ตอนที่ 1
อารัมภบท
มีตำนานที่น่าสะพรึงกลัวอยู่ในโรงเรียน
“รู้ไหม ถ้านายไม่ฝึกให้มากกว่านี้นายจะลงเอยเหมือนกับ ‘รูน อาเดล’ น่ะ”
“นี่นาย รุ่นพี่จะได้ยินเอานะ”
“ใครจะไปสนล่ะ? มันเรื่องจริงนี่นา”
.
.
‘รูน อาเดล’
.
.
ชื่อที่เป็นคำที่บ่งบอกถึงจอมเวทย์ผู้ล้มเหลว
ตัวอย่างของความ ‘ล้มเหลว’
พวกรุ่นร้องหน้าใหม่ใช้ชื่อนี้ลับหลังผมเพื่อกระตุ้นให้คนอื่นตั้งใจเรียน
ชื่อเฮงซวยของผมนั่นแหละ
พอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นผมก็วางมือแตะบ่าของพวกเขาและยิ้มอย่างจริงใจพร้อมกับพูด
“เขาพูดถูกนะรู้ไหม ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปจะเป็นเหมือนชั้นเอานะ”
“ระ-รุ่นพี่!”
“ผะ-ผมขอโทษ”
.
.
มันเป็นเรื่องราวของ ‘คนนอกรีตของโรงเรียน’
และตอนนี้ผมก็มักจะเป็นตัวอย่างของ ‘จอมเวทย์ผู้ล้มเหลว’
“ระ-รุ่นพี่”
“มีอะไรเหรอ?”
“ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม?”
“อะไรล่ะ?”
“ตอนที่รุ่นพี่เข้ามาในโรงเรียนทีแรก รุ่นพี่เป็นคนที่เก่งที่สุดจริง ๆ เหรอ?”
.
.
.
มีบางคนคู่ควรพอที่จะเข้ามาในโรงเรียนในฐานะคนที่เก่งที่สุด
ทีแรก ผมเป็นคนที่มีพรสวรรค์กว่าใคร
ทีแรก ผมเป็นจอมเวทย์ที่มีอนาคตยิ่งใหญ่ที่สุด
ผมเป็นคนที่ฉลาดพอที่จะจดจำทฤษฎีเวทมนตร์ได้เกือบหมด
ในตอนที่นึกย้อนถึงอดีตที่รุ่งโรจน์ ผมพูดว่า
“ใช่ ชั้นเคยเป็นคนที่เก่งที่สุด”
.
.
.
ผู้คนมากมายต่างรู้ความรู้สึกของการย้อนนึกไปถึงอดีตที่ดีกว่า
รวมถึงผมด้วย เพราะผมเคยเป็นคนที่ดีกว่านี้
การได้เข้าโรงเรียนตั้งแต่อายุ 10 ขวบนั้นทำให้ผู้คนรอบตัวต่างยกย่องชื่อ ‘รูน อาเดล’ ว่าเป็น ‘จอมเวทย์อัจฉริยะ’
ลูกชายของขุนนางบ้านนอกที่ไม่มีใครจำชื่อได้
มังกรน้อยได้กำเนิดขึ้นในดินแดนรกร้างนามว่าดินแดนอาเดล ซึ่งมิอาจผลิตจอมเวทย์ได้แม้แต่คนเดียว ไม่ต้องพูดถึงจอมเวทย์ที่ดีพอจะมีอำนาจ
ใช่แล้ว
มังกรตัวนั้นเกิดมาจากควมว่างเปล่า
ที่อายุ 6 ขวบ ผมรู้สึกถึงมานาเป็นครั้งแรก
ที่อายุ 7 ขวบ ผมก่อร่างมานานั้นออกมาได้สำเร็จ
ที่อายุ 9 ขวบ ผมเริ่มร่ายเวทย์หนึ่งวงแหวนได้อย่างง่ายดาย
ในวันเกิดปีที่ 10 ผมได้เข้าสู่ ‘โรงเรียนเวทมนตร์อิกนิท’ และเป็นคนที่เก่งที่สุดในห้อง เอาชนะเด็กจากตระกูลที่ทรงเกียรติได้อย่างมากมาย
เก่งกาจที่สุด
ผมยืนอยู่หน้าโพเดียมในฐานะตัวแทนนักเรียน สายตามากมายจ้องมองด้วยความอิจฉา
แต่ถึงอย่างนั้น…
.
.
.
“ว้าว นายนี่เซ่อซ่าชะมัด ไม่รู้ว่าเขาเป็น ‘แบบนั้น’ น่ะ?”
“อะไรนะ?”
ในคืนหนึ่งของฤดูร้อน เกียรติยศของการเป็นคนที่ยอดเยี่ยมที่สุดก็เลือนหายไปราวกับความฝัน
ระดับของผมในตอนนี้ไม่ใช่ดีที่สุดแล้ว ไม่ใช่ที่สองรองจากที่หนึ่งด้วย
“เขาเป็นภาวะไร้ความสามารถปลุกเวทย์”
“ไร้ความสามารถปลุกเวทย์เรอะ?”
เลวร้ายที่สุด
คำสาปที่เหล่าจอมเวทย์ต่างหวาดกลัวเกินกว่าจะพูดออกมา
ผมรับรู้ถึงมานาและก่อมานาขึ้นมาได้
แต่ก็เพียงเท่านั้น
เวทมนต์ของผมลอยขึ้นมารอบฝ่ามือเท่านั้น
มันเคลื่อนไหวออกไปไกลจากร่างกายเกินหนึ่งเมตรไม่ได้
เป็นเพราะผมขายความสามารถติดตัวในการปล่อยเวทมนตร์
ในด้านของการแพทย์ มันเรียกว่า ‘ภาวะไร้ความสามารถปล่อยมานา’
.
.
“อืม ก็เท่านั้นล่ะนะ อาเดลรึ? มันแปลกที่เขาเคยเป็นคนที่เก่งที่สุดทั้ง ๆ ที่มาจากตระกูลอะไรก็ไม่รู้น่ะ”
“ใช่ เจ้ารูนนั่น คิดว่าเป็นใครกันถึงจะเป็น ‘จอมเวทย์อัจฉริยะ’ ? ตระกูลที่ไม่มีสายเลือดที่มีเกียรติก็ต้องลงเอยแบบนั้นแหละ”
การตกอับของ ‘จอมเวทย์อัจฉริยะ’ สู่ ‘จอมเวทย์พิการ’ ไม่ได้ใช้เวลานานเลย
ลูกชายขุนนางบ้านนอกที่ได้รับขนานนามว่า ‘ยอดเยี่ยมที่สุด’ ได้หายไป
จอมเวทย์ที่ปล่อยเวทมนตร์ออกมาไม่ได้ เมื่อเจอกับความจริงอันโหดร้าย คิดว่าจะเกิดอะไรกับเด็กต้องสาปนั่นล่ะ?
เขายอมแพ้หรือ?
เขาหนีไปหรือ?
ไม่
.
.
“ทำไมนายถึงมาเข้าเรียนอีกเนี่ย?”
“เขาอาจจะยอมรับความล้มเหลวไม่ได้ก็ได้”
“ต่อให้เป็น ‘เจ้านั่น’ ก็ดื้อได้ขนาดนั้นเลยแฮะ”
ผมไม่ยอมแพ้
ผ่านมาแล้ว 6 ปีตั้งแต่ที่ผมติดอยู่ในถ้ำอันมืดมิดแห่งความสิ้นหวัง
แม้ว่าพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์จะติดอยู่กับที่ตั้งแต่ที่ผมาอยุ 10 ปี ผมก็ยังคงเข้าเรียนที่โรงเรียนอย่างเดิม
.
.
หนึ่งในรุ่นน้องที่ฟังเรื่องเล่าของผมเงียบ ๆ ถามขึ้นมา
“ทำไมกันล่ะ?”
“หา?”
“ทำไมรุ่นพี่ถึงยังมาที่โรงเรียนอีก? ภาวะไม่สามารถปลุกเวทย์ มันเป็นปัญหาติดตัวที่แก้ไม่ได้ด้วยความพยายามอย่างเดียว ตัวรุ่นพี่เองก็น่าจะรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์นะ ทำไมถึงยังมาโรงเรียนอีกล่ะ?”
นักเรียนที่สงสัยนั้นดูจะจริงจังกับคำถามนี้มาก
อืม ทำไมเขาจะไม่จริงจังกัน?
.
.
ตำนานแห่งโรงเรียน! (ไม่ใช่ในความหมายที่ดี) นักเรียนล้มเหลวที่ไม่ยอมตาย รูน อาเดล! ทำไมรุ่นพี่เวรนี่ที่ไม่ได้เป็นแม้กระทั่งจอมเวทย์ถึงยังอยู่ในโรงเรียนกันล่ะ!
.
มันเข้าใจได้ถึงเหตุผลที่เขาถามว่าทำไมผมถึงยังใช้ชีวิตแบบนี้อยู่โดยที่ต้องจ่ายค่าเทอมแสนแพง
ผมมองรุ่นน้องตรง ๆ และพูด
“นายแค่สงสัยจนหงุดหงิดใช่ไหม? ว่าทำไมชั้นถึงยังไม่ออกไปจากโรงเรียนน่ะ”
นักเรียนพยักหน้าราวกับรอฟังคำตอบของเขาในทันที
“ใช่ครับ!”
“ถ้านายมั่นใจ ถ้าชั้นบอกแล้ว สัญญาได้ไหมว่าจะไม่มาพูดลับหลังชั้นแบบนี้อีก?”
“ได้สิ! ผมจะอัดพวกที่กล้าพูดเรื่องร้าย ๆ กับรุ่นพี่ให้หงายไปเลย!”
“งั้นเหรอ? ชั้นเชื่อนายได้ใช่ไหม?”
“รุ่นพี่เชื่อผมได้เลย”
“งั้นชั้นจะบอกนาย เหตุผลที่ชั้นยังไม่ออกจากโรงเรียนแล้วยังเข้าเรียนต่อมาอีก 6 ปีก็คือ…”
“...คือ…?”
ขณะที่พวกรุ่นน้องกำลังรอฟังคำตอบอย่างเคร่งเครียดนั้นเอง ผมก็สำลักเพราะเสียงหัวเราะและฉีกยิ้มให้กับพวกเขา
“...เพราะว่าอาหารในโรงอาหารมันดีเกินไปน่ะสิ”
“...ว่าไงนะ?”
“ชั้นพูดจริงนะ รู้จักซุปไก่ที่เสิร์ฟวันศุกร์ตอนเช้าไหม? มันคือของที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโรงเรียนนี้เลย ซุปจากร้านอาหารอื่นเหมือนกับน้ำเปล่าไปแล้วเพราะชั้นคุ้นเคยกับซุปที่งดงามของโรงเรียนนี้…”
“หา? นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?!”
“ฮ่าฮ่า”
ผมกลั้นเสียงหัวเราะไว้ไม่อยู่หลังจากเห็นพวกรุ่นน้องบ่น
และก็ตามเคย พูดคุยกับผู้คนนั้นเป็นเรื่องดี
“ล้อเล่นน่ะ ชั้นล้อเล่น”
“มันก็ต้องล้อเล่นแหงอยู่แล้ว!”
พวกรุ่นน้องต่างไม่พอใจ ผมเลยตบบ่าพวกเขา
“นายถามมาแล้วใช่ไหม? ทำไมชั้นถึงไม่ยอมแพ้ทั้ง ๆ ที่มันสิ้นหวัง”
“เอ๋? อ๊ะ ใช่ครับ”
“ชั้นจะตอบคำถามนาย ก่อนหน้านั้น ชั้นจะให้คำแนะนำในฐานะรุ่นพี่ซักหน่อย”
ผมหัวเราะอย่างขมขื่นเมื่อกล่าวไปว่า ‘รุ่นพี่’
แต่ผมก็บอกคำแนะนำไปด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
“อย่ายอมแพ้นะ”
เพียงเท่านี้
“ถ้านายทำแบบนี้ ไม่ว่าอะไรที่นายคิดว่าเป็นไปไม่ได้ก็จะเป็นไปได้ ปาฏิหาริย์จะมาถึงคนที่อดทนจนถึงที่สุดเท่านั้น”
ห้ามยอมแพ้เด็ดขาด
ต่อให้ติดอยู่ในความมืดมิด ความดำสนิทที่ไร้ซึ่งเสี้ยวแสงใด ในตอนนั้นจะได้เจอกับหนทางแห่งอิสรภาพ
มันเป็นเรื่องที่ผมรู้
ผมได้พบเจอกับเรื่องนี้ด้วยตัวเอง แม้แต่จะมีโทษประหารสำหรับจอมเวทย์ที่เรียกว่า ‘ภาวะไร้ความสามารถปล่อยมานา’
นี่เป็นวิธีการ…
ที่ผมได้เห็นกับ ‘ปาฏิหาริย์’ นั้น