ตอนที่ 97: ชีวิตและความตาย
ตอนที่ 97: ชีวิตและความตาย
“ทำลายตัวเอง!” เซี่ยเฟยอุทานอย่างตกตะลึง
ใครเป็นคนเปิดระบบทำลายตัวเอง?
สถานีอวกาศควรจะตกอยู่ภายใต้การควบคุมของโบซิงวา แล้วมันก็เป็นไปไม่ได้ที่โบซิงวาจะเริ่มเปิดระบบทำลายตัวเอง ด้วยเหตุนี้มันจะต้องมีใครบางคนได้แฮกเข้ามาในระบบและบังคับให้ระบบทำลายตัวเองเปิดใช้งาน
เมื่อเซี่ยเฟยได้นึกถึงพวกบลัดไรเดอร์และการเสียชีวิตของจัสทิสทั้งห้า เขาก็ได้ข้อสรุปว่าแผนกสืบสวนลับของสมาพันธ์คงกำลังพยายามตรวจสอบสถานีอวกาศแห่งนี้และพวกเขาก็ได้พบกับความลับของบลัดไรเดอร์โดยบังเอิญ
อย่างไรก็ตามทีมของพวกเขาก็ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างฉับพลัน พวกบลัดไรเดอร์จึงไม่มีเวลาทำลายหลักฐาน พวกมันจึงวางแผนจะทำลายสถานีอวกาศทั้งหมดเพื่อลบหลักฐานไปพร้อมกับสถานี
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็ตัดสินใจปล่อยให้เซียวไห่ลี่ตายด้วยตัวเอง เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดในเวลานี้คือเขาต้องรอดชีวิตไปจากสถานีให้ได้
ฟุบ!
เซี่ยเฟยเคลื่อนตัวไปที่ลิฟต์ด้านข้างโกดัง แต่ถึงแม้เขาจะกดสวิตซ์แล้วแต่ลิฟต์ก็ไม่ตอบสนองเขาเลยและแม้แต่ไฟแสดงสถานะก็ไม่สว่างขึ้นมา
เมื่อเซี่ยเฟยเคลื่อนที่ไปที่ลิฟต์อีกตัวเขาก็เปิดมันไม่ออกเช่นเดียวกัน ทำให้โกดังแห่งนี้กลายเป็นพื้นที่ถูกปิดตาย
สถานีอวกาศมีขนาดใหญ่มาก ดังนั้นเมื่อระบบทำลายตัวเองเปิดใช้งาน ผู้ที่อยู่อาศัยในสถานีย่อมไม่มีทางหนีรอดออกไปได้อย่างแน่นอน
ทันใดนั่นเองจู่ ๆ เซี่ยเฟยก็นึกถึงคู่มือฉุกเฉินที่ฉินหมางเคยมอบให้กับเขามา โดยข้อมูลในหนังสือได้ระบุเส้นทางหลบหนีของสถานีอวกาศเอาไว้ทั้งหมด ซึ่งแม้แต่เจ้าหน้าที่ของสถานีก็อาจจะไม่รู้เส้นทางหลบหนีทั้งหมดด้วยซ้ำ
เซี่ยเฟยรีบเปิดไมโครคอมพิวเตอร์อย่างเร็วที่สุดพร้อมกับเรียกดูข้อมูลจากคู่มือฉุกเฉินขึ้นมา
“เจอแล้ว” เซี่ยเฟยอุทานเมื่อพบว่าท่อระบายอากาศเหนือโกดังสามารถใช้เป็นเส้นทางหลบหนีของเขาได้
เมื่อเซี่ยเฟยได้เงยหน้า เขาก็ได้พบว่าท่ออยู่ห่างออกไปทางซ้ายประมาณ 200 เมตร โดยทางเข้าถูกติดเอาไว้เหนือพื้นดินขึ้นไปด้านบนประมาณ 4 เมตร
ชายหนุ่มกระโดดขึ้นสูงและทำการตวัดเชสซิ่งไลท์อย่างรวดเร็วพร้อมกับตัดประตูทางเข้าท่อออกเป็นชิ้น ๆ
หลังจากนั้นเซี่ยเฟยก็ใช้มือเกาะเกี่ยวท่อระบายอากาศเอาไว้ ก่อนที่จะม้วนตัวเข้าไปด้านในอย่างคล่องแคล่ว
ภายในท่ออากาศถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นหนาทำให้เขาสูดลมหายใจเข้าไปอย่างยากลำบาก แต่ถึงกระนั้นเซี่ยเฟยก็ไม่มีเวลาให้คิดเรื่องฝุ่นพวกนี้ เพราะเขาพยายามคลานไปตามท่อด้วยความเร็วที่สูงที่สุด
เส้นทางในท่ออากาศมีขนาดที่แตกต่างกัน โดยส่วนของท่อที่มีขนาดใหญ่นั้นเขาสามารถเคลื่อนที่ผ่านไปได้อย่างง่ายดาย แต่ท่อในส่วนที่มีขนาดเล็กที่สุดมันก็ทำให้เขาแทบที่จะคลานผ่านมาไม่ได้
ด้านหน้าเป็นท่อแคบ ๆ อีกหนึ่งครั้งที่มีความยาวประมาณ 100 เมตร เซี่ยเฟยจึงพยายามเหยียดแขนและพุ่งตัวไปด้านหน้าเป็นเส้นตรงเพื่อที่จะผ่านท่อไปให้ได้โดยเร็วที่สุด
ฟุบ!
หลังจากหลุดออกมาจากท่อแคบ ๆ เซี่ยเฟยก็พบทางออกอยู่ตรงหน้า ก่อนที่เขาจะพุ่งตัวออกไปด้วยความโล่งใจ
แต่ทันใดนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงเอะอะดังขึ้นมาจากทางด้านซ้ายและเมื่อเขาได้มองเข้าไป เขาก็ได้พบกับห้องขนาดใหญ่อยู่ด้านหลังประตู แล้วมันก็มีพวกบลัดไรเดอร์ประมาณ 7-8 ตัวกำลังแบกของภายในห้องด้วยความเร่งรีบ
หัวหน้าบลัดไรเดอร์กลุ่มนี้คือแมลงที่มีเกล็ดสีทอง โดยรูปร่างของมันสูงกว่าบลัดไรเดอร์ที่เซี่ยเฟยได้เคยเห็นมากและหางของมันก็เหยียดยาวหนาราวกับงูเหลือม
“รีบย้ายคนพวกนี้ไปที่ยานอวกาศเดี๋ยวนี้! สถานีอวกาศกำลังจะระเบิดแล้ว!!” แมลงตัวสีทองสั่งลูกน้องด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“ย้ายคน?” เซี่ยเฟยอุทานด้วยความสงสัยพร้อมกับสังเกตการณ์อย่างระมัดระวัง โดยพวกบลัดไรเดอร์กำลังขนกล่องที่ทำมาจากโลหะผสมรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าคล้ายกับโลงศพ
กล่องโลหะพวกนี้ถูกวางเอาไว้บนอุปกรณ์ที่ไม่รู้จักอย่างประณีตและมีท่อหนา 2 ท่อเชื่อมกล่องโลหะแต่ละกล่องเข้ากับอุปกรณ์ปริศนา
ระหว่างที่พวกแมลงกำลังขนกล่องปริศนามันก็มีอุบัติเหตุทำให้ท่อโลหะเกิดรอยรั่วขึ้นมา ก่อนที่มันจะมีแก๊สสีขาวพุ่งออกมาจากท่อ ซึ่งเมื่อแก๊สนี้ได้ปะทะเข้ากับขาของแมลงมันก็ทำให้แมลงตัวนั้นกรีดร้องขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับขาของมันที่ถูกเปลี่ยนเป็นน้ำแข็ง
ดูเหมือนอุปกรณ์ปริศนาชิ้นนั้นน่าจะเป็นอุปกรณ์ทำความเย็น และกล่องโลหะที่เซี่ยเฟยเห็นก็คงจะเป็นโลงศพที่เอาไว้เก็บร่างมนุษย์แช่แข็ง
แมลงตัวสีทองเดินเข้าไปยกโลงศพด้วยมือข้างหนึ่งพร้อมกับใช้มืออีกข้างแทงไปยังแมลงที่พลาดทำให้ท่อได้รับความเสียหาย
“ไอ้โง่!”
เล็บของแมลงตัวสีทองแทงเข้าไปในศีรษะของแมลงอีกตัวอย่างแรง และก่อนที่แมลงตัวที่ขาถูกแช่แข็งจะทันได้ส่งเสียงร้องอะไร กะโหลกศีรษะของมันก็ถูกตัดขาดพร้อมกับล้มลงไปเสียชีวิตที่จุดนั้นเลย
“ฮึ่ม!” แมลงตัวสีทองส่งเสียงร้องออกมาอย่างเย็นชา ก่อนที่มันจะยกโลงศพขึ้นไปไว้บนไหล่โดยไม่สนใจการตายของลูกน้องเลยแม้แต่นิดเดียว
“เหลือเวลาอีก 25 นาที ก่อนสถานีอวกาศจะเริ่มทำลายตัวเอง”
เสียงผู้หญิงจากระบบดังเตือนขึ้นอีกครั้ง
เสียงจากสถานีได้ดึงสติเซี่ยเฟยกลับคืนมาเขาจึงรีบวิ่งไปยังทางออก เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือเขาต้องรอดชีวิตออกไป ส่วนเรื่องแมลงกับโลงศพค่อยกลับมาคิดหลังจากที่เขารอดชีวิตออกไปแล้ว
“เดี๋ยวนะ…มนุษย์!” ในระหว่างที่เซี่ยเฟยกำลังวิ่งไปยังทางออกนั่นเอง จู่ ๆ เขาก็นึกถึงเซียวรั่วหยูที่ถูกลักพาตัวไป
‘หรือว่าเธอจะอยู่ในโลงศพ!?’
เซี่ยเฟยพยายามกัดฟันต่อต้านความคิดและยังคงเร่งรีบพุ่งตัวไปด้านหน้า
ถึงแม้ว่าเขาจะพุ่งเข้าไปต่อสู้กับแมลงพวกนั้นอย่างสิ้นหวัง แต่เขาก็ยังไม่มีความแข็งแกร่งมากพอที่จะต่อสู้กับพวกแมลงพร้อม ๆ กันอยู่ดี ดังนั้นถ้าหากว่าเขามุทะลุมากจนเกินไปมันไม่เพียงแต่เขาจะไม่สามารถช่วยเซียวรั่วหยูได้เท่านั้น แต่เขาอาจจะเอาชีวิตของตัวเองไปทิ้งอีกด้วย
นอกจากนี้สถานีอวกาศก็กำลังจะระเบิด ด้วยเหตุนี้ถ้าหากว่าเซียวรั่วหยูอยู่ในโลงศพพวกนั้นจริง ๆ เธอก็จะปลอดภัยเมื่อพวกแมลงขนโลงศพขึ้นไปบนยานอวกาศ
สิ่งที่เขาสมควรจะทำในตอนนี้คือการหลบหนีออกจากจุดปลอดสัญญาณการสื่อสาร จากนั้นเขาจะทำการเรียกยานลูน่ามาเตรียมพร้อมประจัญบาน แล้วเขาค่อยกลับไปช่วยเซียวรั่วหยูในตอนนั้นก็ยังไม่สาย
เมื่อได้ข้อสรุปภายในใจเซี่ยเฟยก็ไม่ลังเลอีกต่อไป เขาจึงเร่งความเร็วไปตามเส้นทางที่เขาจดจำเอาไว้เพื่อพยายามกลับขึ้นไปบนยานให้เร็วที่สุด
ครู่ต่อมาสัญญาณของไมโครคอมพิวเตอร์ก็กลับคืนมา ดังนั้นเซี่ยเฟยจึงรีบส่งคำสั่งไปที่ลูน่าในทันที
ลูน่าอยู่ห่างจากสถานีอวกาศแห่งนี้ไปประมาณ 50,000 ปีแสง ซึ่งอย่างมากที่สุดมันก็จำเป็นจะต้องใช้เวลาประมาณ 10 นาทีก่อนที่มันจะมารับเขาได้
“รุ่นพี่โบซิงวา! สถานการณ์ทางฝั่งนั้นเป็นยังไงบ้าง” เซี่ยเฟยรีบติดต่อไปยังโบซิงวาขณะที่ขาของเขายังคงวิ่งอยู่
“สถานการณ์ทางนี้ไม่ค่อยดี จู่ ๆ ยานรบของพวกเซิร์กก็โผล่มา ตอนนี้ฉันกำลังยิงปะทะกับพวกมันอยู่ เซียวไห่ลี่กับเควรอซอยู่ที่ไหน? พวกเขาอยู่กับนายหรือเปล่า?” โบซิงวากล่าวถามอย่างเร่งรีบ
ภายในเครื่องสื่อสารมีเสียงปืนดังกึกก้องเข้ามาเป็นระยะ ๆ พร้อมกับหน้าจอที่สั่นไหวอยู่ตลอดเวลาแสดงให้เห็นว่าสถานการณ์ทางฝั่งโบซิงวาก็กำลังวิกฤตอยู่เช่นกัน
“สถานการณ์ตอนนี้ซับซ้อนมาก ผมไม่รู้สถานะของรุ่นพี่เควรอซกับรุ่นพี่เซียวไห่ลี่เลย ตอนนี้ผมกำลังทำการถอนตัว รุ่นพี่ช่วยเปิดช่องลงจอดของสถานีให้หน่อยได้ไหม” เซี่ยเฟยกล่าว
เซี่ยเฟยไม่ได้พูดเรื่องการกระทำของเซียวไห่ลี่ออกไป เพราะเขารู้ว่าโบซิงวากับเซียวไห่ลี่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ด้วยเหตุนี้ถ้าหากเขาบอกว่าเซียวไห่ลี่มีความคิดที่จะฆ่าเขาโบซิงวาก็อาจจะตั้งข้อสงสัยในตัวเขาได้
“ตอนนี้ฉันสูญเสียการควบคุมสถานีอวกาศไปแล้ว…ขอโทษด้วย” โบซิงวากล่าวหลังจากเงียบเสียงไปครู่หนึ่ง
“เข้าใจแล้วครับ ผมได้เรียกยานอวกาศของผมมาช่วยชื่อรหัสของมันคือลูน่า รุ่นพี่อย่าโจมตีมันนะครับ” เซี่ยเฟยกล่าว
โบซิงวาพยักหน้ารับก่อนที่เขาจะถามกลับออกไปด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
“ตอนนายออกมา…เซียวไห่ลี่กับเควรอซยังรอดชีวิตอยู่ไหม”
“ตอนนั้นพวกเขายังไม่ตายครับ ขอโทษด้วยที่ตอนนี้ผมยังเล่ารายละเอียดไม่ได้” เซี่ยเฟยตอบอย่างรวบรัดขณะพยายามดิ้นรนวิ่งผ่านทางเดินแคบ ๆ
“ไม่เป็นไร ชีวิตจัสทิสก็เป็นแบบนี้แหละ ตอนนี้นายก็กำลังพยายามหลบหนี ส่วนฉันก็กำลังยิงสู้กับยานรบอย่างสิ้นหวัง ขอให้นายโชคดีหลบหนีออกมาจากสถานีอวกาศได้” โบซิงวากล่าว
หลังกล่าวจบทั้งสองก็เงียบเสียงลงไปชั่วขณะ เพราะท้ายที่สุดทั้งสองฝ่ายต่างก็ล้วนแล้วแต่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายไม่ด้อยไปกว่ากัน
“ขอให้รุ่นพี่โชคดีเหมือนกัน” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ไอ้บ้าเซี่ย!! ฟังนะ!! นายจะต้องรอดกลับมาให้ได้!!!” ทันใดนั้นเองเยว่เกอก็โผล่มาตะโกนเข้าใส่หน้าจอ
เซี่ยเฟยรีบปิดเครื่องสื่อสารโดยไม่สนใจคำร้องขอการสื่อสารหลังจากนั้นอีก
ในช่วงเวลาความเป็นความตายอารมณ์ถือว่าเป็นเรื่องที่ไร้ประโยชน์ ดังนั้นในตอนนี้เขาจึงจำเป็นจะต้องสงบสติอารมณ์ให้ได้มากที่สุดและพยายามหลบหนีออกไปจากสถานีอวกาศ
เซี่ยเฟยใช้วิธีคลานไปตามท่อของสถานีอวกาศและในที่สุดหลังจากเวลาได้ผ่านพ้นไปประมาณ 20 นาที เขาก็เดินทางมาถึงห้องโดยสารได้ในที่สุด
ในเวลาเดียวกันมันก็มีรูหนอนที่สว่างไสวเปิดขึ้นในห้วงอวกาศ ก่อนที่ลูน่าจะขับเคลื่อนออกมาปรากฏตัวห่างจากสถานีอวกาศไปไม่ไกล
เมื่อเซี่ยเฟยมองออกไปทางช่องหน้าต่างเขาก็เห็นว่ายานรบของพวกเซิร์กกำลังทำการต่อสู้กับยานรบของโบซิงวาอยู่ พวกมันจึงไม่เป็นภัยคุกคามต่อลูน่า
สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการพยายามทำการหลบหนี เซี่ยเฟยจึงก้มหน้าลงไปอ่านคู่มือฉุกเฉินอีกครั้ง
พริบตาต่อมาดวงตาของเซี่ยเฟยก็สว่างไสวเมื่อเขาได้เห็นว่ามันมีห้องหลบหนีฉุกเฉินอยู่ใต้ห้องโดยสาร
ห้องหลบหนีแห่งนี้ถูกออกแบบมาเพื่อรับมือกับเหตุฉุกเฉิน เขาจึงสามารถเปิดประตูด้วยตัวเองได้และในห้องฉุกเฉินก็มีชุดอวกาศเตรียมเอาไว้ให้เสร็จสรรพ
อวกาศอยู่ในสถานะสุญญากาศ ดังนั้นถ้าหากว่าเขาปราศจากชุดอวกาศเขาก็ไม่สามารถรอดชีวิตกลับไปได้ แม้ว่าเขาจะสามารถหลบหนีออกจากสถานีอวกาศได้ก็ตาม
เซี่ยเฟยเคลื่อนที่ไปยังห้องฉุกเฉินตามคำแนะนำของคู่มือ ก่อนที่เขาจะทำการสวมชุดอวกาศที่ไม่ได้ถูกใช้งานมานานกว่า 100 ปี ซึ่งเขาก็ทำได้แต่ภาวนาภายในใจว่าขอให้ชุดนี้อย่าได้มีปัญหาอะไรเลย
หลังจากนั้นเขาก็ใช้มือทั้งสองข้างจับพวงมาลัยทรงกลมที่ประตูแรงดัน ก่อนที่จะออกแรงหมุนด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดของเขา
ในที่สุดหลังจากที่ชายหนุ่มได้หมุนพวงมาลัยไป 11 รอบประตูที่ปิดสนิทก็เปิดออก เซี่ยเฟยจึงตั้งพิกัดไปยังตำแหน่งของลูน่าก่อนที่จะพุ่งตัวออกไปในอวกาศที่ว่างเปล่า
ระหว่างนั้นเซี่ยเฟยได้ทำการควบคุมระบบขับเคลื่อนบนชุดอวกาศท่ามกลางท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวและค่อย ๆ เคลื่อนที่เข้าไปใกล้กับลูน่า
เหตุการณ์ทุกอย่างผ่านไปอย่างราบรื่น ซึ่งหลังจากที่เวลาผ่านพ้นไปไม่นานเซี่ยเฟยก็ได้เข้าไปอยู่ในห้องบัญชาการของลูน่าได้สำเร็จ
ต่อมาชายหนุ่มก็ทำการควบคุมยานรบมุ่งหน้าเข้าหายานของพวกเซิร์กที่กำลังต่อสู้กับพวกโบซิงวาด้วยความเร็วสูงสุด พร้อมกับยิงปืนใหญ่นิวตรอนและขีปนาวุธออกไปอย่างสุดกำลัง
ยานของพวกเซิร์กมีขนาดพอ ๆ กันกับยานรบของโบซิงวา ซึ่งหลังจากที่ยานรบได้รับการโจมตีของลูน่าไป 3 ระลอก เกราะพลังงานที่ห่อหุ้มตัวยานเอาไว้ก็ถูกทำลายลงไปในที่สุด
ต่อมาปืนใหญ่นิวตรอนก็พุ่งกระทบเข้ากับตัวเกราะของยานโดยตรงทำให้เกิดเปลวไฟโหมกระหน่ำปะทุออกมาจากตัวยาน
ตูม!
ในที่สุดยานรบของพวกเซิร์กก็เกิดการระเบิดออกมาครั้งใหญ่พร้อมกับก่อให้เกิดแสงสว่างวาบไปทั่วทั้งบริเวณ
แม้ว่ายานรบจะถูกทำลายแต่เซี่ยเฟยก็ยังไม่ลดความระมัดระวังของเขาลง เพราะเขารู้ว่ายังมียานรบของพวกเซิร์กอีกลำอยู่ใกล้ ๆ และบนยานลำนั้นก็อาจจะมีเซียวรั่วหยูถูกจับขังอยู่
สิ่งที่น่าแปลกคือไม่ว่าเขาจะใช้ระบบเรดาร์ทำการตรวจจับยังไง แต่เขาก็ไม่พบกับยานลำดังกล่าวเลย ด้วยเหตุนี้มันจึงมีโอกาสเป็นไปได้สูงมากที่ยานรบอีกลำจะติดตั้งระบบพรางตัวเอาไว้
“ขอบคุณมาก” โบซิงวาส่งสัญญาณติดต่อเข้ามาในลูน่าพร้อมกับเช็ดเหงื่อ
“ยังมียานข้าศึกอีกลำ รุ่นพี่ช่วยเปิดระบบป้องกันแบบโอเวอร์โหลดเอาไว้ด้วย ผมกำลังจะใช้ระเบิดช็อกบอมบ์แล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาด้วยหน้าตาอันจริงจัง
เขาได้ทำการพิจารณาสถานการณ์ต่าง ๆ ทั้งหมดแล้วและมันก็มีโอกาสสูงมากที่ศัตรูจะเปิดระบบพรางตัวเอาไว้ ซึ่งแม้ว่าการใช้ระเบิดช็อกบอมบ์จะไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดสำหรับการจัดการกับระบบพรางตัว แต่มันก็เป็นหนึ่งในวิธีอันรุนแรงที่บังคับให้ศัตรูเปิดเผยตัวออกมาได้
น่าเสียดายที่การใช้ระเบิดช็อกบอมบ์ไม่แยกแยะระหว่างมิตรหรือศัตรู ดังนั้นทันทีที่ระเบิดทำงานขึ้นมามันจะส่งพลังทำลายไปยังพื้นที่บริเวณรอบข้างอย่างเท่าเทียม
นอกจากคนบ้าอย่างเซี่ยเฟยแล้ว ในสถานการณ์ปกติมันก็คงจะไม่มีใครคิดจะใช้อาวุธแบบนี้
“อะไรนะ! บนยานของนายมีระเบิดช็อกบอมบ์ด้วยงั้นหรอ?!” โบซิงวาพูดขึ้นมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ แต่ทันใดนั้นเขาก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“เดี๋ยวก่อน! บนยานของฉันไม่มีระบบป้องกันแบบโอเวอร์โหลด!!”
“ขอโทษด้วยครับ มือผมลั่นไปแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
คำตอบจากชายหนุ่มทำให้โบซิงวารู้สึกตกตะลึง ซึ่งหลังจากเวลาได้ผ่านพ้นไปไม่กี่วินาทีเขาก็ตระหนักว่าเซี่ยเฟยไม่ได้พูดล้อเล่น
“รีบก้มตัวลงไป! แล้วเอามือกุมหัวเอาไว้เร็ว ๆ เข้า!!”
“บ้าไปแล้ว! นี่มันบ้าไปแล้วชัด ๆ!! เขาต้องเป็นคนแบบไหนถึงได้พกระเบิดช็อกบอมบ์เอาไว้บนยานตลอดเวลา” โบซิงวาพึมพำกับตัวเอง
เซี่ยเฟยหลับตาลงพร้อมกับนึกถึงใบหน้าที่น่ารักของเซียวรั่วหยู
เพื่อที่จะนำตัวเธอกลับมามันอย่าว่าแต่ระเบิดช็อกบอมบ์เลย เพราะแม้แต่ระเบิดนิวเคลียร์เขาก็พร้อมก็จะใช้งานมันโดยไม่ลังเล
“ฉันจะไม่มีทางปล่อยเธอไปอีกเด็ดขาด!” เซี่ยเฟยพูดกับตัวเองพร้อมกับใช้นิ้วกดลงไปบนปุ่มสีแดง
วินาทีต่อมาระเบิดก้อนสีดำก็ถูกยิงออกไปบนท้องฟ้าของอวกาศอย่างเงียบสงบ โดยในเวลานี้เหลือเวลาอีกเพียงแค่ 6 นาที 27 วินาทีก่อนที่สถานีอวกาศจะเริ่มทำลายตัวเอง
***************