บทที่ 71: ข้าไม่อยากได้รับความช่วยเหลือจากเจ้า
ใต้ต้นไม้เก่าแก่ หลงโม่จ้องมองหูเจียวเจียวที่กำลังถูกคนในเผ่าผลักไปหาอิงหยวน ในขณะที่ร่องรอยแห่งความรังเกียจพาดผ่านดวงตาสีทองของเขา
ผู้หญิงคนนั้นยังคงพยายามหาทางเข้าใกล้อิงหยวน
ความคิดนี้ทำให้ใบหน้าของมังกรหนุ่มเย็นชามากยิ่งขึ้น
ตามธรรมชาติของสุนัขจิ้งจอก สัตว์ประเภทนี้มีความเจ้าเล่ห์กว่าใคร ๆ นางอาจจะแสร้งทำดีกับลูกของตนเพื่อเอาใจอิงหยวนใช่หรือไม่?
เมื่อหลงโม่นึกถึงลูกทั้ง 5 คนที่ยังรออยู่ที่บ้าน เขาก็หันหลังเดินกลับไปอย่างเฉยเมย
หลังจากที่ชายหนุ่มเดินทางกลับถึงบ้าน เขาก็ไม่สนใจเรื่องของหูเจียวเจียวอีกแล้วลงมือจัดการกับเหยื่อที่ตนนำกลับมาด้วยในวันนี้
เพื่อถนอมอาหารให้เก็บไว้กินได้นานขึ้น เหยื่อส่วนใหญ่ที่เขาล่าได้ในครั้งนี้ยังไม่ตายสนิท เขาเหลือลมหายใจเฮือกสุดท้ายไว้ให้พวกมัน
ต่อมา เขาฆ่าเหยื่อให้ตายอย่างน่าสยดสยอง 2 ตัว และมัดส่วนที่เหลือด้วยไม้หวายก่อนจะโยนพวกมันไว้ข้างกองฟืน กรงเล็บอันแหลมคมของเขาข่วนเหยื่อ 2-3 ครั้ง ไม่นานหนังสัตว์ที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ก็หลุดออกมา
ส่วนอวัยวะภายในที่เหม็นและสกปรกจะถูกโยนลงไปในแม่น้ำให้ไหลไปตามกระแสน้ำ เมื่อมันถูกสายน้ำพัดพาออกจากเผ่า สัตว์ป่าก็จะมากินพวกมัน
ในเวลาสั้น ๆ มังกรหนุ่มก็จัดการเหยื่อ 2 ตัวเสร็จ โดยที่เนื้อหนัก ๆ กับไขมันถูกหั่นเป็นชิ้นอย่างประณีต ซึ่งแม้แต่กระดูกเขาก็สามารถตัดมันได้แบบเรียบร้อย
ถ้าหูเจียวเจียวอยู่ที่นี่ เธอจะต้องทึ่งอย่างแน่นอนแล้วคิดว่ากรงเล็บของภูตนั้นใช้งานง่าย มันตัดกระดูกได้เรียบเนียนและเกลี้ยงเกลายิ่งกว่าการใช้มีดเสียอีก
เมื่อลูกทั้ง 5 ได้ยินเสียงดังจากข้างนอก พวกเขาก็คิดว่าแม่จิ้งจอกกลับมาแล้วจึงพากันวิ่งออกไปดู
แต่ในขณะที่เหล่าเด็กน้อยพุ่งออกจากบ้านมาด้วยความตื่นเต้น ทุกคนก็ต้องชะงักไปเพราะคนที่อยู่ตรงลานบ้านมีแค่หลงโม่คนเดียว
"ท่านพ่อ ทำไมท่านพ่อไม่พาท่านแม่กลับมาบ้านด้วยล่ะ?" หลงหลิงเอ๋อหันมองไปทั่วบริเวณบ้านแต่ไม่เห็นหูเจียวเจียว จากนั้นเด็กสาวก็มุ่ยปาก ย่นหน้าและพ่นลมแบบไม่พอใจ ประหนึ่งว่ามีควันออกจากหูของนางเหมือนกาต้มน้ำ
แม้ว่าเด็กคนอื่น ๆ จะไม่พูดอะไร แต่พวกเขาก็จ้องผู้เป็นพ่ออยู่ครู่หนึ่งเพื่อรอคำตอบของอีกฝ่าย
คำถามของลูกสาวทำให้หลงโม่วางงานในมือลงชั่วคราว พร้อมกับที่ร่องรอยของความเย็นชาวาบในดวงตาสีทองของเขา
เมื่อเขาคิดถึงลูก ๆ ที่จะต้องอยู่กับหูเจียวเจียวในอนาคต เขาจึงตอบด้วยเสียงแผ่วเบา "พ่อหานางไม่เจอ"
ใบหน้าของเด็กตระกูลหลงเปลี่ยนไปเล็กน้อยหลังจากได้ยินสิ่งที่พ่อมังกรพูด
ถัดมา หลงเหยากระดิกหางบินไปตรงหน้าหลงโม่ ก่อนจะอ้าปากกัดกระโปรงหนังสัตว์ของเขา แล้วออกแรงพยายามดึงเขาออกไปนอกบ้านพลางส่งเสียงร้อง "อื้อ อื้อ!"
ในขณะที่หลงอวี้มองไปบนท้องฟ้าอย่างสงบและโพล่งออกมาว่า "นางน่าจะกลับมาถึงเผ่าได้สักพักแล้ว กลุ่มเก็บเกี่ยวไม่เคยกลับมาช้าขนาดนี้ ระหว่างทางท่านได้เจอกับท่านผู้เฒ่าหรือไม่?"
ส่วนหลงจงขมวดคิ้ว เมื่อเทียบกับคนเป็นพี่ใหญ่ การแสดงออกของเขาดูหงุดหงิดมาก "นางไปทำให้ชาวบ้านไม่พอใจตั้งเยอะตั้งแยะ บางทีนางอาจจะถูกโยนออกจากเผ่าไปแล้วก็ได้"
สิ่งที่ทำให้เด็กหนุ่มรำคาญก็คือตนเกลียดผู้หญิงเลวทรามคนนั้นมาก แต่เขากลับรู้สึกไม่มีความสุขเลยเมื่อคิดว่านางถูกฆ่าตายอยู่นอกเผ่า
“คงไม่ใช่ว่า…จะมีอะไรเกิดขึ้นกับท่านแม่ใช่ไหม?” ใบหน้าของหลงหลิงเอ๋อเต็มไปด้วยความกังวล
ทางด้านหลงเซียวไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่เขายังคงเงี่ยหูตั้งใจฟังสิ่งที่ทุกคนพูดโดยไม่ปล่อยให้พลาดแม้แต่รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ
เมื่อหลงโม่ได้ยินคำถามที่แสดงถึงความกังวลของพวกเด็กน้อย ดวงตาของเขาก็หม่นหมองลงอีกครั้ง
เด็กตระกูลหลงทั้ง 5 ที่เคยไม่พอใจในตัวผู้เป็นแม่ และไม่คิดที่จะสนใจใยดีอีกฝ่ายเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ตอนนี้ลูก ๆ กลับทำตัวห่างเหินจากตัวเขาและพวกเขาสนใจแต่หูเจียวเจียวเท่านั้น
ในตอนที่ชายหนุ่มกลับมาถึงบ้าน เจ้าตัวเล็กทั้งหลายไม่กล่าวทักทายเขาเลยสักคำ
ดูเหมือนว่าข้าจะไม่ได้กลับมานานมากเกินไป เลยทำให้ลูก ๆ ลืมข้าไปแล้ว
หลงโม่คิดไตร่ตรองถึงเรื่องนี้ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า "ทุกคนหิวหรือยัง? พ่อจะย่างเนื้อให้พวกเจ้ากิน"
เขาจำได้ว่าเด็กน้อยเหล่านี้ชอบกินเนื้อมากที่สุด และทุกครั้งที่เขานำเนื้อกลับมา พวกเขาก็อยู่ในสภาพที่หิวโซเสมอ
พ่อมังกรอดไม่ได้ที่จะนึกถึงสภาพของลูก ๆ ในตอนที่ยังเด็ก ทันใดนั้นใบหน้าเย็นชาของเขาก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยน
เขาลืมไปเสียสนิทว่าลูก 5 ทั้งในความทรงจำเมื่อหลายปีก่อนของเขาต่างจากปัจจุบันมากเพียงใด
หลงโม่นึกย้อนไปถึงท่าทางตื่นเต้นของเหล่าเด็กน้อยที่ได้เจอตนเองยามที่เขากลับมาตอนแรก ทว่าปฏิกิริยาของเด็ก ๆ ขณะนี้กลับพากันส่ายหัวตอบอย่างพร้อมเพรียงแล้วแสดงสีหน้าค่อนข้างรังเกียจ
ครู่ถัดมา หลงหลิงเอ๋อยิ้มอย่างประจบประแจงก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะ "ท่านพ่อ ท่านรีบไปหาท่านแม่เร็ว ๆ เถอะ เรายังไม่หิว"
นางยังจำเนื้อย่างของพ่อได้ดี
เรียกได้ว่าไม่มีรสชาติอะไรเลยนอกจากความขม!
ให้นางกินเนื้อดิบ ๆ ซะยังจะดีเสียกว่า!
ข้าไม่อยากกินเนื้อที่ท่านพ่อย่าง ข้าอยากกินของอร่อย ๆ ที่ท่านแม่ทำให้เท่านั้น
ขณะที่เด็กสาวพูด นางก็หันหน้าไปมองพี่น้องคนอื่น ๆ ก่อนจะขยิบตาและกวักมือเรียกพวกเขา "ใช่ไหม พี่ใหญ่ พี่รอง พี่สาม?"
หลงอวี้เข้าใจได้ทันทีว่าน้องสาวต้องการจะสื่อว่าอะไร เขารีบพยักหน้าอย่างเคร่งขรึมพลางพูดว่า "ใช่ เรายังไม่หิว สิ่งสำคัญคือต้องตามหาท่านแม่ให้พบก่อน"
"หืม? พวกเจ้าไม่ได้กินอะไรมาทั้งวันแล้ว พวกเจ้าจะไม่หิวได้ยังไง..." หลงจงเม้มริมฝีปากแล้วจ้องมองทั้ง 2 คนด้วยความตกใจ
ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็ได้รับสายตาคุกคามจากหลงหลิงเอ๋อ
เด็กหนุ่มจึงรีบเปลี่ยนคำพูดทันที "อันที่จริง…ข้าก็ยังไม่หิวเหมือนกัน"
“ใช่” หลงเซียวเองก็ตอบเสียงเบาพร้อมกับพยักหน้าหงึก ๆ
ทว่ามีเพียงหลงเหยาเท่านั้นที่เอียงศีรษะมองพี่ชายและพี่สาวทั้ง 4 ด้วยใบหน้างุนงง ในขณะที่ดวงตากลมโตของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย
ทำไมทั้ง ๆ ที่ท้องของทุกคนร้องด้วยความหิว แต่พวกพี่ ๆ กลับบอกว่าไม่หิวล่ะ? เอ๊ะ หรือว่าท้องของพวกเขาแตกต่างจากของข้า?
ยามนี้ในหัวเล็ก ๆ ของเจ้ามังกรน้อยมีแต่คำถามเต็มไปหมด
ทางด้านหลงโม่ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ “พวกเจ้าไม่หิวจริง ๆ หรือ?”
ลูก ๆ จะไม่หิวได้อย่างไร?
เขาจับผิดคำโกหกแบบเด็ก ๆ เหล่านั้นได้อย่างรวดเร็ว
ต่อมา หลงโม่กำลังจะเปิดโปงการโกหกของลูกน้อย แต่จู่ ๆ ก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาว่า บางทีนี่อาจจะเป็นความหวังดีของพวกเขาที่ไม่อยากให้ผู้เป็นพ่อต้องลำบากเกินไปหรือเปล่า?
แล้วคำพูดที่ชายหนุ่มกำลังจะเอ่ยออกมาก็ถูกกลืนลงท้องไปอีกครั้ง
ขณะที่พ่อมังกรสังเกตเห็นสายตาสงสัยของเจ้าลูกชายคนสุดท้อง อีกฝ่ายกำลังจะส่ายหัว แต่หลงหลิงเอ๋อก็พุ่งไปกอดเขาไว้ ก่อนจะจับหัวมังกรเล็ก ๆ ให้พยักหน้ารับแทน
เมื่อหลงโม่เห็นฉากตรงหน้าก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในใจ
อย่างน้อยเด็กพวกนี้ก็ยังคิดถึงตัวเขาเอง…
“ในเมื่อพวกเจ้าไม่หิว งั้นถ้าเมื่อไหร่ที่พวกเจ้าหิวก็บอกพ่อได้เลยนะ” ท้ายที่สุดผู้เป็นพ่อก็ไม่ได้เปิดโปงคำโกหกของลูกน้อย
นอกจากหลงเหยาแล้ว เด็กที่เหลือก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกพร้อมกัน
โชคดีที่พวกเขาไม่จำเป็นต้องกินเนื้อย่างฝีมือพ่อแล้ว
...
อีกด้านหนึ่งของเผ่า
หูเจียวเจียวเดินเข้าไปใกล้เพื่อสังเกตบาดแผลของอิงหยวน แล้วเธอก็ต้องขมวดคิ้วแน่น
แม่เจ้า! บาดแผลของเขาลึกมาก ถ้าใช้แค่ผงห้ามเลือดรักษาคงช่วยอะไรไม่ได้
หลังจากที่หญิงสาวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็หันกลับมาพูดกับหัวหน้าเผ่าด้วยสีหน้าจริงจัง "ท่านผู้เฒ่า ข้าต้องการห้องว่าง 1 ห้อง ข้าจะพาอิงหยวนเข้าไปรักษาข้างในนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ผีร้ายเข้ามารบกวน"
"ตกลง"
ชายชราไม่สงสัยเกี่ยวกับคำขอของจิ้งจอกสาวอีกเช่นเคย
ตอนนี้ถ้าเธอจะขอให้เขาจัดผู้ชาย 2-3 คนให้คอยมาเป็นคนรองมือรองเท้าของเธอ เขาก็จะตกลงโดยไม่ลังเลเลยสักนิด
ใครใช้ให้อิงหยวนเป็นกำลังสำคัญที่สุดของเผ่ากันล่ะ!
แต่ใครจะรู้ว่าอินทรีหนุ่มที่เป็นฝ่ายได้รับบาดเจ็บกลับกัดฟันพูดขึ้นมาว่า "ข้าไม่ไป! ถึงแม้ว่าข้าจะต้องตาย ข้าก็ไม่อยากได้รับความช่วยเหลือจากเจ้า!"
แม้แต่หมอในเผ่ายังทำอะไรไม่ได้ แล้วแม่จิ้งจอกนี่จะช่วยเขาได้อย่างไร?
“อย่าคิดว่าข้าไม่รู้แผนการของเจ้านะ เจ้าจะใช้วิธีนี้เพื่ออยู่กับข้าตามลำพัง ฝันไปซะเถอะ ข้าจะไม่มีวันยอมให้เจ้าทำสำเร็จ!”
ขณะนี้ใบหน้าของอิงหยวนมัวหมองลงพลางจ้องเขม็งมองหูเจียวเจียวด้วยเรี่ยวแรงที่เหลืออยู่
"..."
ไอ้หมอนี่ช่างจินตนาการล้ำเลิศเสียจริง
ปฏิกิริยาของอีกฝ่ายทำให้หญิงสาวพูดไม่ออกอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะตอบว่า "ไม่เป็นไร ข้าเองก็ไม่ได้อยากเห็นหน้าเหม็น ๆ ของเจ้าเหมือนกัน ข้ารู้อยู่แล้วว่าปากเจ้าพูดอะไรดี ๆ ไม่เป็นหรอก"