บทที่ 57: การดิ้นรนของไป่เยว่เจอ
บทที่ 57: การดิ้นรนของไป่เยว่เจอ
กุญแจสำคัญของเทคนิคหอกของตระกูลไป่คือความเร็ว ความแม่นยำ และความเด็ดขาด ด้วยเหตุนี้เอง ไป่เยว่เจอจึงโจมตีลู่หยานในทันทีที่เขามาถึงบนเวที
เฉือน!
สกิลชาร์จของนักรบสามารถทำให้เขาพุ่งไปข้างหน้าและโจมตีได้อย่างรวดเร็ว
ไป่เยว่เจอเป็นนักรบและรู้สกิลของนักรบโดยธรรมชาติ
ด้วยการใช้สกิลของไป่เยว่เจอ เขาได้แนบความแข็งแกร่งเข้ากับปลายหอกอย่างเชี่ยวชาญ
เขารีบวิ่งไปข้างหน้าลู่หยานและแทงปลายหอกออกไปราวกับมังกรที่โผล่ขึ้นมาจากทะเล
ปัง!
ลู่หยานยกเคียวกระดูกทมิฬในมือของเขาขึ้นและปิดกั้นปลายหอกของ ไป่เยว่เจอโดยตรง
การโจมตีของไป่เยว่เจอนั้นรุนแรงมาก แต่มันก็ไม่สามารถทำอะไรลู่หยานได้เลย
ไป่เยว่เจอตกใจมาก ความแข็งแกร่งของชายผู้นี้อยู่ในระดับเดียวกันกับเขาและอาจจะสูงกว่าเล็กน้อยด้วยซ้ำ
หอกในมือของเขาสั่นก่อนที่จะเปลี่ยนมุมและกระหน่ำแทงไปทางลู่หยานราวกับห่าฝน
ไป่เยว่เจอใช้เทคนิคหอกของตระกูลไป่
“ไป่เยว่เจอรวดเร็วมาก นอกจากนี้ ผลจากสกิลนักรบก็ยังทำให้เขาน่ากลัวยิ่งขึ้นไปอีก”
“สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเทคนิคการใช้หอกของเขา ดูสิ มันลึกลับและยากจะหยั่งถึง เขาแข็งแกร่งกว่านักหอกที่เปลี่ยนอาชีพเป็นครั้งที่สองแล้วด้วยซ้ำ”
“ลู่หยานนั้นเป็นคนที่ผิดปกติจริงๆ เขายังไม่ได้ใช้สกิลใดๆ เลยด้วยซ้ำ แต่เขาก็สามารถบล็อกการโจมตีทั้งหมดด้วยเคียวสีดำในมือของเขาได้แล้ว”
“การประลองบนเวทีนี้มันเกินไปไหมสำหรับนักศึกษาใหม่? การต่อสู้ของพวกเขาดุเดือดยิ่งกว่าของนักศึกษาปีสองบางคนเสียอีก ดูเหมือนว่าคุณภาพของนักศึกษาใหม่ปีนี้จะสูงมาก”
รุ่นพี่รอบๆ มองดูการต่อสู้และอุทาน
ไป่เยว่เจอที่ใช้หอกยาวนั้นว่าผิดปกติมากแล้ว อย่างไรก็ตาม ลู่หยานที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นก็ผิดปกติยิ่งกว่า คุณภาพของนักศึกษาใหม่ปีนี้สูงกว่าที่พวกเขาคาดเอาไว้มาก
บนเวที ลู่หยานขวางหอกของไป่เยว่เจอออกไปอีกครั้ง เมื่อสัมผัสได้ถึงแรงสะท้อนจากแขนของเขา ไป่เยว่เจอก็ขมวดคิ้ว
ผู้ชายคนนี้ไม่ได้ใช้สกิลใดๆ และอาศัยเพียงค่าคุณสมบัติทั้งสี่เท่านั้น
ผู้ชายคนนี้ไม่น่ากลัวเกินไปหน่อยหรอ?
ลู่หยานมองไปที่ไป่เยว่เจอข้างหน้าเขาและพยักหน้าเล็กน้อย ไป่เมี่ยวต้องการจะทดสอบเขา และเขาก็ยังต้องการทดสอบความแข็งแกร่งของไป่เยว่เจอ
ต้องบอกว่าเทคนิคหอกของตระกูลไป่นั้นยังคงทรงพลังมาก
ลู่หยานหรี่ตาลงและรู้สึกว่ามันถึงเวลาแล้ว โครงกระดูกระดับสูงทั้งสองถูกเรียกออกมาโดยตรงและโจมตีไป่เยว่เจอจากทั้งสองฝั่ง
ในเวลาเดียวกัน ลู่หยานก็ยังใช้ชุดเกราะผู้วายชนม์และเคียววิญญาณมรณะ
แรงกดดันอันมหาศาลพุ่งเข้าหาไป่เยว่เจอในทันที
ไป่เยว่เจอขมวดคิ้ว ก่อนหน้านี้เซี่ยไป่หยุนไม่มีอำนาจต่อต้านลู่หยานเมื่อเขาอยู่ในสถานะนี้
เขาไม่สามารถทำผิดพลาดเหมือนกับเซี่ยไป่หยุนได้
“เทคนิคลับ! หอกระเบิด!”
หอกของไป่เยว่เจอสั่นสะเทือน และแสงสีแดงก็พุ่งออกมาจากหอกเงินในมือของเขาในทันที จากนั้นแสงสีแดงนี้ก็กระโจนเข้าสู่ร่างของไป่เยว่เจอและห่อหุ้มร่างกายของเขาเอาไว้อย่างสมบูรณ์
ในขณะเดียวกัน ค่าคุณสมบัติทั้งสี่ของไป่เยว่เจอก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก เขาโบกปลายหอกและพุ่งเข้าหาลู่หยานอีกครั้ง
ลู่หยานยกเคียวกระดูกทมิฬที่ปกคลุมไปด้วยเคียววิญญาณมรณะในมือของเขาขึ้นและเผชิญหน้ากับหอกเงินของอีกฝ่าย
คราวนี้ความเร็วของหอกเงินในมือของไป่เยว่เจอพุ่งสูงขึ้น ปลายหอกพริ้วราวกับสายลมพัด ในขณะที่มันปิดกั้นเคียวกระดูกทมิฬ มันก็ใช้โอกาสนี้ทะลุผ่านการป้องกันของเคียวกระดูกทมิฬและกระแทกเข้ากับเกราะบนร่างของลู่หยาน
น่าเสียดาย ด้วยการปกป้องจากชุดเกราะผู้วายชนม์ มันจึงทำให้ลู่หยานไม่ได้รับบาดเจ็บเลย
โครงกระดูกระดับสูงขั้นสองยังคงล้อมรอบไป่เยว่เจอเอาไว้
อย่างไรก็ตาม หอกในมือของไป่เยว่เจอก็พริ้วพอที่จะจัดการกับการปิดล้อมจากทั้งสามด้าน
“เชี่ย! นั่นมันโคตรเจ๋งเลย ฉันคิดว่านั่นคือจุดพีคของพวกเขาแล้ว ฉันไม่ได้คาดคิดเลยว่ามันจะเป็นเพียงแค่การอุ่นเครื่องเท่านั้น”
“เดี๋ยวนี้นักศึกษาใหม่ทุกคนแข็งแกร่งขนาดนี้เลยหรอ? เราจะอยู่รอดได้อย่างไร?”
“การต่อสู้ระหว่างสองคนนี้มันสูสีและน่ากลัวเกินไป มันทำให้ฉันเลือดเดือดพล่านไปหมดเลย”
“สูสีหรอ? ตาของแกยังดีอยู่ไหมวะ? ไป่เยว่เจอนั่นใช้พละกำลังเต็มที่ของเขาแล้ว แต่ดูที่ลู่หยานคนนั้นสิ เขายังคงผ่อนคลายมาก จนถึงตอนนี้ ไป่เยว่เจอก็ยังไม่สามารถทำลายการป้องกันของเขาได้ด้วยซ้ำ”
“ถูกต้อง ฉันพนันได้เลยว่าลู่หยานยังไม่ได้ใช้กำลังอย่างเต็มที่เลยด้วยซ้ำ ผลของการแข่งขันในครั้งนี้มันถูกกำหนดไว้ตั้งนานแล้ว”
ไป่เทียนหยูมองไปที่การต่อสู้บนเวทีและขมวดคิ้ว
“ลู่หยานคนนี้ทรงพลังมากจริงๆ พี่เยว่เจอใช้หอกระเบิดของเขาแล้ว แต่เขาก็ยังแทบจะไม่สามารถต่อสู้กับลู่หยานได้เลย?”
ไป่เมี่ยวส่ายหัวของเธอ “มันไม่ใช่การเสมอกัน ดูการเคลื่อนไหวของลู่หยานสิ เขายังไม่ได้ใช้กำลังอย่างเต็มที่เลย นายต้องรู้ว่าในตอนที่เขาต่อสู้กับเซี่ยไป่หยุนก่อนหน้านี้ ความเร็วของเขาก็เร็วกว่านี้มาก”
“แต่เดิมฉันคิดว่าไป่เยว่เจออย่างน้อยก็จะสามารถบังคับให้ลู่หยานใช้กำลังเต็มที่ได้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้แล้ว และถึงจะเป็นฉันเองก็คงจะไม่ต่างกัน”
“เป็นไปได้ยังไง?” ไป่เทียนหยูตกตะลึง เขารู้ดีว่าไป่เมี่ยวเป็นบุคคลหมายเลขหนึ่งในรุ่นลูกของตระกูลไป่ เขาเคยได้เห็นความแข็งแกร่งในการต่อสู้ที่น่ากลัวของไป่เมี่ยวมาแล้วเป็นการส่วนตัว
ไป่เมี่ยวยิ้มและพูดว่า “มันไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ มันมีคนที่ดีกว่าเราเสมอ ดูเหมือนว่าหลังจากไปดินแดนลับในอีกสองวัน ฉันก็จะต้องไปที่ถิ่นทุรกันดารเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของฉันซะแล้ว ไม่อย่างนั้น ฉันก็คงจะเสียที่หนึ่งในการแข่งขันของนักศึกษาใหม่ไปแน่”
ในขณะนี้ รุ่นพี่ที่อยู่รอบๆ ก็อุทานออกมา
บนเวที ไป่เยว่เจอดูเหมือนจะรู้ว่าลู่หยานยังไม่ได้ใช้กำลังเต็มที่และค่อนข้างโกรธ
เขาถอยหลังไปหนึ่งก้าว ไป่เยว่เจอจับหอกเงินในมือแน่น
“เหล็กในทะลวงจันทรา! มังกรขาวทลาย! หอกแหวกว่ายหลากทิศ!”
ไป่เยว่เจอกัดฟันและใช้สามสกิลติดต่อกัน
ร่างของเขาพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว และหอกเงินในมือของไป่เยว่เจอก็พุ่งออกไปเป็นแนวทแยงโดยตรง มันตกลงบนเคียวกระดูกทมิฬในมือของลู่หยาน
มือของลู่หยานปลดปล่อยพลังอันมหาศาลออกมา และฝ่ามือของเขาก็ชาเล็กน้อย
จากนั้นจู่ๆ มังกรขาวก็กระโดดออกมาจากปลายหอกของไป่เยว่เจอและพุ่งเข้าหาลู่หยาน
ลู่หยานขวางเคียวกระดูกทมิฬไปข้างหน้าเขาอย่างรวดเร็ว แต่กระนั้นแรงอันมหาศาลก็ยังคงบังคับให้เขาถอยไปสี่ถึงห้าก้าว
อย่างไรก็ตาม ภายใต้การคุ้มครองของชุดเกราะผู้วายชนม์ ลู่หยานจึงไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ
ในขณะนี้ หอกยาวในมือของไป่เยว่เจอตรงหน้าเขาก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็นหอกนับร้อยที่ผลิบานราวกับกลีบดอกไม้ เงาของหอกยาวต่างพุ่งตรงไปข้างหน้า
เงาหอกส่วนหนึ่งมุ่งตรงไปยังลู่หยานซึ่งเพิ่งทรงตัวได้ ขณะที่ส่วนอื่นของเงาหอกมุ่งตรงไปยังโครงกระดูกระดับสูงทั้งสองด้าน
ปัง!
ปัง!
เสียงที่คมชัดสองครั้งดังขึ้น หอกแทงทะลุโครงกระดูกระดับสูงทั้งสองในทันที จากนั้นร่างกายของพวกมันก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ และกองกระดูกของพวกมันก็กระจัดกระจายอยู่บนพื้น