ตอนที่ 98: คลื่นกระแทก
ตอนที่ 98: คลื่นกระแทก
หลังลูน่ายิงระเบิดช็อกบอมบ์ออกไปแล้ว เซี่ยเฟยก็ควบคุมให้ยานทิ้งระยะห่างออกมาด้วยความเร็วสูงพร้อมกับเปิดระบบป้องกันแบบโอเวอร์โหลด จากนั้นเขาก็ใช้แขนทั้งสองข้างเกาะที่นั่งเอาไว้จนแน่นเพื่อเตรียมพร้อมรับแรงกระแทกที่กำลังจะมาถึง
เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างเซี่ยเฟยก็เห็นไฟสีแดงจากระเบิดกระพริบอยู่เรื่อย ๆ แต่ในที่สุดเมื่อไฟสีแดงหยุดกระพริบลงแสงสว่างสีขาวจ้าก็กระจัดกระจายไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่มืดมิด
แสงสว่างที่เกิดขึ้นจากระเบิดให้ความรู้สึกเหมือนกับพวกเขาได้เห็นพระอาทิตย์อยู่ใกล้ ๆ!
หลังแสงสว่างเจิดจ้าขึ้นมาเพียงไม่นาน คลื่นกระแทกอันน่ากลัวก็กระจายออกไปจากจุดศูนย์กลางเป็นรูปทรงกลม
ตูม!
เมื่อคลื่นกระแทกไหลผ่านยานลูน่ามันก็ทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เกือบทั้งหมดบนยานส่งสัญญาณเตือนภัยออกมาอย่างบ้าคลั่ง ส่วนตัวยานก็กำลังสั่นไหวอย่างรุนแรงราวกับว่าบนตัวยานกำลังเกิดแผ่นดินไหวยังไงยังงั้น
หลังจากคลื่นกระแทกได้ผ่านพ้นไประบบทั้งหมดบนยานก็เข้าสู่สถานะหยุดพักชั่วคราวจนทำให้ลูน่าค่อย ๆ เคลื่อนที่ช้าลง
เซี่ยเฟยกระโดดลงมาจากที่นั่งของกัปตัน ก่อนจะเดินไปทุบปุ่มเปิดใช้งานระบบฉุกเฉิน
“ตรวจสอบความเสียหายและเริ่มทำการฟื้นฟูเดี๋ยวนี้!” เซี่ยเฟยสั่งการคอมพิวเตอร์อัจฉริยะ
“ระบบตรวจสอบความเสียหายเสร็จเรียบร้อยแล้ว ระบบเรดาร์ได้รับความเสียหาย 37%, ระบบแรงโน้มถ่วงได้รับความเสียหาย 42%, ระบบเครื่องยนต์วาร์ปได้รับความเสียหาย 13%, ระบบเกราะพลังงานได้รับความเสียหาย 87%, เตาปฏิกรณ์ได้รับความเสียหาย 19%...”
คอมพิวเตอร์อัจฉริยะเริ่มรายงานข้อมูลความเสียหายมาอย่างต่อเนื่องพร้อมกับเริ่มทำการฟื้นฟูระบบเท่าที่จะเป็นไปได้
ช็อกบอมบ์เป็นระเบิดที่จำลองพายุแม่เหล็กไฟฟ้าขนาดเล็กขึ้นมา ซึ่งถ้าหากว่ายานลำใดโดนพายุแม่เหล็กไฟฟ้านี้เข้าไป มันก็จะทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์บนตัวยานได้รับความเสียหายอย่างหนัก
ด้วยเหตุนี้เองระบบพรางตัวจึงรู้สึกเกรงกลัวพายุแม่เหล็กไฟฟ้ามาก เพราะถ้าหากว่ายานกระทบเข้ากับพายุแม่เหล็กไฟฟ้าเข้าไป ระบบพรางตัวก็มีโอกาสถูกทำลาย 100%
เซี่ยเฟยจับจ้องมองไปที่หน้าจอเรดาร์เพื่อหวังว่าเขาจะได้พบกับยานของเซิร์กที่ขนโลงศพออกมาจากสถานีอวกาศ
ตอนนี้มันขึ้นอยู่กับโชคของเซี่ยเฟยแล้วว่าระเบิดที่เขายิงออกไปได้กระทบเข้ากับเป้าหมายหรือไม่ เพราะท้ายที่สุดระยะของระเบิดก็มีอยู่อย่างจำกัด หากศัตรูได้หลบหนีออกจากระยะไปแล้วแม้แต่ระบบช็อกบอมบ์ก็ไม่สามารถคุกคามระบบพรางตัวของอีกฝ่ายหนึ่งได้
จักรวาลกว้างใหญ่มากถ้าหากว่าพวกเขาหนีไปมันก็แทบไม่มีโอกาสที่เซี่ยเฟยจะตามหาร่องรอยของอีกฝ่ายได้เลย ดังนั้นการยิงระเบิดออกไปในครั้งนี้จึงเป็นโอกาสเดียวของเซี่ยเฟย
—
ห่างจากยานลูน่าไปหลายพันกิโลเมตร
โบซิงวากำลังพยายามยืนขึ้นจากพื้นโดยเอามือข้างหนึ่งปิดก้อนหัวโนบนศีรษะเขาเอาไว้
แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ใช่คนเดียวภายในยานที่ได้รับบาดเจ็บ เพราะทุกคนภายในยานต่างก็ได้รับผลกระทบจากช็อกบอมบ์ไม่ด้อยไปกว่ากัน
“ทุกคนยังโอเคไหม?” เป๋ยไฮ่คลานออกมาจากใต้โต๊ะพร้อมกับมองดูฟันหน้า 2 ซี่ที่หักลงมาอยู่บนพื้น
ทางด้านหมานจุนก็จมูกหักเลือดไหลไม่หยุด เขาจึงใช้มือปิดจมูกและส่ายหัวอย่างแรงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความขมขื่น
“โอ้ยใครก็ได้ช่วยด้วย!” เยว่เกอนอนนิ่งอยู่บนพื้นพร้อมกับตะโกนขอความช่วยเหลือ โดยบนหน้าผากของเธอเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อขนาดใหญ่
เฉินตงถอดหมวกเกราะน้ำแข็งออกจากศีรษะพร้อมกับเดินไปช่วยเหลือทุกคน และเนื่องมาจากเกราะน้ำแข็งที่เขาเรียกออกมาในช่วงเวลาสำคัญนี่เอง เขาจึงเป็นคนเดียวภายในยานที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ผลกระทบจากระเบิดในครั้งนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้เขารู้สึกหวาดกลัว
“เธอเป็นอะไร?” เฉินตงถามขณะคุกเข่าลงข้าง ๆ หญิงสาว
“แขนซ้ายฉันหลุด” เยว่เกอกัดฟันพูด
“โอเค” เฉินตงพยักหน้ารับก่อนที่จะประคองแขนของเยว่เกอด้วยมือทั้งสองข้าง ก่อนจะดันแขนให้เข้าที่อย่างแรง
“โอ้ย!!” เยว่เกอตะโกนขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับใช้มืออีกข้างหนึ่งทุบลงไปบนพื้นสุดกำลัง
“เซี่ยเฟยไอ้สารเลว! ฉันคนนี้จะไม่มีวันยกโทษให้แกอย่างเด็ดขาด!!”
แน่นอนว่าเซี่ยเฟยย่อมไม่ได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดของเยว่เกอ แต่ด้วยบุคลิกของเขาแล้วถึงแม้เขาจะรับรู้แต่เขาก็คงจะไม่รู้สึกแปลกอะไร
สำหรับตัวของเซี่ยเฟยเขาเชื่อในทฤษฎีการแลกเปลี่ยนอย่างเท่าเทียม ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นความเสี่ยงที่เขาเต็มใจจะยอมรับอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้ถึงแม้ว่าหญิงสาวจะเรียกร้องอะไรแต่เขาก็คงจะหาทางชดเชยให้กับเธอในภายหลังเอง
ตอนนี้สิ่งเดียวที่มีอยู่ในหัวของเซี่ยเฟยคือการสกัดกั้นการหลบหนีของศัตรูสุดกำลังและเขาก็พร้อมจะยอมแลกทุกอย่างเพื่อขัดขวางศัตรูเอาไว้ให้ได้!!
—
ไม่กี่วินาทีต่อมาบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวก็มียานประหลาดของเซิร์กปรากฏตัวคล้ายกับว่ามันกำลังมึนเมาอยู่ทางบริเวณซ้ายล่างด้านหน้าของลูน่า
ตัวยานมีเปลือกสีดำเข้มราวกับด้วงยักษ์และขนาดของยานลำนี้ก็มีขนาดใหญ่กว่าลูน่าอยู่พอสมควร ซึ่งเซี่ยเฟยได้ประมาณการณ์ว่าขนาดความจุของยานลำนี้ไม่ควรจะน้อยกว่ายานเดรสทรอยเยอร์
“สำเร็จ! ช็อกบอมบ์สามารถทำลายระบบพรางตัวของมันได้” เซี่ยเฟยอุทานออกมาอย่างดีใจ
ต่อมาลูน่าก็หันหัวยานไปทางยานของเซิร์กด้วยเปลวไฟแห่งการต่อสู้
“รักษาระยะห่างเอาไว้ 150 กิโลเมตร, เดินกำลังเครื่องยนต์ 70%, เปิดระบบเกราะพลังงาน 90%, เปิดใช้เครื่องวาร์ปดิสรับเตอร์, เปิดใช้เครื่องแทรคชั่นคอนโทรลเลอร์, เปิดใช้ระบบการยิงและเล็งไปที่ระบบพลังงานของฝ่ายตรงข้าม”
เซี่ยเฟยออกคำสั่งมาเป็นชุด ก่อนที่อาวุธอุปกรณ์เป็นจำนวนมากจะถูกยื่นออกมาจากลูน่า
โดยปกติอาวุธทุกชิ้นจะถูกซ่อนเอาไว้รอบ ๆ ตัวยาน แต่หลังจากที่เซี่ยเฟยได้ออกคำสั่งฝาครอบอาวุธอุปกรณ์ก็ถูกเปิดออกทีละชิ้น ๆ พร้อมกับชี้หน้าเข้าหาศัตรู
ในที่สุดลูน่าก็ได้เผยให้เห็นกรงเล็บอันแหลมคมที่มันได้ซ่อนเอาไว้ตลอดเวลากลายเป็นยานรบอันดุร้ายที่เตรียมพร้อมจะทำศึกสงคราม!
ทั้งเครื่องวาร์ปดิสรับเตอร์และเครื่องแทรคชั่นคอนโทรลเลอร์ต่างก็มีระยะทำการอยู่ที่ 200 กิโลเมตร ซึ่งทันทีที่ศัตรูได้เข้ามาในระยะอุปกรณ์ทั้งสองชิ้นนี้ก็เตรียมพร้อมที่จะดักจับศัตรูเอาไว้พร้อมกับใช้อาวุธต่าง ๆ คอยทำการจู่โจม
น่าเสียดายที่ช็อกบอมบ์ได้ทำลายระบบอาวุธของลูน่าทำให้เหลือพลังทำลายไม่ถึง 40% และอำนาจการยิงในปัจจุบันก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำลายข้าศึกลงไปได้
นอกจากนี้เซี่ยเฟยยังคิดว่าเซียวรั่วหยูอาจจะอยู่บนตัวยาน ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะโจมตีเข้าไปในส่วนที่บอบบางที่สุดและออกคำสั่งให้อาวุธจู่โจมอย่างระมัดระวังเท่านั้น
ส่วนที่น่าแปลกคือยานของเซิร์กไม่มีการโจมตีตอบโต้ใด ๆ กลับมา แต่ระบบตรวจจับได้แสดงให้เห็นว่าตัวยานลำนี้กำลังพยายามรวบรวมพลังงานอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นยานของเซิร์กก็เปิดรูหนอนขึ้นมาในอวกาศ!
ที่แท้บนตัวยานก็ติดตั้งเครื่องวาร์ปสเตบิไลเซอร์เอาไว้ทำให้เขาไม่สามารถหยุดยั้งการวาร์ปของ ศัตรูได้
ศัตรูกำลังจะหนีไปแล้ว!
“เปิดใช้ระบบมาร์คสัญญาณเป้าหมายเดี๋ยวนี้!!” เซี่ยเฟยตะโกนออกคำสั่งอย่างเร่งด่วน
การมาร์คสัญญาณเป้าหมายคล้ายกับการติดตามศัตรูอย่างใกล้ชิด ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าอีกฝ่ายจะหนีไปที่ไหนแต่เขาก็ยังจะพอมีร่องรอยในการติดตามอีกฝ่ายไปได้หากยังคงอยู่ในระยะ
น่าเสียดายที่ระบบจำเป็นจะต้องใช้ระยะเวลาประมวลผลในการมาร์คสัญญาณเป้าหมายอีกรอบหนึ่ง เพราะเซี่ยเฟยได้ถ่ายโอนพลังงานไปยังอุปกรณ์อื่น ๆ แล้ว ดังนั้นถ้าหากว่าเขาต้องการจะเปิดใช้งานระบบมาร์คสัญญาณเขาก็จำเป็นจะต้องทำการปิดระบบบางอย่างเพื่อให้ได้พลังงานที่เพียงพอ
เมื่อเซี่ยเฟยได้เห็นว่ายานของศัตรูครึ่งหนึ่งกำลังเคลื่อนที่เข้าไปในรูหนอน ในขณะที่ระบบมาร์คสัญญาณก็เพิ่งจะเปิดใช้งานได้เพียงแค่ 73% เท่านั้น
เหตุการณ์นี้เริ่มทำให้ชายหนุ่มรู้สึกกระวนกระวายเพราะรูหนอนอาจจะปิดลงได้ทุกเมื่อ ซึ่งถ้าหากเวลานั้นระบบมาร์คสัญญาณยังไม่ทำงาน ยานของศัตรูก็จะหายไปจากเรดาร์ของเขาตลอดกาล
“เร็วเข้า! เร็วเข้า!! เร็วเข้า!!!” เซี่ยเฟยกำหมัดพร้อมกับส่งเสียงตะโกนออกมาดังลั่นคล้ายกับว่าเปลวไฟแห่งความโกรธแค้นกำลังปะทุออกมาจากอกของเขา
จิ้ว!
ในขณะที่รูหนอนกำลังจะปิดตัวลงนั่นเอง ระบบมาร์คสัญญาณก็ปล่อยลำแสงสีเขียวเข้าใส่ยานเป้าหมาย!
ลำแสงเลเซอร์พุ่งเข้าไปในรูหนอนที่กำลังจะปิดในวินาทีสุดท้าย ก่อนที่มันจะทำเครื่องหมายติดตามไว้บนฝ่ายตรงข้ามได้สำเร็จ!
“เยี่ยม!” เซี่ยเฟยอุทานพร้อมกับทุบแผงควบคุมอย่างแรง
ทันใดนั้นจุดแสงสีขาวก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอเรดาร์ โดยจุดแสงสีขาวนี้กำลังเคลื่อนที่ไปยังระยะไกลด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
เมื่อชายหนุ่มได้ทำการซูมดูเข้าไปในแผนที่ดาว เขาก็ได้พบว่าเส้นทางการเคลื่อนที่ของมันกำลังมุ่งหน้าออกไปจากภูมิภาคดาวเอ็นดาโร่
ภูมิภาคดาวเอ็นดาโร่อยู่ตรงบริเวณพื้นที่ชายแดนของพันธมิตรมนุษย์และเมื่อพิจารณาจากเส้นทางของเป้าหมายแล้ว พวกมันก็กำลังจะมุ่งเข้าสู่พื้นที่ไร้การปกครองที่มีการตกลงกันระหว่างพันธมิตรมนุษย์และพวกเซิร์ก
ไม่ว่าจะยังไงเขาก็จะต้องหยุดยานลำนั้นก่อนมันจะออกไปจากเขตพันธมิตรให้ได้
“รุ่นพี่ยานของคุณโอเคไหม?” เซี่ยเฟยถามหลังจากเชื่อมต่อสัญญาณกับยานของโบซิงวา
“ทุกคนสบายดี แต่อุปกรณ์ส่วนใหญ่บนยานได้รับความเสียหาย ฉันได้ส่งสัญญาณฉุกเฉินออกไปแล้ว ตอนนี้กำลังรอรับความช่วยเหลือ” โบซิงวากล่าว
“สถานีอวกาศกำลังจะระเบิดในอีก 1 นาที 37 วินาที รุ่นพี่ควรจะเตรียมตัวเอาไว้ด้วย” เซี่ยเฟยกล่าว
คำบอกเล่าของเซี่ยเฟยทำให้โบซิงวารู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อย เพราะถ้าหากสถานีอวกาศระเบิดนั่นก็หมายถึงเพื่อนที่เขาไว้ใจที่สุดทั้งสองคนจะต้องอำลาเขาไปตลอดกาล
การพรากจากกันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าเสมอ ซึ่งแม้แต่ผู้ชายที่ใจแข็งก็ยังสามารถเสียน้ำตาให้กับการพลัดพรากจากกันได้
ในเวลาเดียวกันระบบติดตามก็ส่งสัญญาณมายังหน้าจอเรดาร์ว่ายานรบของพวกเซิร์กกำลังจะเดินทางออกจากรูหนอนแล้ว
เหตุการณ์นี้มีความเป็นไปได้อยู่ 2 ประการ โดยประการที่ 1 คือระเบิดช็อกบอมบ์ทำให้ระบบวาร์ปของอีกฝ่ายได้รับความเสียหายและทำให้ระยะทางในการวาร์ปของอีกฝ่ายสั้นลงจากเดิมมาก ส่วนเหตุผลประการที่ 2 คือยานของเซิร์กได้เปิดระบบวาร์ปแบบฉุกเฉิน ดังนั้นจุดที่พวกเขาวาร์ปออกไปจึงไม่ใช่จุดที่พวกเขาได้กำหนดไว้ตั้งแต่แรก
เซี่ยเฟยสั่งการให้ลูน่าวาร์ปติดตามศัตรูไปในทันที เพราะหลังจากที่ยานรบได้เปิดระบบวาร์ปมันก็จำเป็นจะต้องใช้เวลาในการชาร์จพลังงานสักพักหนึ่งจึงจะสามารถทำการวาร์ปอีกครั้งหนึ่งได้
โอกาสของเซี่ยเฟยมาถึงแล้ว!
“ผมกำลังจะไล่ตามยานของเซิร์กลำนั้น รุ่นพี่ระวังตัวด้วย” เซี่ยเฟยบอกกับโบซิงวา
ทันทีที่พูดจบลูน่าก็เคลื่อนที่เข้าสู่รูหนอนเพื่อทำการวาร์ปไปยังยานของพวกเซิร์ก
การตัดสินใจของชายหนุ่มทำให้โบซิงวาถอนหายใจ ก่อนที่เขาจะหันไปพูดกับเหล่าลูกเรือที่อยู่บนยาน
“เตรียมตัวให้พร้อม กำลังจะมีแรงระเบิดมาอีกครั้ง”
เยว่เกอพยายามขยับแขนที่หลุดไปในก่อนหน้านี้แต่แขนของเธอก็ยังคงเจ็บปวดเกินกว่าจะทนรับได้ เธอจึงเอาแต่ตะโกนสาปแช่งเซี่ยเฟยอย่างรุนแรงที่เลือกจะตามยานของศัตรูแทนที่จะเข้ามาช่วยเหลือพวกเธอ
“ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้บ้าเซี่ย!!!!”
***************
แบกรับทุกความเสี่ยงเพื่อเธอคนเดียว ทุกคนว่างั้นไหม?