บทที่ 54: คำเชิญของหลิวเฟิงหยาน
บทที่ 54: คำเชิญของหลิวเฟิงหยาน
หลี่เม่ยเอ๋อรู้สึกตื่นเต้นมากๆ หลังจากผ่านไปนาน ในที่สุดเธอก็สามารถแก้ไขคำสาปอันเดดที่สร้างปัญหาให้กับแม่ของเธอได้
แม้ว่าเขาจะเคลียร์ได้เพียงทีละเล็กทีละน้อยในแต่ละครึ่งเดือน แต่มันก็เป็นข่าวดีอย่างยิ่งแล้วสำหรับหลี่เม่ยเอ๋อ
ในขณะนี้ เธอก็ตอบสนองอย่างรวดเร็วและปล่อย Lu Yan ใบหน้าของเธอแดงเล็กน้อยขณะที่เธอพูดว่า “ฉันขอโทษ ลู่หยาน ฉัน… ฉันตื่นเต้นเกินไปจริงๆ”
ลู่หยานยิ้มและไม่พูดอะไร
“ในเมื่อวิธีการของฉันใช้ได้ผลกับคำสาปนี้ งั้นฉันก็จะกลับมาในอีกครึ่งเดือน” ลู่หยานมองไปที่หลี่เม่ยเอ๋อและแม็กกี้
เขาเองก็ยังต้องการร่างกายของแม็กกี้ด้วย..
อะแฮ่ม ที่เขาหมายถึงคือเขาเองก็ยังต้องการพลังคำสาปอันเดดในตัวแม็กกี้ด้วยฃ
หลี่เม่ยเอ๋อยังคงตื่นเต้นมาก “ขอบคุณมากลู่หยาน รอสักครู่นะ ฉันจะโอนเงิน 90 ล้านเหรียญพลังงานให้นายเดี๋ยวนี้แหละ”
ในขณะนี้ เนื่องจากลู่หยานสามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขของหลี่เม่ยเอ๋อในฟอรัมของสถาบันได้ ดังนั้นเธอจึงต้องให้รางวัลกับเขา
“เอ่อ นั่นไม่จำเป็น เราต่างก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน” ลู่หยานโบกมือเมื่อเห็นสิ่งนี้
ไม่ใช่ว่าเขากำลังพยายามทำตัวเท่ แต่เขาได้ทำภารกิจสำเร็จกับแม่ของ หลี่เม่ยเอ๋อแล้ว และได้รับกำไรมามากแล้ว
ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงรู้สึกค่อนข้างไม่เหมาะสมที่จะรับเงินมาเพิ่มอีก
ที่ด้านข้าง แม็กกี้กล่าวว่า “ลู่หยาน เธอต้องรับเงินนี้ไปนะ บางทีมันอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเธอ แต่มันก็สำคัญมากสำหรับป้า”
“เงิน 90 ล้านนี้เป็นสัญลักษณ์แทนคำขอบคุณของเรา โปรดรับมันไปด้วยเถอะ”
หลี่เม่ยเอ๋อพยักหน้าเหมือนลูกเจี๊ยบจิกข้าวและพูดว่า “ถูกต้อง ถูกต้อง ลู่หยาน นายแค่รับมันไปก็พอ”
“นี่…” ลู่หยานยังดูค่อนข้างลังเล
แม็กกี้ยิ้มและพูดว่า “ลู่หยาน ถ้าเธอไม่รับเงิน ป้าจะรับประกันได้ยังไงว่าเธอจะไม่ใช้กำลังเต็มที่เพื่อรักษาป้าในอนาคต? วิธีนี้จะทำให้ป้ามั่นใจได้มากขึ้น ดังนั้นแค่ยอมรับมันไปเถอะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของแม็กกี้ ลู่หยานก็ทำได้เพียงพยักหน้าและพูดว่า “ในกรณีนี้ คุณจะจ่ายผมหลังจากที่ผมทำสำเร็จแล้วก็ได้”
หลี่เม่ยเอ๋อกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แม็กกี้ก็หยุดเธอเอาไว้ก่อน
“เอาล่ะ ในเมื่อเธอพูดแบบนั้น งั้นเม่ยเอ๋อก็อยู่กับลู่หยานไปด้วยกันสักพักก่อนนะ แม่จะไปซื้อผักมาทำอาหารเพื่อขอบคุณลู่หยาน”
เมื่อพูดจบ แม็กกี้ก็เดินออกจากห้องไปในทันที
ลู่หยานเพิ่งจะเปิดปาก แต่หลี่เม่ยเอ๋อก็ได้ดึงเขาไปที่โซฟาแล้ว
ลู่หยานส่ายหัว เขาทำได้เพียงสนทนากับหลี่เม่ยเอ๋อขณะที่เขารอให้แม็กกี้กลับมา
ไม่นานนัก แม็กกี้ก็กลับมาและเตรียมอาหารจนเต็มโต๊ะ
ต้องบอกว่าฝีมือการทำอาหารของแม็กกี้นั้นดีมาก ลู่หยานสามารถกินข้าวสามชามติดต่อกันได้
แม็กกี้เองก็มีความสุขเช่นกัน เธอหยิบไวน์ผลไม้อันล้ำค่าออกมาดื่มกับ ลู่หยาน
อย่างไรก็ตาม หลังจากดื่มไวน์ไปได้สามแก้ว แม็กกี้ก็ค่อนข้างจะเมา และการเคลื่อนไหวของเธอก็ค่อนข้างแปลกไป
หลังจากดื่มไปอีกสามแก้ว แม็กกี้ก็เอนกายลงบนโต๊ะโดยตรง
หลี่เม่ยเอ๋อพูดอย่างค่อนข้างเคอะเขิน “ลู่หยาน อย่าไปสนใจแม่เลย แม่ฉันก็คออ่อนแบบนี้แหละ”
ขณะที่เธอพูด หลี่เม่ยเอ๋อก็ช่วยพาแม็กกี้ไปที่ห้องนอนเพื่อพักผ่อน
หลังกินอาหารเสร็จ ลู่หยานก็ออกไปจากบ้านของหลี่เม่ยเอ๋อ
ในอีกครึ่งเดือน เขาก็จะมาที่นี่อีกครั้งเพื่อดูดซับพลังคำสาปอันเดดในร่างกายของแม็กกี้
หลังจากกลับมาถึงที่สถาบันแล้ว ลู่หยานก็กลับไปที่หอพักเพื่อทำภารกิจของเขาในวันนี้ จากนั้นเขาก็อาบน้ำและพักผ่อนสักครู่
ในตอนเย็น ลู่หยานเดินไปรอบๆ สถาบันเพื่อทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม
ในขณะนี้ โทรศัพท์ของลู่หยานก็ดังขึ้น
เขาหยิบมันขึ้นมาและเห็นว่าเป็นหมายเลขที่ไม่รู้จัก หลังจากรับสาย เสียงที่ไม่คุ้นเคยก็ดังขึ้น
“สวัสดี นี่ใช่รุ่นน้องลู่หยานรึเปล่า? ฉันหลิวเฟิงหยานคนที่โพสต์เกี่ยวกับการจัดตั้งทีมเพื่อค้นหายาดาบนะ รุ่นน้องลู่หยาน นายสนใจที่จะมาพูดคุยกันหน่อยไหม?”
ลู่หยานเลิกคิ้วขึ้น ในเวลานั้น นอกจากการจดจำข้อมูลการติดต่อของอีกฝ่ายแล้ว เขาก็ยังส่งข้อมูลติดต่อของเขาให้กับอีกฝ่ายเป็นการส่วนตัวด้วย เขาไม่ได้คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะโทรหาเขาจริงๆ
“แน่นอน ตอนนี้ผมอยู่ที่สถาบัน รุ่นพี่เองก็อยู่ในสถาบันด้วยใช่ไหม?” ลู่หยานตอบกลับ
“ฉันอยู่ที่คาเฟ่ดวงดาวของสถาบัน นายมาหาฉันในห้องที่สามได้เลย” เสียงของหลิวเฟิงหยานดังขึ้นตอบ
ลู่หยานหยิบโทรศัพท์ออกมาและตรวจสอบตำแหน่งของคาเฟ่ก่อนที่จะรีบไป
ในไม่ช้า ลู่หยานก็มาถึงคาเฟ่และผลักประตูเปิดเข้าไป
หลังจากเคาะประตูห้องที่สาม คนข้างในก็เปิดออก และชายหนุ่มที่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้าก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าลู่หยาน
“นายคือรุ่นน้องลู่หยานใช่ไหม? ฉันคือหลิวเฟิงหยาน เข้ามาเร็ว” หลิวเฟิงหยานมองไปที่ลู่หยานและยิ้ม
ลู่หยานพยักหน้าและเดินเข้าไป
มีอีกคนอยู่ในห้อง เธอเป็นผู้หญิงตัวสูงในเสื้อโค้ทหนังสีดำสนิท เธอมีกริชคาดอยู่ที่เอวของเธอและกำลังมองดูลู่หยานอย่างตั้งใจ
คนเหล่านี้คือรุ่นพี่ปีสองและปีสาม พวกเขามีประสบการณ์ในถิ่นทุรกันดารมาแล้วหลายครั้งและมีกลิ่นอายของผู้มีประสบการณ์
หลังจากนั่งลงแล้ว หลิวเฟิงหยานก็มองไปที่ลู่หยานและถามว่า “ลู่หยาน นายรู้ไหมว่าเราต้องไปที่ถิ่นทุรกันดารเพื่อรับยาดาบกันเป็นทีม?”
พูดตามตรง หลิวเฟิงหยานก็ไม่ได้สนใจเมื่อเขาเห็นข้อความของลู่หยานเป็นครั้งแรก
เขาจะไม่พานักเรียนใหม่เข้าไปในถิ่นทุรกันดารแน่ นั่นคงจะไม่ต่างจากการนำภาระไปด้วย
อย่างไรก็ตาม หลังจากเข้าใจว่าลู่หยานอยู่ในอันดับที่สามในหมู่นักศึกษาใหม่และได้ปลุกอาชีพลับขึ้นมา หลิวเฟิงหยานก็เปลี่ยนทัศนคติของเขาในทันที
ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากเห็นการต่อสู้ระหว่างลู่หยานกับเซี่ยหยุนปิงที่ถูกโพสต์ลงบนฟอรัมในช่วงบ่ายแล้ว หลิวเฟิงหยานก็ยังเลือกที่จะติดต่อลู่หยานโดยตรง
ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของลู่หยานนี้สูงมาก นอกจากนี้ เขาก็ยังต้องการใครสักคนที่มีพลังอันเดดไปกับเขาด้วย
เดิมทีเขาต้องการจะตามหาเนโครแมนเซอร์ แต่มันก็มีเนโครแมนเซอร์น้อยมากในสถาบัน ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาทั้งหมดก็ยุ่งอยู่ ดังนั้นลู่หยาน จึงกลายเป็นผู้สมัครที่ดีที่สุด
ลู่หยานพยักหน้า “ผมเข้าใจถึงอันตรายในโลกแห่งความเป็นจริงดี ไม่ต้องกังวล ผมจะไม่ทำตัวเป็นภาระให้กับพวกคุณ”
ถ้าเขาต้องการจะไปที่ถิ่นทุรกันดาร เขาก็จะค้องซื้อสิ่งของช่วยชีวิตที่อย่างน้อยก็สามารถรับประกันความปลอดภัยของเขาได้
หลิวเฟิงหยานยิ้มและพูดว่า “แบบนั้นแหละดี หากเราพบกับอันตรายในถิ่นทุรกันดาร เราก็จะต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ในขณะเดียวกัน มันก็จะสามารถรับประกันความปลอดภัยของเราได้ ถึงอย่างนั้น ในสถานการณ์ที่เราไม่สามารถดูแลผู้อื่นได้จริงๆ เราก็ยังคงต้องให้ความสำคัญกับการปกป้องตัวเอง”
เรื่องนี้ต้องมีการพูดคุยกันล่วงหน้า นอกจากนี้ ลู่หยานก็ยังต้องรับรองเรื่องนี้ที่สำนักงานคุมกฎของสถาบัน มิฉะนั้นหากเกิดอะไรขึ้น เขาก็จะต้องรับผิดชอบมัน
หลิวเฟิงหยานกล่าวว่า “เอาล่ะ หากเราให้ผลกำไรแก่นายเพียง 10% หลังจากที่ขายยาดาบเสร็จแล้ว นายจะคัดค้านไหม?”
ลู่หยานส่ายหัว “ผมไม่ต้องการ 10% ของกำไร ถ้าเราได้รับยาดาบมาจริงๆ ผมก็หวังที่จะซื้อยาดาบเม็ดนี้”
“ไม่ต้องห่วง ผมจะซื้อให้สูงกว่าราคาตลาด 20% นอกจากนี้ ผมก็ยังสามารถซื้อมันด้วยเครดิตได้”