(ฟรี) บทที่ 450 ถูกเปิดโปง
ตัดความสัมพันธ์กับอาจารย์อีกสองคน? นั่นเป็นไปไม่ได้!
สำหรับหลี่หราน เหลิงอู่เหยียนนั้นพิเศษมาก แต่อาจารย์อีกสองคนก็มีความสำคัญมากเช่นกัน
ไม่ว่าเขาจะถูกขอร้องให้ละทิ้งสิ่งไหนเขาก็ทำไม่ได้อย่างแน่นอน
การให้ความสุขกับอาจารย์ทุกคนคือการปฏิบัติตนที่ศิษย์กตัญญูพึงกระทำ
ในเรื่องนี้บุตรศักดิ์สิทธิ์หลี่เข้มงวดกับตัวเองมาโดยตลอด
เมื่อเผชิญกับสิ่งที่เหลิงอู่เหยียนพูด เขาไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร
“เอาล่ะ ข้าเพียงพูดขึ้นมาเล่นๆ ดูสิว่าเจ้ากลัวแค่ไหน ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เต็มใจที่จะทำ”
เหลิงอู่เหยียนอดไม่ได้ที่จะหยิกเขา “เจ้าหัวไชเท้าเสเพล!”
“เสเพล?” หลี่หรานเกาหัวของเขา “นี่คือความกตัญญูอย่างเห็นได้ชัด”
เหลิงอู่เหยียนหัวเราะเยาะ “คิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่?”
“ความคิดของข้า?” หลี่หรานตกตะลึงเมื่อได้ยิน
เป็นไปได้ไหมว่าเขาถูกเปิดโปง? ไม่สิ…
เขากลืนน้ำลายและพูดอย่างกระวนกระวายว่า “ท่านอาจารย์ ทำไมท่านพูดอย่างนั้น? ศิษย์คนนี้เคารพท่านอาจารย์ทุกคนมาก”
เหลิงอู่เหยียนเหลือบมองเขาด้วยหางตา “เคารพจนต้องนอนเตียงเดียวกัน? เจ้ามีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับคำว่า ‘เคารพ’ หรือเปล่า?”
“……” หลี่หรานดูละอายเล็กน้อย
มันไม่ง่ายเลยที่จะอธิบายเรื่องนี้ ท้ายที่สุดเขาถูกอีกฝ่ายจับได้คาหนังคาเขา
เหลิงอู่เหยียนกล่าวต่อว่า “แม้ว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเจ้า แต่มันก็แค่ตอนนี้เท่านั้น เจ้าไม่สามารถแน่ใจได้ในอนาคต”
“ในตอนแรกเจ้าเองก็เคารพข้ามาก แต่หลังจากนั้น...”
เมื่อพูดถึงสิ่งนี้แก้มของนางก็แดงขึ้นเล็กน้อย นางรู้สึกว่าความกังวลของนางมีเค้าลางของความจริง
นางรู้จักบุคลิกของหลี่หรานเป็นอย่างดี ความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์กับศิษย์ไม่ใช่สิ่งต้องห้ามสำหรับเขา และมันจะทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นเสียด้วยซ้ำ
อีกทั้งอวี้ชิงหลันและฉู่หลิงฉวนต่างก็เป็นสาวงามชั้นสูงสุด… เหลิงอู่เหยียนจะไม่มีวันเชื่อว่าเขาไม่มีเจตนาอื่น
และต้องบอกว่าแม้หลี่หรานจะไม่มีความคิดอื่น แต่จักรพรรดิสตรีทั้งสองก็สามารถมีได้
หากเป็นเช่นนั้นหลี่หรานจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อย่างแน่นอน
เมื่อนางนึกถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น หัวใจของนางก็ทั้งเปรี้ยวและเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
หลี่หรานมองผ่านความคิดของนาง เขายื่นมือออกไปบีบใบหน้าเล็กๆของนางแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านอาจารย์ไม่ต้องกังวล หัวใจของศิษย์จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง”
“ข้าอาจมีอาจารย์หลายคน แต่เหยียนเอ๋อร์จะมีเพียงหนึ่งเดียวเสมอ”
น้ำเสียงของเขาจริงใจมากและสิ่งที่เขาพูดออกมาจากใจจริงๆ
เหลิงอู่เหยียนหน้าแดงเล็กน้อยและหันศีรษะหนี “ศิษย์อกตัญญู เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้เรียกข้าแบบนั้น… และเจ้าก็เก่งที่สุดในการเกลี้ยกล่อมสตรี ใครจะรู้ว่าสิ่งที่เจ้าพูดมันจริงหรือไม่?”
“เหยียนเอ๋อร์ไม่เชื่อข้า?” หลี่หรานกุมหัวใจของเขาด้วยสีหน้าเจ็บปวดมาก
“ข้าบอกแล้วว่าอย่าเรียกข้าแบบนั้น น่าเกลียดจริงๆ!”
“เป็นไปได้ไหมที่เหยียนเอ๋อร์ลืมที่เรียกพี่หรานคนนี้ไปแล้ว... อืมม!”
ก่อนที่เขาจะพูดจบนางก็เอามือปิดปากเขาไว้
ใบหน้าสวยของเหลิงอู่เหยียนร้อนผ่าว นางพูดอย่างฉุนเฉียวว่า “หุบปาก! เป็นเจ้าบังคับให้ข้าพูดไม่ใช่หรือไง?”
“โอ้?” หลี่หรานดูไร้เดียงสา
เมื่อเขากำลังจะพูดอะไรต่อ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นข้างๆ “พี่ชาย ท่านอาจารย์ พวกท่านกำลังทำอะไรกัน?”
“……”
บบรยากาศเงียบไปครู่หนึ่ง
เหลิงอู่เหยียนรีบปล่อยมือของนางและออกห่างจากเขาอย่างรวดเร็ว
“ไม่มีอะไร”
ทั้งสองหันกลับไปมอง
พวกเขาเห็นว่าเซินหนิงตื่นขึ้นแล้วและกำลังนั่งอยู่ตรงมุมพร้อมกับขยี้ตาด้วยความงัวเงีย
ก่อนหน้านี้พวกเขาสองคนปล่อยตัวจนไม่ทันสังเกตเห็นว่าเด็กสาวตัวเล็กๆตื่นขึ้นแล้ว
เหลิงอู่เหยียนอยากจะหาที่ซ่อนตัว ใบหน้าของนางแดงและไม่สามารถเงยขึ้นได้
นางเกือบลืมไปว่ายังมีคนอยู่ข้างๆ
เซินหนิงไม่เพียงเป็นศิษย์ของนางเท่านั้นแต่ยังเป็น ‘น้องสาว’ ของหลี่หรานอีกด้วย และอาจกลายเป็นคู่แข่งในอนาคต... นอกจากนี้ยังมีเซินฉิน พี่สาวของอีกฝ่ายซึ่งมีตัวตนที่ซับซ้อนมาก
ต่อหน้าเซินหนิง นางอายเกินกว่าจะใกล้ชิดกับหลี่หราน
“พี่ชาย!” เซินหนิงไม่ได้สนใจอะไรเลย หลังจากเห็นหลี่หรานนางก็พูดอย่างตื่นเต้น “พี่ชาย เมื่อคืนท่านไม่ได้จากไปเหรอ?”
“ใช่” หลี่หรานพยักหน้า “เพราะมีสาวน้อยคนหนึ่งบอกว่านางกลัว”
“พี่ชายดีที่สุดเลย!” เซินหนิงอุทานเบาๆ โยนตัวเองเข้าไปในอ้อมแขนของเขาและถูไถใบหน้าด้วยความรัก
เหมือนกับหมีโคอาล่า นางไม่ยอมปล่อยเป็นเวลานาน
“พี่ชาย ท่านนอนที่นี่ด้วยเหรอ?” เซินหนิงเงยหน้าขึ้นและถามอย่างไร้เดียงสา
“นี่…” หลี่หรานเหลือบมองไปที่เหลิงอู่เหยียนและพูดอย่างไม่เป็นธรรมชาติ “ข้าไม่ต้องนอน เมื่อคืนข้านั่งสมาธิอยู่ข้างๆเจ้า”
“โอ้…” เซินหนิงกัดนิ้วของนางและต้องการพูดอะไรมากกว่านี้
อะแฮ่ม
ในเวลานี้ เหลิงอู่เหยียนกระแอมในลำคอและพูดว่า “เอาล่ะ พวกเจ้าสองคนอย่าพึ่งคุยกัน อาหารเช้าพร้อมแล้ว ไปกินข้าวกันเถอะ…”
ทันทีที่คำพูดจบลง ท้องของเซินหนิงก็เริ่มคำครวญคราง
นางได้รับการชำระล้างด้วยปราณดาบและตันเถียนของนางก็ถูกเปิดออกด้วยพลังวิญญาณเมื่อคืนนี้ แม้ว่านางจะอยู่เพียงขั้นกลางของขอบเขตหลอมรวมลมปราณ แต่ทั้งสมรรถภาพทางกายและศักยภาพของนางก็ถึงระดับที่น่ากลัว
เป็นผลให้พลังงานที่ต้องการก็สูงมากเช่นกัน
ในสถานะปัจจุบัน เพียงแค่อาศัยการทำสมาธิเพื่อดูดซับพลังวิญญาณมันไม่สามารถตามทันความเร็วของการบริโภคได้
นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้นางหิวง่ายมาก และความอยากอาหารของนางก็มากขึ้น
เซินหนิงลูบท้องของนางอย่างเขินอายเล็กน้อยและพยักหน้า “อือ ศิษย์คนนี้หิวจริงๆ…”
“งั้นเราก็ไปกินกันเถอะ” หลี่หรานลุกจากเตียง เอื้อมมือไปกอดเซินหนิงแล้วเดินออกไปทางประตูพร้อมกับเหลิงอู่เหยียน
ทันทีที่ทั้งสามเดินออกจากห้องนอนก็เจอเข้ากับผู้ดูแลหลายคน
“ผู้นำนิกาย…” ก่อนที่ผู้ดูแลหวางจะพูดจบนางก็ต้องตัวแข็งทื่อ
“ทำไมท่านบุตรศักดิ์สิทธิ์ถึงอยู่ที่นี่? แล้วเขายังออกมาจากห้องนอน อย่าบอกนะว่าเมื่อคืน…”
ดวงตาของผู้ดูแลคนอื่นๆก็กลายเป็นสับสนเช่นกัน
บรรยากาศชะงักไปครู่หนึ่ง
ลำคอของหลี่หรานขยับ แต่เขาไม่รู้จะอธิบายอย่างไร
ในเวลานี้เหลิงอู่เหยียนรู้สึกตัวแล้วหันศีรษะมาพูดกับเขาว่า “หรานเอ๋อร์ ในอนาคตเจ้าไม่ต้องมาทำความเคารพข้าเร็วนัก เจ้าควรมุ่งเน้นไปที่การบ่มเพาะให้มากขึ้น”
จากนั้นนางก็ยื่นมือออกไปอุ้มเซินหนิงแทน
“ข้าจะพาเซินหนิงไปทานอาหารเช้า ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ไปทำอย่างอื่น”
หลี่หรานตระหนักได้ทันที เขาพยักหน้าและพูดว่า “ทราบแล้ว ศิษย์จะกลับไปบ่มเพาะ”
หลังจากพูดจบเขาก็จากไปโดยไม่หันกลับมามอง
ผู้ดูแลถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ผู้ดูแลหวางส่ายหัวและพูดว่า “เช่นนั้นบุตรศักดิ์สิทธิ์ก็เพิ่งมาที่นี่ในตอนเช้า ข้าคิดว่า…”
“คิดว่าอะไร?”
เหลิงอู่เหยียนพูดอย่างเย็นชา “ไปใช้ความคิดให้มากขึ้นกับการบ่มเพาะ ถ้าเจ้ากล้าพูดเรื่องไร้สาระ คงรู้นะว่า...”
นางพูดไม่จบประโยค แต่การคุกคามนั้นชัดเจนมากแล้ว
“ผู้น้อยมิกล้า!” ผู้ดูแลหวางรีบคุกเข่าลงกับพื้นด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
นี่คือผู้นำของนิกาย แม้จะเป็นเพียงแรงกดดันที่เล็ดรอดออกมาก็ไม่ใช่สิ่งที่นางจะทนได้
ฮึ่ม!
เหลิงอู่เหยียนตะคอกอย่างเย็นชา นางสะบัดแขนเสื้อแล้วหันหลังจากไป
ผู้ดูแลหวางทรุดตัวลงกับพื้นและเช็ดเหงื่อเย็น ผู้ดูแลคนอื่นๆก็ถอนหายใจราวกับได้รับการอภัยโทษ
แต่ไม่มีใครสังเกตเห็นใบหูที่ร้อนผ่าวของเหลิงอู่เหยียน…
/////