บทที่ 46: อาชีพลับของฉันคือราชาผู้วายชนม์!
บทที่ 46: อาชีพลับของฉันคือราชาผู้วายชนม์!
เมื่อเสียงของหลิวฉวนดังขึ้น ทุกคนก็จับจ้องไปที่ไป่เมี่ยวในทันที
ในปัจจุบัน ข้อมูลที่ไป่เมี่ยวเปิดเผยออกมาก็คือเธอเป็นนักรบและอาวุธของเธอก็คือดาบใหญ่ นอกเหนือจากนั้น มันก็ไม่มีอะไรพิเศษเกี่ยวกับเธอ
อย่างไรก็ตาม เพื่อที่จะสามารถเป็นนักศึกษาใหม่อันดับหนึ่งของสถาบันมุมทองในครั้งนี้ได้ คนอื่นๆ ก็จะต้องไม่เชื่อแน่ว่าไป่เมี่ยวนั้นจะธรรมดาขนาดนั้น
บางคนรู้สึกตื่นเต้นและรอคอยที่จะได้เห็นว่าไป่เมี่ยวจะเปิดเผยข้อมูลใดเกี่ยวกับตัวเธอเองออกมา
ไป่เมี่ยวรีบก้าวออกมากลางพื้นที่ข้างหน้าเขา เธอมองไปที่หลิวฉวนและผู้นำกับนักศึกษาคนอื่นๆ แล้วพูดว่า “ฉันชื่อไป่เมี่ยว อาชีพของฉันคือนักรบ ตอนนี้ฉันอยู่ที่เลเวล 15 และใช้ดาบใหญ่เป็นอาวุธ ในอนาคตเมื่อฉันปลุกอาชีพเป็นครั้งที่สอง ฉันก็จะเปลี่ยนอาชีพไปเป็นนักดาบใหญ่”
“เลเวล 15? ทำไมเธอถึงอยู่ที่เลเวล 15? ไม่ใช่ว่าทุกคนอยู่ที่เลเวล 10 หลังจากสอบเข้ามหาวิทยาลัยหรอกหรอ?”
“ถูกต้อง แม้ว่าเธอจะมีทรัพยากรในการเพิ่มค่าคุณสมบัติของเธอ แต่นั่นก็จะเพิ่มเพียงค่าคุณสมบัติของเธอขึ้นเท่านั้น มันไม่ใช่กับเลเวลของเธอ”
“หลังจากสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว เลเวลของผู้เข้าสอบทั้งหมดก็จะคงที่ที่ 10 ไม่ว่าจะเลือกความยากใดก็ตาม มันมีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้นที่ทำให้เธออยู่ที่เลเวล 15 ได้… นั่นคือเธอไปที่ถิ่นทุรกันดารเพื่อล่าสัตว์ปีศาจเพื่ออัพเลเวลของเธอก่อนที่สถาบันจะเปิด”
การประกาศเลเวล 15 ของไป่เมี่ยวได้ทำให้เกิดการสนทนาขึ้นมาในทันที
ดินแดนลับในการสอบมัธยมปลายนั้นมีผลในการเพิ่มความแข็งแกร่ง ตราบเท่าที่พวกเขาฆ่าสัตว์ปีศาจภายในและผ่านด่านมาได้
อย่างไรก็ตาม เลเวลสูงสุดที่พวกเขาจะทำได้ก็คือ 10
หากมีใครต้องการจะเพิ่มเลเวลให้มากไปกว่านี้ พวกเขาก็สามารถทำได้เพียงล่าสัตว์ปีศาจในถิ่นทุรกันดารเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม การล่าสัตว์ปีศาจในถิ่นทุรกันดารนั้นก็ไม่ได้ง่ายเหมือนอย่างการเก็บเลเวลในดินแดนลับ
ประกอบกับข้อเท็จจริงที่ว่ามันยากขึ้นมากในการอัพเลเวลหลังจากเลเวล 10 ดังนั้นแล้วใครจะจินตนาการได้ว่าไป่เมี่ยวได้ฆ่าสัตว์ปีศาจไปกี่ตัวกันในช่วงเวลาสั้นๆ เช่นนี้
นอกเหนือจากสิ่งอื่นแล้ว ประสบการณ์การต่อสู้ที่แท้จริงของไป่เมี่ยวก็น่าจะยังทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง
ลู่หยานมองไปที่ไป่เมี่ยวและการแสดงออกของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขานึกถึงคำพูดของไป่เยว่เจอเมื่อคืน
เช่นเดียวกับไป่เยว่เจอ ไป่เมี่ยวคนนี้อาจจะมาจากตระกูลไป่แห่งแม่น้ำเหนือ
มันมีเพียงตระกูลใหญ่เช่นนี้เท่านั้นที่จะสามารถจัดคนพาเด็กเหล่านี้ออกไปล่าสัตว์ปีศาจและช่วยพวกเขาในการกำจัดภัยคุกคามร้ายแรงได้
มิฉะนั้นแล้ว ถ้าเธอออกไปเพียงคนเดียวด้วยเลเวล 10 เธอก็คงจะกลายเป็นอาหารของสัตว์ปีศาจไปแล้ว
แน่นอนว่าหลังจากเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว เธอก็จะสามารถติดตามอาจารย์และรุ่นพี่ของเธอออกไปในถิ่นทุรกันดารได้ มันจะปลอดภัยกว่ามาก
อย่างไรก็ตาม แม้จะได้รับการปกป้องจากครอบครัวของเธอ แต่มันก็ยังแปลกมากที่เธอจะสามารถก้าวไปสู่เลเวล 15 ได้ภายในเวลาอันสั้นหลังจากการสอบเข้ามหาวิทยาลัย
หลังจากแนะนำตัวเองแล้ว ดาบใหญ่ก็ปรากฏขึ้นในมือของไป่เมี่ยว
เป็นเรื่องที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงว่าสถาบันมุมทองได้มอบสิ่งของในคลังให้กับนักศึกษาที่ได้รับการคัดเลือกมาเป็นพิเศษแต่ละคน แม้ว่าพื้นที่เก็บของของพวกเขาจะไม่ได้ใหญ่มากนัก แต่มันก็ไม่เป็นปัญหาอะไรสำหรับพวกเขาในการจัดเก็บอุปกรณ์และสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ
เมื่อดาบใหญ่ปรากฎขึ้นในมือ สีหน้าของไป่เมี่ยวก็กลายเป็นเย็นชาในทันที ดาบใหญ่ในมือของเธอก็ฟันออกไปข้างหน้าพร้อมกับเสียงหวีดหวิว
จากนั้นไป่เมี่ยวก็ใช้ท่าดาบ ลมดาบนั้นแหลมคมและเผยให้เห็นถึงเจตนาฆ่า
หลิวฉวนและครูคนอื่นๆ พยักหน้าเมื่อเห็นสิ่งนี้ พวกเขามีข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเธอ
ไป่เมี่ยวไม่ได้มีอาชีพแอบแฝงหรือสายเลือดต่างเผ่า อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอาชีพสายต่อสู้ของเธอจะเป็นนักรบ แต่เธอก็เป็นอัจฉริยะในด้านดาบใหญ่ ในวันสอบเข้ามหาวิทยาลัย เธอก็ได้เข้าใจสกิลดาบใหญ่ถึงสองอย่าง
หลังจากนั้น เธอก็ล่าสัตว์ปีศาจในถิ่นทุรกันดารและทำความเข้าใจสกิลดาบใหญ่อีกสองสกิล
ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัย ไป่เมี่ยวก็ยังเคยไปฝึกที่ถิ่นทุรกันดารมาก่อนแล้ว
ตัวอย่างเช่นตระกูลไป่แห่งแม่น้ำเหนือ อาจกล่าวได้ว่าพวกเขาเข้มงวดอย่างยิ่งในการเลี้ยงดูลูกหลานของพวกเขา
ลูกหลานจากหลายตระกูลต่างก็ล้มตายลงเพราะวิธีการเลี้ยงดูที่รุนแรงเช่นนี้ ตัวอย่างเช่นมีลูกหลานสิบสามคนของตระกูลไป่ซึ่งมีอายุเท่ากับ ไป่เมี่ยว อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มันก็เหลือเพียงหกคนเท่านั้น
แน่นอนว่ามันยังมีคนที่พึ่งพาความแข็งแกร่งของตระกูลในการใช้ยาและทรัพยากรต่างๆ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งและสนุกสนานไปกับตัวเองอย่างต่อเนื่อง
มันมีความแตกต่างอย่างมากระหว่างผู้คน และความแตกต่างระหว่างตระกูลก็ไม่ต่างกัน
มิฉะนั้นแล้ว บางตระกูลก็คงจะไม่สามารถอยู่รอดมาได้ถึงพันปี ในขณะที่บางตระกูลสามารถอยู่ได้นานเพียงไม่กี่สิบปีก่อนที่จะหายไป
หลังจากโชว์ท่าดาบ ไป่เมี่ยวก็วางดาบใหญ่ของเธอลงและเดินกลับลงไป
หลิวฉวนยิ้มและพูดว่า “เอาล่ะต่อไป ไป่เยว่เจอ นักศึกษาใหม่อันดับ 2”
“ไป่เยว่เจอ? เขามีนามสกุลเดียวกันกับไป่เมี่ยวเลย พวกเขาเกี่ยวข้องกันหรือเปล่านะ?”
“นายไม่รู้หรอ? ไป่เมี่ยวเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดของไป่เยว่เจอ พวกเขาทั้งคู่มาจากตระกูลไป่แห่งแม่น้ำเหนือ”
“โอ้ พวกเขาเป็นลูกหลานของตระกูลใหญ่นี่เอง ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาจะทรงพลังมาก”
“นายจะไปรู้อะไร! ไป่เมี่ยว, ไป่เยว่เจอและไป่เทียนหยูซึ่งอยู่ในอันดับที่ 10 ต่างก็เป็นลูกหลานชั้นยอดของตระกูลไป่ที่ผ่านการทดสอบเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมาได้ ฉันได้ยินมาว่าโอกาสรอดของพวกเขามีเพียง 50% เท่านั้น เพราะงั้นอย่าเอาพวกเขาไปเปรียบกับทายาทลูกหลานคนรวยทั่วๆ ไป พวกนายไม่ได้รับอนุญาตให้มาดูถูกเทพธิดาของฉัน!”
“จุ๊จุ๊จุ๊ เมื่อวานเทพธิดาของนายยังเป็นหลี่เม่ยเอ๋ออยู่เลยไม่ใช่หรอ มันเปลี่ยนไปเป็นไป่เมี่ยวตั้งแต่เมื่อไหร่? นายนี่มันพวกใจโลเลจริงๆ!”
การสนทนาอื่นดังมาจากด้านล่าง ในระหว่างการสนทนา ไป่เยว่เจอก็เดินออกมาพร้อมกับยกศีรษะขึ้นสูง
เมื่อมาถึงกลางสนาม ไป่เยว่เจอก็จับมือหลิวฉวนและพูดด้วยท่าทางพึงพอใจ “ฉันชื่อไป่เยว่เจอ ฉันเป็นนักรบและตอนนี้ก็อยู่ที่เลเวล 13 ฉันเก่งเรื่องการใช้หอก ฉันเข้าใจสกิลทั้งสี่มาจากวิชาหอกของตระกูลไป่”
เมื่อได้ยินคำพูดของไป่เยวเจอ นักศึกษาที่อยู่รอบๆ ก็ตกอยู่ในความโกลาหล
“เลเวล 13 แม้ว่ามันจะไม่มากเท่าไป่เมี่ยว แต่มันก็ยังทรงพลังมาก ผู้ชายคนนี้เองก็ไปที่ถิ่นทุรกันดารเพื่อล่าสัตว์ปีศาจด้วยหรอเนี่ย”
“ได้ยินนั่นไหม? วิชาหอกของตระกูลไป่คืออะไร?”
“หึ นายไม่รู้หรอ? โดยทั่วไปแล้ว ตระกูลต่างๆ ก็จะมีอาวุธที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นพิเศษ นอกเสียจากว่าใครจะมีความสามารถในด้านอาวุธอื่น พวกเขาก็มักจะฝึกฝนอาวุธพิเศษประจำตระกูล ซึ่งตระกูลไป่เองก็มีชื่อเสียงในด้านวิชาหอกของพวกเขา”
“ถูกต้อง ถูกต้อง ฉันได้ยินมาว่าตระกูลใหญ่จะมีความเชี่ยวชาญในอาวุธที่พวกเขาสืบทอดต่อกันมา และหากลูกหลานของพวกเขายังสามารถเข้าใจมันได้อีก พวกเขาก็จะสามารถได้รับผลลัพธ์สองเท่าได้โดยใช้ความพยายามเพียงครึ่งเดียว ซึ่งการที่ไป่เยว่เจอจะสามารถเข้าใจสกิลทั้งสี่ได้ภายในช่วงระยะเวลาสั้นๆ นี้ พรสวรรค์ในวิชาหอกของเขาก็น่าจะดีมากแน่ๆ”
“พี่น้องตระกูลไป่นี่น่ากลัวจริงๆ!”
ไป่เยว่เจอหยิบหอกเงินออกมาจากช่องเก็บของของเขาและใช้วิชาหอกโดยตรง ปลายหอกนั้นเย็นเฉียบและดูอันตรายถึงชีวิต
หลิวฉวนกล่าวด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลวไม่เลว สถาบันมุมทองมีที่ปรึกษาที่เชี่ยวชาญด้านหอก เธอสามารถไปขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากเขาได้เมื่อถึงเวลา”
จากนั้น สายตาของหลิวฉวนก็จับจ้องไปที่ลู่หยาน “ต่อไปคือลู่หยานนักศึกษาใหม่อันดับ 3”
เมื่อลู่หยานได้ยินสิ่งนี้ เขาก็เดินไปข้างหน้าและมาถึงใจกลางสนาม เขามองไปที่หลิวฉวนและอาจารย์คนอื่นๆ ที่อยู่ข้างหน้าเขาและนักศึกษาที่อยู่ข้างหลังเขา เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
จากนั้น ลู่หยานก็พูดตรงๆ ว่า “ฉันชื่อลู่หยาน ตอนนี้ฉันอยู่ที่เลเวล 10 ข้อมูลอาชีพของฉันระบุว่าฉันเป็นเนโครแมนเซอร์ แต่จริงๆ แล้วฉันมีอาชีพลับ”
“และอาชีพลับของฉันก็คือราชาผู้วายชนม์”