ตอนที่ 44
อเล็กซ์และเมสันที่ตอนนี้ก็ยังคงปลอมตัวเป็นชายวัยกลางคนหลังค่อม เขายังคงอ่อนแอและไม่อยากเป็นจุดสนใจ ดังนั้นอเล็กซ์ก็แนะนำให้ปลอมตัวต่อไปก่อน
พวกเขากำลังยืนอยู่หน้าพื้นที่รกร้างแห่งหนึ่ง ที่บริเวณนี้อยู่ตรงมุมแยกถนนของเขตการค้า
แม้จะอยู่ในเขตการค้า แต่ทำเลเรียกได้ว่าห่างไกลจากจุดศูนย์กลางเป็นอย่างยิ่ง
แต่อเล็กซ์ก็ไม่ซีเรียส เขาไม่มีเส้นสายหรือตำแหน่งเบื้องหลัง การได้รับที่ดินในเขตการค้าก็ถือว่ายอดเยี่ยมแล้ว
ที่บริเวณนี้มีมูลค่าเกือบ 1,000 เหรียญทอง แถมมีเงินอย่างเดียวก็ไม่ใช่ว่าจะซื้อได้ มันจึงมีค่าอย่างมาก เกินมูลค่าของที่ดิน
" ข้าอยากให้เจ้าเป็นผู้ช่วยประสานงาน สร้างร้านอาหารแห่งนี้ หาช่างก่อสร้างที่มีชื่อเสียง หาพ่อครัว และเจ้าจะเป็นผู้บริหารที่นี้ เอานี้เงิน "
นอกจากรางวัลจากเจ้าเมืองเป็นที่ดินแล้ว อเล็กซ์ก็ได้เงินจากสมาคมนักตกปลาอีก 500 เหรียญทอง
เขาจึงยกเงินจำนวน 300 เหรียญทองให้เมสันไปจัดการธุระนี้ให้หน่อย
เมสันนั้นมีคลาสเป็นนักสืบ เขาเชี่ยวชาญเรื่องข้อมูลอยู่แล้ว แถมมีความสามารถในการมองคนออก จัดการวิเคราะห์เองได้เสร็จาสรรพ
การได้คลาสนักสืบนี้มาช่วยงานจัดการ ถือว่าช่วยอเล็กซ์ได้เยอะมากเลยทีเดียว
" ได้เลย ข้าจะจัดการให้ นายน้อย "
อเล็กซ์พอที่จะอธิบายเรื่องการหาเงินแล้ว เมสันจึงรับหน้าที่นี้มาและตั้งใจทำอย่างดี
พวกเขามีพันธสัญญาที่ทำให้เชื่อใจกันเป็นอย่างดี การทำงานร่วมกันจึงเป็นไปอย่างราบรื่น
สำหรับเป้าหมายที่แท้จริงของอเล็กซ์ เขาวางแผนที่จะกลายเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ถึงอย่างนั้นก็มีอีกเป้าหมายหนึ่งที่ยิ่งใหญ่เช่นกัน
เขาต้องการเป็นผู้ที่มีอิสระทางการเงินท่ีสุดในโลกใบนี้ ไม่ได้หมายถึงต้องร่ำรวยและใช้อำนาจของเงิน เขาเพียงอยากที่จะมีมันเสริมควบคู่กับพลังที่มี นั้นจึงจะสมบูรณ์แบบ
แต่การเป็นตัวตนที่มีอิสระทางการเงินที่สุดในโลกแฟนตาซีแห่งนี้ มันต้องมากซักแค่ไหน ? อย่างน้อยมันต้องเหนือกว่ามหาอำนาจสูงสุดทั้ง 4 ของมนุษยชาติ นั่นคือเป้าหมายของเขา
แต่เป้าหมายใหญ่ๆ ก็ต้องเริ่มจากก้าวเล็กๆ การเปิดร้านอาหารที่มีเนื้อปลาเป็นหลัก จะมอบความได้เปรียบให้เขามหาศาล
นอกจากเดินทางกับสำนักงานเมืองเรื่องที่ดินและใบประกอบร้านอาหารา อเล็กซ์ก็ปล่อยให้ เมสันไปจัดการงานต่างๆ
ส่วนเรื่องที่จะจัดการกับพวกกองกำลังใต้ดิน พวกเขาทั้งคู่คุยกันแล้ว มันยังไม่ถึงเวลา
แต่ด้วยความสามารถ นักสู้ผู้ผดุงธรรม มันก็ต้องทำให้เขาไปจัดการพวกมันอยู่แล้ว
เพื่อที่จะใช้ประโยชน์จากความสามารถนี้ให้มากที่สุด
อเล็กซ์ก็วางแผนที่จะไปฝึกฝนตัวเองต่อ เขาจึงเดินทางไปยังเขตของพวกนักเวทย์
แต่แล้วเขาก็พบกองกำลังทหารที่กำลังเดินกันอย่างเคร่งเครียด และพวกเขาเดินสวนอเล็กซ์พอดี พวกเขาจึงทักทายกัน
" ท่านหัวหน้าทหาร อลัน "
อเล็กซ์ตั้งท่ามือนาบอกและโค้งคำนับเล็กน้อย นี้เป็นทำเนียบปฏิบัติของคนที่รู้จักกัน
หัวหน้าทหาร อลันเห็นอเล็กซ์จึงจดจำได้ทันที แถมเมื่อเร็วๆนี้เขาก็ได้ยินข่าวว่าอเล็กซ์สร้างผลงานให้กับเมือง เขาจึงตอบกลับไปด้วยความเคารพอีกฝ่ายเช่นกัน
" ท่านปรมาจารย์ อเล็กซ์ "
" เกิดสิ่งใดหรือขอรับ ท่านดูเคร่งเครียดเชียว "
อเล็กซ์ไม่ได้แปลกใจกับคำเรียก เขาเป็นสมาชิกคนสำคัญของสมาคมนักตกปลาแล้ว แถมสร้างผลงานให้กับเมือง พวกทหารจะเรียกเขาเป็นปรมาจารย์ก็ไม่แปลก
มันถือเป็นคำเรียกที่ให้เกียรติกันในระดับสูง
แถมอเล็กซ์ยังคงเยาว์วัย ในอนาคตอาจจะเป็นใหญ่เป็นโต พวกเขาจะผูกมิตรกันก็ไม่เสียหาย
" คือพอดีช่วงนี้ มีเหตุคนหายจากเมืองไปบ่อยๆหน่ะสิ ทหารในเมืองส่วนใหญ่จึงต้องออกตรวจตราเข้มงวดขึ้น "
" คนหาย ? แถมยังเป็นในเมืองด้วย ? "
อเล็กซ์ประหลาดใจมาก แถมเขายังได้กลิ่นที่ไม่ธรรมดา
ใครกัน ? มันกล้าลงมือในเมืองที่เต็มไปด้วยทหารจำนวนมหาศาล แถมดูเหมือนพวกเขาจะยังจับตัวคนร้ายไม่ได้ด้วย
" ใช่ คนหายไปส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงช่วงวัยรุ่น แถมในจำนวนนั้นมีลูกสาวของขุนนางคนหนึ่งในเมืองด้วย พวกเราจึงต้องตามหากันอย่างสุดความสามารถ "
อเล็กซ์พอเข้าใจแล้ว แม้เรื่องความมั่นคงจะสำคัญ แต่เมื่อเรื่องเกี่ยวพันธ์กับพวกขุนนาง พวกทหารก็ต้องรับหน้าที่ออกสืบสวนเป็นพวกแรก
' เดี๋ยวนะ ? ที่หายไปมีแต่วัยรุ่นผู้หญิง ? ถ้าไม่ใช่พวกโจรปล้นสวาท งั้นก็มีความเป็นไปได้อีกอย่าง…. "
อเล็กซ์เริ่มนึกถึงตัวตนที่ทำให้เขาหวาดกลัว เพียงแค่เดินไปสบตาเพียงเล็กน้อย
' แม่มดดำ !! '
คลาสแม่มดดำ เป็นคลาสที่ชั่วร้าย พวกเธอมีพิธีกรรมบางอย่าง ที่จะต้องใช้พวกผู้หญิง พรหมจรรย์ เป็นเครื่องสังเวย เพื่อกระตุ้นพลังของตัวเอง
ถ้านำเรื่องทั้งสองอย่างนี้มาประกบติดกัน แม่มดดำคนนั้นก็มีความน่าสงสัยมากเลยทีเดียว
ในสมัยตอนเป็นผู้เล่น อเล็กซ์คิดว่ามันเป็นเพียงตัวละครในเกมส์ แต่ถ้าเรื่องโหดร้ายแบบนั้นเกิดขึ้นตอนนี้ มันก็ชวนหดหู่จริงๆ
" งั้นข้าขอตัวก่อนแล้วกัน "
หัวหน้าทหาร อลัน ไม่อยากเสียเวลาอีก เขาและอเล็กซ์ก็ได้แยกย้ายจากกัน โดยที่อเล็กซ์เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ
เรื่องที่จะเปิดเผยแม่มดดำคนนั้น อเล็กซ์ไม่มีความคิดในหัวเลย มันอันตรายเกินไป
เขาไม่ได้กลัวแม่มดดำคนเดียว แต่เขากลัวว่าจะมีบางสิ่งอยู่เบื้องหลังแม่มดดำคนนั้นต่างหาก
เรื่องราวในโลกนี้ ปิดบังตัวตนขั้นสามไม่ได้มากนักหรอก หากพวกเขารู้ว่าอเล็กซ์เปิดเผยข้อมูลของพวกเขา ตัวเขาเองก็อาจจะซวยได้
อเล็กซ์ไม่ได้กลัว แต่เขาในเวลานี้ยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับตัวตนพวกนั้น ความสามารถต้านทานจิตก็ไม่มี
อเล็กซ์จึงเดินเข้าเขตสภาเวทมนต์ พร้อมนำผ้าคลุมมาสวมหัวไว้ และเดินเข้าไปยังหอคอยฝึกพลังมานา เพื่อพัฒนาพลังตัวเองต่อไป….
….
ในยามเย็นในวันเดียวกัน
อเล็กซ์และเมสันอยู่ในสวนของโรงแรมขนาดใหญ่ ซึ่งอเล็กซ์ลงทุนเช่าที่บริเวณนี้เอาไว้
เพราะเขาต้องการพื้นที่ส่วนตัว เอาไว้ฝึกฝนตัวเอง และฝึกฝน เมสัน ในเรื่องคลาสที่สัญญาเอาไว้
" แฮ๊กๆ "
" นายยังคงวิ่งด้วยท่าไม่ถูกต้อง ยกเข่าขึ้นกว่านี้ และพยายามอย่ายกขามากนัก ต้องให้พื้นดูดเท้าเราเข้าหา ถึงจะออกแรงส่งพลังได้ดีขึ้น "
อเล็กซ์กำลังสอนเมสันถึงหลักการในการวิ่งที่ถูกต้อง
คลาส นักวิ่ง ไม่จำเป็นต้องวิ่งระยะทางไกล เพื่อกระตุ้นคลาส
แต่สามารถใช้ระยะทางเพียง 100 เมตร ก็สามารถกระตุ้นขึ้นมาได้แล้ว
แต่ปัญหาไม่ใช่ค่าสถานะร่างกาย แต่มันเป็นการวัดว่า ในระยะ 100 เมตร ด้วยร่างกายปัจจุบัน
สามารถวิ่งได้ด้วยความเร็วเต็มประสิทธิภาพไหมมากกว่า นั้นก็คือหลักการของคลาส นักวิ่ง
อเล็กซ์จึงต้องลงทุนสอนอีกฝ่ายถึงหลักการ และท่าทางที่ผิดฟอร์มระหว่างวิ่ง ที่อาจจะทำให้ความเร็วลดลง
แม้เมสันจะเหนื่อยสายตัวแทบขาด แต่ในความจริงแล้ว ตัวเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ
อเล็กซ์เคยอธิบายถึงคลาส นักวิ่ง ให้ฟังแล้ว และเขาก็รู้สึกสนใจในคลาสนี้อย่างยิ่ง
ไม่จำเป็นต้องต่อสู้ ก็จะสามารถพัฒนาตัวเองขึ้นมาได้ นี้ต่างหากสิ่งที่เขาหวังถึง
แต่การกระตุ้นคลาสในวันเดียวก็คงเป็นไปไม่ได้ ในวันนี้พวกเขาจึงต้องมาฝึกในหลักการที่ถูกต้องก่อน
เพราะถ้าท่าทางถูกต้อง ความเร็วก็จะเพิ่มขึ้น และโอกาสกระตุ้นคลาสก็จะเพิ่มมากขึ้น
" เอาหล่ะ เจ้าทำได้ดีมาก ขอให้รักษาความตั้งใจนี้เอาไว้ "
" ขอบคุณนายน้อย "
" ฮ่าๆ ในเวลานี้ ตัวเจ้าได้พบกับศัตรูตลอดกาลของเจ้าแล้วนะ "
เมสันที่ได้ฟังก็ทำหน้างุนงงไม่เข้าใจ จะหมายถึงตัวอเล็กซ์หรอ ที่เป็นศัตรู เขาไม่เข้าใจเลย อเล็กซ์จึงได้อธิบายเพิ่ม
" ฮ่าๆ สำหรับศัตรูของนักวิ่ง มันก็คือตัวเจ้าเองในอดีต เจ้าจงท้าทายตัวเอง ด้วยการทำลายสถิติตัวเองในอดีตไปเรื่อยๆ และเจ้าจะพบการพัฒนาที่ไร้สิ้นสุด "
อเล็กซ์อธิบายหลักการ และหยิบนาฬิกาทรายที่ใช้เงินซื้อออกมาโชว์ พร้อมบอกว่า ให้เมสันวิ่งระยะ 100 เมตร ให้ได้ก่อนที่นาฬิกาทรายจะหมดเป็นเป้าหมายแรก
ในอนาคตก็ลดปริมาณทรายลงเรื่อยๆ การพัฒนาคลาส นักวิ่ง ก็ไม่ยากแล้ว
มันขึ้นอยู่กับความพยายามเป็นสำคัญ ถ้ากระตุ้นตัวเองได้ไม่มากพอ ทุกอย่างก็จบ
" ในอนาคตเมื่อเราต่อสู้กับพวกเจ้ากระทิง ความสามารถของเจ้าก็อาจจะมีประโยชน์ "
" ข้าเข้าใจแล้ว "
เมื่อถูกกล่าวถึงศัตรูแค้น เมสันก็เริ่มถูกกระตุ้น ให้เกิดมีแรงฮึดขึ้นมาพยายามมากกว่าเดิม
ความสามารถของเมสันเป็นสายสืบข้อมูล ถ้าเสริมด้วยความเร็วของคลาส นักวิ่ง เขาจะเหมือนเสือติดปีก
…..
ผ่านไป 5 วัน
อาคารร้านอาหารของอเล็กซ์ในที่สุดก็เสร็จสิ้น แต่จากทั้งหมด
อเล็กซ์ก็ไม่ต้องทำสิ่งใดเลย ในเมื่อเขาใช้พันธสัญญาจ้างเมสันแล้ว เขาจึงใช้อีกฝ่ายให้เต็มที่
แต่อเล็กซ์ก็ได้ผันตัวไปเป็นพนักงานส่งปลาแบบเต็มรูปแบบ เพราะร้านอาหารก็ต้องการอาหารสดอยู่ตลอด
แถมอเล็กซ์ก็รู้สิ่งหนึ่งจากสมัยยังคงเล่นเกมอยู่ คือ วัฒนธรรมอาหารของในโลกนี้ยังพัฒนาไม่ไกล
เมื่อผู้เล่นแห่กันเข้ามา พวกเขาก็เริ่มเอาวัฒนธรรมของโลก มาเผยแพร่ที่นี้ด้วยเช่นกัน
อย่างเช่นเมนูอาหาร อเล็กซ์นำปลามาเป็นวัตถุดิบหลัก
เขาจึงจะเปิดร้านอาหาร เกี่ยวกับปลาดิบและข้าวปั้นหรือก็คือซูชิ ทำให้กลายเป็นสินค้ารูปแบบใหม่ที่ไม่มีใครในโลกนี้เคยเห็น
สิ่งที่อเล็กซ์ต้องทำก็แค่ แนะนำพวกพ่อครัวเล็กน้อย อาหารก็สามารถออกมาเป็นรูปเป็นร่างและสามารถเปิดร้านได้
ในด้านการโปรโมท อเล็กซ์ก็ใช้พวกหัวหน้าสมาคมนักตกปลา และพวกคนรู้จักช่วยแนะนำร้านอาหารแปลกใหม่นี้
ด้วยคุณภาพวัตถุดิบและความแปลกใหม่ อเล็กซ์มั่นใจว่ามันจะต้องดังแน่นอน
ส่วนในเวลานี้ อเล็กซ์ก็กลับมาฝึกอย่างหนักเช่นเคย
เขาใช้เวลาทั้งวันฝึกจักระ ออกไปจับปลา และดื่มยาล้มเหลวจากเจ้า เฟล จนมีการพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องช้าๆ
แถมอเล็กซ์เห็นว่า รองหัวหน้าสมาคม เอมิล มีความสามารถหัวเหล็ก เขาจึงนำหัวไปโหม่งกับพวกสัตว์และต้นไม้กับก้อนหินบ้าง ทำให้ได้รับความสามารถ หัวเหล็ก ( I ) ซึ่งมันจะทำให้ศรีษะของเขาคงทนขึ้น ส่วนเรื่องการพัฒนาก็ต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป
ส่วนในปัจจุบัน อเล็กซ์ก็กำลังอยู่ระหว่างเดินทางกลับเมือง เพื่อนำปลาวิเศษที่จับได้ไปส่ง
แต่จู่ๆอเล็กซ์ก็สัมผัสได้ถึงอันตราย เขาสะบัดตัวม้วนกลางอากาศ และสามารถหลบมีดบินที่รุนแรงไปได้อย่างฉิวเฉียด
' นึกว่าจะไม่มีใครมาโจมตีซะแล้ว '
อเล็กซ์เหยียบลงบนพื้นดิน และสัมผัสได้ถึงอันตรายที่ตามมาติดๆ เขาจึงหันหัวไปรับการโจมตี
มีร่างสีดำเข้าประชิดอเล็กซ์จากด้านหลังอย่างรวดเร็ว ราวกับเงาของเครื่องบินที่ผ่านระยะทางด้วยเวลาอันสั้น
อเล็กซ์ยกแขนขึ้นมากัน เพราะอีกฝ่ายแทงมีดเข้ามา แต่จู่ๆมีดก็เปลี่ยนทิศทางและหลบการป้องกันเขาไปได้อย่างกระทันหัน พร้อมเข้าโจมตีที่ช่วงอกของอเล็กซ์
แต่อเล็กซ์ก็ชักมือกลับมาทัน พร้อมพลิกตัว ทำให้หยุดการโจมตีอีกฝ่ายได้อย่างฉิวเฉียด
แต่ถัดมา อีกฝ่ายก็ออกแรงกระชากมีดอย่างแรง ทำให้มีดปาดไปเฉี่ยวแก้มอเล็กซ์จนเกิดเป็นแผลเล็กๆ
นักฆ่าเห็นว่าอเล็กซ์โดนโจมตีจนเลือดหลั่งไหล เขาก็กระโดดถอยหลัง พร้อมเลียมีดที่เปื้อนเลือดศัตรู พร้อมใบหน้าเหี้ยมเกรียม
' การโจมตีอีกฝ่ายแปลกๆ '
อเล็กซ์รู้สึกเย็นที่แก้ม พร้อมมีเลือดไหลออกมาไม่หยุด ราวกับพึ่งโดนตัดเข้าที่เส้นเลือดใหญ่
ค่าสถานะ เลือดไหลรุนแรงปรากฏขึ้น ทำให้อเล็กซ์รู้ได้ทันที ว่าศัตรูมีความสามารถในการทำให้บาดแผลเกิดเลือดไหลไม่หยุด
มนุษย์ทุกคนต้องการเลือดในการดำรงชีวิต เมื่อเลือดไหลออกไปจำนวนมาก
มันก็ทำให้พลังชีวิตลดลงอย่างรวดเร็ว ถ้าเป็นคนอื่น เมื่อได้รับบาดแผลแรกนี้ มันก็เหมือนเกมส์จบในทันที
" ฮ่าๆ ชีวิตแกเป็นของข้าแล้ว ไอหนู !!! "
อเล็กซ์ที่ได้ยินก็ขมวดคิ้ว พร้อมพิจารณาศัตรูตรงหน้า ทำให้เขานึกถึงข้อมูลที่ได้มาจากนักเวทย์เพลิงคนนั้น
' อีกฝ่ายใช้คมมีดสีแดง ผมสีน้ำตาล เป็นนักฆ่า แถมความสามารถแบบนี้ งั้นเจ้านี้ก็คือ ค้างคาวโลหิต !!! '
ชายตรงหน้าอเล็กซ์มีลักษณะเหมือน 1 ในผู้มีอิทธิพลในโลกใต้ดิน
นักฆ่าอันดับหนึ่ง ที่มีประวัติการสังหารผู้คนอย่างโหดเหี้ยม แถมยังถูกตั้งค่าหัวจากเมือง เรดโรสัน
เป็นบุคคลที่เกินคำว่า เทา ไปมากที่สุด เพราะผู้มีอิทธิพลในโลกใต้ดินล้วนแต่เป็นคน เทาๆ
แต่เพราะ ค้างคาวโลหิต ได้รับคุ้มครองจากพวกนอกกฏหมาย ทำให้เขาสามารถมีชีวิตรอดมาจนถึงตอนนี้
มีข่าวลือว่า เจ้านี้รับจ้างสังหารผู้คนให้กับพวกขุนนางในเมืองด้วย ในบางครั้ง ทำให้พอมีเส้นสายในเมืองบ้าง
" ฟึ้บ "
ทันใดนั้น อเล็กซ์ก็รู้สึกเย็นวาบที่หลังคอ เขาจึงหันท่อนแขนไปกันด้านหลังโดยที่ไม่หันไปมอง
แต่ท่ามกลางความว่างเปล่า อเล็กซ์ถูกของมีคมฟันเข้าที่ท่อนแขน จนฝ่าเกราะแขนโลหะเข้าไปจนเกิดบาดแผลเล็กน้อย
' ศัตรูล่องหน ? ไม่ซิ นี้มันความสามารถของคลาส นักฆ่าเงา ( Shadow Assasin ) '