ตอนที่ 12
เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่โอเกอร์จะไม่พูดภาษามนุษย์
แต่ถึงอย่างนั้นโอเกอร์บรรพกาลคิงแกรมก็เป็นกรณีพิเศษ
แม้แต่ในเผ่าโอเกอร์ที่มีอยู่มากมาย อย่างหัวหน้าเผ่าฟีนิกซ์ท้องฟ้าที่เป็นโอเกอร์ที่แก่ที่สุดในเผ่าก็ไม่มีเรื่องแบบนี้ แต่คิงแกรมนั้นใช้ภาษามนุษย์และใช้เวทมนตร์โบราณได้เมื่อแสดงตัวเองแก่ทวีป
เช่นเดียวกับที่ทุกวันนี้มีสัตว์ประหลาดปรากฏตัวขึ้นมา แต่มันก็พบเห็นได้ง่ายกว่าเมื่อเป็นในอดีต
การได้ครอบครองร่างที่มีคุณสมบัติดีและมีสติปัญญาล้ำเลิศ การมีอยู่ของโอเกอร์คิงแกรมจึงเป็นภัยต่อมวลมนุษย์
สุดท้ายแล้วอัครจอมเวทย์โฟรเลียน อิกนิทก็มาเพื่อสยบคิงแกรม
นั่นจึงเป็นการที่คิงแกรมมายืนที่นี่ในฐานะตัวตนอมตะที่ใช้ชีวิตผ่านการเป็นอาติแฟกต์
นี่คือประวัติศาสตร์ 500 ปีของเขา
และผม
“สวัสดีครับ”
[หืม…?]
ประวัติศาสตร์มีชีวิตที่ได้เห็นยุคสมัยมามากกว่าสิ่งมีชีวิตอื่น
และผมยืนอยู่หน้าคิงแกรม
“ฮะฮะ…ผมสั่นกลัวหน่อย ๆ น่ะ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เจอคุณเลย ผมชื่อ ‘รูน อาเดล’”
รูปปั้นยักษ์ที่ใหญ่กว่าโอเกอร์ทั่วไปอย่างน้อยสองเท่า
กับรูปปั้นที่ผมทักทายอย่างสุภาพ
ในตอนนั้น ดวงตาของรูปปั้นได้เปิดออก
หมายความว่าคิงแกรมกำลังมองผม
[เจ้า…ข้าไม่เคยเห็นหน้าเจ้ามาก่อน]
ผมยักไหล่ตอบ
“ผมมีเงื่อนไขของตัวเองอยู่ มันยาวหน่อย คุณอยากฟังไหม?”
[...ข้าปฏิเสธ]
เขาไม่ได้ล้อเลียนอะไร คิงแกรมใช้เวทย์เป้าหมายด้วยสีหน้าเป็นกลาง
ประตูเปิดจากความว่างเปล่าและก็มีกระเป๋าเงินใบใหญ่ปรากฏขึ้นมา
นี่คือเป้าหมายที่นักเรียนต้องอัดด้วยเวทมนตร์ และจากกระเป๋าใบนี้คิงแกรมก็จะรับพลังเวทย์ไปหล่อเลี้ยงร่างกาย
มันคือสัญญาณบอกให้ผมเงียบปากและรีบสอบ
“เข้าใจแล้ว อยากให้ผมสอบซักทีสินะ?”
ผมมองตรง ๆ ไปยังคิงแกรมที่ไม่สนใจอะไรและกำหมัด
ในขณะเดียวกัน วงแหวนพลังของผมก็ขยับเล็กน้อย ‘พละกำลัง’ เริ่มไหลเข้าสู่กล้ามเนื้อทุกมัดในร่างกาย
ผมแบมือที่กำหมัดไว้
ฝ่ามือในตอนนี้มีเวทมนตร์ที่อันตรายที่สุดที่ผมร่ายออกมาได้
“นั่นมัน ‘ระเบิดเผามานา!’”
“โว้ว! นั่นมันเวทย์ชั้น 4 ไม่ใช่เหรอ?”
ระเบิดเผามานา
มันคือเวทย์ชั้น 4 ขั้นสูงที่ใช้ ‘กุญแจ’ ของจอมเวทย์เป็นตัวเร่งเพื่อจุดระเบิดมานาที่กระจายในอากาศอย่างรวดเร็วและให้เกิดระเบิด
กุญแจเล็ก ๆ ที่ยิงใส่เป้าหมายนั้นจะกลายเป็นเหมือนตัวจุดระเบิดที่จะสังหารเป้าหมายทันทีเมื่อระเบิดแล้ว
ผมรู้วิธีร่ายเวทย์นี้มานานมากแล้ว
ผมแค่ใช้มันไม่ได้
แต่เร็ว ๆ นี้ผมเพิ่งจะรู้หนทาง
[...หืม?]
คิงแกรมลืมตาอีกครั้งเมื่อผมย่อตัวลงและตั้งท่าจะกระโจนเข้าไป
[ท่านั่นมันอะไร?]
เขามองด้วยความสนใจ
แน่นอนว่าผมอยากจะทำให้คิงแกรมสนใจอยู่แล้ว
“จะเริ่มแล้วนะ”
แล้วพูดจบ ผมก็พุ่งเข้าใส่คิงแกรมทันที
ผมขยับ ‘กุญแจ’ จากฝ่ามือลงไปที่ปลายเท้าและเมื่อถึงเป้าหมาย ผมก็กระโดดและหมุนเอวเป็น 180 องศา
ผมเตะด้วยพลังทั้งหมดที่มีใส่เป้าหมายด้วยร่างกายที่หมุนอย่างรวดเร็ว
ปั้ง!
ปลายเท้าสัมผัสเป้าหมายโดยตรง
มันคือผลของสกิล ‘ศิลปะร่างกาย’ ด้วย
ด้วยเสียงเตะเป้าดังก้อง ‘กุญแจ’ ก็ได้ระเบิดออกมาพร้อมกันและเริ่มเผามานาจำนวนมากรอบตัวผม
ฟึ่บ!
เมื่อมานาเริ่มไหม้ เวทย์ที่เป็นตัวเร่งก็ก่อให้เกิดระเบิดรุนแรง
ตะ...ตะ…ตู้ม!
ที่น่าตลกก็คือ ผลจากสกิลไม่ได้ทำให้ร่างกายผมได้รับผลจากเวทมนตร์เลย
“โว้ว!”
“นั่นมันบ้าไปแล้ว…”
เหล่านักเรียนอดตื่นเต้นเมื่อเห็นผมไม่ได้
‘ระเบิดเผามานา’ นั้นเหมือนกับเวทมนตร์ขั้นใหม่สำหรับเพื่อนร่วมรุ่นของผม
ทันทีที่กลายเป็นจอมเวทย์ขั้น 5 พวกเขาจะมีทางเลือกในการเป็นจอมเวทย์ในสภา หรืออาจจะเป็นจอมเวทย์ที่แข็งแกร่งที่ลอร์ดเจ้าของดินแดนนับถือ
และ ‘ระเบิดเผามานา’ ก็ไม่ได้ใช้ขั้นตอนรวบรวมและขึ้นรูปมานาในร่างกายด้วย แต่มันใช้มานาที่กระจายอยู่ในอากาศ เป็นเวทมนตร์ระดับสูงที่ต้องการการควบคุมมานาที่เวทย์ต้องใช้
มันคือเวทย์ขั้น 4 ที่จอมเวทย์ขั้น 5 มักจะใช้ได้ การใช้เวทมนตร์นี้ไม่ต่างจากประกาศระดับของผมออกไป
“ระ…รูนเป็นจอมเวทย์ขั้น 4 เหรอ?”
“ไม่ใช่! ขั้น 5 ต่างหาก!”
กลิ่นกำมะถันหนาแน่นกระจายไปทั่วพื้นที่สอบ
หลังจากผมตกลงพื้น ผมก็หายใจเข้าลึกและเงยหน้ามองรูปปั้น
แทบจะไม่เห็นดวงตาที่เปล่งแสงของ ‘คิงแกรม’ ผ่านควัน
‘หรือว่า…’
ผมสงสัยว่าคิงแกรมจะประเมินเวทมนตร์ของผมแบบไหน
แต่จากนั้นเอง
‘เอ๋?’
การตอบสนองของคิงแกรมแปลกไปเล็กน้อย
เขากระพริบตาสองสามครั้งและจากนั้นก็กระพริบตาอีก
เหมือนกับเขากำลังผงะ
นี่เป็นความจริง
และหลังจากกระพริบตา คิงแกรมก็ถามด้วยเสียงสั่นที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน
[เจ้า…เจ้าเป็นใคร?]
“เอ๋? อ๊ะ ผมชื่อรูน อาเดล…”
[เจ้าคือดราก้าใช่ไหม?]
“...เอ๋?”
เขาว่าไงนะ?
ไม่ใช่ผมคนเดียวที่แปลกใจ
[ข้ากำลังรออยู่]
“ดราก้า? ใครน่ะ?”
“ไม่รู้สิ เขาพูดชื่อผิดมั้ง?”
“เงียบหน่อย!”
ด้วยการตอบสนองที่ไม่คาดคิดของคิงแกรม เหล่านักเรียนก็เริ่มพูดคุยกันส่วนผู้คุมสอบก็หันไปสนใจ
แต่ผมไม่ได้สนใจกับเสียงภายนอกนั่น
นั่นก็เพราะสิ่งที่คิงแกรมพูด มันคือชื่อที่ผมตามหามาอย่างยาวนาน ชื่อที่ผมใช้เวลาค้นหามาสองเดือนราวกับคนบ้า
‘ผู้ทำลายล้างโลก ดราก้า’
เจ้าของเดิมในพลังของผม
ผมไม่คิดถึงความเป็นไปได้ที่จะได้ยินชื่อนี้จากปากคิงแกรมด้วยซ้ำ
ผมถามอย่างระมัดระวัง
“เขาเป็น…คนรู้จักของคุณเหรอ?”
คิงแกรมถอนหายใจแรง
[ฮื่ม! ก็ใช่น่ะสิ]
ผมมองคิงแกรมด้วยความงุนงง คิงแกรมเองก็หัวเราะเสียงดังเมื่อเห็นหน้าผม
[น่าสนใจจริง ๆ ฮ่าฮ่า! ข้ากับผู้สืบทอดของเขา! เจ้าบอกว่าเจ้าชื่ออะไรนะ?]
“รูน…รูน อาเดล”
[อืม ดูเหมือนว่าข้าจะต้องพูดกับเจ้าทีหลังเพราะตรงนี้มีคนอยู่เยอะนะ]
การประเมินจบลงแล้ว
คิงแกรมละสายตาจากผมและตะโกนกับผู้คุมสอบที่ช่วยเหลือการสอบ
[นี่ไม่ใช่เวทยมนตร์ที่ข้าตัดสินได้]
เหล่าผู้คุมสอบต่างลนลาน
“เอ๋ อะไรกัน?”
คำพูดของเขามีน้ำหนักต่อคนอื่นอย่างมาก
ปฏิเสธการประเมิน
นี่เป็นครั้งแรกที่มันเกิดขึ้น
ในจุดที่คิงแกรมที่จะดูหมิ่นเหยียดหยามต่อนักเรียน กลับปฏิเสธการให้คะแนน
“ทะ…ท่านคิงแกรม แต่มีแค่ท่านที่ประเมินได้นะ”
“ใช่แล้ว ตามกฎท่านคิงแกรมจะต้องประเมินอย่างยุติธรรมให้กับนักเรียนในโรงเรียนหลังจากการจากไปของอัครจอมเวทย์โฟรเลียน อิกนิท…”
จากนั้นก็มีเสียงคำรามดังขึ้นมาอย่างไม่คาดคิด
[พอได้แล้ว! พวกเจ้าคิดจะพูดกับข้าเรื่องกฎเรอะ? สำหรับข้าที่ไม่ได้ประเมินจอมเวทย์ที่แท้จริงมา 500 ปีแล้วน่ะรึ?]
“ระ…เราขออภัยด้วย”
ผู้คุมสิบก้มหน้า คิงแกรมบ่นด้วยเสียงรำคาญ
[ฮื่ม…ไอ้พวกโง่อิกนิท ใช่…ใช่แล้ว การประเมินต้องทำให้เสร็จ เพราะข้าสัญญากับเจ้านั่นไว้]
หลังจากคิดสักครู่ คิงแกรมก็อ้าปาก
[ถ้าข้าต้องให้คะแนน… 0 คะแนน]
[หรืออาจจะเป็น 100 คะแนน]
ดวงตาสีแดงเพลิงของคิงแกรมลืมขึ้นมา
ดวงตานั้นจ้องตรงมาที่ผม
[เจ้าต้องการทางไหน นักทำลายตัวน้อย]
ราวกับการยั่วยุของปีศาจ
แต่แม้ว่านี่จะเป็นปีศาจของจริง คำตอบของผมก็แน่อยู่แล้ว
จะถามให้ซ้ำซ้อนทำไมกัน
“100 คะแนน”
แน่นอนว่าผมเลือกอย่างหลัง
เมื่อผมตอบ คิงแกรมก็หัวเราะราวกับพอใจ
[ได้ ข้าจะให้เจ้า 100 คะแนน]
“น่ะ…นั่น…”
“ชั้นหูฝาดใช่ไหม? 100 คะแนน…”
“ไม่…นายได้ยินถูกแล้ว ชั้นก็ได้ยินเหมือนกัน…”
“บางทีพวกเราอาจจะเป็นบ้ากันหมดแล้ว มันมีเวทย์หลอนรึเปล่า?”
เพียงเพราะคำพูดเดียวของคิงแกรม ทั้งสถานที่สอบก็เต็มไปด้วยความวุ่นวาย
ทุกสายตาจับจ้องมาที่ผมด้วยความตกตะลึง
“100 คะแนน…”
ความสามารถในการมองดูโชคชะตาในอนาคตของจอมเวทย์นั้นเป็นสิ่งที่รู้กันดี
จอมเวทย์ทุกคนที่ได้ 50 คะแนนหรือมากกว่านั้นจากคิงแกรมจะได้กลาเยป็นจอมเวทย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
แต่ก็ไม่มีใครที่ได้คะแนนเกิน 70 คะแนนเลย
เพราะมาตรฐานของคิงแกรมนั้นสูงเกินไปตั้งแต่แรก
แต่… 100 คะแนน
นักเรียนที่ได้คะแนนเต็มนั้นไม่เคยมีมาก่อน และอาจจะไม่เคยมีอีกแล้วก็ได้
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…”
ผมได้แต่หัวเราะอย่างว่างเปล่า
100 คะแนนเหรอ?
ผมเหมือนกับว่า ‘นี่พูดจริงเหรอ…?’
นี่มันเรื่องอะไรกัน?
แบบนี้ก็ได้เหรอ?
แขนและขาของผมเสียพละกำลังไปเมื่อได้ยินแบบนั้น
คิงแกรมพูดอีกครั้ง
[‘เรื่องยาว’ ที่เจ้าพูดถึงก่อนหน้านี้ ตอนนี้ข้าอยากรู้แล้ว ข้าอยากจะฟังมันจากปากเจ้า]
“อ๊ะ…ครับ…”
[ตอนสอบเสร็จแล้ว มาที่ชั้นใต้ดิน]
ชั้นใต้ดิน
มันคือแหล่งเก็บสมบัติที่เก็บอาติแฟกต์ทั้งหมดของโรงเรียนเอาไว้
จากที่ข่าวลือกล่าว ในห้องใต้ดินนั้นมีอาติแฟกต์มากกว่าท้องพระคลังของราชววงศ์เสียอีก
เป็นธรรมดาที่นักเรียนจะห้ามเข้าไป
“ผมเข้าไปไม่ได้”
คิงแกรมบอกผมด้วยน้ำเสียงที่บอกว่าราวกับไม่ใช่เรื่องใหญ่
[ข้าจะบอกเจ้าหนูอิกนิทเอง]
เจ้าหนูอิกนิทที่เขาพูดถึง หรือว่าจะเป็นผู้อำนวยการไทเรียน?
เขาเรียกจอมเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรว่า ‘เจ้าหนู’
อา เดาว่าคงเป็นเพราะเขาอยู่มาพันปี ทุกคนเลยดูเหมือนกับเด็ก
“ครับ เข้าใจแล้ว”
เมื่อผมตอบไป การประเมินก็จบลง
‘พฤติกรรมลึกลับ’ ของคิงแกรมเองก็จบลงด้วย
[ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเรียนอะไรใน 6 ปีที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีเงินมีเวลาให้เสียเปล่านะ]
หลังจากจบการประเมินของผม คิงแกรมก็กลับมาดูถูกนักเรียนโดยไม่ลังเลอีก
[ข้าไม่อยากจะกินเวทย์นี่ด้วยซ้ำ ไสหัวไป]
[ไม่ได้เรื่อง มีแต่ขยะมารวมตัวกันรึไง เจ้าอยากจะเป็นจอมเวทย์ด้วยความสามารถแค่นั้นเรอะ? ข้าได้แต่หัวเราะกับความอวดดีของเจ้า]
10 คะแนน, 3 คะแนน, 5 คะแนน, 1 คะแนน
มีแต่คะแนนที่แทบจะไม่พ้น 0 ที่คิงแกรมให้มา
ในตอนนี้ก็มีนักเรียนบางคนที่เริ่มมองผมด้วยความแค้น
“รูน…แกจะมากไปแล้วนะ…”
ผมกลายเป็นไอ้เวรที่เพิ่มคะแนนเฉลี่ยขึ้นมาอย่างมหาศาลในทันที
ผมได้แค่ยักไหล่ตอบ
โทษทีนะ
แม้แต่ตัวผมเองก็ไม่รู้ว่าจะได้ 100 คะแนน
“ระ…ร้อยคะแนน?”
ผู้อำนวยการโรงเรียน
ไทเรียนอิกนิทได้รับรายงานที่ไม่คาดคิด
รายงานว่าที่ว่า 100 คะแนนที่ไม่มีใครเคยได้รับมาก่อนถูกมอบให้แก่นักเรียนและคิงแกรมก็ขอพบนักเรียนคนนั้นเพื่อพูดคุยกันตัวต่อตัวด้วย
และนักเรียนคนนั้นก็คือ
“รูน……”
รูน อาเดล
เขาลูบเคราสีขาวด้วยความแปลกใจ
“ฮ่าฮ่า…ถึงกับได้ 100 คะแนน…เด็กคนนี้แปลกจริง ๆ”
รูน อาเดล
เขาเคยคิดว่าเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์แต่ล้มเหลว
แต่ในไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาก็ปรากฏตัวพร้อมกับเวทมนตร์ที่พลิกมุมมองของเวทมนตร์ในหัวเขาไป
และตอนนี้ เขาก็ใช้เวทมนตร์ที่ทลายกำลังที่ชื่อว่าคิงแกรมไปด้วย
นี่คือสถานการณ์ที่ไม่แปลกใจคงไม่ได้
“หึหึ”
แม้แต่ไทเรียนเองก็ยังมั่นใจ ว่าเมื่อราว 50 ปีก่อน เมื่อเขาเข้าโรงเรียนในฐานะนักเรียน ว่าเขาได้กี่คะแนนจากคิงแกรม?
เขาจดจำมันได้ขึ้นใจ
คะแนนที่เขาได้ขณะที่ถูกบอกว่าเขาอ่อนแอเกินไปถ้าเทียบกับบรรพบุรุษ
‘เขาให้มา 58 คะแนน…’
58 คะแนน
แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือในอดีตก็มิอาจปฏิเสธได้ว่ามันเป็นคะแนนที่สูง
ไทเรียน อิกนิทในตอนนี้คือจอมเวทย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และยังเป็นความภาคภูมิใจสุดท้ายของอาณาจักรเรเดียนเล็ก ๆ แห่งนี้ด้วย
แต่คะแนนที่เขาได้ก็ยังไม่ถึงมาตรฐานของลูกหลานอัครจอมเวทย์ และแม้แต่คะแนนนั้นก็ถูกทำลายสถิติในตอนนี้
เขาจะไปแข่งกับ 100 คะแนนได้อย่างไร?
‘100 คะแนน…คิงแกรมชอบตรงไหนของรูนนักนะ…?’
ไทเรียนรู้เรื่องนี้
ว่าไม่มีใครได้ 100 คะแนนเพียงเพราะว่าพรสวรรค์ทางเวทมนตร์ยอดเยี่ยม
มันจะต้องเข้ากับนิสัยของคิงแกรมด้วยถึงจะได้ 100 คะแนน
ถ้าคิดแบบนี้ เวทมนตร์เฉพาะตัวของรูนก็อาจจะนับว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง
‘และการได้พูดคุยตัวต่อตัวกับคิงแกรม…เขาเป็นนักเรียนที่น่าสนใจจริง ๆ’
ไทเรียนพยักหน้าด้วยความพอใจ
“อนุญาตให้นักเรียนรูน อาเดลเข้าห้องอาติแฟกต์โดยเข้าไปภายใต้การดูแลของอาจารย์ไฮเดล”