(ฟรี) บทที่ 455 คำเทศนา? นิยามใหม่ของเต๋า!
หลี่หรานรู้สึกปวดหัวอย่างช่วยไม่ได้
เทศนา?
มันยากเกินไปสำหรับเขา
คงจะดีถ้าให้สอนวิธีจีบสาว แต่เรื่องของเต๋า… ขอโทษนะ เขาไม่รู้จริงๆว่ามันคืออะไร
ตัวเขาไม่มีความสนใจในการบ่มเพาะ แล้วเขาจะไปแนะนำคนอื่นได้ยังไง?
ยิ่งกว่านั้นเทคนิคการบ่มเพาะของเขายังแปลกประหลาดและครอบงำ มันอยู่ในระดับสูงสุดและแทนที่เต๋าแห่งสวรรค์ด้วยตัวเอง เขาจะชี้แนะสิ่งนี้ให้กับเหล่าศิษย์ได้อย่างไร?
หากนี่เป็นเพียงคำขอของผู้อาวุโสซุน เขาคงหันหลังกลับและจากไปแล้ว
แต่ตอนนี้มันเป็นภารกิจของระบบ...
ระบบนั้นเกียจคร้านไม่ต่างจากตัวเขา ความถี่ในการมอบหมายงานต่ำมาก และความสมเหตุสมผลของมันก็ค่อนข้างน่าสมเพช
แต่รางวัลของภารกิจนั้นน่าประทับใจมาก
เกือบทุกครั้งที่ภารกิจเสร็จสิ้น ความแข็งแกร่งของเขาจะถูกปรับปรุงในเชิงคุณภาพและแม้แต่เข้าสู่ขอบเขตใหม่
ดังนั้นเขาจึงยังลังเลที่จะเสียโอกาสเช่นนี้แม้จะไม่มีบทลงโทษ
ใครจะรู้ว่าภารกิจต่อไปจะออกมาเมื่อไหร่?
“อืมม…” หลี่หรานลูบคางและครุ่นคิด
ระบบกล่าวเพียงว่าให้เหล่าศิษย์ได้รับการหยั่งรู้ แต่ไม่ได้บอกว่าพวกเขาต้องหยั่งรู้ในระดับใด และไม่ได้สั่งว่าพวกเขาต้องทะลวงระดับ
ดังนั้นความยากนี้อาจไม่เกินจริงอย่างที่เขาคิด
‘งั้นทำไมข้าไม่ลองดูล่ะ? แม้ว่าจะมีเพียงหนึ่งหรือสองคนที่สำเร็จแต่ก็ยังมีรางวัลให้’
‘ขาแมลงวันจะเล็กแค่ไหนก็ยังเป็นเนื้อ!’
หลี่หรานตัดสินใจ
ในเวลานี้ ผู้อาวุโสซุนพูดออกมาเสียงดังว่า “บุตรศักดิ์สิทธิ์ ในเมื่อทุกคนตั้งตารออย่างมาก ทำไมเจ้าไม่ลองแบ่งปันมันดูล่ะ?”
นางกังวลว่าหลี่หรานจะปฏิเสธและยังคงพยายามเกลี้ยกล่อมว่า “จริงๆแล้วมันไม่ได้ลำบากอย่างที่คิด ตราบใดที่เจ้าแบ่งปันความเข้าใจเชิงลึกจากการบ่มเพาะของเจ้า…”
ก่อนที่ผู้อาวุโสซุนจะพูดจบประโยค หลี่หรานก็พยักหน้าอย่างเด็ดขาด “ตกลง”
“อา?”
ผู้อาวุโสซุนอดไม่ได้ที่จะผงะไปครู่หนึ่ง
ตกลงอย่างง่ายดาย?
นี่ไม่เหมือนกับบุคลิกของบุตรศักดิ์สิทธิ์
ก่อนที่นางจะทันได้ตอบสนอง หลี่หรานก็เหาะขึ้นมาบนแท่นสูงและยืนอยู่ข้างๆนาง
“ผู้อาวุโสซุนต้องการให้ข้าเทศนาอย่างไร?” เขาถามเสียงดัง
ผู้อาวุโสซุนกลับมามีสติและรีบพูดว่า “ไม่มีข้อกำหนด มันเป็นเพียงกระบวนการแบ่งปันและสื่อสารระหว่างกัน บุตรศักดิ์สิทธิ์ไม่จำเป็นต้องกังวลมากเกินไป”
นางไม่ได้ต้องการให้อีกฝ่ายชี้แนะอะไรสักอย่างจริงๆ
เต๋านั้นไม่มีตัวตน จะสัมผัสถึงง่ายๆได้อย่างไร? มันต้องใช้โอกาส ประสบการณ์ และความเข้าใจร่วมกันจึงจะมีความเป็นไปได้เล็กน้อยในการตระหนักถึงความเข้าใจแห่งเต๋า
แม้ว่านางจะเทศนาด้วยตนเอง แต่ถ้ามีหนึ่งหรือสองคนได้รับบางอย่างในแต่ละครั้งผลที่ได้ก็ถือว่าดีมากแล้ว
แม้ว่าหลี่หรานจะแข็งแกร่งมาก แต่นั่นก็แค่เปรียบเทียบกับคนในวัยเดียวกัน
ท้ายที่สุดเขาจะสามารถเข้าใจและตระหนักถึงมันได้มากแค่ไหนในเมื่อเขายังไม่ได้หลอมรวมเข้ากับเต๋า?
เหตุผลที่หลี่หรานได้รับการชักชวนให้เทศนาในครั้งนี้เพียงเพื่อกระตุ้นความรู้สึกมีเกียรติของเขาในนิกาย
ตราบใดที่นางคอยแอบกระตุ้นในเวลาที่เหมาะสมและช่วยให้หลี่หรานสร้างภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่งในสายตาของศิษย์เพื่อให้ทุกคนคาดหวังจากเขา เขาก็ไม่ควรเป็นปลาเค็มอีกต่อไป ใช่ไหม?
“บุตรศักดิ์สิทธิ์เริ่มได้เลย” ผู้อาวุโสซุนพูดด้วยรอยยิ้ม
นางไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะเห็นด้วยอย่างรวดเร็ว ซึ่งช่วยนางได้มากจริงๆ
นางเหาะออกจากแท่นสูง ร่อนลงบนห้องโถงช้าๆและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ได้โปรดเริ่มการเทศนาของเจ้า”
“……”
เมื่อมองไปยังสายตาคาดหวังจากผู้ชม หลี่หรานผู้ซึ่งต้องการจะทีเล่นทีจริงก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเล็กน้อย
‘ลืมมันไปซะ มาจริงจังกันดีกว่า’
‘ส่วนพวกเจ้าจะได้ไปเท่าไหร่มันอยู่เหนือการควบคุมของข้า’
—
ในห้องโถงใหญ่ เหล่าศิษย์มองไปที่ร่างสูงตรงบนแท่นและสนทนากันด้วยเสียงต่ำอยู่ครู่หนึ่ง
“วันนี้ท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์จะเทศนาจริงหรือ?”
“ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น”
“แม้จะน่าเสียดายที่ไม่ได้ฟังการเทศนาของผู้อาวุโสซุน แต่ก็ไม่เลวเลยที่จะได้เห็นท่าทางองอาจของท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์”
“แต่ท้ายที่สุดท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์ก็อายุเท่าๆเรา บางทีมันอาจได้ผลมากกว่า”
“อย่างไรก็ตาม ในแง่ของความเข้าใจในเต๋า ข้าเกรงว่ามันยังไม่ดีเท่าผู้อาวุโสซุน…”
“นั่นเป็นเรื่องธรรมชาติ ท้ายที่สุดท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์อยู่ในขอบเขตเทวะแปรผัน และผู้อาวุโสซุนเป็นรองเพียงผู้นำนิกายเท่านั้น”
ขณะที่ทุกคนกำลังสนทนากัน ทิศทางลมระหว่างสวรรค์และโลกก็เปลี่ยนไปทันที
เดิมทีเมฆนั้นปลอดโปร่งและสายลมก็พัดโชยมา แต่ในขณะนี้อากาศราวกับแข็งค้างอย่างกะทันหัน แม้แต่การไหลเวียนของพลังวิญญาณก็เกือบจะหยุดนิ่ง
หลี่หรานนั่งไขว่ห้างท่ามกลางความว่างเปล่า ทั้งตัวของเขาเปล่งแสงสลัวๆ
การเทศนาเริ่มขึ้นแล้ว!
ศิษย์ทุกคนยับยั้งการแสดงออกของพวกเขาทันทีและมองไปที่ร่างนั้นอย่างจริงจัง
ดวงตาของหลี่หรานปิดปรือเล็กน้อย ดูเหมือนกำลังอยู่ในห้วงความคิด...
ครึ่งชั่วยามต่อมา เขาเปิดปากออกและเสียงที่ชัดเจนก็ดังก้องไปทั่วนภา “เต๋านั้นไร้รูป เส้นทางนั้นไร้ปรานี คลับเคลื่อนสุริยันและจันทราด้วยทุกสิ่ง เติบโตท่ามกลางความทุกข์ตรม...”
“ฟ้าใสแผ่นดินขุ่น ฟ้าเคลื่อนแผ่นดินนิ่ง สรรพสิ่งมีกำเนิดและอวสาน เกิดขึ้นมาแล้วดับไป ความใสเป็นที่มาของความขุ่น การเคลื่อนไหวเป็นรากฐานของความนิ่ง สวรรค์และโลกย้อนหวนมา…”
คำพูดนั้นมาพร้อมกับเสียงแผ่วเบา สลักลงในใจของทุกคนทีละคำ
ผู้อาวุโสซุนไม่ได้จริงจังมากนักในตอนแรก แต่ยิ่งนางได้ยินนางก็ยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
นางฟังอย่างตั้งใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ต้องตกตะลึงในทันใด นางมองไปยังร่างบนแท่นสูงพร้อมกับปากที่อ้าออกเล็กน้อย
“เต๋านั้นไร้รูป?”
“ความใสเป็นที่มาของความขุ่น การเคลื่อนไหวเป็นรากฐานของความนิ่ง?”
นางย่อยคำเหล่านี้แต่กลับไม่รู้สึกตัวเป็นเวลานาน
คำเหล่านี้ดูเรียบง่ายเมื่อมองแวบแรก แต่เมื่อคิดอย่างรอบคอบ จะรู้สึกว่ามันเต็มไปด้วยเสน่ห์และมีหลักการที่สำคัญที่สุด
แทนที่จะบอกว่าหลี่หรานกำลังเทศนา มันเหมือนกับว่าเขากำลังให้คำจำกัดความของเต๋า
จิตใจของผู้อาวุโสซุนยุ่งเหยิง
เสียงแห่งเต๋าของหลี่หรานดำเนินต่อ
“รับความจริงพร้อมตอบสนองสิ่งต่างๆ รับธรรมชาติพร้อมตอบสนองความสงบ รับรู้และบรรลุถึงเส้นทางที่แท้จริง...”
“เมื่อเข้าสู่เส้นทางที่แท้จริง จะเรียกได้ว่าบรรลุถึงเต๋า และแม้จะถูกเรียกว่าเต๋า แต่ก็ไม่มีสิ่งใดให้ปรากฏ เฉพาะผู้เปลี่ยนแปลงสรรพชีวิตและเข้าใจเจตจำนงถึงจะสามารถประกาศเต๋าอันศักดิ์สิทธิ์ของตนได้...”
“พเนจรชีวิตและความตาย เวียนว่ายตายเกิดและจมลงสู่ทะเลแห่งความทุกข์ ชีวีไม่สูญเสียเส้นทาง การตรัสรู้ที่เที่ยงแท้ยังคงอยู่ ผู้เข้าใจย่อมพอใจ ผู้บรรลุแล้วย่อมสงบอยู่เป็นนิตย์…”
พลังวิญญาณไร้ที่สิ้นสุดพรั่งพรูออกมาด้านหลัง และด้วยคำพูดที่เปล่งออกมา มันควบแน่นเป็นกระแสน้ำวนแห่งพลังวิญญาณที่น่าสะพรึงกลัว
เมฆทั้งมวลบนท้องฟ้าราวกับถูกพัดพาไป!
วินาทีต่อมาร่างของหลี่หรานเต็มไปด้วยแสงสีทอง มิติอันมืดมิดเปิดออกท่ามกลางความว่างเปล่า และยักษ์สีทองตัวใหญ่ก็ก้าวออกมา
มันจับมังกรด้วยแขนซ้าย คชสารด้วยมือขวา และสายธารแห่งดาราที่เบื้องหลัง!
ยักษ์ดวงดาว!
มองไปยังร่างสูงใหญ่มหึมา ดวงตาของเหล่าศิษย์เต็มไปด้วยความตกตะลึง
หลายคนถอยกลับโดยไม่สมัครใจเนื่องจากพลังของมัน
แต่ยักษ์สีทองสงบมาก
บูม!
พร้อมกับเสียงคำรามกึกก้อง มันนั่งขัดสมาธิลงเบื้องหลังหลี่หราน
เป็นดั่งภูเขาสีทองลูกย่อม!
/////