ตอนที่ 94: สถานีอวกาศร้าง
ตอนที่ 94: สถานีอวกาศร้าง
เซี่ยเฟยดื่มน้ำชาพร้อมกับวิเคราะห์ข้อมูลภารกิจ จากนั้นเขาก็เริ่มทำความสะอาดห้องสมุด ซึ่งในระหว่างนั้นฉินหมางก็เดินลงไปในชั้นใต้ดินโดยไม่พูดอะไร ก่อนที่เขาจะหยิบไมโครคอมพิวเตอร์ขึ้นมาติดต่อไปยังเย่จิ่งชาน
เมื่อผู้บัญชาการค่ายฝึกได้เห็นว่าใครติดต่อมา เขาก็รีบจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เรียบร้อยก่อนที่จะรับสายด้วยความเคารพ
“สวัสดีครับอาจารย์!” เย่จิ่งชานกล่าวทักทายพร้อมกับโค้งคำนับ 90 องศาราวกับว่าตัวของเขาเป็นไม้ฉาก
“ฉันเคยบอกหลายครั้งแล้วใช่ไหมว่านายไม่จำเป็นจะต้องทำตัวจริงจังขนาดนั้น ฉันไม่ชอบท่าทางแบบนี้ของนายเลยจริง ๆ” ฉินหมางกล่าวพร้อมกับโบกมือไปมา
“ได้ครับ!” เย่จิ่งชานยืดตัวขึ้นแต่เขาก็ยังคงก้มศีรษะลงเล็กน้อยด้วยความเคารพ
“ช่วงนี้นายมีเรื่องอะไรที่ไม่ได้บอกฉันใช่ไหม?” ฉินหมางกล่าวพร้อมกับถอนหายใจกับท่าทางลูกศิษย์ของตัวเอง
“ไม่ทราบว่าเรื่องอะไรครับอาจารย์” เย่จิ่งชานกล่าวถามขึ้นมาด้วยความเร่งรีบ
“เรื่องของเซี่ยเฟย… ปกตินักเรียนในค่ายจะได้รับภารกิจไปทำการฝึกฝนและภารกิจสำหรับทำการประเมิน แต่ฉันเพิ่งเห็นว่ารายละเอียดภารกิจที่นายส่งให้เซี่ยเฟยเป็นข้อมูลภารกิจทางการ พวกนายกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่?” ฉินหมางกล่าวพร้อมกับหาเก้าอี้นั่งและยกขาขึ้น
“เอ่อ…” เย่จิ่งชานพึมพำออกมาอย่างลังเลพร้อมกับศีรษะที่ก้มต่ำลงราวกับว่าเขาเป็นเด็กนักเรียนที่ยอมรับความผิดพลาด
“ผมไม่สามารถบอกรายละเอียดเรื่องนี้ได้ครับ” เย่จิ่งชานตอบกลับไปอย่างกล้าหาญ
“นั่นสินะ ตอนนี้ฉันลาออกแล้ว มันก็จะต้องมีข้อมูลบางอย่างที่ฉันไม่ควรรู้” ฉินหมางกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
“ขอโทษด้วยครับอาจารย์ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ผมไม่สามารถบอกอาจารย์ได้จริง ๆ” เย่จิ่งชานกล่าวพร้อมกับใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นสีซีด
“จิ่งชานในบรรดาลูกศิษย์ทั้งหมดที่ฉันได้สั่งสอนมา นายเป็นคนที่ฉลาดและทำงานหนักมากที่สุด แต่นายก็เป็นคนที่ซื่อบื้อที่สุดด้วย! ที่ฉันพูดแบบนี้มันไม่ใช่เพราะว่าฉันพยายามจะสร้างความลำบากใจให้กับนายหรอกนะ ฉันแค่อยากจะให้นายได้รู้ว่าฉันยอมรับในตัวของเซี่ยเฟยแล้ว” ฉินหมางกล่าว
“ถ้าอาจารย์จะรับลูกศิษย์เพิ่มผมก็ดีใจกับเซี่ยเฟยด้วย แต่อาจารย์ไม่ได้ตั้งใจจะส่งต่อสิ่งต่าง ๆ ให้กับเซี่ยเฟยใช่ไหมครับ? ชายหนุ่มคนนี้ยังมีข้อบกพร่องมากเกินไปและตัวตนของเขาก็ยังค่อนข้างลึกลับ” เย่จิ่งชานตอบกลับด้วยความกระวนกระวาย
“อย่ามาสอนฉันว่าฉันควรจะยกอะไรให้กับใคร! ถึงแม้ว่าฉันจะส่งต่อของทั้งหมดให้กับเขาจริง ๆ แต่อย่างน้อยเขาก็เป็นคนฉลาด, มีไหวพริบไม่ใช่พวกสมองทึบที่คิดทุกอย่างเป็นเส้นตรงเหมือนกับนาย! ดังนั้นต่อให้ฉันยกทุกอย่างให้กับนาย แต่นายก็ไม่มีทางรักษาพวกมันเอาไว้ได้!!” ฉินหมางส่งเสียงตะคอกออกมาอย่างเย็นชา
“ผมขอยอมรับคำตำหนิครับ” เย่จิ่งชานตอบกลับเสียงอ่อย
“เฮ้อ! ทำไมนายถึงโง่ได้ขนาดนี้นะ! ช่างมันเถอะ ฉันจะไม่พูดเรื่องไร้สาระพวกนี้อีกแล้ว จำไว้ว่านายจะมีความลับอะไรมันก็เรื่องของนาย แต่ถ้าหากเซี่ยเฟยเป็นอะไรขึ้นมา…” ฉินหมางค้างคำพูดเอาไว้ก่อนที่เขาจะวางสายลง
หลังจากตัดการติดต่อฉินหมางก็ใช้เวลาคิดพิจารณาอยู่ในห้องใต้ดินครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะขึ้นมาพบเซี่ยเฟยที่กำลังทำความสะอาด โชคดีที่ความสามารถของเซี่ยเฟยคือความเร็ว ดังนั้นถึงแม้ว่าห้องสมุดแห่งนี้จะมีพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ แต่ชายหนุ่มก็ทำความสะอาดได้ในเวลาแค่ไม่นาน
ฉินหมางจ้องไปที่เซี่ยเฟยชั่วขณะ ก่อนที่เขาจะเรียกให้เซี่ยเฟยมาอยู่ข้าง ๆ
“ชาน่าจะเย็นหมดแล้ว เดี๋ยวผมไปเปลี่ยนให้นะครับ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ฉินหมางส่ายหัวให้เป็นคำตอบ ก่อนที่เขาจะกล่าวว่า
“ความเร็วของนายเพิ่มขึ้นใช่ไหม?”
“ฮิฮิ ใช่แล้วครับ ผมบังเอิญเลื่อนระดับความสามารถในห้องฝึกของค่ายชั้นในเมื่อวานนี้พอดี ทำให้ตอนนี้ผมมีความสามารถอยู่ในระดับสตาร์เบสขั้นสูงแล้ว”
“โอ้โหแบบนี้เองสินะ! การพยายามเพิ่มความสามารถทางด้านความเร็วไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ดูเหมือนว่านายจะฝึกหนักกว่าที่ฉันคิด” ฉินหมางกล่าวด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็ทำท่าทางครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนที่จะกล่าวว่า
“ไปเอาหนังสือเลขที่ 65,894 มาให้หน่อย”
เซี่ยเฟยวิ่งเบา ๆ ไปเอาหนังสือที่ชายชราต้องการมาวางไว้บนโต๊ะ
ฉินหมางหยิบหนังสือขึ้นมาและได้พบว่าหนังสือเล่มนี้คือ ‘คู่มือฉุกเฉินสถานีอวกาศหน้าด่านเอ็มม่า 5’
“คราวนี้นายกำลังจะไปปฏิบัติภารกิจบนสถานีอวกาศ สแกนคู่มือเล่มนี้ลงไปในคอมพิวเตอร์ของนายซะ มันอาจจะมีประโยชน์กับนายก็ได้” ฉินหมางกล่าวขณะยื่นหนังสือให้เซี่ยเฟย
“ผมได้ดาวน์โหลดข้อมูลรายละเอียดของสถานีอวกาศรุ่นนี้ไปแล้วครับ ผมคิดว่าข้อมูลในอินเตอร์เน็ตน่าจะสมบูรณ์กว่าหนังสือเล่มนี้” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ดีแล้วที่เตรียมตัวตั้งแต่เนิ่น ๆ แต่นายควรจะต้องรู้ว่าข้อมูลบางอย่างไม่สามารถเปิดเผยบนอินเตอร์เน็ตระหว่างดวงดาวได้ เพราะมันมีความเกี่ยวข้องกับความลับด้านความปลอดภัย ยกตัวอย่างเช่น วัสดุที่บริษัทใช้ในกระบวนการผลิต มันจึงทำให้หนังสือเล่มนี้แตกต่างจากข้อมูลที่นายได้ดาวน์โหลด” ฉินหมางกล่าว
“มีแบบนี้ด้วยเหรอครับ?” เซี่ยเฟยอุทานออกมาด้วยความตกตะลึงเล็กน้อย
“หนังสือทุกเล่มในห้องสมุดต่างก็มีคุณค่าในตัวเอง อย่าไปเชื่อข้อมูลในอินเตอร์เน็ตมากนัก จำเอาไว้ว่าถ้าข้อมูลไหนเป็นข้อมูลที่สามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดายแสดงว่ามันจะต้องมีความลับอะไรบางอย่างถูกซ่อนเอาไว้อยู่เสมอ” ฉินหมางกล่าวพร้อมกับใช้นิ้วอ้วน ๆ ชี้เข้าไปในห้องสมุด
‘ข้อมูลพวกนี้มีค่ามากจริง ๆ บางทีฉันอาจจะตัดสินใจถูกแล้วที่เลือกมาเป็นบรรณารักษ์’ เซี่ยเฟยพยักหน้ารับพร้อมกับพึมพำกับตัวเอง
—
ยานอวกาศเดินทางออกจากสนามบินในค่ายฝึกและทะยานขึ้นสู่ทะเลดาวอันกว้างใหญ่ โดยปลายทางของยานลำนี้คือสถานีอวกาศ GPP1796 ที่ถูกทิ้งร้าง
ยานฟริเกตที่พวกเขาใช้เดินทางมีขนาดค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับยานฟริเกตทั้งหมด ซึ่งเพียงพอที่จะบรรทุกลูกเรือหลายร้อยคนพร้อมเสบียงอุปกรณ์ต่าง ๆ จนทำให้สามารถใช้ชีวิตในจักรวาลอย่างต่อเนื่องได้เป็นเวลานาน
ทีม 13 เป็นหนึ่งในทีมที่น่าเชื่อถือที่สุดของสมาพันธ์ โดยทีมนี้มียานรบประจำทีม 2 ลำคือยานรุ่นโปรเซคคิวเตอร์ซึ่งเป็นยานรบขนาดใหญ่ที่เหมาะสำหรับการดำเนินภารกิจต่อเนื่องเป็นเวลานาน กับยานริฟวอลเล่ซึ่งเป็นยานรบที่มีความรวดเร็วเหมาะสำหรับการปฎิบัติภารกิจฉุกเฉินหรือภารกิจติดตาม
เซี่ยเฟยเดินไปรอบ ๆ ยานและพบว่ายานลำนี้บรรทุกอุปกรณ์เอาไว้อย่างมากมายและมันก็มีแม้กระทั่งยานรบหุ้มเกราะอเนกประสงค์ที่จอดอยู่ในห้องเก็บของ
ยานลำนี้ถือว่ามีขนาดใหญ่มากจริง ๆ เพราะถ้าหากใช้ลูน่าของเซี่ยเฟย เขาก็คงไม่สามารถยัดอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ถึง 1 ใน 3 ของยานลำนี้ด้วยซ้ำ
แน่นอนว่าเมื่อยานมีข้อดีมันก็ย่อมจะต้องมีข้อเสีย เพราะด้วยการติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างครบครัน มันจึงทำให้ความคล่องตัวของยานลำนี้อยู่ในระดับที่ต่ำมาก ซึ่งเซี่ยเฟยได้ประมาณการณ์เอาไว้ว่าลูน่าจำเป็นจะต้องใช้เวลาไม่เกิน 15 นาทีในการสลัดให้หลุดจากยานลำนี้แล้วหายไปในอวกาศ
ท้ายที่สุดลูน่าก็เป็นยานที่ถูกดัดแปลงเพื่อการต่อสู้โดยเฉพาะ มันจึงเป็นยานที่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกและมีขนาดใหญ่เทอะทะแบบนี้
ตัวยานบินด้วยระบบนำทางอัตโนมัติ เซียวไห่ลี่จึงเรียกพวกเซี่ยเฟยไปที่ห้องอาหารเพื่อประชุมมอบหมายหน้าที่ในภารกิจ
เนื่องมาจากจำนวนสมาชิกภายในทีมค่อนข้างน้อย พวกเขาจึงสามารถใช้ห้องอาหารเป็นห้องอเนกประสงค์ที่สามารถรับประทานอาหาร, ใช้เพื่อความบันเทิงไปจนถึงเป็นห้องประชุมรวมทั้งหมดเอาไว้ในห้องนี้ห้องเดียว
เควรอซรินกาแฟให้เยว่เกออย่างเอาใจ นับตั้งแต่วินาทีที่เขาได้ขึ้นยานมาเขาก็พยายามเอาใจหญิงสาวคนนี้มาโดยตลอด แต่เขาไม่ได้รู้เลยว่ารสนิยมทางเพศของเยว่เกอแตกต่างจากผู้หญิงโดยทั่วไป ดังนั้นถ้าหากว่าเขาต้องการจะชนะใจหญิงสาวคนนี้จริง ๆ เขาอาจจะต้องเตรียมตัวเข้าห้องผ่าตัดเพื่อแปลงเพศ
เซียวไห่ลี่, เควรอซและโบซิงวายืนอยู่ตรงข้ามกับพวกเซี่ยเฟยพร้อมกับทำการเปิดหน้าจอโฮโลแกรห์มขนาดใหญ่ จากนั้นพวกเขาก็เริ่มต้นการประชุม
“นี่คือรายละเอียดภารกิจ พวกคุณทุกคนอ่านมันมาหมดแล้วใช่ไหม” เซียวไห่ลี่กล่าว
ทุกคนพยักหน้ารับ เนื่องมาจากพวกเขาตื่นเต้นกับภารกิจแรกมาก ดังนั้นพวกเขาจึงเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี
เซียวไห่ลี่หยุดพูดชั่วคราวก่อนที่จะชี้ไปยังภาพถ่ายของสถานีอวกาศบนหน้าจอ จากนั้นเขาก็กล่าวว่า
“นี่คือสถานีอวกาศ GPP1796 จุดหมายปลายทางของพวกเรา จากข้อมูลที่พวกเราได้รับมาเมื่อไม่กี่วันก่อนระบบเรดาร์ของสถานีอวกาศสแกนพบยานอวกาศที่ไม่มีรหัสของพันธมิตรเข้าลงจอดบนสถานี คาดการณ์ว่าขนาดของยานลำนี้อยู่ระหว่างยานฟริเกตกับยานเดสทรอยเยอร์”
“ภารกิจของพวกเราในครั้งนี้คือการเข้าตรวจสอบสถานีอวกาศเพื่อดูว่ามีผู้บุกรุกเข้ามาในสถานีหรือไม่ ถ้าหากจำเป็นพวกเราก็จะต้องเข้าไปในสถานีด้วย”
“ระดับความยากของภารกิจนี้อยู่ที่ระดับ 2 ซึ่งเป็นระดับต่ำพวกเราจึงไม่มีกองกำลังเสริม ถ้าหากพวกเราต้องการกำลังเสริมจริง ๆ กองยานที่อยู่ใกล้ที่สุดจำเป็นจะต้องใช้เวลาเดินทางมา 12 ชั่วโมง ดังนั้นถ้ามีเรื่องฉุกเฉินขึ้นมาพวกเราต้องพยายามแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้ากันไปก่อน” เซียวไห่ลี่กล่าวอย่างจริงจัง
“ไม่เอาน่า อย่าไปขู่เด็กใหม่แบบนั้น! นี่เป็นเพียงภารกิจสำรวจทั่ว ๆ ไป เยว่เกอไม่ต้องกลัวนะจ๊ะเดี๋ยวพี่จะคอยปกป้องน้องเอง” เควรอซกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาเบา ๆ
“ภารกิจก็คือภารกิจ จะภารกิจระดับ 1 หรือภารกิจระดับ 9 ก็ไม่ต่างกัน ถ้าหากใครมีคำถามเชิญถามมาได้เลย แต่ถ้าไม่มีใครมีคำถามแล้วให้ทุกคนเตรียมตัวสำหรับการทำภารกิจ” เซียวไห่ลี่กล่าวพร้อมกับมองไปทางเควรอซด้วยรอยยิ้ม
เป๋ยไฮ่และหมานจุนถามคำถามที่ไม่สำคัญ 2-3 ข้อก่อนที่จะจบการประชุม จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันไปพักเพื่อเตรียมตัวสำหรับการทำภารกิจ
หลังเซี่ยเฟยกลับมาที่ห้องเขาก็หมกมุ่นอยู่กับการอ่านข้อมูลสถานีอวกาศที่ฉินหมางได้ให้มา จากนั้นเขาก็ทำการฝึกวิชาเล่ห์สังหารและวิชาพลางจิตเพื่อฆ่าเวลา
ความเร็วของเขาเพิ่งเพิ่มจากเดิมเมื่อไม่นานมานี้และกลยุทธ์ที่ต้องใช้ความเร็ว 400 เมตรต่อวินาทีกับความเร็ว 800 เมตรต่อวินาทีก็เป็นเรื่องแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นเขาจึงจำเป็นที่จะต้องฝึกฝนอย่างหนักเพื่อทำความเคยชินกับความเร็วที่เพิ่มขึ้นมาใหม่
เวลา 16 ชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็วก่อนที่ไฟแสดงสถานะสีเหลืองจะสว่างขึ้น ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าพวกเขาได้เข้าสู่พื้นที่ภารกิจแล้ว
เซี่ยเฟยเดินออกไปจากห้องเพื่อมุ่งหน้าไปยังห้องบัญชาการ แต่ก่อนที่เขาจะเปิดประตูเขาก็ได้ยินเสียงโบซิงวาดังขึ้นมาจากด้านใน
“เกิดอะไรขึ้น! ทำไมระบบช่วยชีวิตกับระบบแรงโน้มถ่วงของสถานีถึงถูกเปิดหมดเลย นี่มันสถานีร้างนะหรือว่ามันจะมีคนอาศัยอยู่ในสถานี?”
เซียวไห่ลี่ใช้เวลาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะสั่งการออกไปว่า
“ใช้ความเร็ว 20% บินวนรอบสถานีอวกาศโดยเว้นระยะห่างเอาไว้ 1,000 กิโลเมตร, เปิดเครื่องตรวจจับชีวภาพสแกนเข้าไปในสถานีทีละส่วน, เปิดระบบอาวุธหลักและเกราะพลังงาน ทุกคนเตรียมความพร้อมในกรณีเกิดเรื่องฉุกเฉิน!”
***************