ตอนที่ 107: ยานแม่!
ตอนที่ 107: ยานแม่!
ไม่ว่าจะเป็นระบบตรวจจับสิ่งมีชีวิตหรือระบบตรวจจับโดยใช้อินฟราเรดต่างก็ให้ผลลัพธ์ที่เหมือนกัน นั่นก็คือไม่มีสิ่งมีชีวิตหลงเหลืออยู่บนยานและภายในของยานแม่ก็ไม่ได้รับความเสียหายด้วยเช่นกัน
เซี่ยเฟยเดินคิดบนสะพานยาน 2-3 รอบก่อนที่เขาจะตัดสินใจรวบรวมชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่ยังขาดก่อน แล้วค่อยคิดถึงเรื่องอื่นในภายหลัง
หลังจากนั้นชายหนุ่มก็เปิดใช้งานเครื่องตรวจจับให้กลับมาทำงานอีกครั้งเพื่อทำการกอบกู้ซากยาน และเมื่อพิจารณาจากสภาพของยานที่ยังสมบูรณ์แล้ว มันก็หมายความว่ายานพวกนี้ไม่เคยถูกกอบกู้มาก่อนและมีชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่รอให้เขาเข้าไปเก็บเกี่ยวอยู่อย่างมากมาย
เมื่อแขนกลและเครื่องตรวจจับได้ทำงานร่วมกัน ในเวลาเพียงแค่ไม่นานชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่ยังขาดอยู่อีก 7 ชิ้นก็ได้รับการกอบกู้มาจนครบทั้งหมด
ตอนนี้เหลืออยู่เพียงคำถามเดียวนั่นก็คือเขาสมควรจะขึ้นไปสำรวจบนยานแม่ดีหรือไม่?
ยานแม่ขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่ไม่ไกลเป็นเหมือนกับแม่เหล็กที่ดึงดูดความสนใจของเซี่ยเฟยไปทั้งหมด เพราะนอกเหนือจากการค้นหาสาเหตุที่ยานถูกทิ้งเอาไว้ที่นี่แล้ว อีกหนึ่งคำถามที่น่าสนใจคือยานลำนี้สามารถขับออกไปได้หรือไม่
โอกาสเจอยานบัญชาการฟรี ๆ ในจักรวาลมีน้อยยิ่งกว่าโอกาสถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ด้วยซ้ำ และในตอนนี้มันได้มียานแม่สภาพสมบูรณ์จอดอยู่ตรงหน้าของเขาแล้ว แล้วเขาจะไม่หวั่นไหวกับยานตรงหน้าได้อย่างไร
“รีบเข้าไปสำรวจมันเร็วเข้า! ข้างในจะต้องมีของที่เป็นประโยชน์กับพวกเราอยู่แน่ ๆ ไม่ว่านายจะได้รับผลประโยชน์กลับมาเล็กน้อยแค่ไหน แต่ฉันก็เชื่อว่ามันจะช่วยให้นายสามารถพัฒนาความแข็งแกร่งได้” อันธยังคงพยายามกล่าวชักจูงเซี่ยเฟย
หลังจากสูบบุหรี่หลายมวนติดต่อกันเซี่ยเฟยก็จมอยู่กับความคิดของตัวเองเป็นเวลานาน และในที่สุดความล่อใจของยานแม่ก็เอาชนะทุกอย่างจนชายหนุ่มตัดสินใจเดิมพันเข้าไปสำรวจยานด้วยแววตาอันเปล่งประกาย
โอกาสกับความเสี่ยงเป็นของที่คู่กันอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าเขาไม่เสี่ยงการพัฒนาของเขาก็อาจจะไปถึงทางตัน
เมื่อได้เห็นการตัดสินใจนี้มันก็ทำให้อันธรู้สึกดีใจมากและชื่นชมการตัดสินใจอันชาญฉลาดของเซี่ยเฟยครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะท้ายที่สุดเขาก็เป็นเพียงแค่วิญญาณ ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นที่จะต้องรู้สึกกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงใด ๆ
ขณะเดียวกันการพยายามขึ้นไปบนยานแม่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะก่อนอื่นพวกเขาจะต้องทำการเชื่อมต่อยานจากภายนอก จากนั้นพวกเขาก็จะต้องทำการเปิดระบบการลงจอดและเปิดใช้งานระบบใช้ชีวิตควบคู่ไปกับระบบแรงโน้มถ่วง
ยานของกองทัพทุกลำต่างก็มีการเข้ารหัสเฉพาะตัวซึ่งเป็นสิ่งที่เซี่ยเฟยไม่สามารถควบคุมได้ ดังนั้นเขาจึงจำเป็นที่จะต้องใช้เวลาในการพิจารณาวิธีการเข้าไปภายในยานด้วย
“ใช่แล้ว!” เซี่ยเฟยอุทานพร้อมกับตบหน้าขาของตัวเองอย่างแรง
หลังจากคิดหาวิธีอยู่สักพักชายหนุ่มก็ทำการกอบกู้เครื่องถอดรหัสจากยานประจัญบานที่อยู่ใกล้ ๆ ก่อนที่จะทำการติดตั้งเครื่องถอดรหัสนั้นเข้ากับตัวยานของเขา
อุปกรณ์รุ่นเก่ายังมีข้อบกพร่องที่ร้ายแรงก่อนที่จะได้รับการแก้ไขมาเป็นรุ่นในปัจจุบัน ดังนั้นหากใครได้ทำการติดตั้งเครื่องถอดรหัสเข้ากับยานของตัวเอง มันก็จะทำให้ยานของกองทัพรุ่นเก่าคิดว่ายานลำนั้นเป็นยานจากกองทัพด้วยกัน
เซี่ยเฟยได้รู้การใช้ช่องโหว่นี้มาจากบันทึกของลุงพอตเตอร์และเขาก็ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะได้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลเหล่านั้นอย่างรวดเร็วขนาดนี้
ในเวลาไม่นานเครื่องถอดรหัสของกองทัพก็พร้อมใช้งาน ชายหนุ่มจึงทำการส่งสัญญาณไปหายานแม่เพื่อขอซ่อมบำรุง
หลังได้รับสัญญาณปลอมแปลงจากยานของเซี่ยเฟย ระบบคอมพิวเตอร์อัจฉริยะรุ่นเก่าของยานแม่ก็เข้าใจว่าสัญญาณได้ถูกส่งมาจากยานในกองทัพด้วยกัน ดังนั้นยานแม่จึงเปิดประตูโกดังซ่อมบำรุงพร้อมกับเปิดใช้งานระบบใช้ชีวิตและระบบแรงโน้มถ่วง
เมื่อเซี่ยเฟยได้นำยานเข้าไปจอดในโกดัง เขาก็เปิดประตูพร้อมกับเดินออกมาจากยาน
โกดังซ่อมบำรุงมีขนาดใหญ่มากและมีอุปกรณ์เกี่ยวกับการซ่อมบำรุงอยู่อย่างมากมาย
หลังลงมาจากยานเซี่ยเฟยก็สวมใส่ชุดต่อสู้พร้อมกับทำการติดตั้งเชสซิ่งไลท์เอาไว้บนแขน
จากนั้นชายหนุ่มก็เริ่มทำการออกสำรวจยานแม่ด้วยความรวดเร็ว
ยานจูเหนี่ยนมีขนาดที่ใหญ่มากทำให้มีทางเดินและห้องต่าง ๆ เป็นจำนวนนับไม่ถ้วน ซึ่งความรู้สึกในระหว่างที่เซี่ยเฟยทำการสำรวจนั้นมันก็คล้ายกับว่าเขากำลังเดินอยู่ภายในเมือง ๆ หนึ่ง
“ทำไมมันถึงไม่มีซากศพเลยนะ” เซี่ยเฟยแอบอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ เพราะโดยปกติแล้วแม้แต่ภายในห้องซ่อมบำรุงของยานแม่ก็ควรที่จะมีทหารประจำการอยู่เป็นจำนวนหลายหมื่นคน แต่ในระหว่างที่เขาทำการออกสำรวจเขากลับไม่ได้พบกับซากศพเลยแม้แต่ศพเดียว
มันเป็นไปได้ไหมที่คนบนยานจะหายไปทั้งหมด?
หากเขาต้องการรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับยานลำนี้ อันดับแรกเขาก็ควรจะต้องมุ่งหน้าตรงไปยังห้องของกัปตันเพื่อทำการตรวจดูบันทึกของยาน
หลังจากนั้นชายหนุ่มก็ใช้ลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังชั้นบนสุดของยาน ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปตามทางเดินยาวที่มุ่งสู่ศูนย์บัญชาการ
หน้าห้องบัญชาการมีป้ายเตือนขนาดใหญ่บอกว่าไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนประตูของห้องก็เป็นประตูอัลลอยสีดำหนาที่ปิดเอาไว้แน่น
เมื่อเซี่ยเฟยกดปุ่มที่ประตูเขาก็ได้พบกับซากศพที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ของกัปตัน
ตัวศพได้กลายเป็นสีดำไปแล้ว โดยร่างกายของคนคนนี้เหี่ยวเฉาเหมือนกับมัมมี่ ขณะที่รูโบ๋บริเวณกะโหลกที่เคยเป็นดวงตากำลังจับจ้องมองไปยังจักรวาลทั้งที่เขาเสียชีวิตมาเป็นเวลานานกว่า 2,000 ปี
หลังจากเซี่ยเฟยเดินรอบ ๆ ศพ 2-3 ครั้งเขาก็ได้พบว่าสาเหตุการตายของคนคนนี้คือการใช้ปืนเลเซอร์สีทองยิงใส่ตัวเองบริเวณขมับทางด้านขวา
ชายหนุ่มหยิบปืนเลเซอร์ขึ้นมาจากพื้นและได้พบว่าปืนกระบอกนี้เป็นผลงานที่มีความปราณีตสูงมาก นอกจากนี้มันยังมีอัญมณีถูกฝังบนตัวปืนราวกับว่ามันเป็นผลงานศิลปะอันสวยงาม
สมาพันธ์จัสทิสห้ามไม่ให้จัสทิสใช้ปืนอย่างเด็ดขาด แต่เซี่ยเฟยก็ไม่ได้สนใจกฎในข้อนั้นเลย เพราะปืนพิเศษกระบอกนี้จะต้องมีมูลค่ามหาศาลเขาจึงเลือกเก็บมันเอาไว้ในแหวนมิติ
นอกจากนี้บนแผงควบคุมด้านหน้าที่นั่งของกัปตันยังมีสิ่งของของผู้ตายถูกวางเอาไว้อย่างเรียบร้อยคล้ายกับว่าเขาจงใจวางสิ่งของเหล่านี้เอาไว้ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต
เซี่ยเฟยก้าวเท้าไปข้างหน้าเพื่อทำการตรวจสอบของเหล่านี้ทีละอย่างและเขาก็ได้พบกับดาวประดับของพลเรือสีทองจำนวน 2 ดวง ซึ่งมันก็หมายความว่าผู้ตายน่าจะเคยดำรงตำแหน่งพลโทที่เป็นตำแหน่งรองจากตำแหน่งที่สูงที่สุดในกองทัพอย่างตำแหน่งจอมพลลงไปเพียงแค่ไม่กี่ขั้นเท่านั้น
นอกจากนี้มันยังมีการ์ดโลหะที่สวมเอาไว้กับสร้อยคอสีเงิน โดยการ์ดใบนี้คือบัตรประจำตัวที่เอาไว้ใช้สำหรับการยืนยันตัวตนเมื่อต้องดำเนินการในสิ่งที่สำคัญ
การ์ดโลหะใบนี้มีความสำคัญมาก เพราะการได้ครอบครองการ์ดก็หมายถึงการที่เซี่ยเฟยสามารถควบคุมยานแม่ลำนี้ได้อย่างสมบูรณ์ และถึงแม้ว่าเขาจะออกคำสั่งให้ยานทำลายตัวเองคอมพิวเตอร์อัจฉริยะของตัวยานก็จะทำลายตัวยานโดยไม่ลังเล
นอกจากนี้มันยังมีเหรียญรางวัลต่าง ๆ อีกอย่างมากมาย ซึ่งแต่ละเหรียญก็เป็นตัวแทนของเกียรติยศที่ผู้ตายได้เคยสร้างเอาไว้
อีกหนึ่งสิ่งที่สะดุดตาคือแหวนที่ประดับเอาไว้ด้วยอัญมณีสีแดงรูปหัวใจที่สวยงาม
“อันธนายรู้ไหมว่าอัญมณีสีแดงบนแหวนมันคืออะไร?” เซี่ยเฟยถามด้วยความสงสัย
“มันคือไซคิคโซล์เป็นอัญมณีที่สร้างขึ้นมาจากอสูรสายพลังจิต อัญมณีนี้เป็นสิ่งที่หาได้ยากมากและมันก็ยังมีคุณสมบัติช่วยเพิ่มพลังทางจิตให้กับผู้สวมใส่ ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าตราบใดก็ตามที่นายเข้ามาสำรวจยาน นายจะต้องได้อะไรติดไม้ติดมือกลับไป” อันธตอบขณะชำเลืองมองแหวนสีแดงเล็กน้อย
“มันมีราคาประมาณเท่าไหร่?” เซี่ยเฟยถาม
“โอ้ยทำไมในหัวนายมันถึงมีแต่เรื่องเงิน! แม้ว่าแหวนวงนี้จะไม่มีประโยชน์สำหรับนายแต่มันก็เป็นสมบัติที่หาได้ยากมากสำหรับผู้ใช้พลังเกี่ยวกับพลังจิต ฉันบอกเลยนะว่าของในระดับนี้ควรเอาไว้ใช้สำหรับการแลกเปลี่ยนเท่านั้น เพราะมันไม่มีใครโง่มากพอที่จะขายมันเพื่อแลกกับสตาร์คอยน์หรอก!!” อันธตอบพร้อมกับถอนหายใจ จากนั้นเขาก็ได้กล่าวออกไปด้วยความตื่นเต้นว่า
“ถ้านายมีโอกาส นายอาจจะสามารถเอาแหวนวงนี้ไปแลกกับแหวนภูติลมสักวงหนึ่งก็ได้”
เมื่อได้รับคำอธิบายชายหนุ่มก็พยักหน้ารับ เนื่องจากเขาสามารถเข้าใจได้ไม่ยากว่าสมบัติชั้นยอดเหล่านี้มีน้อยคนนักที่จะแลกเปลี่ยนพวกมันกับเงินตรา เพราะท้ายที่สุดสมบัติระดับสูงก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถหาซื้อได้แม้ว่าจะมีเงินมากเท่าไหร่ก็ตาม
จากนั้นชายหนุ่มก็เก็บของเหล่านี้เข้าไปในแหวนมิติอย่างยินดี ก่อนที่เขาจะค้นหาของบนซากศพอีกครั้ง แต่น่าเสียดายที่อดีตพลโทคนนี้ไม่มีแหวนมิติอยู่กับตัวเลย
“ทำไมเขาถึงไม่มีแหวนมิตินะ” เซี่ยเฟยส่ายหัวไปมาด้วยความเสียดาย ซึ่งปฏิกิริยาของชายหนุ่มก็เกือบจะทำให้อันธเป็นลมหลังจากได้เห็นความโลภจากสหายของตัวเอง
หลังชายหนุ่มเก็บกวาดของทุกอย่างจนเสร็จเขาก็ทำการเปิดใช้งานคอมพิวเตอร์ควบคุมหลักเพื่อดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับยานลำนี้กันแน่ แล้วลูกเรือคนอื่น ๆ หายตัวไปไหน?
เมื่อใส่บัตรประจำตัวของพลโทลงในช่องเสียบการ์ด เซี่ยเฟยก็ทำการเรียกดูบันทึกของกัปตันซึ่งมันก็ทำให้เขาได้รู้ว่าพลโทคนนี้มีชื่อว่าโรเบิร์ตมีตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการกองยานลำดับที่ 5 ที่เข้าร่วมรบในสงครามเมื่อ 2,000 ปีก่อน
เซี่ยเฟยพยายามค้นหาบันทึกต่าง ๆ อย่างรวดเร็วและในที่สุดเขาก็ได้พบกับบันทึกของโรเบิร์ตก่อนวันที่เกิดเหตุ
วันที่ 1 กรกฎาคม ในที่สุดคำสั่งเคลื่อนกำลังที่รอคอยมานานก็มาถึง วันพรุ่งนี้ฉันจะนำกองยาน 064 บุกเข้าไปลอบโจมตีกองเสบียงของพวกเซิร์ก ทหารภายในกองยานของฉันยังไม่รู้ว่าภารกิจนี้ยากลำบากและอันตรายแค่ไหน แต่พวกเขาทุกคนก็กำลังรู้สึกตื่นเต้น ฉันหวังว่าชัยชนะจะตกอยู่ในมือของฝ่ายพันธมิตร
วันที่ 2 กรกฎาคม กองยาน 064 ออกเดินทางจากฐานทัพเข้าสู่จักรวาลอันกว้างใหญ่ พลเรือเอกหยวนเคอคอยบัญชาการออกคำสั่งเป็นการส่วนตัว ฉันจะไม่มีวันทำให้ผู้บัญชาการและพันธมิตรผิดหวัง
วันที่ 5 กรกฎาคม ภาพในจักรวาลเต็มไปด้วยดวงดาวอันแปลกประหลาด กองยานของพวกเราหลงเข้ามาในพื้นที่บริเวณนี้และสัญญาณการสื่อสารก็สามารถส่งได้ภายในระยะ 1 ล้านกิโลเมตรเท่านั้น นอกจากนี้ระบบไฟฟ้าและระบบควบคุมทั้งหมดกลายเป็นอัมพาต แต่ในฐานะผู้ใช้พลังจิตฉันสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ามันกำลังมีอะไรบางอย่างที่น่ากลัวมุ่งหน้าเข้ามาหาเรา แต่ฉันไม่สามารถบอกลูกเรือคนอื่นได้ฉันต้องแบกรับเรื่องนี้เอาไว้คนเดียว
วันที่ 7 กรกฎาคม ความไม่สบายใจเริ่มแพร่กระจายไปทั่วทั้งกองยานและสถานการณ์ก็ไม่ดีขึ้นเลย จู่ ๆ ยานประจัญบาน 2 ลำก็ยิงใส่กันโดยไม่ทราบสาเหตุ หลังจากนั้นอีกไม่ถึง 10 นาทีฉันก็สูญเสียกองยานไปตลอดกาล ฉันได้ยินเสียงร้องของพวกทหารผ่านทางเครื่องสื่อสารก่อนที่พวกเขาจะตาย เสียงของพวกเขาทั้งเศร้าและสิ้นหวังมาก! ใครคอยควบคุมทหารของฉันเอาไว้กันแน่? ฉันจะต้องหาตัวมันให้ได้ แต่สิ่งที่ฉันรู้สึกเสียใจมากที่สุดคือหนึ่งในเพื่อนสนิทของฉันได้บอกผ่านเครื่องสื่อสารก่อนที่เขาจะตายว่า ‘หนีไป’
วันที่ 13 กรกฎาคม วันนี้เป็นวันที่ 9 แล้วที่ฉันได้มาติดอยู่ในที่แปลก ๆ แห่งนี้และสถานการณ์ก็เลวร้ายลงเรื่อย ๆ ฉันสัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณอันทรงพลังที่อยู่รอบ ๆ ตัว ตอนนี้ฉันไม่เหลือทางหนีอีกแล้วฉันจำเป็นจะต้องพึ่งพาน้ำยาเพิ่มพลังจิตในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ และพยายามต่อสู้กับพลังที่ไม่รู้จักนี้ ฉันคงทำได้แต่เพียงแค่ต้องลองดู
เซี่ยเฟยรู้สึกสับสนกับสถานการณ์ไปชั่วขณะและเมื่อเขาได้มองไปทางอันธ เขาก็ได้พบกับความไม่สบายใจที่แฝงอยู่ในดวงตาอดีตนักฆ่าผู้นี้
***************
โอ้ย!! ลึกลับจังน้อ