บทที่ 41: ฟีนิกซ์ทองคำ
บทที่ 41: ฟีนิกซ์ทองคำ
ลู่หยานไม่ได้คาดคิดว่าเขาจะได้สัมผัสกับลูกผสมในทันที
อีกฝ่ายแผ่ออร่าเสน่ห์อันทรงพลังออกมา แต่ลู่หยานก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดใดๆ
ค่าสติปัญญาในปัจจุบันของเขามีมากกว่า 100 ดังนั้นเสน่ห์ของซัคคิวบัสลูกผสมที่อยู่ตรงหน้าเขาจึงไร้ประโยชน์โดยธรรมชาติสำหรับเขา
หลี่เม่ยเอ๋อมองเข้าไปในดวงตาของลู่หยานและตกตะลึงในทันที
เสน่ห์ของเธอใช้ไม่ได้กับผู้ชายคนนี้?
ก่อนที่หลี่เม่ยเอ๋อจะทันได้คิดอย่างรอบคอบ หลี่โม่ผิงก็กัดฟันและพูดว่า “หลี่เม่ยเอ๋อ! เธอคิดจะทำอะไรน่ะ?!”
หลี่เม่ยเอ๋อตกตะลึง จากนั้นเธอก็เห็นหลี่โม่ผิงอยู่ข้างๆ ลู่หยานและตัวสั่นในทันที
“ป้าผิง ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้? หนู… นี่… หนูแค่อยากจะพานักเรียนคนนี้ไปดูรอบๆ มหาวิทยาลัยก็เท่านั้นเอง” หลี่เม่ยเอ๋อมองไปที่หลี่โม่ผิงและยิ้มอย่างขอโทษ
หลี่โม่ผิงยิ้มอย่างเยาะและพูดว่า “พาเขาไปดูรอบๆ มหาวิทยาลัยหรอ? งั้นแล้วทำไมเธอถึงใช้เสน่ห์ของเธอล่ะ? เธอคงไม่ได้คิดอยากจะหลอกลวงเขาหรอกใช่ไหม?”
เมื่อเห็นว่าเธอถูกเปิดโปง หลี่เม่ยเอ๋อก็ตื่นตระหนกและคุกเข่าขอร้องในทันที “ป้าผิง หนูรู้แล้วว่าหนูทำผิดไป ได้โปรดอย่าบอกเรื่องนี้กับแม่ขอหนูเลยนะ”
หลี่โม่ผิงกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “เธอได้เข้าเรียนที่สถาบันมุมทองและได้รับรางวัลจากสถาบันแล้ว แต่ทำไมเธอถึงยังใช้วิธีนี้เพื่อหาเงินอีก? แม่ของเธอเลี้ยงเธอมาดีเกินไปใช่ไหม? นี่หรอคือวิธีตอบแทนของเธอ?”
ดวงตาของหลี่เม่ยเอ๋อเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย “ป้าผิง หนู… หนูแค่อยากได้เงินมากกว่านี้ ก็แม่เขา...”
หลี่โม่ผิงเงียบลงเมื่อได้ยินสิ่งนี้ จากนั้นเขาก็พูดว่า “เอาล่ะ ฉันจะไม่บอกแม่ของเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ได้ แต่อย่าทำแบบนี้อีก แค่มาหาฉันก็พอถ้าเธอไม่มีเงิน”
หลี่เม่ยเอ๋อพยักหน้าด้วยดวงตาสีแดงและหันกลับก่อนจะจากไป
หลี่โม่ผิงหันกลับมาและมองไปที่ลู่หยานอย่างรู้สึกผิด “ฉันต้องขอโทษด้วย นี่คือลูกสาวของพี่ชายฉันเอง พ่อของเธอเสียชีวิตตั้งแต่เธอยังเด็ก มันเหลือเพียงเธอกับแม่ที่ต้องพึ่งพาอาศัยกันเพื่อความอยู่รอด ฉันไม่ได้คาดคิดเลยว่าเธอจาะมาทำอะไรแบบนี้”
ลู่หยานโบกมือเพื่อแสดงว่าเขาสบายดี จากนั้นเขาก็ถามว่า “สถาบันมุมทองน่าจะมีข้อกำหนดเรื่องการป้องกันสำหรับนักเรียนใหม่ใช่ไหม? หรือพวกเขาอนุญาตกันเป็นเรื่องปกติ?”
หลี่โม่ผิงพูดอย่างรีบร้อนว่า “สถาบันมุมทองมีกฎชัดเจนว่ารุ่นพี่ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อนักเรียนใหม่ พวกเขาจะได้รับอนุญาตให้ทำได้ก็ต่อเมื่ออีกฝ่ายอยู่ปีสองขึ้นไปเท่านั้น”
“อย่างไรก็ตาม สถาบันมุมทองก็ไม่ได้มีกฎที่ชัดเจนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างนักเรียนใหม่ นอกจากนี้เม่ยเอ๋อเองก็ยังได้รับคัดเลือกมาเป็นพิเศษ ดังนั้นตามทฤษฎีแล้ว แม้ว่าตอนนี้เธอจะหลงเสน่ห์ของเม่ยเอ๋อและโดนสูบเงินไปหมดตูด แต่ทางมหาวิทยาลัยก็จะไม่เข้าไปยุ่งด้วย”
“ท้ายที่สุดแล้ว ในเมื่อเธอเข้ามาในสถาบันแล้ว เธอก็จะต้องแข่งขันกันเอง นอกเหนือจากการกระทำต้องห้ามอย่างเด็ดขาดเช่น การลอบสังหารและการวางยาพิษแล้ว สถาบันมุมทองก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับสิ่งใดๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างนักเรียนใหม่”
“แน่นอนว่ามันเป็นอีกเรื่องหนึ่งถ้าเธอคิดจะรายงานเรื่องพวกนี้”
ลู่หยานพยักหน้า เป็นเรื่องที่เข้าใจได้สำหรับสถาบันมุมทองในการทำเช่นนี้ การเข้ามหาวิทยาลัยนั้นหมายความว่าพวกเขาจะต้องก้าวออกจากถิ่นทุรกันดารและเผชิญหน้ากับความท้าทายต่างๆ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สร้างความประหลาดใจให้กับลู่หยานจริงๆ แล้วก็คือการที่หลี่เม่ยเอ๋อได้รับการคัดเลือกเป็นพิเศษ
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของซัคคิวบัสนั้นไม่ได้ทรงพลังมากนักในบรรดาเผ่าพันธุ์ต่างถิ่น ดังนั้นสำหรับหลี่เม่ยเอ๋อแล้ว การที่เธอจะได้รับคัดเลือกเป็นพิเศษนั้นจึงถือเป็นเรื่องที่น่าสงสัย
“ไปกันเถอะ ฉันจะพาเธอไปดูรอบๆ สถาบันมุมทองก่อน”
หลี่โม่ผิงผิวปากและเสียงร้องของเธอก็ดังขึ้นบนท้องฟ้า จากนั้นนกฟีนิกซ์สีทองก็บินโฉบลงมาจากบนท้องฟ้าและมาถึงข้างๆ หลี่โม่ผิงอย่างรวดเร็ว
ร่างกายของลู่หยานแข็งค้าง เขารู้สึกได้ถึงออร่าอันหนักหนาที่แผ่มาจากนกฟีนิกซ์ที่อยู่ตรงหน้าเขาและเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
นี่คือสัตว์ขี่หรือสัตว์เลี้ยงของหลี่โม่ผิงหรอ?
นกฟีนิกซ์ดูเหมือนจะเป็นสัตว์ในตำนานไม่ใช่หรอ?
เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจะมีคนเอามันมาเป็นสัตว์ขี่หรือสัตว์เลี้ยงได้จริงๆ
“เธอกำลังรออะไรอยู่? ขึ้นมาเร็วเข้า” หลี่โม่ผิงกระโดดขึ้นและพูดกับลู่หยานด้านล่าง
ลู่หยานพยักหน้าและรีบขึ้นไป
การปรากฏตัวของนกฟีนิกซ์สีทองยังคงสร้างความโกลาหลวุ่นวายให้กับบริเวณโดยรอบ อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาเห็นหลี่โม่ผิง พวกเขาก็ไม่ได้แปลกใจอีกต่อไป
นกฟีนิกซ์สีทองทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าเหนือสถาบันมุมทองโดยตรง มันทำให้ลู่หยานสามารถมองเห็นสถาบันมุมทองได้ทั้งหมด
“อาจารย์หลี่ ผมขอถามหน่อยได้ไหมว่าตอนนี้คุณอยู่เลเวลอะไรแล้ว?” ลู่หยานมองไปที่หลี่โม่ผิงและถาม
เพื่อที่จะสามารถปราบสัตว์ในตำนานได้ เลเวลของหลี่โม่ผิงนั้นก็จะต้องไม่ต่ำอย่างแน่นอน
หลี่โม่ผิงยิ้มและพูดว่า “ตอนนี้ฉันอยู่ที่เลเวล 62 แล้ว”
เลเวล 62!
ร่างกายของ ลู่หยานสั่นสะท้าน นี่หมายความว่าเธอเปลี่ยนอาชีพไปแล้วถึงสามครั้งไม่ใช่หรอ?
ลู่หยานไม่ได้คาดคิดว่าหลี่โม่ผิงที่อยู่ตรงหน้าเขาจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่ได้รับการเปลี่ยนอาชีพมาถึงสามครั้งแล้ว
หลี่โม่ผิงกล่าวต่อว่า “ลู่หยาน เธอต้องรู้ว่าเลเวลนั้นไม่ใช่ทุกอย่าง มันเป็นเพียงหน่วยวัดเท่านั้น”
“ด้วยการล่าปีศาจและได้รับค่าประสบการณ์จากพวกมัน มันก็จะสามารถเพิ่มเลเวลของพวกเราได้ อย่างไรก็ตาม มันก็ยังมีคนที่ไม่เคยล่าสัตว์ปีศาจแต่ก็ยังทรงพลังมากด้วยพลังของตนเองอยู่”
“เลเวลของพวกเขาอาจจะต่ำมากก็จริง แต่ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็ไม่ได้อ่อนแออย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นแล้วจงอย่าสร้างนิสัยตัดสินคนจากเลเวลของพวกเขา”
“แน่นอนว่ามันมีคนแบบนั้นน้อยมาก คนส่วนใหญ่ยังคงพึ่งพาการอัพเลเวลเพื่อรับความแข็งแกร่งเพิ่มเติม”
ขณะที่เธอพูด นกฟีนิกซ์สีทองก็บินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
หลี่โม่ผิงและลู่หยานยืนอยู่ข้างนกฟีนิกซ์สีทองในขณะที่หลี่โม่ผิงชี้ไปที่สถานที่ด้านล่างและอธิบายให้ลู่หยานรู้จัก
“นั่นคือโรงอาหารของสถาบัน มันมีโรงอาหารหลายแห่งที่นี่ แต่มันก็มีเพียงโรงอาหารตรงกลางเท่านั้นที่ใช้เป็นโรงอาหารสำหรับสัตว์ปีศาจ”
“นั่นคืออาคารสอนของสถาบันนักรบ นั่นคืออาคารสอนของสถาบันนักเวทย์…”
“นั่นคือห้องทดลอง นั่นคือพื้นที่ขนส่ง คลังสมบัติของสถาบันมุมทองเองก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน เธอสามารถใช้เครดิตคะแนนของสถาบันมุมทองเพื่อแลกเปลี่ยนเป็นไอเทมและทรัพยากรได้”
…
ขณะที่หลี่โม่ผิงแนะนำลู่หยาน เธอก็ได้แนะนำองค์ประกอบของ สถาบันมุมทองโดยสังเขป
สถาบันมุมทองแบ่งออกเป็นสถาบันนักรบ, สถาบันนักเวทย์, สถาบันนักธนู, สถาบันที่สี่และสถาบันผู้ช่วย
ในหมู่พวกเขา สถาบันนักรบสอนการโจมตีทางกายภาพระยะประชิด สถาบันนักเวทย์สอนการโจมตีด้วยเวทมนตร์ระยะไกล สถาบันนักธนูสอนการโจมตีทางกายภาพระยะไกล
สถาบันที่สี่ค่อนข้างพิเศษ มันรวมอาชีพสายต่อสู้พิเศษบางอย่างเอาไว้เช่น ผู้อัญเชิญและปรมาจารย์ค่ายกล
สถาบันผู้ช่วยมีไว้สำหรับผู้ที่มีอาชีพสายสนับสนุนที่ไม่มีความแข็งแกร่งในการต่อสู้เลย
ภายในแต่ละสถาบันต่างๆ เองก็มีหลายแผนกแยกย่อยลงไปเช่นกัน ตัวอย่างเช่น แผนกเบอร์เซิร์กเกอร์, แผนกนักดาบ, แผนกนักเวทย์ธาตุ, แผนกนักเวทย์มิติ, แผนกเนโครแมนเซอร์และอื่นๆ
หลังจากใช้เวลาครึ่งชั่วโมง หลี่โม่ผิงก็พาลู่หยานไปรอบๆ สถาบันมุมทองจนหมด หลังจากบอกบางสิ่งที่ควรทราบแก่เขาแล้ว หลี่โม่ผิงก็พาลู่หยานไปยังสถานที่ที่นักเรียนใหม่รายงานตัว
“ฉันได้อธิบายทุกอย่างที่ต้องอธิบายแล้ว เธอสามารถไปดูส่วนที่เหลือเองได้ แม้ว่าการต่อสู้จะไม่ได้ถูกห้ามในหมู่นักเรียนใหม่ แต่สถาบันก็จะยังคงจับตามองมัน ดังนั้นหากเธอพบปัญหาใดๆ เธอก็สามารถแจ้งทางสถาบันได้”
เมื่อพูดจบ หลี่โม่ผิงก็ขึ้นขี่นกฟีนิกซ์ทองและบินจากไป
เธอยุ่งมาก นักเรียนธรรมดาจำเป็นต้องพึ่งพาตัวเองเพื่อทำความเข้าใจสิ่งที่เธอบอก แต่สำหรับลู่หยานแล้ว เพราะเขาเป็นแชมป์ระดับมณฑล ดังนั้นเธอจึงปฏิบัติต่อเขาเป็นพิเศษ
เมื่อเห็นหลี่โม่ผิงจากไป ลู่หยานก็มุ่งหน้าไปยังจุดที่นักเรียนใหม่รายงานตัว
อย่างไรก็ดี ในขณะนี้ ร่างที่อยู่ข้างหน้าเขาก็กำลังมุ่งหน้ามาทางลู่หยาน...