ตอนที่ 9
นี่เป็นรูปแบบหนึ่งของการท้าทาย
“ไอ้สารเ…”
ต่อบุตรชายคนที่สามแห่งตระกูลเกลฮิล ที่คิดว่าตัวเองคือราชาของคนในรุ่น
มันคือการท้าทายต่อไมเคิล
“ระ…รูน…”
แม้แต่คนที่นับว่าไม่ได้ใจดีกับผมมาก่อนก็เริ่มที่จะห่วงใยความปกติสุขของผม
ค่อนข้างจะเหมือนกับเรื่องคราวที่แล้ว
“นี่แก…ยังไม่ตื่นจากที่เกือบตายครั้งที่แล้วสินะ?”
สายฟ้าที่เบน พอลท์ที่เป็นลูกสมุนของไมเคิลร่ายใส่ผม
ผมตอบด้วยความเห็นด้วยกับไมเคิล
“คงจะเป็นอย่างนั้น ดูจากที่ชั้นใจเย็นไม่ได้ในตอนที่เห็นตัวน่าขยะแขยงอย่างแก ชั้นน่าจะยังไม่ตื่นล่ะมั้ง”
“ว่าไงนะ? ไอ้สารเลว!”
ไมเคิลตัวสั่นด้วยความแค้น
เขาราวกับระเบิดได้ทุกเมื่อ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่มีคนทำแบบนี้ใส่เขา
แต่ถึงอย่างนั้น
“หยุดนะ!”
ต้องขอบคุณเหล่าอาจารย์ที่เข้ามาได้ทันเวลา ไมเคิลจึงต้องข่มความโกรธลงไป
และก็เหมือนกับวายร้ายทั่วไป เขาหันกลับมามองและพูดเบา ๆ
“หลังสอบจะได้เห็นดีกัน”
ว้าว น่ากลัวจังเลย
ผมยักไหล่และโค้งให้เหล่าอาจารย์ที่เพิ่งเดินมา
“ขอโทษที่ก่อเรื่องวุ่นวายด้วยครับ”
“อืม กลับไปนั่งได้แล้ว”
ในบรรดาอาจารย์ คนที่มาด้วยก็คืออาจารย์ไฮเดล
คนอื่นอาจจะไม่เห็น
ว่าเมื่ออาจารย์ไฮเดลเห็นผมมองเขา เขาก็ยิ้มราวกับจะหัวเราะ
จากนั้นอาจารย์คนอื่นที่รับหน้าที่ดูแลการสอบก็ก้าวมาข้างหน้าเพื่อประกาศ
“การสอบกำลังจะเริ่มแล้ว แต่ก่อนหน้านั้นเรามีเรื่องที่ต้องแจ้งให้ทราบ”
ในวันแรกของการสอบภาคปฏิบัติ การสอบจะเป็น
การสอบเพื่อทดสอบว่านักเรียนโจมตีเป้านิ่งในครั้งเดียวได้มากแค่ไหน
ใช่ มันควรจะเป็นแบบนั้น
แต่ว่า
“เอ๋? ทำไมกัน?”
ความยากจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ตามปกติแล้วเป้าหมายจะอยู่นิ่งในการสอบ แต่ไม่ใช่ครั้งนี้
“วะ…เวทมนตร์เคลื่อนไหว?”
อาจารย์หนึ่งคนจะทำการขยับหุ่นไล่กาและทำให้มันขยับซ้ายขวาเป็นระยะ ๆ
“ก็อย่างที่รู้กัน การสอบในปีนี้จะเปลี่ยนไป ถ้าหากสังเกตให้ดีแล้วมันจะเคลื่อนไหวเป็นรูปแบบ ตั้งสมาธิแล้วเข้าใจรูปแบบให้ได้!”
ทำไมกัน?
ทำไมจู่ ๆ ถึงเพิ่มระดับความยากล่ะ?
นักเรียนทุกคนเริ่มกระวนกระวาย
แต่ไมเคิลนั้นต่างออกไป
เขายังคงทำหน้าสบายใจอย่างเคย
เช่นเดียวกับผม
“รูน นายคิดจะทำยังไง?”
เมื่อเจสันถาม ผมก็แค่ยักไหล่
“ไม่รู้สิ”
สำหรับผม มันไม่สำคัญว่าเป้าหมายจะเคลื่อนไหวหรือไม่
เพราะผมเองก็ไม่มั่นใจว่าเวทมนตร์ของผมจะถูกยอมรับจากผู้คุมสอบหรือไม่
สิ่งเดียวที่ต้องทำในตอนนี้…คือพุ่งตรงไปข้างหน้า
“ฮิลค์! นายเป็นคนแรก”
ฮิลค์เดินออกมาด้วยความกังวล
ถึงตรงนี้ หุ่นไล่กาที่ประจำตำแหน่งก็เริ่มขยับออกจากตำแหน่ง
“เริ่มได้”
การสอบครั้งแรกเริ่มขึ้นแล้ว
“ต่อไป!”
“อ๊า……”
“มันไม่ยากเกินไปหน่อยเหรอ?”
เสียงถอนหายใจด้วยความเศร้าดังท่ามกลางหมู่นักเรียน
ส่วนใหญ่นั้นก็เป็นการบ่นเกี่ยวกับความยากที่เพิ่มขึ้นมา
เหล่าอาจารย์เองก็ไม่ได้สบายใจเช่นกัน
“ผลสอบมันยิ่งกว่าเลวร้ายซะอีก”
“นั่นล่ะที่ชั้นจะพูด มันแย่กว่าที่คิดเอาไว้ มันเฉลี่ยแค่ 2 ตัวเองใช่ไหม?”
จากการสอบ 5 ครั้งอย่างต่อเนื่องนั้น
ผลสอบเฉลี่ยจะอยู่ที่คนละ 2 คะแนน
นักเรียนบางคนที่กลัวเป้าเคลื่อนไหวมากเกินไปและไม่มั่นใจในความสามารถของตัวเองก็โจมตีใส่หุ่นไล่กาไม่โดนเลย
และแม้แต่คนที่ร่ายเวทย์ใส่หุ่นไล่กาได้มากกว่านั้นก็ยังมีคะแนนที่ต่ำกว่าคะแนนที่ควรจะเป็น
ผู้อำนวยการไทเรียนเดาะลิ้นขณะที่มองการสอบในความเงียบ
“ชิ”
ความยากนั้นถูกจงใจเพิ่มขึ้นมา
นี่คือการแบ่งแยกจอมเวทย์ที่แท้จริงจากนักเรียนทั่วไปและเป็นการบ่มเพาะพวกเขาก่อนที่จะสอบจบการศึกษา
แต่ไม่มีใครที่มีพรสวรรค์แบบนั้นเลย
“ให้ตายสิ ไม่มีใครทำได้เลย”
พวกเขายังไม่ได้ถึงมาตรฐานที่ควรจะเป็นสำหรับนักเรียนที่กำลังจะจบการศึกษาเลย
ในสมัยที่ไทเรียนเรียนเวทมนตร์น่ะหรือ?
ในตอนนั้น ผู้คนเรียนเวทมนตร์ด้วยความตั้งใจว่าจะเป็นอัครจอมเวทย์และมีความหลงใหลในเวทมนตร์และขยันอย่างไม่มีหยุดพัก
แต่มันไม่เหมือนกับยุคสมัยนี้แล้ว
ในตอนนี้ เวทมนตร์เป็นแค่เครื่องมือกุมอำนาจที่มีไว้สำหรับจอมเวทย์ที่จะเป็นข้ารับใช้ของผู้ทรงอำนาจคนอื่น
จากนั้นอาจารย์เอลริคจากแผนกปรุงยาก็ออกมาพูด
“ได้เวลาแล้ว ความภูมิใจของโรงเรียนเรา”
คนที่อาจารย์เอลริคพูดถึงก็คือไมเคิล
ไมเคิล เกลฮิล
แน่นอนว่าอาจารย์เอลริคเองก็มาจากบ้านเกลฮิลเช่นกัน
ผู้อำนวยการไทเรียนนั้นไม่ได้ปิดบังความไม่พอใจเมื่อรู้เรื่องนี้ดี
“อย่าเพิ่งพูดถึงความภูมิใจเลยอาจารย์เอลริค การสอบยังไม่เริ่มด้วยซ้ำ”
“ถึงอย่างนั้น…ไมเคิลก็ได้คะแนนดีที่สุดในการสอบเสมอ ผู้อำนวยการก็น่าจะรู้ดีนะ”
“อาจารย์เอลริคคงอยากให้หลานได้คะแนนดี แต่แยกเรื่องส่วนตัวกับเรื่องส่วนรวมออกจากกันด้วย”
“...ครับ เข้าใจแล้ว”
อาจารย์เอลริคไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรามือหลังจากที่ไทเรียนเสียงแข็งขึ้นเล็กน้อย
แต่โชคดีสำหรับอาจารย์เอลริคที่ผลการสอบนั้นเป็นอย่างที่เขาพูด
“โอ้โห! ดูนั่นสิ! ไฟกับน้ำ! เขาร่ายเวทย์ธาตุตรงข้ามออกมาพร้อมกัน! หนึ่ง สอง สาม สี่…ฮ่าฮ่า มากจนนับไม่ไหวแล้ว!”
นี่คือความจริง
ไมเคิลร่ายบอลไฟและบอลน้ำออกมาได้มากกว่า 10 ครั้งในทีเดียวและปล่อยออกไปยังเป้าหมาย
“13! เขาได้ 13 ตัว!”
เขาถึงกับสร้างภาพน่าตกใจด้วยการโจมตีหุ่นไล่กาได้ 13 ตัว
ด้วยความแม่นยำเกิน 60% มันคือประวัติที่น่าประทับใจ
“ฮ่าฮ่า ถ้าเป็นระดับนี้ แค่พูดว่าไมเคิลเป็นความภาคภูมิใจของโรงเรียนก็คงไม่พอแล้วน่ะสิ?”
แปะ แปะ แปะ แปะ
อาจารย์เอลริคปรบมือไม่หยุดหย่อนขณะที่ไมเคิลยืนอย่างมั่นใจและส่งเสียงหัวเราะอย่างเย่อหยิ่ง
ไมเคิล เกลฮิล
ไทเรียนไม่อยากจะยอมรับ แต่ถ้าเทียบกับคนอื่นแล้ว เขาปฏิเสธไม่ได้ว่าไมเคิลนั้นอยู่ในระดับที่ไม่มีใครเทียบได้ในด้านเวทมตร์
ผลสอบของคนอื่นนั้นก็ไม่ได้ต่างจากเดิมนัก
ไม่มีใครทำได้ดีกว่าไมเคิลเลย
ผู้อำนวยการไทเรียนลุกออกจากเก้าอี้
“ระดับของนักเรียนที่จะเรียนจบรุ่นนี้…ชั้นเห็นมากพอแล้ว”
ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความผิดหวัง
เคาท์เกลฮิล
ตระกูลที่ใช้เวทมนตร์เป็นเครื่องมือเพื่อสืบทอดอำนาจให้ยาวนาน
แม้ว่าหลักการของตระกูลจะตรงข้ามกับปรัชญาที่ก่อตั้งโรงเรียน ถ้าหากไม่มีนักเรียนที่จะเทียบกับลูกของตระกูลเกลฮิลได้ มันก็ไม่มีเหตุผลที่จะดูต่อไป
แต่ในตอนนั้นเอง อาจารย์ไฮเดลจากแผนกเวทมนตร์ต่อสู้ที่นั่งถัดจากไทเรียนและลงคะแนนนักเรียนอย่างเงียบเชียบก็พูดขึ้นมา
“ผู้อำนวยการ ไม่ดูอีกหน่อยเหรอครับ?”
“ไม่ล่ะ อยู่ที่นี่ต่อไปก็คงไม่ได้อะไรแล้ว”
“คนต่อไปคือรูนนะ”
ไทเรียนหยุดเมื่อได้ยินชื่อ ‘รูน’ และอาจารย์เอลริคเองก็มองอาจารย์ไฮเดลราวกับจะพูดอะไรที่ไไม่ดีออกมา
“คะ…ใครนะ? รูน? เด็กพิการเวทมนตร์นั่นน่ะเหรอ?”
“เจ้านั่นมาสอบภาคปฏิบัติด้วยรึไง? ทั้งที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้น่ะนะ?”
อาจารย์ไฮเดลหรี่ตาบอกอาจารย์ไฮเดลผู้ใช้คำพูดให้ร้าย
“อาจารย์เอลริค ที่พูดออกมาน่ะแปลกอยู่นะ มีเหตุผลที่รูนไม่เข้าสอบภาคปฏิบัติด้วยหรือ?”
“อะ..เอ่อ ก็ไม่หรอก…แต่ยังไงเขาก็สอบตกอยู่แล้ว…”
“อาจารย์เอลริคดูเหมือนจะมองคุณค่าของนักเรียนแต่ละคนไม่เหมือนกันนะ ถึงแม้ว่าจะเพิ่งพูดอวดหลานตัวเองไปก็เถอะ”
“ต่อให้อาจารย์เอลริคคิดแบบนั้นกับรูน แต่การพูดออกมานั้นมันคนละเรื่องกัน รูนเองก็ยังไม่ยอมแพ้ ในฐานะผู้ให้การศึกษาแก่นักเรียน เราไม่ควรจะยอมแพ้กับเขาเช่นเดียวกัน”
“อืม ที่อาจารย์ไฮเดลพูดก็ไม่ผิด…”
อาจารย์เอลริครีบปิดปากและมองไปทางอื่น
คำพูดของอาจารย์ไฮเดลนั้นเป็นเรื่องจริง
เมื่อรูนถูกเรียกชื่อ เขาก็เดินไปที่พื้นที่สอบด้วยใบหน้าใจเย็น
ภาพนี้ได้เตะตาผู้อำนวยการไทเรียน
“ดูเหมือน…คงต้องนั่งดูสินะ”
รูน อาเดล
แม้ว่าทุกคนจะยอมแพ้ในตัวเขาไปแล้ว แต่เขาเองไม่เป็นเช่นนั้น
สัญลักษณ์แห่งความไม่ย่อท้อ
ไทเรียนมีความสุขกับความขยันหมั่นเพียรนี้ได้คาดหวังกับสิ่งที่เขาจะได้เห็น
และจากนั้นไม่นาน…
ไทเรียนเบิกตากว้างราวกับเห็นผี
ไม่สิ มันยิ่งกว่านั้น
“นะ…นะ…นะ…นั่นอะไรน่ะ?”
อาจารย์เอลริค อาจารย์ไฮเดล และนักเรียนคนอื่นทุกคนทำอะไรไม่ได้นอกจากจ้องมองด้วยความตกตะลึงและอ้าปากค้าง
ในสองเดือนอันยากลำบาก
ในสองเดือนเต็มนี้ ผมทำแค่เตะกับต่อย
ค่าพลังของผมเพิ่มขึ้นวันละ 10 ในทุกวันที่ได้รางวัล ไม่ได้เกินจริงเลยถ้าจะบอกว่าชีวิตประจำวันซ้ำซากนี้มันเหนื่อยยากเกินจะรับไหว
แต่ก็มีของขวัญอีกชิ้นที่ผมได้รับมา
ถ้าจะบอกชัด ๆ ก็คือ ‘สกิล’ ล่ะนะ
บิดเวลา
ใช้งาน
คุณจะบิดเบือนเวลาเพื่อประโยชน์ของตัวเองเป็นเวลา 30 วินาที คุณจะขยับตัวได้เร็วขึ้นและค่า Strength จะเพิ่มขึ้น 200% คุณสามารถเคลื่อนไหวผ่านการบิดเวลาได้
คูลดาวน์ : 5 นาที
“...นั่นมันเรื่องบ้าอะไรกัน?”
มันคือการตอบสนองแรกเพื่อถามว่าสิ่งนี้คืออะไร
อะไรคือ ‘ใช้งาน’ หมายความว่ายังไงที่ว่าบิดเวลา แล้วยัง ‘คูลดาวน์’ นั่นอีก
และผมก็ได้รู้เมื่อใช้มัน
สกิลนี้ ในผมเลือกที่จะใช้งานมัน ผมจะเคลื่อนไหวได้เร็วกว่าเดิม 200% เป็นเวลา 30 วินาที
ราวกับว่าผมกำลังเคลื่อนไหวอยู่ในเวลายังไงยังงั้น
และใช้หลบการโจมตีของศัตรูได้ด้วย
แล้วก็…
‘เพื่อทำลายหุ่นไล่กาหลายตัวในทีเดียว’
เป็นสกิลที่ขาดไม่ได้
“เริ่มได้!”
วิ้ง.. วิ้ง…
เมื่อได้สัญญาณจากผู้คุมสอบ เหล่าหุ่นไล่กาก็เริ่มขยับ
หุ่นไล่กาจำนวนมากนั้น
‘คิดว่าจะโดนเหรอ?’
มันดูเหมือนกับกำลังท้าทายผม
พลังไหลมาที่หมัดของผม
กี่ครั้งกันนะที่ผมจินตนาการถึงตอนนี้?
ผมรอคอยมานานแค่ไหนกัน?
อดทนฝึกฝน 3000 ครั้งสุดวัน กี่ครั้งกันที่ผมใฝ่ฝันถึงวันเวลานี้?
‘เริ่มการแสดงได้’
เพื่อแสดงเวทมนตร์ของผมให้กับ ‘จอมเวทย์’ ที่แท้จริงเหล่านี้
ผมรวบรวมพลังทั้งหมดอัดให้เต็มวงแหวนพลังในพริบตา
วงแหวนนั้นเพิ่มพลังเสร็จในพริบตาเดียว
พลังของผมระเบิดผ่านเส้นเลือด และบอลไฟจำนวนมากก็หลั่งไหลออกมาจากฝ่ามือ
“โว้ว…”
“น่ะ…นั่นมันเท่าไหร่น่ะ?”
“สามสิบ…ไม่ ไม่สิ นั่นมันห้าสิบใช่ไหม?”
“อะไรกันเนี่ย?”
ผมได้ยินแต่เสียงที่เกิดจากความไม่เชื่อในสิ่งที่เห็นจากเพื่อนร่วมห้อง
และท่ามกลางเสียงร้องนั้น ผมก็ได้ยินเสียงไมเคิลที่หงุดหงิด
“โถ่โว้ย ทำชั้นกลัวไปตั้งหนึ่งวิ เฮ้ พวกแกน่ะ มันมีอะไรให้ต้องตกใจกัน? รูนมันปลุกมานาไม่ได้ ไม่สำคัญว่าจะร่ายได้ครั้งเดียวหรือร้อยครั้ง มันทำอะไรไม่ได้หรอก”
แม้ว่าเสียงเขาจะฟังดูมั่นใจ แต่เสียงของเขาสั่นอยู่ไม่ผิดแน่
ไม่มีทางที่เขาจะไม่ตกใจ
ใครจะไปคิดล่ะว่าผมจะทำเรื่องแบบนั้นได้?
ร่างกายรู้สึกเร่าร้อนขึ้นมา
ความตื่นเต้นเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ และต้องการจะระเบิดออกมาในทุกเมื่อ
ผมอยากจะแสดงให้เห็น
ว่าผม รูน อาเดล คนนี้ยังไม่ได้จบชีวิตในฐานะจอมเวทย์
ว่าผมจะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งกว่าใคร
ว่าผมจะบดขยี้สิ่งที่ทุกคนมอง
บิดเวลาถูกใช้งาน
strength ปัจจุบันเพิ่มขึ้น 200%
ใช่แล้ว
ตอนนี้ล่ะ
“ว้าว!”
ในพริบตาเดียว ร่างของผมก็บิดเบือนเวลาและพุ่งไปข้างหน้า
มันไม่ใช่แค่เพิ่มความเร็วของตัวผม
ในการเพิ่มขึ้น 200% นั้น ทุกการกระทำของผม รวมถึงการร่ายเวทย์และการเคลื่อนไหวจะเร็วขึ้น
แต่ก็ไม่เร็วพอที่จะเสียการควบคุม
สายตาของผมชัดเจนขึ้นและการเคลื่อนไหวก็แม่นยำขึ้นด้วย
ผมรู้สึกตัวเบา แล้วก็รู้สึกมั่นคงในเวลาเดียวกัน
ท่ามกลางพายุที่ผมสร้างขึ้นมา ผมไปถึงเหล่าหุ่นไล่กาตรงหน้าด้วยกำปั้น
ด้วยแขนทั้งสองข้าง ด้วยขาทั้งสองข้าง
ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง! ตู้มมมมมมมมมม!
เสียงระเบิดรุนแรงดังมาจากทุกส่วนที่ผมสัมผัส และลานทดสอบก็ปกคลุมด้วยฝุ่นควันในไม่นาน