ตอนที่ 63 : จ้าวเทียนเฉียง
หลังจากเดินออกจากร้านน้ำชา ทันใดนั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งวิ่งออกมาจากประตูอย่างรวดเร็ว
"พี่สาวฉินเยว่ เป็นยังไงบ้างคะ?" หญิงสาวมองไปที่จางฉิงเยว่และเอ่ยถามออกมาทันที
"การสัมภาษณ์ล้มเหลว ฉินหยุนไม่เต็มใจที่จะแบ่งปันหุ้น" จางฉินเยว่กล่าวพลางส่ายหัวของเธอ
"ห้ะ?" เมื่อได้ยินเช่นนี้ หญิงสาวก็รู้สึกตกใจ จากนั้นก็กล่าวอย่างไม่พอใจว่า "พี่สาวฉินเยว่ พี่เป็นถึงรองผู้จัดการของบริษัทแบรนด์ใหญ่ ถ้าหากว่าพี่เต็มใจ ไม่รู้ว่ามีร้านขายเสื้อผ้าแบรนด์ดังกี่แห่งที่จะมาเพื่อแย่งตัวพี่ มันเป็นเรื่องง่ายที่จะบริหารร้านเสื้อผ้าของฉินหยุนร้านเล็กๆสองสามร้านนั้น ฉันคิดว่าพวกเขาไม่คู่ควรด้วยซ้ำ แค่แลกกับหุ้นนิดๆหน่อยๆก็ไม่ยอม ฉินหยุนคงจะสายตาคับแคบ มองการณ์ไกลไม่เป็น"
จากเรซูเม่ของจางฉินเยว่มีบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งที่ต้องการแย่งตัวเธอ แต่ส่วนมากแล้วพวกเขาจะเสนอให้เงินเดือนที่สูงกับเธอเท่านั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะแบ่งหุ้นให้ ดังนั้นจางฉินเยว่จึงปฏิเสธพวกเขาทั้งหมด
"บางทีฉินหยุนอาจมีความคิดอย่างอื่น" จางฉินเยว่ส่ายหัวและกล่าวว่า "ในเมื่อเขาไม่ต้องการ เราก็ไปหาคนอื่นกันเถอะ"
จางฉินเยว่และหญิงสาวอีกคนออกจากที่นี่โดยไม่ได้พูดอะไรอีก
...
ในห้องส่วนตัวภายในร้านน้ำชา จ้าวเทียนเฉียงมองไปที่ฉินหยุน เขายิ้มและกล่าวว่า "บอสฉินครับ นี่คือเรซูเม่ของผม"
เขายื่นเอกสารในมือไปให้ฉินหยุน
ในเวลานี้จ้าวเทียนเฉียงรู้สึกงงงวยเล็กน้อย
‘เมื่อกี้บอสฉินกับจางฉินเยว่ก็ยังคุยกันดีๆไม่ใช่เหรอ?’
เมื่อสักครู่ก่อนที่จางฉินเยว่จะจากไป เห็นได้ชัดว่าสีหน้าของเธอไม่ค่อยดีนัก และเธอก็จากไปทันทีหลังจากออกจากห้องส่วนตัวมา
เธอเคยทำงานให้กับบริษัทแบรนด์ใหญ่ขนาดนั้น ไม่รู้ว่ามีกี่บริษัทที่อยากจะแย่งชิงตัวเธอ แต่เธอกลับมาที่นี่เพื่อขอสัมภาษณ์งานและถูกปฏิเสธกลับไป? ยิ่งเขาคิดเกี่ยวกับมันเขาก็รู้สึกว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้สักเท่าไร
"จ้าวเทียนเฉียง คุณเคยเป็นผู้จัดการของร้านเสื้อผ้าในเครือเทียนอี้เตี๋ยมาตั้ง 8 ปี ทำไมคุณถึงลาออกกะทันหันงั้นเหรอ" เขาค่อยๆมองดูเรซูเม่ในมือ ฉินหยุนใช้เวลามากกว่า 20 วินาทีในการวางมันลง จากนั้นเขาก็มองไปที่จ้าวเทียนเฉียงและถามออกมา ในดวงตาของเขาเห็นได้ชัดว่ามีความสนใจเป็นพิเศษ
จากการก่อตั้งร้านเสื้อผ้าในเครือเทียนอี้เตี๋ย ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงขณะนี้มีทั้งหมด 25 สาขา และได้รับการพัฒนามาเป็นระยะเวลาเพียง 8 ปี กล่าวคือ ใน 8 ปีนี้ จ้าวเทียนเฉียงต้องเป็นหัวเรือหลักแน่นอน
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จ้าวเทียนเฉียงรู้สึกลังเลอย่างเห็นได้ชัด แต่ในที่สุดเขาก็กล่าวออกมาตามความจริง "บอสฉินครับ เรื่องนี้เป็นเพราะว่าเงินเดือนที่ได้นั้นต่ำเกินไป"
"เงินเดือนต่ำเกินไป?" ฉินหยุนถามด้วยความสงสัย "ก่อนหน้านี้คุณได้เงินเดือนเท่าไร?"
จ้าวเทียนเฉียงชะงักเล็กน้อย หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็ตอบว่า "เงินเดือนต่อปีของผมคือ 150,000 หยวน"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินหยุนก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย จ้าวเทียนเฉียงอยู่ในตำแหน่งผู้จัดการมาแล้วแปดปี แต่เงินเดือนต่อปีของเขาแค่ 150,000 หยวน ซึ่งตกเดือนละ 10,000 หยวนกับอีกนิดหน่อยเท่านั้นเอง
ถ้าเป็นที่อื่นเงินเดือนระดับนี้ก็ยังถือว่าใช้ได้ แต่มันต่ำเกินไปสำหรับผู้จัดการที่ทำงานมาแล้วหลายปีแถมต้องคอยจัดการดูแลร้านค้ามากมายหลายสาขา
"ผมอยากทราบเหตุผลที่แท้จริง" ฉินหยุนถามอีกครั้งหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
เมื่อมองไปที่การแสดงออกของจ้าวเทียนเฉียง เขากล่าวอีกครั้งว่า "ไม่ต้องกังวลครับ คุณสามารถพูดความจริงกับผมได้"
จ้าวเทียนเฉียงรู้สึกลังเลอยู่พักหนึ่ง เป็นเรื่องไม่ดีเท่าไรที่จะพูดถึงบริษัทก่อนหน้า ในระหว่างการสัมภาษณ์งานกับบริษัทใหม่ แต่เมื่อเห็นว่าฉินหยุนเอ่ยถามอย่างจริงจัง เขาก็ยังคงเลือกที่จะพูดออกไปตรงๆ
ปรากฎว่าเมื่อหลายปีก่อน ร้านขายเสื้อผ้าในเครือเทียนอี้เตี๋ยเพิ่งจะเปิดขึ้นได้ไม่นาน และเขาซึ่งทำงานในวงการนี้มาแล้วหลายปี ดังนั้นเขาจึงไปสมัครงานที่นั่น
เมื่อตอนนั้นบอสของเทียนอี้เตี๋ย โดยพื้นฐานแล้วก็ให้เงินเดือนเขาในระดับเริ่มต้นเท่านั้น และจ้าวเทียนเฉียงก็ถูกทิ้งให้จัดการหลายๆอย่าง ซึ่งเดิมทีแล้วบอสของบริษัทนี้ไม่ได้คาดหวังว่าเทียนอี้เตี๋ยจะเติบโตมากนัก แต่บริษัทก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆภายใต้การดำเนินงานของจ้าวเทียนเฉียงและเริ่มเปิดสาขาต่างๆมากขึ้น
โมเดลธุรกิจของบริษัทจึงได้รับการพิจารณาใหม่อีกครั้ง และการพัฒนาต่อมาก็มีเสถียรภาพมากขึ้น สำหรับจ้าวเทียนเฉียงผู้ที่นำเกียรติยศนี้มาให้ บอสของบริษัทก็ไม่ได้ปฏิบัติกับเขาเป็นพิเศษ ทำเพียงแค่เพิ่มเงินเดือนให้ ตอนแรกเขาได้แค่ 3,000 กว่าหยวน จากนั้นอีกสองสามปีก็เพิ่มขึ้นมานิดหน่อย และตอนนี้เพิ่มขึ้นเป็น 10,000 กว่าหยวนแล้ว
ในช่วงเวลานั้น ด้วยเหตุผลบางอย่างจ้าวเทียนเฉียงจึงไม่ได้จากไป แต่ในที่สุดเขาก็ลาออกเมื่อเดือนที่แล้ว
หลังจากฟังเรื่องเหล่านี้จบ ฉินหยุนก็ยิ้มออกมา บอสใหญ่ของร้านเสื้อผ้าในเครือเทียนอี้เตี๋ยช่างสายตาคับแคบเสียจริง แทนที่จะรักษาคนมีความสามารถอย่างจ้าวเทียนเฉียงไว้ เขากลับบังคับให้เขาลาออกโดยตรง
หลังจากถามคำถามอีกสองสามข้อ จ้าวเทียนเฉียงก็ออกจากห้องส่วนตัวไป
"เป็นยังไงบ้างเทียนเฉียง?" ภรรยาของจ้าวเทียนเฉียงอดไม่ได้ที่จะถามเมื่อเธอเห็นเขาเดินออกมาจากห้อง
"ยังไม่รู้เลย" เจ้าเทียนเฉียงส่ายหัว เขายังคงนั่งอยู่ในร้านน้ำชาและไม่ได้ออกไปไหน แต่กลับรออยู่ในร้านแทน
เพราะเมื่อสักครู่ฉินหยุนบอกให้เขารออยู่ในร้านน้ำชาสักพัก
ผู้มาสัมภาษณ์คนที่สาม หลินหู่ เขาเดินเข้าไปในห้อง หลังจากนั้นไม่กี่นาทีก็เดินออกมาแล้วก็ออกจากร้านน้ำชาไปทันที
และฉินหยุนก็เดินออกมาจากห้องส่วนตัว
"บอสฉิน"
เมื่อเห็นฉินหยุนเดินออกมา จ้าวเทียนเฉียงก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว และภรรยาของเขาก็รีบดึงลูกสาวของพวกเขายืนขึ้นเช่นกัน โดยพวกเธอรู้สึกเกร็งเล็กน้อย
"คุณจ้าวเทียนเฉียง ขอแสดงความยินดีที่ผ่านการสัมภาษณ์นะครับ ตอนนี้ผมจะจ้างคุณอย่างเป็นทางการในฐานะผู้จัดการร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน" ฉินหยุนยิ้ม
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จ้าวเทียนเฉียงและภรรยาของเขาต่างก็แสดงความดีใจออกมาบนใบหน้าของพวกเขาทันที
...
ที่ถนนย่านการค้า ภายในร้านค้าที่ยังไม่เปิดทำการแห่งหนึ่ง ในเวลานี้มีผู้คนกำลังขนของเข้าไปข้างใน และยังมีชายหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังสั่งการพวกเขาอยู่
ชายหนุ่มคนนั้นก็คือฉินเสี่ยวเทา เมื่อเขาเห็นคนสองคนเดินมาจากระยะไกล เขาก็เดินเข้าไปหาทันทีและเอ่ยว่า "เสี่ยวหยุน"
"ผู้จัดการจ้าว นี่คือฉินเสี่ยวเทา"
ฉินหยุนแนะนำทั้งสองคนให้รู้จักกัน จากนั้นก็กล่าวว่า "นี่คือผู้จัดการคนใหม่ของผม จ้าวเทียนเฉียง ต่อไปเขาจะรับผิดชอบกิจการทั้งหมดของร้านเสื้อผ้าทั้งสามสาขา"
ฉินเสี่ยวเทาและจ้าวเทียนเฉียงต่างก็พยักหน้าให้กัน
แม้ว่าก่อนหน้านี้ฉินหยุนจะบอกกับเขาไว้แล้วว่า ฉินเสี่ยวเทาจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการจัดการร้านขายเสื้อผ้า และจะมุ่งเน้นไปที่แผนกโลจิสติกส์เท่านั้น แต่จ้าวเทียนเฉียงก็รู้ว่าเขาเป็นลูกพี่ลูกน้องของฉินหยุน ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะประมาท
"ผู้จัดการจ้าว นี่คือร้านที่ใหญ่ที่สุดในสามสาขาที่ร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนของเราวางแผนที่จะเปิดขึ้นในวันที่ 1 กันยายนนี้ คุณคิดว่าเป็นไงบ้าง" ฉินหยุนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลังจากค่อยๆสังเกตร้านขายเสื้อผ้าตรงหน้าเขาแล้ว จ้าวเทียนเฉียงก็พยักหน้าและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "บอสฉินครับ ทำเลที่ตั้งของร้านนี้ดีมาก แถมร้านยังมีพื้นที่กว้างถึง 200 ตารางเมตรอีกด้วย แต่เนื่องจากเราขายเสื้อผ้าราคาย่อมเยาว์ ดังนั้นเราสามารถปรับสไตล์การตกแต่งร้านเพิ่มอีกนิดหน่อยได้"
เขาเสนอความเห็นของเขาอย่างรวดเร็ว "ถ้าเป็นแบบนั้นเราอาจจะขายของได้ง่ายขึ้น"
เมื่อมองไปที่ร้านค้า จิตใจที่กระสับกระส่ายของจ้าวเทียนเฉียงก็มั่นคงขึ้นมาก ค่าเช่าร้านที่นี่คาดว่าน่าจะอยู่ที่ 400,000 หยวนต่อปีเลยทีเดียว
แค่เตรียมการที่จะเปิดร้านขายเสื้อผ้าก็สามารถเลือกทำเลที่ดีได้ขนาดนี้แล้ว แสดงว่าสถานะทางการเงินของฉินหยุนนั้นไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
"โอเค ผู้จัดการจ้าว คุณสามารถจัดการเรื่องเหล่านี้ได้เลย หลังจากเสร็จแล้วค่อยบอกผมอีกที" ฉินหยุนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
สำหรับการดำเนินงานของร้านขายเสื้อผ้า เขาแค่ต้องควบคุมทิศทางทั่วไปเท่านั้น เช่น จะเปิดร้านกี่สาขาในวันแรกของแต่ละเดือน และคอยเตรียมการล่วงหน้าสำหรับร้านค้าที่จะเปิดขึ้นเป็นต้น เขาเพียงแค่โฟกัสกับสิ่งเหล่านี้และจะไม่เข้าไปแทรกแซงเรื่องอื่นๆในร้าน
"เดี๋ยวผมจะพาไปดูอีก 2 ร้าน"
แน่นอนว่าทั้ง 3 ร้านไม่ได้อยู่ที่เดียวกัน แถมระยะทางก็ไกลออกไปอีกระยะหนึ่ง
ใช้เวลานั่งรถหลายสิบนาทีก่อนที่จะมาถึงอีกร้าน
"บอสฉินครับ ก่อนหน้านี้คุณเคยบอกว่าคุณเปิดโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าในเขตชิงอู๋ และตอนนี้กำลังการผลิตของโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าสามารถตอบสนองความต้องการของร้านขายเสื้อผ้าทั้งสามแห่งได้อย่างเต็มที่ แต่โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าแห่งนั้นก็อยู่ค่อนข้างไกล ผมเกรงว่าหากมีบางอย่างเกิดขึ้น เราจะไม่สามารถจัดการกับมันได้ทันท่วงที"
จ้าวเทียนเฉียงกล่าวต่อ "ดังนั้นเราจะต้องทำความคุ้นเคยกับที่นี่ให้มากพอ หากจำเป็นก็สามารถสร้างความสัมพันธ์บางอย่างกับโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าและตลาดค้าส่งบางแห่งในจินหลิงได้"
( จบตอน)