ตอนที่ 10
“นะ…นั่นมัน…”
เมื่อพายุฝุ่นควันกระจายไปทั่วลานทดสอบก็ไม่มีใครมองเห็นรูนและพูดอะไรได้
มีเพียงเสียงอุทานเบา ๆ เท่านั้น
สายตาทุกคู่จ้องมองไปที่ฝุ่นควัน
เมื่อควันค่อย ๆ จางหายไปก็เหลือเพียงแค่รูนที่ยืนกลางลานทดสอบและมีเสียงตะโกนจากความตกตะลึงดังขึ้น
“นั่นมัน! ไม่มีทาง! ไม่จริงใช่ไหม?!”
หุ่นไล่กาสำหรับการสอบนั้นมีอยู่ 30 ตัว
และไมเคิลก็ล้มมันได้ 13 ตัว
แต่ทว่า
“ละ…เหลือแค่…สามตัว?!”
ไม่ยากที่จะนับคะแนนของรูน เพราะวิธีนับที่เร็วกว่าก็คือนับจำนวนหุ่นไล่กาที่ไม่ล้มลงไป
“ว่าไงนะ? 27 เรอะ?”
“27! นี่มันคะแนนสูงสุด!”
27
จำนวนหุ่นไล่กาที่รูนโค่นโดยใช้
ที่รูนโค่นมันลงโด…
ไม่
เขาลบล้างหุ่นไล่กาหายไปจนไม่รู้ว่าส่วนของหุ่นไล่กาหายไปที่ไหนเสียมากกว่า
การตอบสนองของนักเรียนคนอื่นนั้นมีอยู่หลากหลายรูปแบบ
“ละ…แล้ว…เอ่อ…นี่ชั้นเห็นอะไรไปเนี่ย?”
“เขา…ถือเวทย์แล้วต่อยหุ่นไล่กาเหรอ?”
“นายก็เห็นแบบนั้นใช่ไหม? ชั้นคิดว่าตัวเองตาฝาด…แต่ทำไมเขาถึงเร็วขนาดนั้นล่ะ? ชั้นคิดว่ากำลังมองยอดนักดาบอยู่ซะอีก…”
“แน่ใจนะว่านั่นคือเวทมนตร์น่ะ?”
เหล่าอาจารย์เองก็อยู่ในสภาพไม่ต่างกัน
ในประวัติศาสตร์ของโรงเรียน ที่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นเรื่องแบบนี้ และพวกเขาก็ค่อนข้างจะตกใจด้วย
“นี่มัน…ยอดไปเลย การใช้เวทมนตร์แบบนี้”
ไทเรียนกล่าวชมจากใจจริง และไฮเดลก็อดยิ้มไม่ได้
“ใช่แล้ว นี่มันประหลาดมาก”
แน่นอนว่าก็มีความเห็นตรงกันข้ามด้วย
อาจารย์เอลริคที่ตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจนั้นสลัดตัวเองให้ตื่นจากภวังค์
“ผะ…ผู้อำนวยการ นั่นถือว่าขาดคุณสมบัตินับคะแนนไหม?”
“พูดอะไรน่ะอาจารย์เอลริค”
“เราจะบอกว่าที่เราเห็นนั่นเป็นเวทมนตร์งั้นเหรอ? จะ…จากที่เห็น…มันเหมือนกับออร่าดาบที่อัศวินใช้เลยนะ”
“แล้วอาจารย์ไม่เห็นบอลไฟที่อยู่บนฝ่ามือเขารึไง?”
“ก็…ก็ต้องเห็นสิ…แต่ไม่เคยได้ยินว่ามีเวทมนตร์แบบนั้นอยู่เลย ให้จอมเวทย์ถือเวทมนตร์ไว้ในมือแล้วใช้หมัดชกออกไปแบบนั้น…นอกรีตจริง ๆ…”
เมื่ออาจารย์เอลริคหาข้ออ้างให้ยืดเยื้อ ไทเรียนก็หรี่ตาลงเล็กน้อย
เขาไม่อยากจะได้ยินอะไรแบบนั้นอีกแล้ว
“เราจะคุยเรื่องการประเมินทีหลัง ตอนนี้แสดงความยินดีกับรูนก่อนจะดีกว่าไหม? เขาอาจจะรอโอกาสนี้มา 6 ปีแล้วก็ได้”
เมื่อผู้อำนวยการไทเรียนพูดเช่นนั้น อาจารย์เอลริคก็ไม่มีทางเลือกนอกจากหยุดพูด
“รูน นั่นน่าประทับใจมากเลยนะ”
ไทเรียนเริ่มปรบมือจากที่นั่ง อาจารย์ไฮเดลก็ไม่อยากจะน้อยหน้า เขาเองก็เริ่มปรบมือด้วย
เสียงปรบมือดังก้องไปทั่วลานทดสอบ
“ทำได้ดีมากรูน!”
“ยินดีด้วยนะ!”
มีเสียงแสดงความยินดีและเสียงผิวปากด้วยเช่นกัน
อาจารย์เอลริคได้เห็นแบบนี้ก็ทำได้แค่เงียบปากและปรบมือเงียบ ๆ ตามไปด้วย
.
.
ระหว่างทดสอบ
ผมไม่รู้ว่าผมชกหุ่นไล่กาไปกี่ตัว
ผมแค่ทำลายอะไรก็ตามที่มันขยับและทำไปเรื่อย ๆ แม้ว่าจะจบลงแล้ว
เมื่อเสียงไซเรนดังบอกว่าจบการสอบ ผมก็ผิดหวังกับจำนวนหุ่นไล่กาที่ยืนตรงหน้า
แต่ว่า…
อะไรเนี่ย?
‘3?’
เหลือหุ่นไล่กาแค่ 3 ตัวเท่านั้น
นี่คือสถิติสูงสุดตั้งแต่ที่โรงเรียนนี้ก่อตั้งขึ้นมาเลย
‘ทำไมถึงได้ขนาดนี้…’
ผมมองรอบ ๆ หลังจากงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น เสียงตะโกนจากความตกใจของนักเรียนดังตามมา
ตามด้วย
“นั่นมันใช่เวทมนตร์เหรอ?”
ข้อกังขาจำนวนมากหลั่งไหลมาที่ผม
แต่ผมก็ไม่หลีกหนี
ผมคิดมาตั้งแต่ก่อนสอบแล้วไม่ใช่หรอกหรือ?
เรื่องที่ว่าเวทมนตร์ของผมอาจจะดูแปลกสำหรับพวกเขา และพวกเขาจะต้องตัดสินและเหยียดหยามในสิ่งที่แตกต่างจากตัวเอง
ดังนั้นผมจึงตัดสินใจที่จะเผชิญหน้ากับมันตรง ๆ
เพราะไม่ว่าผมจะทำลายหุ่นไล่กาไป 27 ตัวหรือ 30 ตัว สิ่งที่ผมทำได้ก็ต้องได้รับการยอมรับว่าเป็นเวทมตร์
ผมจึงได้เชิดหน้าและมองเหล่าอาจารย์ตรง ๆ
‘ภูเขา’
เหล่าอาจารย์ที่เป็นเหมือนกับขุนเขาของผมในตอนนี้จะต้องยอมรับคะแนนของผมเพื่อที่ผมจะได้ก้าวข้ามบททดสอบที่เรียกว่า ‘จบการศึกษา’ ต่อไป
มันคือภูเขาที่ผมต้องปีนขึ้นไปให้ได้
แต่…ถ้าผ่อนคลายซักหน่อยจะเป็นอะไรไหมนะ?
“รูน! น่าประทับใจจังเลยนะ!”
การตอบสนองนั้นไม่ธรรมดา
ผู้อำนวยการไทเรียนเรียกผมเพื่อชมเชยขณะที่หัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ และอาจารย์ไฮเดลเองก็ยิ้มมองผมด้วย
อารมณ์เหล่านั้นแพร่กระจายไปทั่วลานทดสอบและเพื่อนร่วมรุ่นทั้ง 110 คนของผมก็ปรบมือให้ผมด้วย
“ทำได้ดีมาก รูน!”
“ยินดีด้วยนะ!”
นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่ผมเข้ามาในโรงเรียนและถูกยอมรับในการสอบภาคปฏิบัติ
หัวใจที่ลุกไหม้ของผมอบอุ่นไปด้วยอีกเหตุผล
ผมประทับใจอย่างมาก
ใช่แล้ว
การยอมรับนี้เป็นสิ่งที่ผมหาจากที่อื่นไม่ได้
บางทีผมอาจจะต้องการมัน
และจากนั้น
ก็คือสีหน้าเหยเกของไมเคิล
สมบูรณ์แบบ
ในที่สุดผมก็ยิ้มออก
หลังจากจบการสอบ ผู้คุมสอบทุกคนมารวมตัวกันที่ห้องประชุมหลัก
และพวกเขามารวมตัวกันด้วยเหตุผลเดียวเท่านั้น
‘รูน อาเดล’
เหตุผลที่ว่าพวกเขาจะบอกว่าเวทมนตร์ที่เขาแสดงออกมานั้นนับว่าเป็น ‘เวทมนตร์’ หรือไม่
อาจารย์ 10 คนนั่งอยู่บนโต๊ะกลม ที่หัวโต๊ะคือผู้อำนวยการไทเรียน
คนแรกที่พูดก็คืออาจารย์เอลริค
“ด้วยความเคารพนะ ผู้อำนวยการไทเรียนและอาจารย์ทั้งหลาย เราต่างรู้และได้เห็นเรื่องในวันนี้ รูน อาเดลได้เยาะเย้ยการสอบที่ควรจะยุติธรรมสำหรับทุกคน เขาได้ใช้วิธีการอื่นขณะที่ทุกคนพยายามสุดฝีมือด้วยวิธีการที่ถูกต้อง เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่เราต้องให้เขาต้องสอบตก”
มีบางส่วนที่เห็นด้วยกับอาจารย์เอลริคและพยักหน้า
คนแรกที่ปฏิเสธข้อนี้ไม่ใช่ใครนอกจากอาจารย์ไฮเดล
“ตกงั้นเหรอ? เราจะให้คนที่ทำคะแนนสอบได้ดีที่สุดตั้งแต่ที่ก่อตั้งโรงเรียนมาสอบตกงั้นเหรอ? แบบนี้รับไม่ได้หรอกนะ”
“เขาไม่ได้ถือเวทมนตร์ไว้ในมือแล้วชกออกไปเหรอ? ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อนเลย อาจารย์ไฮเดลเคยเห็นมาก่อนไหมล่ะ?”
“นี่เป็นครั้งแรกของผมเหมือนกัน แต่ที่รูนแสดงให้เห็นคือเวทมนตร์แน่นอน ผมจะไม่ปฏิเสธเรื่องนี้”
ขณะที่อาจารย์เอลริคลังเล อาจารย์ไฮเดลก็ลุกจากที่นั่งและกล่าว
“รูนทำตามเวลาที่จำกัดและแสดงพลังและสร้างบอลไฟหลายสิบลูกด้วยการร่ายครั้งเดียว และเขาก็สอบด้วยลูกไฟพวกนั้น รูนไม่ได้ทำผิดกฎอะไรเลย ที่เขาชกด้วยเวทมนตร์น่ะเหรอ? มันมีปัญหาอะไรกัน? ถ้าถือเวทย์เอาไว้แล้วชกออกไปมันจะถือว่าไม่เป็นเวทมนตร์งั้นเหรอ? รูนมีปัญหาในการปล่อยเวทย์แต่ก็ไม่เคยยอมแพ้ แล้วเขาก็ยังก้าวข้ามจุดอ่อนของตัวเองและฝึกร่างกายในเดือนที่ผ่านมา นี่คือผลจากการฝึกฝนของเขา เราต้องยินดีกับเขาในความสำเร็จนี้ไม่ใช่รึไง?”
อาจารย์ส่วนใหญ่พยักหน้าเห็นด้วยในประเด็นของอาจารย์ไฮเดล
แต่อาจารย์เอลริคก็เริ่มพูดราวกับรับไม่ได้
“เห็นความเร็วการร่ายเวทย์ของรูนไหม?”
“เห็นสิ”
“เขาเป็นแค่นักเรียน แต่เขาร่ายเวทย์เร็วขนาดนั้นได้ยังไง? รวบรวม เพิ่มพลัง ขึ้นรูป เขาไม่ได้สนใจ 3 ขั้นตอนนี้เลย อัครจอมเวทย์รวมถึงตัวชั้นเองก็ยังทำแบบนั้นไม่ได้เลย! เขาจะต้องใช้กลกระจอก ๆ แน่”
มีอาจารย์จำนวนหนึ่งที่เห็นด้วยกับคำกล่าวนี้
การเคลื่อนไหวและเวทมนตร์ของรูนนั้นมีจุดประหลาดหลายจุดที่ไม่ควรมองข้าม
แต่อาจารย์ไฮเดลก็ยืนกราน
“ลองคิดย้อนไปสิ อะไรคือสิ่งแรกที่เราเรียนรู้ตอนที่เริ่มเรียนเวทมนตร์?”
“คิดจะพูดอะไรกันแน่?”
“เวทมนตร์ไม่มีขีดจำกัด มันคือดินแดนแห่งความเป็นไปได้ไร้สิ้นสุด นี่คือเหตุผลที่เวทมนตร์น่าหลงใหลไม่ใช่หรือ?”
“เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อพูดเรื่องแบบนั้น กลับมาพูดเรื่อ…”
“มีสิ่งที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายของพวกเราอยู่เสมอ ถ้าหากทุกสิ่งเป็นไปตามการคำนวน นั่นจะเป็นเวทมนตร์หรือคณิตศาสตร์กันล่ะ?”
เวทมนตร์
จอมเวทย์มหาศาลคิดว่ารู้จักเวทมนตร์ดี แต่พวกเขาก็อยู่ในจุดที่ ‘รู้เกี่ยวกับเวทมนตร์’ เท่านั้น
เพราะเจ้าของของเวทมนตร์นั้นคือมังกร ไม่ใช่มนุษย์
และมนุษย์ที่ยืมเวทมนตร์นี้มาก็ยังมีส่วนที่พวกเขาไม่รู้อะไรเลย
บางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลว่าบางครั้ง เวทมนตร์จะสร้างสิ่งที่ทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือนได้ และจอมเวทย์นั้นคือคนที่เกิดมาและเปลี่ยนโลกได้
เช่นเดียวกัน เวทมนตร์ของจอมเวทย์แต่ละคนก็มีความพิเศษที่ไม่เหมือนใคร
นั่นคือสิ่งที่เรียกว่าเวทมนตร์
ต่อให้เราไม่สนใจเรื่องอื่น ผู้อำนวยการโรงเรียนไทเรียนเองก็ให้การเรียนรู้ไร้สิ้นสุดและการค้นคว้าเรื่องเวทมนตร์เหนือสิ่งอื่นใด
ไทเรียนกล่าวขึ้นมา
“สิ่งที่อาจารย์ไฮเดลพูดนั้นถูกต้อง เวทมนตร์เป็นสิ่งที่น่าหลงใหลอยู่เสมอ ไม่ใช่เรื่องธรรมดาหรอกหรือที่จอมเวทย์แต่ละคนจะมีความพิเศษที่คนอื่นไม่มี?”
เวทมนตร์ที่รูนแสดงให้เห็นนั้นคือสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่การจะไปสอบสวนเขานั้นก็เป็นเรื่องที่ขัดกับธรรมชาติของเวทมนตร์
บางครั้ง มันก็เป็นการถูกต้องที่จะปล่อยมันไปและไหลไปตามน้ำ
ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ไทเรียนกำลังมีวันที่ดีมาก
“วันนี้เป็นวันที่ได้เห็นนักเรียนคนหนึ่งแสดงปาฏิหาริย์ให้ได้เห็น ปาฏิหาริย์ทางเวทมนตร์ที่สมบูรณ์แบบ แต่ดูเหมือนว่าจะมีเหล่าอาจารย์ที่ไม่คิดแบบนั้น”
ความภาคภูมิใจแห่งอาณาจักรเรเดียน
อัครจอมเวทย์ชั้น 7 ผู้ที่เป็นผู้อำนวยการโรงเรียน ไทเรียน อิกนิท
คำถามของเขามีความหมายนี้อยู่
‘ถ้ากล้าก็พูดออกมาสิ’
เหล่าอาจารย์ที่รู้เรื่องนี้ต่างค่อย ๆ พูดขึ้นมา
“ผู้อำนวยการพูดถูกแล้ว นี่เป็นปาฏิหาริย์ ปาฏิหาริย์ของเวทมนตร์ยังไงล่ะ”
“จริงด้วย รู้สึกปลื้มใจจริง ๆ ที่เขาก้าวข้ามความผิดปกติของตัวเองจนมาเป็นแบบนี้ได้”
“ใช่ไหม?”
สายตาของไทเรียนหันไปมองอาจารย์เอลริค
“...อ๊ะ ครับ”
เขาทำได้แค่หุบปากด้วยความอับอาย
ดังนั้น มันจึงตัดสินแล้ว
พวกเขารู้ว่าไทเรียนชอบคนแบบรูนที่ฝึกฝนอย่างขยันขันแข็งและกระหายอยู่ตลอด แต่ไม่คิดว่าจะชอบถึงขั้นนี้
การตัดสินใจของเขาแน่วแน่แล้ว เอลริคเองก็ปฏิเสธไม่ได้อีกต่อไป
ไม่ใช่แค่ในโรงเรียน ถ้าวัดจากทั้งโลกเวทมนตร์ ไทเรียนคือคนที่จะต้องไม่เป็นศัตรูกับเขาอย่างเด็ดขาด
อาจารย์เอลริคเค้นตาหลับและพูด
“...ผู้อำนวยการพูดถูกแล้ว”
จากนั้นไทเรียนก็ตอบด้วยรอยยิ้มสดใส
“เอาล่ะ ดูเหมือนว่าอาจารย์ทุกคนจะเห็นตรงกันแล้ว ดี เราจะจบการประชุมเท่านี้”
เป็นแบบนี้แล้ว อาจารย์เอลริคก็ได้แต่กลืนความคิดเข้าไปในใจ
‘อันตราย’
แบบนี้อันตรายแน่
สำหรับการที่มีเด็กที่โผล่มาจากไหนไม่รู้และคุกคามตำแหน่งนักเรียนดีเด่นของลูกหลานตระกูลเกลฮิลแบบนี้