CD บทที่ 338 คุณคือลูกสะใภ้ของฉัน
ในท้ายที่สุด จ้าวหยู่ก็เลือกยิมปราณก้นเหวเป็นโครงการที่เขาต้องการลงทุน เพราะเขาพบว่าสถานที่แห่งนี้มีศักยภาพพร้อมที่นำไปพัฒนาต่อในภายภาคหน้า
ประการแรก ตัวยิมอยู่ในทำเลที่ดี และสามารถทำกำไรให้เขาได้
ประการที่สอง เขาสามารถช่วยโจวหยาง และแก๊งของเขาแก้ปัญหาการว่างงานโดยให้พวกเขาทำงาน
ประการที่สาม เนื่องจากคดีล่าสุด จ้าวหยู่รู้สึกว่าจำเป็นต้องฝึกฝนร่างกายของเขาอย่างเหมาะสม และเพิ่มเติมทักษะบางอย่าง ด้วยวิธีนี้ เขาสามารถต่อสู้กับอาชญากรได้ดีขึ้น ถ้าเขาเข้ายิมบ่อย ๆ อย่างน้อย ๆ เขาก็สามารถบรรลุเป้าหมายในการมีรูปร่างที่ดีได้!
ประการที่สี่ เขาตระหนักว่ามีพื้นที่มากมายในยิมที่ยังไม่ได้รับการพัฒนา เขาต้องการใช้สถานที่นี้ในการจัดตั้งศูนย์ฝึกศิลปะการต่อสู้ต่าง ๆ อย่างเช่น ซ่านโฉ่วและมวยสากล เขาสามารถฝึกฝนทักษะพวกนี้ให้เฉียบคม และในขณะเดียวกันก็ดึงดูดเหมี่ยวอิงให้มาสนใจ เพราะเธอเองก็มีความสนใจที่คล้ายกันกับเขา
การซื้อยิมจะช่วยให้เขาสามารถหาเงิน ฝึกฝนร่างกาย ฝึกศิลปะต่อสู้ และไล่ตามหญิงสาวในฝันของเขาได้ นอกจากนี้ เขายังสามารถแก้ปัญหาการว่างงานที่ลูกน้องของเขาเผชิญอยู่ได้อีกด้วย ถือว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกเป็นฝูง
แม้ว่าจ้าวหยู่จะรู้ว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่สามารถลงทุนในธุรกิจได้ แต่เขาก็สามารถดำเนินธุรกิจได้แบบเดียวกับที่เจ้าของคนก่อนทำ โดยเขาจะมอบอำนาจให้โจวหยางเป็นตัวแทนทางกฎหมาย ในขณะที่เขาทำงานอยู่เบื้องหลัง นั่นเป็นเหตุผลที่เขาขอความช่วยเหลือจากนายเถา
จ้าวหยู่ก็ฉลาดเช่นกัน ในวันนั้นเขาได้คำทำนาย ‘Dui-Li’ ซึ่งเป็นตัวแทนของเงินและมิตรภาพ เขาจึงตั้งใจจะมาขอความช่วยเหลือจากนายเถา
ใครจะรู้ว่านายเถาสามารถช่วยเขาติดต่อกับบุคคลที่รับผิดชอบในส่วนนี้ได้ ถ้าเขาสามารถเป็นเจ้าของยิมได้จริง ๆ จ้าวหยู่ก็จะเข้าใกล้เป้าหมายในการอยู่กับเหมี่ยวอิงไปอีกก้าวหนึ่ง อย่างไรก็ตาม แม้ว่าแผนการจะดูดีมาก แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย
เวลาประมาณบ่ายสามโมง นายเถาโทรมาบอกจ้าวหยู่ว่าเขาได้ติดต่อประธานของห้างหัวเป่ยแล้ว แต่มันค่อนข้างลำบากเนื่องจากยิมถูกเปิดเผยว่าถือครองโดยพ่อค้าคนดำใต้ดิน มันถูกอายัติโดยตำรวจ และได้มอบสิทธิ์ความเป็นเจ้าของสถานที่ให้กับทางรัฐบาล
นี่เป็นขั้นตอนการส่งต่อตามปกติ มีเพียงญาติสนิทของตัวแทนทางกฎหมายเท่านั้นที่สามารถรับช่วงต่อได้ แต่นายจางถูกจับกุมและคุมขังในเรือนจำ และเขาไม่มีใครญาติคนไหนเลย
ดังนั้นขั้นตอนในการรับยิมจึงมีความซับซ้อนมาก ทำให้ตอนนี้อำนาจการถือครองสิทธิ์เป็นสุญญากาศ แต่แน่นอนว่าทางห้างหัวเป่ยไม่ต้องการให้ชื่อเสียงของการจัดการอาคารของพวกเขาได้รับผลกระทบ หรือให้ลูกค้าที่เป็นสมาชิกของยิมอยู่แล้วต้องมาบ่น ดังนั้นยิมยังคงเปิดต่อภายใต้อำนาจของห้างหัวเป่ย
แม้ว่าทางห้างจะเข้ามาบริหารโรงยิม แต่ก็ไม่มีสิทธิ์โอนกรรมสิทธิ์ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ลำบากมาก ประธานตึกต้องการคลี่คลายความขัดแย้งโดยเร็วและให้ใครเข้ามารับช่วงต่อแต่ไม่มีใครกล้ารับช่วงต่อเพราะทุกอย่างไม่แน่ไม่นอน ดังนั้น แม้ว่านายเถาจะเข้าพบประธานโดยตรง แต่เขาไม่มีทางที่จ้าวหยู่จะซื้อโรงยิมได้อย่างถูกกฎหมาย
จ้าวหยู่ขอบคุณนายเถาสำหรับความช่วยเหลือ และบอกอีกฝ่ายว่าจะลองหาทางอื่นดู
ตั้งแต่บ่ายจนถึงเย็น จ้าวหยู่กำลังพิจารณาเรื่องนั้นโดยตั้งใจที่จะมองหาวิธีที่จะได้เป็นเจ้าของยิมอย่างถูกกฎหมาย และในขณะเดียวกันก็ด้วยเงินจำนวนน้อยที่สุด
คืนนั้น จ้าวหยู่โชคดีอีกครั้ง แม้ว่าอัตราความสำเร็จในวันนั้นจะอยู่ที่ 83% แต่เขาได้รับกล้องวงจรปิดล่องหนเวอร์ชั่นธรรมดา แม้ว่ามันจะมีฟังก์ชั่นการทำงานเหมือนกัน แต่มันสามารถใช้งานได้เพียง 12 ชั่วโมงเท่านั้น
‘หื้ม?’ จ้าวหยู่ฉุกคิด
เมื่อเขามองไปที่กล้องวงจรปิดล่องหน เขาก็นึกถึงใครบางคน
"ใช่แล้ว ถ้าฉันต้องการแก้ปัญหาเรื่องยิม ทำไมฉันไม่ลองขอความช่วยเหลือจากเขาดูล่ะ?”
วันต่อมา จ้าวหยู่ได้รับคำทำนาย ‘Xun-Kan’
‘Xun’ เป็นตัวแทนของครอบครัว และ ‘Kan’ เป็นตัวแทนของความรักหรือผู้หญิง
ดูเหมือนว่าตั้งแต่คดีปิดลง ระบบต้องการให้จ้าวหยู่พักผ่อนและสนุกกับชีวิต แต่จ้าวหยู่ได้วางแผนจะทำเรื่องต่าง ๆ ในวันนี้ไว้แล้ว แม้ว่าเขาจะได้คำว่า ‘Xun-Kan’ แต่เขาก็จะทำตามแผนเดิมโดยไปที่ร้านน้ำชากวงหยวนทางตอนเหนือในตอนเช้าตรู่
จีชุนฮัว เถ้าแก่โรงน้ำชากำลังเพลิดเพลินกับการดื่มชาของเขา เมื่อเขาเห็นจ้าวหยู่บุกเข้ามาราวกับพายุ เขารู้สึกหวาดกลัวและเกือบทำกาน้ำชาทรายสีม่วงราคาแพงของเขาแตก!
“กะแก… แกมาทำอะไรที่นี่!? แกต้องการอะไร!?” จี้ชุนฮัวถอดเฝือกที่ขาออกแล้ว เพราะเขาไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นปีศาจตนนี้อีก
“ใจเย็น ๆ ไม่ต้องตกใจไป” จ้าวหยู่นั่งถัดจากจีชุนฮัว และยื่นมือไปรินชาให้ตัวเอง แล้วพูดขึ้นว่า “วันนี้ฉันไม่ได้สวมเครื่องแบบตำรวจ ฉันมาหาคุณ เพราะฉันมีเรื่องบางอย่างต้องการให้คุณช่วย”
"หา?" จึชุนฮัวรู้สึกท่วมท้นไปด้วยอารมณ์ที่ขัดแย้งกัน เขาทั้งรู้สึกโกรธ รำคาญ กังวล และกลัว เขาไม่รู้ว่าเจ้าปีศาจตรงหน้ากำลังพยายามใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไรกับเขา
จ้าวหยู่ทำตัวเหมือนกับอยู่บ้าน เขาจิบชาและบอกจีชุนฮัวอย่างตรงไปตรงมาว่าเขาต้องการเป็นเจ้าของยิมปราณก้นเหว แน่นอนว่าเขาพูดไม่ได้ว่าเขาต้องการซื้อมัน แต่เขากำลังช่วยเพื่อนของเขา
"คุณจี ฉันรู้ว่าคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องพวกนี้ คุณมีวิธีและเส้นสายมากมาย“จ้าวหยู่ยิ้มอย่างมุ่งร้ายและพูดว่า”ดังนั้นฉันจึงมาหาคุณ"
“จ้าวหยู่ ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่? ถ้าเป็นสิ่งที่ตำรวจทำไม่ได้ แล้วฉันจะไปทำอะไรได้?” จีชุนฮัวกลอกตาและพูดว่า “ฉันต้องขอโทษด้วยที่ต้องทำให้คุณเสียเที่ยว ฉันช่วยคุณไม่ได้จริง ๆ!”
“ก็ได้ เรื่องที่พูดก่อนหน้านี้ถือว่าลืม ๆ มันไปซะ!” จ้าวหยู่ตอบอย่างเฉยเมย จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนและประสานมือเข้าด้วยกัน จากนั้นก็เริ่มสวดมนต์และชี้ไปที่จีชุนฮัว
“โอม ข้าแต่ไท้เสียงเหล่ากุง ได้โปรดสถิตลงมาที่นี่ด้วย อืม... ฉันเห็นว่าหน้าผากของคุณเปลี่ยนเป็นสีเข้ม ไม่แน่ว่าคุณอาจจะมีปัญหา…”
“อ๊าก! มันมาอีกแล้ว!” จีชุนฮัวกำลังจะบ้า สัญชาตญาณของเขาบอกให้ไล่จ้าวหยู่ออกไป แต่จีชุนฮัวรู้ว่าจ้าวหยู่น่ากลัวมากแค่ไหน เขารีบหยุดจ้าวหยู่ทันที
“ก็ได้! ก็ได้! เลิกบ้าได้แล้ว ตกลงมั้ย? พอได้แล้ว ได้โปรด...” จีชุนฮัวตัวสั่นและพูดว่า “ตกลง ฉันจะจัดการเรื่องนี้ให้คุณเอง แต่เราต้องตกลงกันว่าฉันจะเป็นคนกลาง ค่าดำเนินการและค่าใช้จ่าย ๆ ของฉันไม่สามารถลดได้!”
"โอ้?" จ้าวหยู่รู้สึกประหลาดใจ “คุณสามารถจัดการเรื่องนี้ได้จริง ๆ หรือ? แล้วทำตามกฎหมายรึเปล่า?”
“ถ้ามันไม่ถูกกฎหมาย ฉันจะกล้าจัดการให้คุณไหม? ฉันคงไม่กล้าทำเรื่องผิดกฎหมายต่อหน้าตำรวจหรอก” จีชุนฮัวตอบอย่างช่วยไม่ได้ “เกี่ยวกับวิธีการทำงานของฉัน คุณอย่าเข้ามายุ่ง ฉันจะให้สัญญาทางกฎหมายแก่คุณ ฉันคงไม่สามารถทำอะไรได้มากนักเกี่ยวกับราคา”
“อืม...” จ้าวหยู่ไม่ตอบโดยตรง แต่ส่ายหัวราวกับว่าเขากำลังเป็นลม "คุณจี คางของคุณเริ่มคล้ำ ฉันคิดว่าคุณอาจมีปัญหา สวรรค์กำลังจับจ้อง… มันยากที่จะแก้ไข…”
“ฉันยอมแล้ว ๆ อย่าทำอะไรฉันเลย” จีชุนฮัวใกล้จะคุกเข่าต่อหน้าจ้าวหยู่ เขาประสานมืออย่างรวดเร็วและโค้งคำนับ “ฉันจะยอมสละส่วนแบ่งของฉัน ตกลงมั้ย? และจะช่วยให้คุณลดราคาสัญญาให้ต่ำที่สุด ส่วนค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ฉันลดให้ไม่ได้แล้ว!”
“โอม...” จ้าวหยู่จับมือกันและตอบว่า "ดูเหมือนว่าคุณมีความตั้งใจที่จะเป็นคนใจดี ฉันจะช่วยคุณแก้ไขหายนะ นี่เบอร์โทรศัพท์ของฉัน ถ้าจัดการทุกอย่างเสร็จแล้วให้โทรหาฉัน”
จ้าวหยู่เขียนหมายเลขของเขาลงในสมุดบันทึกที่อยู่ตรงหน้าเขาและฉีกให้เขา
หน้าผากของจีชุนฮัวเต็มไปด้วยเหงื่อ เมื่อเขามองลงไป เขาก็ส่งเสียงคำรามอีกครั้ง “อะไรวะ!? ถ้วยชาทรายสีม่วงของฉันหายไปไหน!? หรือว่า…”
…
จ้าวหยู่กลับมาที่รถ เขากำลังลูบถ้วยชาสีม่วงในมือของเขา เขาคิดกับตัวเองว่า
‘ใบชาของจีชุนฮัวนั้นดีมาก ฉันควรจะมาลองดื่มชาพร้อมกับถ้วยชาหรูอันนี้’
เรื่องยิมดูเหมือนจะมีความคืบหน้า และจ้าวหยู่ก็อารมณ์ดี แต่เขาหมกมุ่นอยู่กับความคิดที่จะไปออกกำลังกายโดยลืมเรื่องคำทำนายของวันนี้ไปเสียสนิท
ในระหว่างที่เขากำลังจะขับรถออกไป จู่ ๆเหมี่ยวอิงก็โทรมาหาเขา
“จ้าวหยู่...” เสียงของเหมี่ยวอิงฟังดูแปลก ๆ “ฉันมีเรื่องต้องบอกคุณ ในระหว่างที่ฉันกำลังซื้ออาหารเช้าที่ร้านขนมจีนใกล้สถานีตำรวจ คุณรู้จักที่นั่นมั้ย?”
"รู้จัก ทำไมเหรอ?" จ้าวหยู่ไม่เคยได้ยินเหมี่ยวอิงพูดแบบนี้มาก่อน ดังนั้นเขาจึงอยากรู้อยากเห็น
“จากนั้น หญิงชราคนหนึ่งวิ่งมาหาฉันและบอกว่าฉันเป็นลูกสะใภ้ของเธอ!” เหมี่ยวอิงพูดต่อ
“น่าสนใจ แต่ว่าหญิงชราคนนั้นอาจจะมีสติฟั่นเฟือน บางทีเธออาจจะจำคนผิดก็ได้… เอ๊ะ เดี๋ยวนะ…”
ทันใดนั้น จ้าวหยู่ก็เข้าใจบางอย่าง เขาตกตะลึงราวกับว่าเขาถูกฟ้าผ่า
“และเธอบอกว่าเธอมีลูกชายชื่อจ้าวหยู่!” เหมี่ยวอิงพูดในสิ่งที่ผุดขึ้นในใจของจ้าวหยู่ก่อนหน้านี้ “ดังนั้น คุณช่วยอธิบายเรื่องนี้ให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม?”