื่อไหร่ พวกเขาออกไปนานแค่ไหนแล้ว?"
พอชายสูงวัยเห็นว่าจิ้งจอกสาวกังวลมาก เขาจึงไม่กล้าปิดบังความจริง เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบว่า "พวกเขาออกเดินทางตั้งแต่ก่อนรุ่งสาง หลงอู่บอกว่าเขาจะจัดการภูตเร่ร่อนแบบไม่ให้พวกมันได้ตั้งตัว"
!!!
เวรเอ๊ยยยย!
นี่มันส่งหมูขึ้นเขียงชัด ๆ!
หูเจียวเจียวแอบสาปแช่งในใจ ในความฝันของเธอ ภูตเร่ร่อนได้วางกับดักไว้เพื่อรอให้พวกหลงโม่ไปติดกับ ดูเหมือนว่าลู่ซุยซุยจะไม่ได้บังเอิญหนีมาได้ด้วยตัวเอง แต่พวกมันตั้งใจปล่อยให้นางกลับมา เพราะต้องการล่อคนในเผ่าออกไป แล้วลงมือจัดการพวกเขาทั้งหมดในคราวเดียว
"เจียวเจียว เจ้าเป็นอะไรไป สีหน้าของเจ้าดูไม่ค่อยดีนัก..."
กวางสาวถามอย่างเป็นกังวล
ในขณะนี้ความคิดของจิ้งจอกสาวสับสนวุ่นวายไปหมด ถ้าเธอพูดในสิ่งที่ตนเห็นในความฝัน หัวหน้าเผ่ากับลู่เมี่ยนเอ๋อคงจะไม่เชื่อ แล้วจะให้เธอใช้เทพอสูรเป็นข้อแก้ตัวทุกครั้งมันก็น่าสงสัยเกินไป ยิ่งกว่านั้น แม้ว่าเธอจะเดินทางไปที่รังของภูตเร่ร่อนเอง แต่เธอก็ไม่แข็งแกร่งพอที่จะพลิกสถานการณ์ได้อยู่ดี
เธอต้องคิดแผนให้รัดกุมที่สุด...
หลังจากที่หูเจียวเจียวคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็ตัดสินใจพูดขึ้นมาว่า "ท่านผู้เฒ่า ลู่เมี่ยนเอ๋อ หลงโม่กับคนอื่น ๆ กำลังตกอยู่ในอันตราย นี่คือกับดักที่ภูตเร่ร่อนวางไว้"
“กับดัก? อะไร เจ้าหมายความว่ายังไง?” หัวหน้าเผ่าทำสีหน้างุนงง
“ลู่ซุยซุยเป็นผู้หญิง นางจะหนีจากเงื้อมมือภูตเร่ร่อนด้วยตัวเองได้ยังไง ข้าเกรงว่าภูตเร่ร่อนตั้งใจปล่อยนางกลับมาเพื่อล่อภูตในเผ่าของเราไปติดกับดัก”
เธอกล่าวสิ่งที่ตนคาดเดาในใจออกมา
พอภูตทั้ง 2 ได้ยินคำพูดของจิ้งจอกสาว สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือด
"เป็นไปได้ยังไง งั้นการออกไปครั้งนี้มันจะไม่อันตรายสำหรับพวกอาหยวนหรือ?" ยามนี้ร่างของลู่เมี่ยนเอ๋อสั่นไหวจนเกือบจะเสียหลัก
“ลู่ซุยซุยคนนี้ นางต้องการฆ่าคนทั้งเผ่าจริง ๆ!” ผู้นำของเผ่าหน้าแดงด้วยความโกรธ และริมฝีปากของเขาก็เม้มแน่นจนเป็นสีขาว
เขาไม่กล้าจินตนาการเลยว่าถ้าพวกอิงหยวนตกอยู่ในเงื้อมมือของภูตเร่ร่อน ตอนนั้นในเผ่าก็จะเหลือแค่คนแก่ คนอ่อนแอ คนป่วยและคนพิการเพียงไม่กี่คนเท่านั้น แล้วแบบนี้พวกเขาจะเอาตัวรอดไปได้อย่างไร!
ครั้งนี้หญิงสาวผู้เป็นนางเอกของเรื่องแสดงท่าทีกังวลยิ่งกว่าหูเจียวเจียว นางรีบจับมือหัวหน้าเผ่ามาขอร้องพร้อมกับพูดเสียงสั่น
"ท่านผู้เฒ่า รีบส่งคนไปช่วยพวกอาหยวนเถอะ หากพวกเขาตกหลุมพรางของภูตเร่ร่อน ทุกคนจะตกอยู่ในอันตราย..."
นอกจากสถานการณ์จะย่ำแย่แล้ว นางยังกลัวว่าคนรักจะไม่มีโอกาสได้กลับมาแบบเป็น ๆ
เมื่อนึกถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น นางก็ลมแทบจับ
บัดนี้หัวหน้าเผ่าเองก็เริ่มทำอะไรไม่ถูก เขาก็วิตกกังวลไม่ต่างจากหญิงสาว "ข้าเองก็อยากจะส่งคนไปที่นั่นเหมือนกัน แต่ตอนนี้ในเผ่าของเรามีภูตสูงวัยอยู่เพียงไม่กี่คน ตอนนี้อิงหยวนพาคนที่แข็งแรงออกไปหมดแล้ว แต่ถ้าเราขืนปล่อยไว้อย่างนี้ มันก็ไม่ต่างจากการส่งพวกเขาไปตาย ฮึ่ย…”
ในฐานะผู้มีอำนาจสูงสุด ปัจจุบันเขาอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริง ๆ
“งั้นก็ส่งคนไปบอกอิงหยวนให้กลับมา ตอนนี้อาจจะทันเวลาใช่ไหม?” หูเจียวเจียวถามแทรกขึ้นมา
หัวหน้าเผ่าส่ายศีรษะอย่างสลดใจ
"สายเกินไปแล้ว... ในตอนนี้ ข้าเกรงว่าอิงหยวนและคนอื่น ๆ ได้ไปถึงที่ซ่อนของภูตเร่ร่อนแล้ว..."
ปัจจุบันลู่เมี่ยนเอ๋อรู้สึกว่าร่างกายของตนสูญเสียเรี่ยวแรงไปหมดจนเกือบจะล้มลงกับพื้น ขณะที่นางวิงเวียนก็มีมือเรียวคู่หนึ่งโอบรอบเอวช่วยให้นางทรงตัวได้
จากนั้นเสียงที่สงบก็ดังขึ้นในหู
“ท่านผู้เฒ่า เราจะนั่งรอเฉย ๆ ไม่ได้ เราต้องหาทางช่วยพวกอิงหยวนให้ออกห่างจากพวกมัน มิฉะนั้น เมื่อภูตเร่ร่อนจับตัวพวกเขาได้ พวกมันจะต้องโจมตีเผ่าและฉกผู้หญิงไปอย่างแน่นอน”
ไม่เพียงแค่นั้น ในเผ่าจะไม่มีผู้รอดชีวิตเหลืออยู่ ยกเว้นผู้หญิง!
หูเจียวเจียวไม่ได้พูดประโยคข้างต้นออกไป
พอชายชราได้ฟังเช่นนี้ ใบหน้าของเขาก็ซีดจนไม่มีสีเลือดแล้ว
"แต่...แต่ตอนนี้เราไม่มีกำลังคนในเผ่าจริง ๆ ... " บัดนี้ผู้เป็นหัวหน้าเผ่าดูเหมือนจะอายุมากขึ้น 10 ปี หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็กัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม "ข้าใช้ชีวิตมานานแล้ว เอาแบบนี้ก็แล้วกัน ให้ผู้ชายของเผ่าพาพวกเจ้าหนีไปก่อน ข้าจะพาภูตที่เหลือไปช่วยอิงหยวนเอง!"
ถึงอย่างไรในความคิดของเขา ผู้หญิงต้องรอด!
ตราบเท่าที่พวกภูตหญิงยังมีชีวิตอยู่ เผ่านี้ยังมีความหวัง!
การตัดสินใจของชายแก่ทำให้หูเจียวเจียวผงะ เธอไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะพูดอย่างเด็ดขาดเช่นนี้
ในความประทับใจของเธอ หัวหน้าเผ่าไม่ได้แข็งแกร่งอะไร แต่เขาเป็นคนแรกที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ปล้นสะดมในฤดูหนาว ตอนนี้เธอรู้เพียงว่าชายสูงวัยคนนี้ทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจให้กับเผ่า รวมถึงสมาชิกในเผ่าทุกคน...
ครู่ต่อมา หญิงสาวสลัดความตื่นตระหนกในใจออกไป และคว้าเสื้อคลุมขนสัตว์ของชายชราเอาไว้
“ท่านผู้เฒ่า ข้ามีวิธี บางทีเราอาจยังมีโอกาส…”
ทันทีที่จิ้งจอกสาวอธิบายแผนทั้งหมด หัวหน้าเผ่ากับลู่เมี่ยนเอ๋อก็จ้องมองเธอด้วยความประหลาดใจ
...
ย้อนกลับไปในตอนรุ่งสาง
ท้องฟ้ากลายเป็นสีเทา ในขณะที่บริเวณโดยรอบเงียบสงัด
ยามนี้อิงหยวนพาภูตวัยฉกรรจ์เกือบ 40 คนไปค้นหาที่ซ่อนตัวของภูตเร่ร่อน
"อิงหยวน เจ้ารู้ไหมว่ารังของภูตเร่ร่อนอยู่ที่ไหน?"
หลังจากที่ทุกคนเดินทางออกจากเผ่า ภูตคนหนึ่งก็ถามขึ้นมา
เนื่องจากภูตเร่ร่อนมักจะซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด โดยไม่กล้าอยู่ในที่ที่มีแสงสว่าง หากไม่ใช่เพราะเรื่องของลู่ซุยซุยในครั้งนี้ พวกเขาจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีภูตเร่ร่อนอาศัยอยู่ใกล้เผ่า
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน” อินทรีหนุ่มตอบอย่างตรงไปตรงมา
ทันทีที่เขาพูดจบประโยคนี้ ภูตทั้งหมดก็หยุดนิ่ง
ภูตผู้ถามคำถามเบิกตากว้างก่อนจะโต้ตอบด้วยความโกรธ
“นี่เจ้า! เจ้าไม่รู้ว่าภูตเร่ร่อนอยู่ที่ไหน แล้วเจ้าจะพาเราไปไหน? จะให้เรามองหาพวกมันอย่างไร้จุดหมายอยู่ในป่าหรือไง?”
ภารกิจครั้งนี้เป็นข้อเสนอของอิงหยวนเพื่อออกมาจัดการกับภูตเร่ร่อน ใจจริงภูตชายหลายคนไม่อยากออกมาเสี่ยงอันตราย แต่เพราะหัวหน้าเผ่าเป็นคนออกคำสั่ง พวกเขาจึงต้องเชื่อฟัง
ฉะนั้นเมื่อเหล่าภูตได้ยินคำพูดของอินทรีหนุ่ม ความไม่พอใจของหลายคนก็ประทุขึ้นมา
จากนั้นอิงหยวนก็หยุดเดินก่อนจะหันกลับไปมองคนพูดแล้วตอบอย่างใจเย็นว่า "ครั้งล่าสุดที่ภูตเร่ร่อนปรากฏตัว พวกมันออกมาหากิน พวกมันจะต้องทิ้งร่องรอยไว้อย่างแน่นอน เจ้าจะบอกว่าเจ้าไม่สามารถติดตามร่องรอยจนค้นพบที่อยู่ของภูตเร่ร่อนได้ใช่ไหม?"
สีหน้าและน้ำเสียงที่ดูถูกเหยียดหยามของชายหนุ่มทำให้อารมณ์ของภูตชายคนนั้นเปลี่ยนเป็นมืดมน และภูตคนอื่นก็ถูกกระตุ้นให้อยากจะเอาชนะเช่นกัน
“ใครบอกว่าเราหาไม่เจอ!”
“ถ้าพวกมันทิ้งร่องรอยไว้ เราสามารถหาที่ซ่อนของภูตเร่ร่อนได้แน่นอน!”
ทางด้านหลงโม่ที่เดินตามท้ายกลุ่มมาเงียบ ๆ หยุดฝีเท้ากะทันหัน แล้วเปล่งเสียงเย็นชาออกมา
"ข้ารู้ว่ารังของภูตเร่ร่อนอยู่ที่ไหน"
จากนั้นภูตทั้งหมดก็หันศีรษะไปมองทางต้นเสียง เมื่อเห็นว่าเป็นมังกรหนุ่มพูด พวกเขาก็แสดงสายตาไม่ไว้วางใจทันที
น้ำเสียงของหลงอู่เองก็เหน็บแนมมากยิ่งกว่าครั้งไหน "หลงโม่ นี่ไม่ใช่เรื่องตลก อย่ามาโกหกพวกเรา ถ้าเจ้าทำให้ทุกคนเสียเวลา ข้าก็มีเหตุผลที่จะสงสัยว่าเจ้าเป็นพวกเดียวกับภูตเร่ร่อนเหมือนกัน"