บทที่ 58: คำเชิญจากสโมสรเมฆา
บทที่ 58: คำเชิญจากสโมสรเมฆา
ชุดการโจมตีของไป่เยว่เจอนั้นเฉียบคมมาก เขาไม่เพียงแต่จะบังคับให้ลู่หยานต้องถอยกลับมาเท่านั้น แต่เขายังฆ่าโครงกระดูกระดับสูงทั้งสองลงได้ในทันทีอีก
แม้ว่าลู่หยานจะไม่ได้อัพเกรดโครงกระดูกระดับสูงอะไรมากมาย แต่มันก็ยังทรงพลังมากอยู่ดี
หวือ!
หวือ!
ไป่เยว่เจอกำหอกเงินและหอบหายใจเล็กน้อย การโจมตีเมื่อกี้ได้สร้างภาระหนักให้กับร่างกายของเขาและทำให้เขาใช้พละกำลังไปจนเกือบหมด
ลู่หยานมองไปที่ไป่เยว่เจอข้างหน้าเขาและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ไม่เลว นายเก่งดีนี่”
หากไม่ใช่เพราะชุดเกราะผู้วายชนม์ ผลของการแข่งขันในครั้งนี้ก็คงจะไม่แน่นอน
แน่นอนว่านี่เป็นเพราะเขายังไม่ได้ใช้กำลังอย่างเต็มที่
ถ้าเขาใช้พละกำลังเต็มที่ตั้งแต่ต้น ไป่เยว่เจอก็คงจะอยู่ได้ไม่เกินสิบวินาที
ด้วยเคียวกระดูกทมิฬในมือ ลู่หยานก็ไม่ลังเลอีกต่อไป เขาเตรียมพร้อมที่จะใช้พละกำลังทั้งหมดของเขา
ทันใดนั้นลู่หยานก็พุ่งไปข้างหน้า และความเร็วของเขาก็พุ่งสูงขึ้นในทันที เขามาถึงด้านหน้าของไป่เยว่เจอและตวัดเคียวในมือลง
ไป่เยว่เจอโบกหอกของเขาเพื่อป้องกัน พละกำลังอันมหาศาลส่งผ่านเข้ามาและทำให้มือของเขาชา ขณะเดียวกัน ร่างกายของเขาก็ถอยหลังไปสองก้าว
“ก้าวฉับพลัน!”
ความเร็วของลู่หยานเพิ่มขึ้นอีกครั้ง และเขาก็ไปปรากฏตัวขึ้นข้างหลังไป่เยว่เจอราวกับผี เขาโบกเคียวกระดูกทมิฬในมือและปะทะเข้ากับหอกเงินของไป่เยว่เจอ
ปัง!
พร้อมกับเสียงเหล็กปะทะกัน หอกเงินก็ถูกส่งกระเด็นออกไป
ในช่วงเวลาต่อมา เคียวกระดูกทมิฬในมือของลู่หยานก็ถูกวางพาดอยู่บนคอของไป่เยว่เจอ
ร่างกายของไป่เยว่เจอแข็งทื่อก่อนที่เขาจะเผยรอยยิ้มอันขมขื่นออกมา
“ฉันแพ้แล้ว”
แม้ว่าเขาจะรู้มานานแล้วว่าเขาจะแพ้ แต่ไป่เยว่เจอก็ไม่ได้คาดคิดเลยว่าเขาจะมาพ่ายแพ้ลงอย่างสมบูรณ์ เขาแทบจะต้านทานอีกฝ่ายไม่ได้เลย
“เยี่ยมไปเลย การต่อสู้ของนักศึกษาใหม่สองคนนี้ทำให้เลือดของฉันเดือดพล่าน ทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขานั้นรุนแรงมาก”
“ไม่เลวๆ มันเป็นการเคลื่อนไหวที่สะอาดและมีประสิทธิภาพ นั่นคือไป่เยว่เจอใช่ไหม ฉันคิดว่าแม้แต่นักศึกษาปีสองและปีสามก็ยังจะต้องตกตะลึงกับความชำนาญของเขา”
“ฉันให้ความสนใจกับลู่หยานคนนั้น ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเขานั้นผิดปกติเกินไปเล็กน้อย แม้หลังจากใช้พละกำลังอย่างเต็มที่แล้ว แต่เขาก็ยังสามารถกลั่นแกล้งอีกฝ่ายได้ ยิ่งไปกว่านั้น เกราะดำนั่นมันเป็นสกิลอะไรกัน? พลังป้องกันของมันสูงมากจริงๆ”
ลู่หยานพยักหน้าให้ไป่เยว่เจอและเดินลงจากเวทีในทันที
พยานที่อยู่ด้านข้างได้ประกาศผลการแข่งขันในครั้งนี้
จากนี้ไป ลู่หยานจะเป็นเจ้าของบ้านอันดับ 2 ไป่เทียนหยูจะเป็นเจ้าของบ้านอันดับ 3 และไป่เยว่เจอจะถูกลดโดยตรงไปอยู่บ้านอันดับ 10
ขณะที่ลู่หยานกำลังจะจากไป นักศึกษาสองสามคนก็เดินเข้ามาและขวางทางเขา
ชายหนุ่มที่เป็นผู้นำมองไปที่ลู่หยานและยิ้ม “สวัสดีรุ่นน้องลู่หยาน ฉันชื่อหยางหมิงลู่ ฉันเป็นนักศึกษาชั้นปีที่สาม และฉันก็ยังเป็นประธานของสโมสรเมฆาแห่งสถาบันมุมทอง ฉันอยากจะถามรุ่นน้องลู่หยานว่าเธอสนใจที่จะเข้าร่วมกับสโมสรเมฆาของเราไหม?”
“ตราบใดที่เธอเต็มใจ เราก็จะให้การปฏิบัติต่อเธอในฐานะรองประธาน”
ขณะที่เขาพูด หยางหมิงลู่ก็มองไปที่พี่น้องตระกูลไป่ทั้งสามที่ด้านข้างและพูดว่า “แน่นอนว่ามันเหมือนกันสำหรับรุ่นน้องไป่เมี่ยว หากเธอยอมเข้าร่วมกับสโมสรเมฆาของเรา เธอเองก็จะถือได้ว่าเป็นรองประธานด้วย”
“สำหรับอีกสองคนที่เหลือ หลังจากเข้าร่วมกับสโมสรเมฆาแล้ว พวกเธอก็จะได้รับตำแหน่งรักษาการณ์รองประธาน”
เมื่อนักศึกษารอบข้างได้ยินคำพูดของหยางหมิงลู่ ดวงตาของพวกเขาก็แสดงให้เห็นถึงความอิจฉา
สโมสรเมฆาเป็นหนึ่งในสามสโมสรชั้นนำของสถาบันมุมทองและยังเป็นสโมสรที่มีชื่อเสียงที่สุดอีกด้วย
เมื่อเข้าสู่สโมสรเมฆา มันก็ไม่เพียงแต่จะมีเงินอุดหนุนรายเดือนเท่านั้น แต่รุ่นพี่ในสโมสรก็ยังสามารถพารุ่นน้องไปยังที่ถิ่นทุรกันดารเพื่อยกเลเวลได้ฟรี เมื่อพวกเขารับภารกิจ พวกเขาก็ยังสามารถร่วมมือกับรุ่นพี่ชั้นนำในสโมสรได้อีกด้วย มันยอดเยี่ยมมาก
โดยทั่วไปแล้ว สโมสรระดับแนวหน้าอย่างสโมสรเมฆาก็จะรับสมัครสมาชิกจากสิบอันดับแรกของสถาบัน นอกจากนี้ เลเวลของพวกเขาก็จะไม่ต่ำกว่า 20
แม้ว่าจะมีการรับสมัครนักศึกษาใหม่ แต่พวกเขาก็จะเคลื่อนไหวหลังจากที่ได้เห็นความแข็งแกร่งของนักศึกษาใหม่อย่างชัดเจนแล้วเท่านั้น
พวกเขาไม่ได้คาดคิดว่าจะเห็นประธานของสโมสรเมฆามาเชิญนักศึกษาใหม่สี่คนเป็นการส่วนตัวในครั้งนี้
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือสองคนนี้ได้รับการดูแลในระดับรองประธาน นี่คือสิ่งที่สมาชิกหลายคนของสโมสรเมฆาต่างใฝ่ฝัน
ดูเหมือนว่าประธานของสโมสรเมฆาหยางหมิงลู่จะให้ค่ากับศักยภาพของลู่หยานและไป่เมี่ยวเป็นอย่างมาก
เดิมทีหยางหมิงลู่ก็วางแผนที่จะเชิญสามพี่น้องไป่เข้ามาเพราะเขารู้จักตระกูลไป่แห่งแม่น้ำเหนือดี
ตระกูลไป่แห่งแม่น้ำเหนือถือเป็นตระกูลทหาร สมาชิกตระกูลไป่หลายคนเข้าร่วมกับกองทัพ และเกือบทั้งหมดก็มีอำนาจสูงมาก
นี่เป็นเพราะคนที่อ่อนแออาจตายไปแล้วก่อนที่พวกเขาจะทันได้ก้าวเข้าสู่โลกภายนอกเสียด้วยซ้ำ
หยางหมิงลู่ได้เห็นวิดีโอการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของไป่เมี่ยวและตัดสินใจเชิญไป่เมี่ยว
สำหรับลู่หยาน เขาก็ได้ตัดสินใจหลังจากดูการต่อสู้ระหว่างเขากับไป่เยว่เจอ
ศักยภาพของผู้ชายคนนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าของไป่เมี่ยวเลย
ในฐานะประธานของสโมสรเมฆา การตัดสินใจของหยางหมิงลู่ก็เด็ดขาดมาก
ลู่หยานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับสโมสรมาจากในฟอรัมของสถาบันแล้ว
สโมสรนั้นเทียบเท่ากับกลุ่มเล็กๆ ในสถาบัน สถาบันยังให้การสนับสนุนสโมสร และสโมสรที่แข็งแกร่งก็จะสามารถได้รับทรัพยากรจำนวนมากจากสถาบันได้
แน่นอน สถาบันจะให้สโมสรทำภารกิจพิเศษบางอย่างด้วย
นอกเหนือจากนักศึกษาบางคนที่มีบุคลิกแปลกๆ แล้ว คนอื่นๆ ก็มักจะเข้าร่วมกับสโมสรเพื่อพัฒนาตน
ลู่หยานมีความคิดเป็นของตัวเอง ในฟอรัม ชื่อเสียงของสโมสรเมฆาก็สูงมากเช่นกัน มันมียอดฝีมือมากมายในหมู่พวกเขา
อย่างไรก็ตาม การเข้าร่วมกับสโมสรก็เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เขาต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
อย่างน้อยที่สุด เขาก็ต้องทำความรู้จักกับสโมสรอีกสองสามแห่งก่อนที่จะเข้าร่วม
“เอ่อ ผมจะขอเก็บไปคิดดูก่อนนะ ถ้าผมต้องการจะเข้าร่วมด้วยล่ะก็ ผมก็จะติดต่อคุณไป” ลู่หยานมองไปที่หยางหมิงลู่ข้างหน้าเขาแล้วพูด
หยางหมิงลู่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับคนที่กล้าจะปฎิเสธคำเชิญส่วนตัวของเขา อย่างไรก็ตาม จากนั้นเขาก็ยิ้มและพูดว่า “แน่นอน นี่คือข้อมูลการติดต่อของฉัน เมื่อรุ่นน้องลู่หยานพิจารณาเสร็จแล้ว เธอก็สามารถติดต่อฉันได้ตลอดเวลาเลย”
จากนั้นหยางหมิงลู่ก็จ้องมองไปที่ไป่เมี่ยว
ไป่เมี่ยวมองไปที่หยางหมิงลู่และพูดว่า “ฉันขอโทษด้วย แต่ฉันตัดสินใจแล้วว่าฉันต้องการจะเข้าร่วมกับสโมสรอะไร”
เมื่อได้ยินคำพูดของไป่เมี่ยว รอยยิ้มบนใบหน้าของหยางหมิงลู่ก็แข็งทื่อไปชั่วขณะ แต่จากนั้นเขาก็พูดต่อด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะ ในเมื่อพวกเธอทั้งสี่คนได้เลือกแล้ว งั้นฉันก็จะไม่บังคับพวกเธอ”
เมื่อพูดจบ หยางหมิงลู่ก็เดินออกไปพร้อมกับสมาชิกของสโมสร
“ให้ตายเถอะ นั่นเจ๋งไปเลย พวกเขากล้าจะปฎิเสธสโมสรเมฆาด้วย!”
“หยางหมิงลู่เสนอการปฏิบัติแบบรองประธานให้กับพวกเขา แต่ลู่หยานคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่กัน? ถ้าเป็นฉัน ฉันก็คงจะตอบตกลงไปแล้ว”
“ฉันอยากรู้จังว่าไป่เมี่ยวจะเลือกสโมสรไหน สโมสรนั้นน่าจะรับเธอมาเข้าร่วมด้วยตั้งแต่ล่วงหน้าแล้ว”
ขณะที่ทุกคนพูดคุยกัน ลู่หยานก็ออกจากเวทีและเตรียมไปที่ห้องสมุดเพื่อดูว่ามันมีสกิลที่เป็นประโยชน์หรือไม่
สามพี่น้องตระกูลไป่อยู่ข้างหน้าเขา และเขาก็ไม่ได้สนใจว่าพวกเขาจะไปที่ไหน
หลังจากเดินไปได้สักพัก ไป่เยว่เจอก็หันกลับมาและหยุดอยู่หน้าลู่หยาน เขามองไปที่ลู่หยานด้วยท่าทางโกรธจัด
“เฮ้ นายไม่เห็นต้องตามติดฉันขนาดนี้เลยก็ได้นี่จริงไหม? ฉันรู้ว่าในเมื่อฉันแพ้แล้ว บ้านอันดับ 2 ก็จะตกเป็นของนาย ฉันจะเปลี่ยนบ้านกับนายในคืนนี้แน่ นายไม่จำเป็นต้องมาเร่งฉันแบบนี้ก็ได้!”