ตอนที่ 106: หนีพายุแม่เหล็กไฟฟ้า!
ตอนที่ 106: หนีพายุแม่เหล็กไฟฟ้า!
สิ่งที่เซี่ยเฟยทำอยู่ตอนนี้เป็นเหมือนกับการเล่นเกมล่าสมบัติและทุกครั้งที่เขาได้พบชิ้นส่วนอุปกรณ์จากสนามรบโบราณ เขาก็จะโห่ร้องออกมาด้วยความดีใจ
อย่างไรก็ตามเหล่าผู้มีประสบการณ์ในเขตดาววิลเดอร์เนสก็คงจะไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเซี่ยเฟยมากนัก เพราะถึงแม้ว่ามันจะมีสมบัติหลงเหลืออยู่ภายในสนามรบโบราณอย่างมากมาย แต่ความสนุกของการล่าสมบัติในพื้นที่เหล่านี้ก็ยังน้อยกว่าความเสี่ยงที่พวกเขาจะต้องเผชิญอยู่ดี
ผู้คนในเขตดาวนี้ต่างก็ทราบกันดีถึงความน่ากลัวของพายุคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่พร้อมจะเกิดขึ้นตลอดเวลาและความดุร้ายของโจรสลัดที่มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง
ในห้องเก็บสัมภาระของยานเต็มไปด้วยชิ้นส่วนอุปกรณ์วางกองอยู่เป็นจำนวนมาก และถึงแม้ว่าอุปกรณ์เหล่านี้จะไม่ได้มีความล้ำหน้าเท่ากับอุปกรณ์ยุคใหม่ที่เซี่ยเฟยได้ติดตั้งเอาไว้ในลูน่า แต่อย่างน้อยอุปกรณ์พวกนี้ก็ช่วยทำให้เขานำลูน่าบินกลับไปยังพันธมิตรได้
ชายหนุ่มทำการตรวจสอบอุปกรณ์เหล่านี้อย่างรอบคอบ โชคดีที่โดยส่วนใหญ่อวกาศอยู่ในสภาพสุญญากาศตลอดเวลา ดังนั้นถึงแม้ว่าชิ้นส่วนเหล่านี้จะล่องลอยในอวกาศมาเป็นเวลานานมากกว่า 2,000 ปี แต่สภาพของพวกมันก็ยังคงสมบูรณ์ไม่ได้ผุพังไปตามกาลเวลา
“เอาล่ะขาดชิ้นส่วนอีกเพียงแค่ 7 ชิ้นเท่านั้น” เซี่ยเฟยอุทานออกมาอย่างมีความสุข
“พวกเรารีบตามหาอุปกรณ์พวกนั้นกันเถอะ ฉันไม่ชอบอยู่ในเขตดาวนี้เลย” อันธกล่าว
“นายเป็นแค่วิญญาณจะอยู่ที่ไหนมันก็เหมือน ๆ กันนั่นแหละ ถ้านายไม่ชอบที่นี่ทำไมไม่สร้างมิติจินตภาพแบบที่นายชอบขึ้นมาล่ะ” เซี่ยเฟยถามพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
“มันไม่เหมือนกันโว้ย! ในมิติจินตภาพมันไม่มีกลิ่นของแสงแดดและที่จริงฉันก็ไม่ชอบสร้างมิติพวกนั้นเลย” อันธตอบพร้อมกับส่ายหัว
หลังเซี่ยเฟยตรวจสอบชิ้นส่วนอุปกรณ์ทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว เขาก็ได้กลับเข้าไปยังห้องกัปตันอีกครั้งพร้อมกับใช้ดวงตากวาดไปยังแผนที่ดวงดาวที่เขาได้รับมา
ตั้งแต่ออกเดินทางชายหนุ่มได้ออกค้นหาพื้นที่อันตรายในเขตสีเหลืองที่อยู่ใกล้กับฐานเรดสโตนไปทั้งหมดแล้วทำให้ในตอนนี้เขาเหลือทางเลือกอยู่แค่ 2 ทาง
ทางเลือกแรกคือการเดินทางเข้าสู่พื้นที่สีเหลืองที่อยู่ห่างออกไป โดยในกรณีนี้เขาต้องเตรียมการวาร์ประยะไกล ซึ่งมันใช้เวลาค่อนข้างนานและความผันผวนของพลังงานที่ปลดปล่อยออกมาก็มีโอกาสที่จะถูกตรวจจับโดยพวกโจรสลัด
ทางเลือกที่ 2 คือการเข้าสู่พื้นที่สีแดงที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 4,000 ปีแสง แต่พื้นที่สีแดงมันก็หมายถึงพื้นที่ที่มีความไม่เสถียรมากหรือเป็นพื้นที่ที่พวกโจรสลัดคอยออกอาละวาดอยู่บ่อยครั้ง
ในความเป็นจริงมันยังมีทางเลือกที่ 3 อย่างการกลับไปที่ฐานเรดสโตนด้วยเช่นกัน แต่นั่นมันก็หมายความว่าภารกิจค้นหาในครั้งนี้ล้มเหลว เซี่ยเฟยจึงไม่เคยพิจารณาตัวเลือกนี้ในหัวของเขาเลย เพราะท้ายที่สุดตอนนี้เขาก็ยังขาดอุปกรณ์อีกเพียงแค่ 7 ชิ้นเท่านั้น แน่นอนว่าเขาย่อมไม่หยุดยอมแพ้อยู่เพียงแค่นี้
เซี่ยเฟยนั่งครุ่นคิดอยู่บนเก้าอี้กัปตันอันแสนสบาย ก่อนที่เขาจะตัดสินใจเสี่ยงภัยเข้าไปในพื้นที่สีแดงที่อยู่ใกล้ที่สุด
เหตุผลที่เขาตัดสินใจแบบนี้ เนื่องมาจากไม่ว่าเขาจะเลือกตัวเลือกแรกหรือตัวเลือกที่ 2 ต่างก็ล้วนแล้วแต่จะต้องพบเจอกับอันตราย แล้วทำไมเขาจะต้องเดินทางไปพบกับอันตรายที่อยู่ในระยะไกลด้วย สู้เขาไปเผชิญหน้ากับอันตรายที่อยู่ใกล้ ๆ กับเขาดีกว่า
นอกจากนี้ความผันผวนของพลังงานที่เกิดจากการวาร์ปในระยะ 4,000 ปีแสงก็น้อยกว่าการวาร์ปในระยะไกล ซึ่งมันก็จะช่วยลดความน่าจะเป็นที่เขาจะถูกตรวจพบโดยพวกโจรสลัดอวกาศ
หลังตัดสินใจได้แล้วชายหนุ่มก็ลุกยืนขึ้นพร้อมกับเดินไปที่แท่นบัญชาการ แต่ในขณะที่เขากำลังจะสั่งให้ระบบทำการวาร์ปอยู่นั่นเอง ช่องหน้าต่างบริเวณด้านขวาของยานก็สว่างวาบขึ้นมาด้วยแสงสีเงินพร้อมกับไฟเตือนสีแดงที่ส่องกระพริบไปทั่วทั้งตัวยาน!
เมื่อเซี่ยเฟยได้หันไปมองสถานการณ์ด้านนอกหน้าต่างมันก็ทำให้เขาอดที่จะขนลุกขึ้นมาไม่ได้ เพราะไม่ห่างออกไปจากยานรบได้มีแสงสีเงินกำลังรวมตัวกันอยู่อย่างช้า ๆ และถึงแม้ว่าภาพที่เกิดขึ้นจะเป็นภาพที่งดงามตระการตา แต่มันก็เป็นสัญญาณของการเกิดพายุแม่เหล็กไฟฟ้าที่อันตราย!
นี่คือปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในเขตดาววิลเดอร์เนส จนมีตำนานเล่าขานกันว่าปรากฏการณ์นี้คือการแสดงความโกรธเกรี้ยวของเทพีแห่งการทำลายล้าง!
“เปิดใช้งานระบบฉุกเฉิน! ทำการวาร์ปแบบสุ่มเดี๋ยวนี้!!” เซี่ยเฟยตะโกนสั่งการคอมพิวเตอร์อัจฉริยะอย่างเร่งรีบ
“ระบบวาร์ปฉุกเฉินพร้อมใช้งาน ยานจะเข้าสู่สถานะวาร์ปในอีก 15 วินาที”
เสียงไร้อารมณ์จากคอมพิวเตอร์อัจฉริยะรายงานกลับมา
พริบตาต่อมายานของเซี่ยเฟยก็มุ่งหน้าเข้าสู่รูหนอนด้วยการเร่งเครื่องเต็มกำลัง
ทันใดนั้นพายุแม่เหล็กไฟฟ้าก็ระเบิดออกอย่างฉับพลันก่อให้เกิดคลื่นแสงสีเงินที่พุ่งเข้าหาเซี่ยเฟยมาจากระยะไกล
“กำลังจะทำการวาร์ปในอีก 10 วินาที”
“กำลังจะทำการวาร์ปในอีก 5 วินาที”
ก่อนที่พายุแม่เหล็กไฟฟ้าจะเคลื่อนที่มาจนถึงยาน รูหนอนสำหรับการวาร์ปก็ปิดลงพอดิบพอดี!
ฟึบ!
ทันใดนั้นรูหนอนก็เริ่มสั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่ยานที่เซี่ยเฟยใช้สัญจรก็ยังสั่นสะเทือนอย่างสิ้นหวังเช่นกัน
เซี่ยเฟยกัดฟันแน่นพร้อมกับใช้มือทั้งสองจับคันบังคับเอาไว้อย่างเคร่งขรึม
ฟึบ!
ในที่สุดยานรบก็เข้าสู่สถานะวาร์ปได้สำเร็จและพายุแม่เหล็กไฟฟ้าที่บ้าคลั่งก็ไม่สามารถที่จะรบกวนการวาร์ปได้อีกต่อไป
พายุแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นปรากฏการณ์ที่สนามแม่เหล็กไฟฟ้าในอวกาศเพิ่มความรุนแรงขึ้นจากเดิมอย่างไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งในระหว่างกระบวนการนี้มันจะเกิดการระเบิดของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมา
หากใครโชคดีหลังจากโดนพายุแม่เหล็กไฟฟ้ากลืนเข้าไป อุปกรณ์บนยานทั้งหมดของพวกเขาก็จะพังทลาย แต่ถ้าหากว่าใครโชคร้ายพวกเขาก็จะกลายเป็นเพียงแค่เศษฝุ่นผงในอวกาศ
เซี่ยเฟยทิ้งตัวลงไปบนเก้าอี้กัปตันพร้อมกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
โชคดีที่เขาได้เตรียมระบบวาร์ปฉุกเฉินเอาไว้ตลอดเวลา ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะไม่สามารถเอาตัวรอดจากพายุแม่เหล็กไฟฟ้าเมื่อสักครู่นี้ได้
น่าเสียดายที่การวาร์ปโดยระบบฉุกเฉินเป็นการวาร์ปแบบสุ่มและชายหนุ่มก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาจะถูกส่งตัวไปที่ไหน
ในสถานการณ์ปกติระยะทางของการวาร์ปแบบสุ่มจะไม่เกิน 50,000 ปีแสง แต่ในกรณีของเขารูหนอนได้รับผลกระทบจากพายุแม่เหล็กไฟฟ้าและมันก็มีแนวโน้มที่จะทำให้ผลของการวาร์ปบิดเบี้ยวไปจากเดิม ซึ่งมีโอกาสที่เซี่ยเฟยจะถูกส่งตัวออกมาห่างจากตำแหน่งเดิมหลายล้านปีแสง
ครั้งสุดท้ายที่เขาเข้ารูหนอนที่บิดเบี้ยวในระหว่างปะทะกับยานของพวกเซิร์ก มันก็ทำให้เขาถูกวาร์ปออกมาหลายแสนปีแสงและได้มาปรากฏตัวในเขตดาววิลเดอร์เนสแห่งนี้
หลังจากจุดบุหรี่คลายความตึงเครียดภายในใจ เซี่ยเฟยก็รอคอยอยู่อย่างเงียบ ๆ เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่เขาสามารถทำได้ในตอนนี้
ประมาณ 2 นาทีต่อมายานเอ็กคิวชั่นเนอร์ก็โผล่ออกมาจากรูหนอน
หลังเซี่ยเฟยมองผ่านช่องหน้าต่างมันก็ทำให้หัวใจของเขาที่พึ่งสงบกลับมาเต้นแรงอีกครั้ง!
ภาพที่ปรากฏนอกหน้าต่างคือเศษซากของกองยานใหญ่ที่ล่องลอยอยู่เต็มอวกาศอันมืดมิด!!
การจะดูว่ากองยานนี้คือกองยานใหญ่หรือไม่คือการสังเกตเพียงสิ่งเดียวว่าในกองยานนั้นมียานแม่อยู่หรือเปล่า
กองยานที่ปรากฏขึ้นต่อหน้าของเซี่ยเฟยประกอบไปด้วยยานรบขนาดเล็กและยานรบขนาดใหญ่มากกว่าพันลำ และที่สำคัญกว่านั้นคือในบรรดายานรบเหล่านี้มียานรบบัญชาการขนาดใหญ่หรือที่ถูกเรียกติดปากกันว่ายานแม่!!
ยิ่งไปกว่านั้นยานแม่ลำนี้ก็ดูไม่บุบสลายเลยแม้แต่นิดเดียว!
“ทำไมมันถึงมียานแม่ในสภาพสมบูรณ์ลอยอยู่ในเศษซากยานแบบนี้ได้” เซี่ยเฟยอุทานพร้อมกับเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง
“ยานแม่ลำนั้นมันเหมือนไม่ได้รับความเสียหายเลยนี่” แม้แต่อันธก็กำลังจ้องมองไปยังยานบัญชาการขนาดใหญ่ด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
เหตุผลที่ยานบัญชาการขนาดใหญ่ถูกเรียกว่ายานแม่นั่นก็เพราะว่ามันมีอำนาจในการทำลายล้างที่เหนือกว่ายานรบลำอื่น ๆ และมันก็ยังเป็นยานรบที่สามารถเป็นสถานที่พักให้กับยานรบขนาดเล็กกว่าได้เป็นจำนวนมาก
ยกตัวอย่างเช่น ยานบัญชาการรุ่นจูเหนี่ยนของบริษัทไกอา ซึ่งเป็นยานที่มีน้ำหนัก 105.75 ล้านตันและมีพื้นที่ด้านในของยานมากกว่า 130 ล้านลูกบาศก์เมตร
หากไม่เห็นภาพให้ลองจินตนาการว่ายานแม่มีขนาดเหมือนช้างตัวใหญ่ ขณะที่ยานฟริเกตที่เซี่ยเฟยได้ใช้เดินทางมามีขนาดเหมือนกับมดตัวเล็ก ๆ
ขณะเดียวกันยานรบที่เซี่ยเฟยเห็นทั้งหมดก็กำลังก่อตัวเป็นรูปทรงกลมล้อมรอบยานแม่เอาไว้ตรงกลางคล้ายกับว่ายานเหล่านี้กำลังใช้กลยุทธ์ในการป้องกันอยู่
ถึงแม้ว่าภาพที่ปรากฏนี้จะทำให้ชายหนุ่มรู้สึกตกใจมาก แต่สุดท้ายเขาก็ต้องค่อย ๆ ทำทุกอย่างไปทีละขั้นตอน
ยานเอ็กคิวชั่นเนอร์ยังไม่ได้รับความเสียหายจากการวาร์ปอย่างร้ายแรง แต่ระบบเรดาร์และระบบสื่อสารของตัวยานมีปัญหาทำให้เขาไม่สามารถระบุตำแหน่งในปัจจุบันหรือทำการติดต่อไปยังโลกภายนอกได้
เซี่ยเฟยพยายามตรวจสอบระบบเรดาร์อย่างระมัดระวัง แต่เขาก็ได้พบว่าระบบเรดาร์ไม่ได้รับความเสียหายและเขาก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าสาเหตุที่เรดาร์ไม่ทำงานมันเกิดขึ้นมาจากอะไรกันแน่
เหตุการณ์อันแปลกประหลาดนี้ทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วก่อนที่จะตัดสินใจไม่ค้นหาสาเหตุที่ระบบเรดาร์เป็นแบบนี้ จากนั้นเขาก็บังคับยานให้เข้าไปใกล้กับยานแม่เพื่อทำการสแกนหาอุปกรณ์ที่เขาต้องการ
เวลาที่ใช้ในการสแกนยานแม่ช้ากว่าการสแกนยานรบธรรมดามาก เนื่องมาจากขนาดของยานที่มีความแตกต่างกันและจำนวนของอุปกรณ์ที่อยู่ภายในยานก็มีจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน
เครื่องสแกนใช้เวลาในการทำงานกว่า 20 นาทีเต็ม ๆ ก่อนที่รายงานการตรวจสอบของยานแม่จะปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
ชายหนุ่มได้ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงในการอ่านรายงานอุปกรณ์หลายร้อยหน้าและมันก็ทำให้ความสงสัยภายในใจของเขาได้ก่อตัวขึ้นมามากกว่าเดิม
จากรายงานที่ปรากฏขึ้นมานี้มันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าตัวยานไม่ได้รับความเสียหาย ซึ่งถ้าหากว่าใครขึ้นไปขับยานมันก็สามารถที่จะทำให้ยานลำนี้ขับเคลื่อนออกไปได้เลยทันที
“แปลกมาก… ทำไมกองทัพถึงทิ้งยานแม่เอาไว้แบบนี้ อีกอย่างคือทำไมยานแม่ไม่ได้รับความเสียหายแต่ยานลูกรอบ ๆ กลับเสียหายได้ถึงขนาดนี้” อันธพึมพำพร้อมกับพยายามพิจารณาสถานการณ์
สิ่งที่แปลกประหลาดอีกอย่างหนึ่งก็คือในพื้นที่บริเวณนี้มีเพียงแต่กองยานของพันธมิตรเท่านั้น แต่ไม่มีซากยานของพวกเซิร์กอยู่ในบริเวณนี้เลย
มันเป็นไปได้จริง ๆ หรอที่กองยานที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้จะไม่สามารถทำลายยานรบฝั่งศัตรูได้เลยแม้แต่ลำเดียว?
หรือว่ายานรบพวกนี้จะไม่ได้ถูกทำลายโดยพวกเซิร์ก?
เซี่ยเฟยส่ายหัวเพื่อพยายามสะบัดความคิดออกไป ก่อนที่เขาจะทำการเปิดอุปกรณ์ตรวจจับทั้งหมดบนยานไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ตรวจจับสิ่งมีชีวิต, อุปกรณ์ตรวจจับพลังงานและอุปกรณ์ตรวจจับแบบอินฟราเรด
“ทำไมนายไม่ขึ้นไปดูล่ะ?” อันธถาม
“ฉันจะไม่ขึ้นยานลำนั้นจนกว่าฉันจะคิดหาคำตอบได้” เซี่ยเฟยตอบกลับพร้อมกับส่ายหัว
“นายไม่อยากรู้คำตอบหรอว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับยานลำนี้?” อันธพยายามเซ้าซี้
“ฉันอยากรู้ แต่ฉันรักชีวิตของตัวเองมากกว่า นายเป็นวิญญาณนี่ทำไมนายไม่ขึ้นไปดูเองล่ะ” เซี่ยเฟยตอบกลับอย่างไร้อารมณ์
“เฮ้นายคิดว่าฉันไม่อยากไปหรือไง! ถ้าไม่ใช่เพราะฉันอยู่ห่างจากสร้อยได้ไม่เกิน 20 เมตร ฉันก็คงจะไปดูเองแล้ว” อันธกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
ทันใดนั้นรายงานการตรวจจับทั้งหมดที่เซี่ยเฟยได้เปิดไว้ในก่อนหน้านี้ก็แสดงออกมาและชายหนุ่มก็ตั้งใจอ่านรายงานด้วยความระมัดระวัง
***************
หรือว่าพี่เฟยจะได้ยานแม่!!!!!!!