ตอนที่ 111: ทรมานจนตาย
ตอนที่ 111: ทรมานจนตาย
ยานรบที่ปิดล้อมฐานเรดสโตนเอาไว้เป็นยานรบที่มีขนาดแตกต่างกันไป แต่ยานรบทุกลำต่างก็ติดตั้งอาวุธอย่างครบครันและอาวุธทุกชนิดก็กำลังยิงเข้าใส่โล่พลังงานของฐานทัพอย่างรุนแรง
ยิ่งไปกว่านั้นกระบวนทัพของยานพวกนี้ก็แปลกมาก เพราะโดยปกติแล้วกองยานจะวางยานขนาดใหญ่ที่แข็งแกร่งที่สุดเอาไว้ด้านหน้าเพื่อคอยดูดซับการจู่โจมจากศัตรู ไม่ให้พุ่งเข้าไปตกกระทบกับยานขนาดเล็กที่อยู่ด้านหลัง
แต่สิ่งที่กองยานพวกนี้กำลังทำอยู่คือการเรียงแถวหน้ากระดานยิงเข้าใส่โล่พลังงานเหมือนกับพวกมันกำลังซ้อมฝึกยิงเข้าเป้า
ผู้บัญชาการกองยานที่มีประสบการณ์จะไม่มีวันสั่งจัดกระบวนทัพแบบนี้อย่างแน่นอน เพราะการทำแบบนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นการกระจายอำนาจการยิงของตัวเองออกไปเท่านั้น แต่มันยังทำให้ยานรบขนาดเล็กต้องเผชิญหน้ากับปืนของศัตรูโดยตรง
ขณะเดียวกันฐานเรดสโตนก็เป็นฐานทัพที่ถูกสร้างขึ้นมาจากทหารในระหว่างการทำสงครามและถึงแม้ว่ามันจะถูกทิ้งร้างมาเป็นเวลานาน แต่โล่พลังงานของฐานก็ยังคงใช้ในการป้องกันได้อย่างแน่นหนา
ผู้บัญชาการในฐานทัพสามารถค้นพบจุดอ่อนในกระบวนทัพของอีกฝ่ายได้อย่างรวดเร็ว เขาจึงได้สั่งระดมยิงปืนใหญ่จำนวน 16 กระบอกโดยเล็งเป้าไปที่ยานรบขนาดเล็กของฝ่ายตรงข้าม
ตูม! ตูม! ตูม! …
ยานรบขนาดเล็กไม่มีทางป้องกันการระดมยิงของปืนใหญ่จากฐานทัพได้อย่างแน่นอน ดังนั้นการระดมยิงเพียงแค่ครั้งเดียวจึงทำให้ยานที่ตกเป็นเป้าหมายถูกทำลายลงในทันที
เมื่อได้เห็นว่าแผนการโจมตีได้ผล ผู้คนภายในฐานก็เริ่มใช้แผนการเดียวกันโดยการเลือกเป้าหมายเป็นยานรบขนาดเล็กของศัตรู
หากว่าผู้บัญชาการของกองยานที่บุกเข้ามาโจมตีมีความฉลาดมากเพียงพอ เขาก็ควรที่จะต้องสั่งปรับกระบวนทัพให้ยานรบขนาดเล็กเคลื่อนที่เข้าไปอยู่ภายใต้โล่พลังงานของยานรบขนาดใหญ่
อย่างไรก็ตามมันก็เห็นได้ชัดเลยว่าผู้บัญชาการของกองยานนี้ไม่ค่อยมีประสบการณ์ในการบุกโจมตีฐานทัพมากนัก ยานรบภายในกองยานทุกลำจึงยังคงเรียงแถวหน้ากระดานโดยหวังกำลังการยิงของตัวเองในการทำลายโล่พลังงานเหมือนเดิม
แน่นอนว่ามันไม่ใช่ทุกคนที่ทำใจยอมรับรอความตายได้ มันจึงมียานเอาท์เบรกลำหนึ่งแสร้งทำเป็นฉลาดเคลื่อนที่ออกมาจากกระบวนทัพเพื่อไล่ตามยานของเซี่ยเฟย
ในความคิดของเขาการทำลายยานโคแอกิวเลชั่นเป็นเพียงแค่เรื่องกล้วย ๆ ซึ่งถ้าหากว่ากองยานของเขาได้รับชัยชนะ เขาก็จะได้รับคำชมที่ออกมาทำลายยานของฝ่ายตรงข้าม แต่ถ้าหากว่ากองยานของเขาได้รับความพ่ายแพ้เขาก็จะสามารถนำเรื่องนี้ไปเป็นข้ออ้างอธิบายให้กับผู้บัญชาการของเขาได้เช่นกัน
ความคิดของชายคนนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะยานโคแอกิวเลชั่นของเซี่ยเฟยเป็นยานที่หาได้ยากมาก ดังนั้นมันจึงไม่จำเป็นที่จะต้องพูดถึงผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ที่อาศัยอยู่ในเขตดาววิลเดอร์เนสเลย เพราะแม้แต่อันธที่มีความรู้เรื่องยานค่อนข้างดีก็ยังรู้สึกไม่แน่ใจในตอนที่เขาได้พบกับยานไฮบริดลำนี้เป็นครั้งแรก
นอกจากนี้รูปลักษณ์ของยานโคแอกิวเลชั่นยังค่อนข้างธรรมดา ซึ่งนอกเหนือจากรูปลักษณ์ที่ค่อนข้างแปลกประหลาดของยานลำนี้แล้ว หน้าตาของมันก็ดูไม่เหมือนกับยานฟริเกตชั้นยอดที่มีอยู่ในยุคปัจจุบันเลย
ยานฟริเกตเป็นยานที่ถูกออกแบบมาสำหรับการรบโดยเฉพาะ ทำให้โดยส่วนใหญ่ยานประเภทนี้จะมีรูปลักษณ์ที่น่ากลัว, มีการแสดงอาวุธออกมาอย่างโดดเด่นและถูกออกแบบมาอย่างโฉบเฉี่ยว เพราะท้ายที่สุดพวกมันก็คือยานฟริเกตและภารกิจสูงสุดของพวกมันคือการเข้าทำลายคู่ต่อสู้
อย่างไรก็ตามยานโคแอกิวเลชั่นกลับมีรูปร่างค่อนข้างกลม ซึ่งถ้าหากมองจากระยะไกลยานลำนี้ก็ดูคล้ายกับสัตว์เลื้อยคลานตัวสีแดงเข้ม ขณะเดียวกันระบบอาวุธทั้งหมดก็ถูกซ่อนเอาไว้ภายในยานซึ่งดูไม่แตกต่างไปจากยานพลเรือนโดยทั่วไปมากนัก
แน่นอนว่ายานเอาท์เบรกลำนี้ได้ถูกรูปลักษณ์ภายนอกของโคแอกิวเลชั่นหลอกเรียบร้อยแล้ว ด้วยเหตุนี้เขาจึงพุ่งออกไปโดยหวังที่จะฉีกกระชากยานของเซี่ยเฟยเป็นชิ้น ๆ
ขณะเดียวกันเซี่ยเฟยก็พยายามขับยานออกห่างจากสนามรบอย่างรวดเร็ว เพราะการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเขาเลย ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ตั้งใจที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมแม้แต่นิดเดียว
ยิ่งยานเอาท์เบรกได้เห็นเซี่ยเฟยพยายามขับหนีมากเท่าไหร่ เขาก็คิดว่าอีกฝ่ายกำลังรู้สึกเกรงกลัวเขามากยิ่งขึ้นเท่านั้น ซึ่งกว่าที่เขาจะรู้ตัวเขาก็ได้เคลื่อนที่ออกมาห่างจากกองยานของเขาค่อนข้างไกลแล้ว
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
ยานเอาท์เบรกระดมยิงปืนใหญ่อัตโนมัติ 4 กระบอกเข้าใส่ยานรบของเซี่ยเฟยอย่างดุเดือด แต่ชายหนุ่มจากดาวโลกก็ยังคงไม่เลือกที่จะโต้ตอบกลับไปในทันทีแต่ยังคงขับยานรบหนีห่างออกไปเหมือนเดิม
สิ่งที่เขาจำเป็นจะต้องทำในตอนนี้คือการพยายามหลีกเลี่ยงสนามรบหลักและยานแบทเทิลครุยเซอร์ขนาดใหญ่ เขาจึงไม่ได้สนใจการจู่โจมจากยานฟริเกตขนาดเล็กมากนัก เพราะหากจำเป็นเขาก็สามารถทำลายยานรบลำนี้ได้ตลอดเวลา
ไม่กี่นาทีต่อมายานทั้งสองลำก็อยู่ห่างออกมาจากสนามรบหลักพอสมควร และถ้าหากว่าเซี่ยเฟยต้องการจะหลบหนีจริง ๆ ยานรบภายในกองยานก็ไม่สามารถที่จะติดตามเขาได้แล้ว
“ได้เวลาทดสอบเครื่องดูดพลังงานแล้วสินะ” เซี่ยเฟยพึมพำกับตัวเอง
หลังจากนั้นชายหนุ่มก็ใช้นิ้วกดไปบนปุ่มสีแดงเบา ๆ ก่อนที่โคแอกิวเลชั่นจะปล่อยลำแสงสีแดงออกไปทำการดูดซับพลังงานจากฝ่ายตรงข้ามที่อยู่ในระยะห่างไม่ถึง 100 กิโลเมตร
“หัวหน้าอยู่ ๆ พลังงานของยานก็ลดลงฮวบฮาบเลยครับ!” ลูกเรือคนหนึ่งบนยานเอาท์เบรกตะโกนรายงานขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนก
“อย่าหยุดโจมตี! อย่างน้อยทำลายยานสีแดงลำนั้นก่อนแล้วค่อยหาสาเหตุที่ทำให้พลังงานลดลง ไม่แน่เครื่องปฏิกรณ์พลังงานอาจจะมีปัญหา” กัปตันยานหัวโล้นออกคำสั่ง
“เตาปฏิกรณ์พลังงานไม่มีปัญหาครับ ผมกำลังสงสัยว่าลำแสงที่ยานตรงข้ามปล่อยมาน่าจะเป็นลำแสงจากเครื่องดูดพลังงาน!”
“เป็นไปไม่ได้! ยานฟริเกตจะติดตั้งเครื่องดูดพลังงานได้ยังไง? ตรวจสอบสาเหตุต่อไป”
“ระดับพลังงานลดลงเหลือ 50% แล้วครับ ถ้าหากว่ามันยังเป็นแบบนี้ต่อไปพวกเราจะไม่สามารถคงสภาพเกราะพลังงานได้”
“อย่าพึ่งโว้ย! ขอพังยานลำนี้ก่อน!!”
“ระดับพลังงานลดลงเหลือต่ำกว่า 30% แล้วครับ ถ้าหากพลังงานลดลงน้อยกว่านี้พวกเราจะมีพลังงานไม่พอยิงปืนใหญ่”
“ทำไมพลังงานถึงลดลงเร็วขนาดนั้น!!”
“หัวหน้าดูนั่น! มันกำลังจะโจมตีกลับแล้ว”
ความจริงแล้วพลังงานของยานเอาท์เบรกไม่ได้หายไปแต่ถูกถ่ายโอนไปยังยานโคแอกิวเลชั่นของเซี่ยเฟย ซึ่งเมื่อยานรบของคู่ต่อสู้สูญเสียการป้องกันเนื่องจากการขาดพลังงาน ชายหนุ่มก็พร้อมที่จะทำการพิฆาตยานของศัตรู
“กำหนดเป้าหมายไปที่ยานเอาท์เบรก โจมตีด้วยกำลังทั้งหมด!” เซี่ยเฟยสั่งการเสียงดัง
โคแอกิวเลชั่นได้อาศัยพลังงานของศัตรูเพื่อสังหารยานรบของศัตรูเอง โดยในปัจจุบันยานเอาท์เบรกไม่เหลือพลังงานแม้แต่จะเปิดโล่พลังงานด้วยซ้ำ มันจึงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่เซี่ยเฟยจะเปิดการโจมตี
ทันใดนั้นปืนใหญ่เลเซอร์คลัสเตอร์ 4 กระบอกก็โผล่ออกมาจากด้านข้างของยานโคแอกิวเลชั่น ซึ่งเป็นการแสดงความดุร้ายที่แท้จริงของยานลำนี้ออกมา
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโคแอกิวเลชั่นทำให้กัปตันในยานเอาท์เบรกรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก เขาจึงรีบส่งเสียงตะโกนออกคำสั่งกับลูกน้อง
“เปิดเกราะพลังงาน! รีบหนีเร็วเข้า!!”
“ตอนนี้พลังงานภายในยานเหลืออยู่น้อยกว่า 10% แล้วครับ! พวกเราไม่สามารถเปิดใช้งานเกราะพลังงานได้! โอ้พระเจ้า! แม้แต่ระบบอาวุธก็ใช้งานไม่ได้เพราะพลังงานไม่เพียงพอ! หัวหน้าพวกเราคงจะถึงฆาตแล้ว!!”
ปัก!
ชายหัวโล้นทิ้งตัวลงยังที่นั่งของกัปตันพร้อมกับเม็ดเหงื่อที่ไหลออกมาจากหน้าผากราวกับสายฝน
ในที่สุดเขาก็ได้ตระหนักแล้วว่าเขาได้ตกลงไปในหลุมศพที่ศัตรูขุดเอาไว้ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ยานไม่มีพลังงานมันก็เปรียบเสมือนกับหายนะสำหรับยานรบ
จิ้ว! จิ้ว! จิ้ว! จิ้ว!
ปืนใหญ่เลเซอร์จากยานโคแอกิวเลชั่นระดมยิงออกไปอย่างบ้าคลั่งและเนื่องมาจากว่าอีกฝ่ายไม่มีแม้กระทั่งเกราะพลังงานคอยป้องกัน พวกเขาจึงทำได้เพียงแต่นั่งรอวันตาย
“ยิงถล่มมันเลย!” เซี่ยเฟยสั่งการ
หลังจากลำแสงเลเซอร์ได้ตกกระทบลงบนตัวยานเพียงแค่ไม่นาน ทั่วทั้งยานรบก็ถูกปกคลุมไปด้วยเปลวไฟ
การปิดประตูตีแมวครั้งนี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกมีความสุขมากและสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นมากยิ่งกว่าคือการใช้พลังงานของศัตรูในการทำลายตัวของมันเอง
ยานโคแอกิวเลชั่นสมควรที่จะได้รับฉายายานฟริเกตรุ่นพิเศษระดับสูงสุดจริง ๆ เพราะเพียงแค่ระบบดูดพลังงานก็ทำให้ยานลำนี้ได้อยู่ในระดับที่ไม่ธรรมดา!
การลงมือของยานเปรียบเสมือนกับแวมไพร์โหดร้ายที่คอยทำการดูดเลือดมาเพิ่มพละกำลังให้กับตัวเอง ซึ่งในระหว่างกระบวนการที่มันกำลังดูดเลือดนั้นมันก็ถือว่าเป็นการทรมานวิญญาณของศัตรูอย่างช้า ๆ
การกำจัดข้าศึกในบางครั้งก็จำเป็นที่จะต้องใช้วิธีการที่โหดร้ายเพื่อทำลายขวัญกำลังใจของศัตรู ขณะเดียวกันโคแอกิวเลชั่นไม่เพียงแต่จะสังหารยานของศัตรูได้อย่างง่ายดายเท่านั้น แต่มันยังมีความสามารถในการทรมานจิตใจของศัตรูอีกด้วย
“เฮ้ยไอ้โล้น! ทำไมเอ็งถึงไม่ตอบโต้!!” เสียงของเพื่อนร่วมทีมนอกห้องบัญชาการของชายหัวโล้นดังขึ้นมาจากเครื่องมือสื่อสาร โดยทุกคนต่างก็อยากรู้ว่าชายหัวโล้นคนนี้กำลังเป็นอะไรกันแน่เขาถึงไม่คิดที่จะตอบโต้ศัตรูเลยแม้แต่น้อย
“จบแล้ว… ทุกอย่างมันจบแล้ว…” ชายหัวโล้นพึมพำอย่างสิ้นหวัง
บูม!
พริบตาต่อมายานเอาท์เบรกก็เกิดการระเบิดครั้งใหญ่จนทำให้มีแสงสว่างวาบขึ้นมาในอวกาศ
เซี่ยเฟยจุดบุหรี่เฝ้าดูยานรบกลายเป็นดอกไม้ไฟอย่างมีความสุข พร้อมกับค่อย ๆ เผยรอยยิ้มที่มุมปากขึ้นมา
“ฮ่า ๆ ๆ วันนี้ฉันมีความสุขจริง ๆ” อันธกล่าวอย่างตื่นเต้น
ผลการรบในครั้งนี้ได้รับการตัดสินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องมาจากผู้บัญชาการของกองยานมีประสบการณ์ไม่มากพอ มันจึงทำให้กองยานของเขาเหลือยานแบทเทิลครุยเซอร์เพียงแค่ 3 ลำและยานฟริเกตอีกหนึ่งลำ โดยยานฟริเกตลำนั้นก็ใกล้ที่จะถูกทำลายเต็มที
หากพึ่งพาอำนาจการยิงของยานแบทเทิลครุยเซอร์เพียงแค่ 3 ลำ มันก็ยากที่จะทำลายเกราะป้องกันของฐานเรดสโตนลงไปได้ ดังนั้นผู้บัญชาการกองยานของศัตรูจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องสั่งให้ล่าถอย
ตูม!
ดอกไม้ไฟในอวกาศปะทุขึ้นอีกครั้ง โดยในคราวนี้ยานฟริเกตลำสุดท้ายได้ถูกทำลายจนกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เซี่ยเฟยคอยซ่อนตัวและเฝ้าดูสงครามจากในระยะไกล จากนั้นเขาก็ทำการส่งคำขอเพื่อเข้าไปยังฐานเรดสโตน
ในระหว่างที่ส่งคำขอเข้าไปในฐานทัพนั้น ชายหนุ่มก็ได้ส่งวิดีโอที่เขาทำลายยานรบของศัตรูเข้าไปด้วย ดังนั้นในเวลาเพียงแค่ไม่ถึง 1 นาทีประตูของฐานทัพก็เปิดออกเพื่อให้โคแอกิวเลชั่นเข้าไปจอดยานด้านใน
“เซี่ยเฟย!” ซาร่ารีบโผเข้ามากอดชายหนุ่มอย่างตื่นเต้นหลังจากที่เซี่ยเฟยลงจากโคแอกิวเลชั่นมาเพียงแค่ไม่นาน
เอเลนที่อยู่ไม่ไกลก็เผยรอยยิ้มขึ้นมาบนใบหน้าเช่นเดียวกัน แต่ไม่ว่าเซี่ยเฟยจะมองยังไงเขาก็รู้สึกว่ารอยยิ้มของตาลุงคนนี้ดูแปลก ๆ อยู่เล็กน้อย
“นายโอเคไหม?” หลังซาร่าตั้งสติได้เธอก็รีบใช้มือผลักชายหนุ่มออกไปจากตัว
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกเขินอายเล็กน้อย เพราะเขาก็ไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ หญิงสาวถึงได้โผเข้ามากอดเขาแบบนี้
“ฉันก็ยังสบายดีสิ ว่าแต่ใครคือคนที่มาโจมตีฐานเมื่อกี้หรอ?” เซี่ยเฟยถามด้วยความสงสัย
“พวกมันคือกลุ่มโจรสลัดนกฮูก” ชายผิวขาวคนหนึ่งกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจขณะที่เขาเดินเข้ามา โดยชายคนนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นใดเลยนอกเสียจากหนิงเตี้ยนผู้ที่เซี่ยเฟยเคยเห็นเขารังแกขอทานข้างถนน
“ไอ้นี่เป็นหลานชายลุงหรอ?” หนิงเตี้ยนถามด้วยรอยยิ้มขณะใช้มือตบไหล่เอเลนอย่างไม่มีมารยาท
“ใช่ครับ เขาคือหลานชายของผมเอง” เอเลนพูดพร้อมกับก้มศีรษะราวกับว่าเขารู้สึกหวาดกลัวนายน้อยคนนี้มาก
“เฮ้ไอ้หนุ่ม! ลุงฉันมีเรื่องจะคุยด้วย นายช่วยมากับฉันหน่อยสิ” หนิงเตี้ยนกล่าวพร้อมกับหันหน้ามาทางเซี่ยเฟย
***************