ตอนที่ 237 ของขวัญจากซือคงหลานเยวี่ย(ตอนฟรีวันสงกรานต์)
ซือคงหลานเยวี่ยหันไปเห็นซูสือนั่งข้างหลังนาง
“???”
“เจ้าเข้ามาตอนไหน?”
นักพรตสาวมีเครื่องหมายคำถามบนหน้า
ต่อให้นางอารมณ์จะปั่นป่วน แต่ก็ไม่ใช่ใครที่จะเข้าใกล้นางง่ายๆ แต่นี่กลับไม่มีความผันผวนเลย คนคนนี้ดูเหมือนจะปรากฏขึ้นจากอากาศธาตุ
ซูสือก็ลำบากใจเล็กน้อย
ม้วนภาพวาดนี้สามารถข้ามมิติได้ แต่เลือกตำแหน่งที่แน่นอนไม่ได้
ครั้งก่อน มันส่งไปเตียงของเฟิงเฉาเกอโดยตรง
และครั้งนี้ เขาถูกส่งมาห้องของซือคงหลานเยวี่ย
“แค่ก คือ ข้าแค่เดินเล่น”
ซูสือเปลี่ยนเรื่อง“แล้วของขวัญที่ประมุขซือคงพูดคืออะไร?”
ซือคงหลานเยวี่ยไม่ตอบ แต่แค่นเสียงเย็น“ไม่ใช่ว่าเจ้าไปแล้วหรือไง เจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
ซูสือยิ้ม“ข้าแค่ออกไปเดินเล่น ถ้าข้าจะไป ข้าจะบอกท่านก่อน”
“ตำแหน่งของเจ้าคือที่ปรึกษาพิเศษ เจ้าไม่ได้โดนสำนักรั้งไว้ เจ้าสามารถเข้าออกไปอิสระ ไม่ต้องมารายงานข้า”
แม้นางจะพูดแบบนี้ แต่ดวงตานางกลับสดใสขึ้น
“งั้นหรือ?”
ซูสือลูบคางเขา“งั้นทำไมข้าถึงได้ยินคนพูดอะไรพึมพำก็ไม่รู้ว่ามีใครเหมือนจะไปโดยไม่บอกนาง”
แก้มของซือคงหลานเยวี่ยขึ้นสีแดง นางอายมาก“เจ้าแอบฟังข้าพูด!”
ซูสือเถียง“ท่านยังแอบมองข้าเลย”
ซือคงหลานเยวี่ยหน้าชา
พอคิดถึงฉากที่นางเห็นในเมืองเสวี่ยเฟิง นางก็สะบัดหน้าหนีโกรธๆ“ข้าไม่อยากคุยกับเจ้าแล้ว”
ซูสือฉวยโอกาสนี้ยืนขึ้น“งั้นข้าจะกลับไปก่อน”
เรื่องที่ว่าอีกฝ่ายถามว่าเขาเข้ามาได้ไง เขาไม่รู้จะอธิบายยังไงจริง
ขณะที่เขากำลังจะออกห้อง ซือคงหลานเยวี่ยก็กระซิบ“รอก่อน”
ตอนเมฆหมอกสลาย นางก็เผยเรือนร่าง ถอดจี้หยกออกจากคอ“นี่ นี่สำหรับเจ้า”
“สำหรับข้า?”
ซูสือยื่นมือไปรับ
จี้หยกนี้รู้สึกอุ่น เต็มไปด้วยพลังและกลิ่นหอม
“หยกนี้คือชิ้นส่วนที่ตกจากหน้าผาเวินเต๋า”
“มันบรรจุกฎแห่งเต๋า ซึ่งเป็นกุญแจสำหรับเปิดประตูสู่อาณาจักรจิตวิญญาณ”
“นี่คือ…ของขวัญจากข้าให้เจ้า..”
นางไม่สามารถพูดให้จบประโยคได้
จี้หยกนี้เป็นอาจารย์มอบให้นางและนางก็สวมมันมาตลอด พูดได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายนาง
พอเห็นซูสือเล่นมันอยู่บนมือ นางก็รู้สึกอายเล็กน้อย
ซูสือเก็บจี้หยกไปและยิ้ม“ขอบคุณท่านประมุข ข้าจะเก็บมันไว้อย่างดี”
“อืม’
เสียงของซือคงหลานเยวี่ยเบาเหมือนเสียงยุง
“งั้นข้าจะกลับไปนอนแล้วนะ?”
“อืม”
“ราตรีสวัสดิ์ ท่านประมุข’
“ระ-ราตรีสวัสดิ์”
ซูสือเดินออกห้องไป
ซือคงหลานเยวี่ยสูดหายใจลึก แก้มนางแดง
“กลายเป็นว่าเขาไม่ได้ไปโดยไม่บอกลา”
“ชิงเฉิงบอกว่าสิ่งสำคัญสุดในการให้ของขวัญคือความจริงใจ เขาควรรับรู้ถึงความจริงใจของข้า”
หมอกในใจนางพลันสลาย และหัวใจเต๋าที่ปั่นป่วนก็สงบลง
นางนั่งสมาธิ และไม่ช้าก็เริ่มเข้าสมาธิอย่างสมบูรณ์
สองสามวันต่อมา ซูสือไม่รีบกลับ
เขากลับพักในศาลาเทียนจีและฝึกฝน
สำหรับเขา อาณาจักรจิตวิญญาณแห่งเต๋าคือสมบัติหายาก
มีเต๋ามากมายในนั้น มันสามารถรับรู้ถึงพวกมันได้แทบทุกวินาที
[กำลังทำความเข้าใจเต๋าแห่งสรรพธาตุ..]
[กำลังทำความเข้าใจเต๋าแห่งสรรพธาตุ..]
[เข้าใจเต๋าแห่งสรรพธาตุ..]
ซูสือเหมือนเรือโดดเดี่ยว ล่องลอยในจักรวาลมืด
ระฆังน้อยประหลาดในตันเถียนของเขายิ่งสว่าง และจารึกบนนั้นก็สว่างกว่า20%แล้ว
“ซูสือ ตื่นได้แล้ว”
มีเสียงเรียกดัง ดึงสติเขากลับ
ซูสือลืมตา
เขาเห็นซือคงหลานเยวี่ยยืนข้างเขา ตัวของเขาดูโปร่งใส
นี่คือผลจากการดำดิ่งนานเกินไป
ถ้าเขาไม่ระวัง เขาจะโดนเต๋ากำจัด เขาจึงขอให้ซือคงหลานเยวี่ยปลุกเขาทันทีถ้านางรู้สึกว่าเขาถลำลึกไป
“เจ้าบ่มเพาะหนักเลยนะ”
ซูสือพยักหน้า
ซือคงหลานเยวี่ยส่ายหัว“หากข้าเกิดเผลอ..เจ้าไม่กลัวว่าจะหายไปเลยหรือไง?”
ชายคนนี้กล้ามาก
ซูสือยิ้ม“ข้าเชื่อในตัวท่าน”
นางดีกับเขามาก
เมื่อใดก็ตามที่เขาเข้าไปกับนาง นางจะยืนข้างเขาเงียบๆ ถ้าพบว่าบางอย่างผิดปกติ นางจะปลุกเขาทันที
นี่ไม่เคยพลาดเลย
ซือคงหลานเยวี่ยตกตะลึง จากนั้นก็เบือนหน้าหนี“เช่นนั้นแล้ว เจ้าอาจเชื่อใจผิดคน”
มุมปากนางยกขึ้นเล็กน้อย และดวงตานางก็สดใสมาก
ซูสือมองไปในตันเถียนของเขา
จารึกสว่างกว่าเดิม
เขามีลางสังหรณ์ว่าตราบเท่าที่จารึกสว่างพอ เขาจะสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงต่อไปของระฆังโบราณ
“แต่ สองสามวันมานี้ เต๋าที่ข้าเข้าใจได้น้อยลง”
“มันดูเหมือนข้าน่าจะถึงขีดจำกัดแล้ว’
แม้พลังวิญญาณของซูสือจะเหนือว่าอาณาจักรเดียวกันไปไกล แต่เขาก็ยังเป็นแค่วิญญาณแรกก่อตั้งขั้นกลาง
วิถีที่สามารถเดินได้มีจำกัด
ถ้าดูตามแนวโน้ม เขาจะถึงคอขวดในสามวัน
“ดูเหมือนข้าจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเพิ่มอาณาจักรบ่มเพาะ”
ซูสือถอนหายใจ.“ความเร็วการทะลวงผ่านฐานบ่มเพาะยังช้าไป”
ซือคงหลานเยวี่ยเงียบไป
เขาเพิ่งอายุยี่สิบ และก็อยู่อาณาจักรวิญญาณแรกก่อตั้งแล้ว พูดได้ว่าไม่มีใครเหมือนเขา
แต่เขายังคิดว่าเขาช้า?
ซูสือจับจี้หยก และเต๋าในตัวของเขาก็ถ่ายลงไปเอง และประตูแสงก็ค่อยๆเปิด
“ออกไปข้างนอกกัน”
เขาดึงแขนของซือคงหลานเยวี่ย
ซือคงหลานเยวี่ยรู้สึกตลก“ข้าได้มอบหยกนั่นให้เจ้าแล้ว…เจ้ากลัวอะไร?”
ซูสือส่ายหัว“ข้ากลัวว่าท่านจะรู้สึกไม่สบาย”
ซือคงหลานเยวี่ยมองบน
แม้นางจะอายหน่อย แต่นางก็ไม่สะบัดมือเขา นางเริ่มชินแล้ว…
ทันทีที่ทั้งสองออกจากหน้าผาเวินเต๋า ทั้งคู่ก็เห็นจ้านชิงเฉิงบินมา
“ศิษย์น้อมพบท่านอาจารย์”
ซือคงหลานเยวี่ยถาม“ทำไมถึงดูรีบร้อนนัก มีอะไรหรือ?”
จ้านชิงเฉิงอาย“ศิษย์มาหาซูเซิ่งจื่อ อีกไม่นานจะถึงเทศกาลปีใหม่แล้ว ศิษย์จะไปเมืองมู่เฟิงกับเขา”
“เทศกาลปีใหม่?”
ซือคงหลานเยวี่ยตกตะลึง
พอคิดๆดู ก็ใช่
เทศกาลปีใหม่คือเทศกาลที่ใหญ่สุดในหลินหลางแล้ว
มันไม่ใช่แค่วันเปลี่ยนผลัดปี แต่ยังเป็นวันสักการะบรรพบุรุษ สวดขอพร และเฉลิมฉลองการเก็บเกี่ยว
พอเห็นจ้านชิงเฉิงกอดแขนซูสือ สายตาของซือคงหลานเยวี่ยก็ดูไม่เป็นธรรมชาติ
นางกับซูสือเพิ่งจับมือจับแขนกันแบบนั้น
จ้านชิงเฉิงถาม“อาจารย์ ท่านอยากไปเดินเล่นด้วยกันไหม?”
นี่แค่การถามตามมารยาท
อาจารย์ของนางคือผู้สูงส่ง นางมักไม่สนใจทางโลก
ซือคงหลานเยวี่ยพยักหน้า“ไปสิ”
จ้านชิงเฉิงตกตะลึง“หะ?”