บทที่ 80: เจ้าจงใจแตะต้องข้า
เมื่อหูเจียวเจียวเห็นว่าหลงโม่ไม่พูดอะไร เธอก็รู้สึกผิดขึ้นมาในใจ
แย่แล้ว ๆ จอมวายร้ายคงโกรธฉันแล้วสินะ…
หญิงสาวร่างเล็กก้มหน้าลงพลางแอบรู้สึกโกรธตัวเองที่ทำอะไรไม่ระวังให้ดี เธอนี่โง่เหลือเกิน ทั้งที่อยากช่วยชายหนุ่มแท้ ๆ แต่เธอกลับทำให้เขาโกรธไปเสียนี่ ถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไป เมื่อไหร่เธอจะสามารถสะสางปัญหาได้กัน!
"เจ้าจงใจแตะต้องข้า" เสียงทุ้มต่ำฟังดูเซ็กซี่ดังขึ้นแผ่วเบาจากเหนือหัวจิ้งจอกสาว
ฝ่ายที่ได้ยินตกตะลึงและรู้ทันทีว่าหลงโม่กำลังพูดอยู่
"หา อะไรนะ?"
เธอรู้สึกสับสนเล็กน้อย เขากำลังพูดถึงอะไร?
ในเวลานี้ท่าทางของหลงโม่ก็เหมือนกับหูเจียวเจียว ทั้งคู่ต่างก็จับจ้องไปที่ฝ่าเท้าของตัวเองโดยที่ไม่มีใครกล้าสบตากันและกัน
ไม่นานเขาก็พูดซ้ำด้วยใบหน้าที่เย็นชา "ข้าบอกว่าเจ้าจงใจแตะต้องข้า"
พอสิ้นเสียงของชายร่างสูง มันก็ทำให้หญิงสาวรู้สึกฮึดขึ้นมา ดังนั้นเธอจึงรีบกล่าวเสริมไปว่า
"นั่นคือสิ่งที่คู่รักทำกัน"
ตอนนี้หูเจียวเจียวรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนโง่เขลา เพราะหัวของเธอว่างเปล่ามากจนคิดอะไรไม่ออก
ในไม่ช้า มุมปากสวยก็ค่อย ๆ ยกขึ้น และรอยยิ้มที่น่าพึงพอใจก็ปรากฏบนใบหน้าที่บอบบางของเธอ
กลับกลายเป็นว่า…ไม่เพียงแค่หลงโม่จะไม่โกรธเท่านั้น แต่เขาไม่ปฏิเสธสัมผัสของเธอด้วย!
บัดนี้จิ้งจอกสาวรู้สึกโล่งใจมาก!
เธอแย้มยิ้มสดใสด้วยความตื่นเต้น เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เธอก็รีบอธิบายว่า
“ข้าเห็นทุกคนไปที่นั่นก็เลยอยากจะไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ข้าไม่รู้จักผู้ชายคนนั้นมาก่อนเลยนะ และข้าก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงพูดกับข้าแบบนั้น...”
เธอจำได้ว่าเจ้าจอมวายร้ายคนนี้ทั้งขี้น้อยใจและแค้นฝังใจมากที่สุด แต่เธอไม่สามารถเปลี่ยนโชคชะตาของตัวเองได้เพียงเพราะไปซบอกผู้ชายที่แข็งแกร่งกว่าเขา
“อืม” หลงโม่ตอบเบา ๆ พลางกวาดสายตาไปทั่วดวงหน้านวลผ่องของหญิงสาว
ตอนนี้ใบหน้าสะสวยของภูตจิ้งจอกตัวเล็กแต่งแต้มไปด้วยสีแดง ซึ่งมันตัดกับผิวขาวที่เรียบเนียน ภาพนี้เฉกเช่นแสงจันทร์ที่เขาเคยเห็นผ่านรอยแยกของหินในถ้ำที่มืดมิด
จิ้งจอกสาวผู้นี้มีเสน่ห์บริสุทธิ์เหลือร้าย และมันก็อยู่ไกลเกินเอื้อม
ดวงตาสีทองฉายประกายวาบ เห็นได้ชัดว่านางเป็นผู้หญิงคนเดียวกันกับนางมารร้าย แต่นางจะเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?
คนไหนคือตัวจริงของนางกันแน่...
หลังจากที่หูเจียวเจียวซึมซับกับความสุขที่เอ่อล้นออกมา ทันใดนั้นเธอก็จำได้ว่าตนยังมีสิ่งที่ต้องทำอยู่
"ข้าจะไปหาท่านผู้เฒ่า เจ้าจะไปกับข้าไหม?" เธอเงยหน้าถามอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง พลางชำเลืองมองใบหน้าด้านข้างที่หล่อเหลาของหลงโม่
สิ่งหนึ่งที่เธอสามารถบอกเกี่ยวกับตัวของเจ้าจอมวายร้ายคนนี้ได้เลยก็คือเขามีเสน่ห์น่าดึงดูดใจมาก
จมูกที่มีดั้งสูง ริมฝีปากหยักได้รูปน่าจูบ ประกอบกับใบหน้าเรียวยาวนี้ ในยามที่เขาทำสีหน้าเคร่งขรึม มันจะแผ่ความรู้สึกเยือกเย็นออกมา ถ้าเธอไม่รู้มาก่อน เธอคงคิดว่าเขาเป็นเทพเซียนระดับสูงที่สามารถควบคุมชีวิตความตายของคนอื่นได้ด้วยการขยับนิ้วเบา ๆ
หญิงสาวแอบคิดในใจว่าถ้าคนเขียนไม่หน้ามืดตามัวหลงอิงหยวนแล้วให้หลงโม่เป็นตัวร้าย มังกรหนุ่มคนนี้คงจะเป็นชายสูงศักดิ์ที่มีอำนาจเหมือนพวกราชวงศ์เลยทีเดียว
“หูเจียวเจียว?”
เสียงเย็นเยียบทำให้เจ้าของชื่อกลับมามีสติอีกครั้ง
เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นก็เห็นหลงโม่กำลังขมวดคิ้วมองมาทางตน เธอจึงตกใจมาก "อ่า มีอะไรหรือ?"
“ข้าจะไปหาท่านผู้เฒ่ากับเจ้า เดินนำไปสิ มัวรีรออะไรอยู่?” นัยน์ตาที่ลึกล้ำของมังกรหนุ่มเผยให้เห็นร่องรอยของความสงสัย
ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้นอกจากจะแปลกแล้วยังทึ่มอีกด้วย
นางดูมึน ๆ งง ๆ ทำตัวผิดแปลกไปจากทุกที ก่อนหน้านี้เขาได้ยินมาว่าลู่เมี่ยนเอ๋อผลักนางล้มลงจนทำให้สมองได้รับความกระทบกระเทือน เป็นไปได้ไหมว่ามีบางอย่างผิดปกติกับสมองของนางจริง ๆ?
"ไป…ไปกันเถอะ" หูเจียวเจียวพยักหน้าซ้ำ ๆ ก่อนจะยกมือปกปิดใบหน้าที่ร้อนผ่าวของตัวเอง และเดินก้มหน้างุดออกไป
เมื่อกี้ฉันเป็นอะไรน่ะ?
นี่ฉันเสียอาการเพราะเจ้าจอมวายร้ายไปกันใหญ่แล้ว!
หูเจียวเจียวตื่นเถอะ! นี่มันตัวร้ายของเรื่อง เขาจะสับแกเละเป็นโจ๊กได้ง่าย ๆ เลยนะ!
ในขณะเดียวกัน หลงโม่ก้าวเท้าเดินตามหลังหญิงสาวไปอย่างไม่เร่งรีบ
ทว่าแม่จิ้งจอกเดินจ้ำอ้าวไปอย่างรวดเร็ว จนอีกคนเดินทิ้งห่างเขาไปในเวลาเพียงไม่กี่วินาที ส่งผลให้ใบหน้าของชายหนุ่มหมองลงเล็กน้อย
ทำไมนางเดินเร็วขนาดนี้?
หรือว่า… นางกำลังโกหกเขา นางไม่ได้อยากอยู่ใกล้ ๆ เขาเลยสักนิด?
เวลาผ่านไปไม่นาน ทั้งคู่ก็มาถึงบ้านของหัวหน้าเผ่าไล่เลี่ยกัน
"หูเจียวเจียว เจ้ามาทำอะไรที่นี่?" ชายชราที่กำลังจะออกไปข้างนอกเห็นหูเจียวเจียวกับหลงโม่อยู่นอกประตูพอดี เขาจึงถามด้วยความประหลาดใจ
ผู้หญิงคนนี้…เปลี่ยนไปมากแล้วจริง ๆ นางออกมาเที่ยวกับมังกรหนุ่มด้วย
ในอดีต ไม่ว่านางจะอยู่ที่ไหนจะต้องไม่มีหลงโม่อยู่ที่นั่น และเขาก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ไปยังสถานที่ที่นางเคยไป
“ท่านผู้เฒ่า ข้ามีธุระกับท่าน” จิ้งจอกสาวยิ้มจาง ๆ พร้อมก้าวไปพูดคุยกับคนที่มีอำนาจสูงสุดในเผ่า
เมื่อชายสูงวัยเห็นรอยยิ้มของหูเจียวเจียว เขาก็จำได้ว่าอีกฝ่ายทำหน้าแบบเดียวกับตอนที่มาบอกวิธีปลูกผลไม้ดิน เขาเลยรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที
“มีเรื่องอะไรหรือ บอกข้ามาเถอะ”
"ท่านผู้เฒ่า ข้าต้องการหาหิน แต่ข้าอยากได้จำนวนมากหน่อย ข้าอยากรู้ว่าท่านเคยเห็นมันที่ไหนมาก่อนหรือไม่?" จิ้งจอกสาวอธิบายวัสดุหินที่จำเป็นต้องใช้ในการสร้างบ้านให้หัวหน้าเผ่าฟังทันที
บ้านที่ทำจากหินจะอบอุ่นในฤดูหนาวและเย็นสบายในฤดูร้อน วัสดุที่ดีที่สุดสำหรับสร้างบ้านหินคือบลูสโตน* เพราะบูลสโตนนั้นแข็งและทนต่อสภาพอากาศ บ้านที่ถูกสร้างขึ้นมาจากหินชนิดนี้จึงมีความทนทานสูง
*บลูสโตน เป็นหินปูนที่เกิดในธรรมชาติประเภทหนึ่ง มีความแข็งแรงสูง ทนต่อการขีดข่วน ทนต่อสภาพอากาศ แสงแดด และสารเคมีได้ดี
ตอนที่เธอดูสารคดีเกี่ยวกับการเอาตัวรอดในป่า เธอเห็นชายร่างใหญ่ที่อาศัยอยู่ในป่าเป็นเวลา 1 ปีสร้างบ้านพักหลังเล็ก ๆ ด้วยหิน ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นทักษะสำคัญของการอยู่คนเดียวในป่า
นอกจากนี้ยังมีหินประเภทอื่น ๆ ที่ใช้ในการก่อสร้างได้เหมือนกัน หูเจียวเจียวจึงต้องบอกท่านผู้เฒ่าอย่างละเอียด
“เจ้าต้องการหินพวกนี้ไปทำอะไร ข้าไม่เคยเห็นหินที่เจ้าพูดถึงเลย” หัวหน้าเผ่าทำหน้าสงสัย
“ข้าจะเอาพวกมันไปสร้างบ้าน” หญิงสาวตอบอย่างตรงไปตรงมา
นั่นทำให้ชายแก่ยิ่งสงสัยมากขึ้นไปอีก “สร้างบ้าน? สร้างบ้านจากไม้ไม่พอหรือไง หูเจียวเจียว ถ้าเจ้าอยากจะสร้างบ้านใหม่ ข้าจะบอกให้ผู้ชายในเผ่าไปช่วยเจ้าสร้าง ฉะนั้นเจ้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้”
จิ้งจอกสาวส่ายหัวก่อนจะอธิบายหลักการของบ้านหิน
"เราจะอาศัยอยู่ในบ้านไม้ยามฤดูหนาวไม่ได้ แต่ถ้าเป็นบ้านหิน เราจะอยู่ท่ามกลางฤดูหนาวได้ แล้วพวกเราจะไม่จำเป็นต้องเข้าไปหลบอาศัยอยู่ในถ้ำกันอีก"
เธอไม่อยากจะเก็บซ่อนความลับนี้อีกต่อไป
เนื่องจากคนในเผ่ามีมากหน้าหลายตา ถ้าเธอพึ่งพาตัวเองแล้วสร้างบ้านหินขึ้นมา พอคนอื่นรู้เข้าก็จะมาข้องแวะกับเธอ โดยที่บางคนอาจจะมาหาเรื่องจนกระทั่งสร้างปัญหาให้กับหญิงสาวหลังจากที่ตนสร้างบ้านหินเสร็จ เธอจะไม่ยอมให้อนาคตมีเรื่องยุ่งยากเกิดขึ้นแน่นอน
แต่ถ้าทุกคนในเผ่าร่วมมือกันแสวงหาผลประโยชน์ด้วยกันมันก็เป็นอีกเรื่อง
หลังจากชายผู้มีตำแหน่งสูงของเผ่าได้ยินคำพูดของหูเจียวเจียว ดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นพร้อมกับที่มีประกายแห่งความสุขกระจายไปทั่วใบหน้าสูงวัย
"ที่เจ้าพูดมาเป็นความจริงหรือ? สร้างบ้านด้วยหิน เราจะได้ไม่ต้องหลบเข้าไปอยู่ถ้ำตอนฤดูหนาว มีของดีแบบนี้ด้วยรึ!?"
เนื่องจากในถ้ำไม่สามารถจุดไฟได้ ในปีก่อน ๆ พวกเขาลองจุดไฟในถ้ำ แต่มันไม่เคยสำเร็จเลยสักครั้ง
นอกจากนี้ การกินเนื้อดิบยังเพิ่มโอกาสที่ภูตจะป่วยได้สูงมากยิ่งขึ้น
คงจะดีไม่น้อยถ้าผู้คนในเผ่าได้ใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกถ้ำในยามฤดูหนาว
“ใช่” หูเจียวเจียวพยักหน้า
"เจ้าไม่ต้องกังวล" หัวหน้าเผ่าตบไหล่จิ้งจอกสาว "ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเอง ข้าจะส่งคนไปหามันมาให้เจ้าทันที แต่ผู้ชายของเผ่ากำลังจะเดินทางไปแลกเกลือทะเล เราจึงเหลือคนไม่มากนัก"
“ถ้าข้าพบหินนั่น ข้าจะบอกเจ้าโดยเร็วที่สุด”
ชายชราไม่สงสัยในความถูกต้องและที่มาของข้อมูลนี้เลย
หลังจากที่เขาได้เห็นต้นกล้าผลไม้ดินงอกเงยขึ้นในเผ่า เขาก็ไว้วางใจหูเจียวเจียวอย่างไม่มีเงื่อนไข
ในฐานะหัวหน้าเผ่า ความปรารถนาสูงสุดของเขาคือการเฝ้าดูเผ่าแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ
"ขอบคุณท่านผู้เฒ่า"
จิ้งจอกสาวขอบคุณชายสูงวัยอย่างสุภาพ ก่อนจะกล่าวลาเพื่อเดินทางกลับบ้าน
ในตอนนั้นเองหัวหน้าเผ่ามองไปยังหลงโม่ที่ติดตามหูเจียวเจียวและโบกมือให้เขา
“หลงโม่ หูเจียวเจียวเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นแล้ว เจ้าต้องพยายามยิ่งขึ้น อย่าทำให้นางผิดหวัง” ผู้มีอำนาจสูงสุดพูดกับชายหนุ่มด้วยสีหน้าจริงจัง
คำพูดของเขาทำให้หลงโม่เผยร่องรอยของความประหลาดใจ
นอกจากลูก ๆ ที่พูดกับเขาว่าหูเจียวเจียวเปลี่ยนไปแล้ว แม้แต่หัวหน้าเผ่าก็พูดแทนนางด้วยเช่นกัน
นี่นางเอาอะไรให้พวกเขากินกันแน่ ถึงทำให้คนอื่นหลงงมงายได้ขนาดนี้?
“ข้าเข้าใจแล้ว” มังกรหนุ่มพยักหน้าด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย จากนั้นเขาก็ขยับริมฝีปากบาง “ท่านผู้เฒ่า ข้าอยากถามว่าเมื่อกี้นางบอกอะไรท่าน?”