ตอนที่ 92: ค่ายชั้นใน
ตอนที่ 92: ค่ายชั้นใน
เซี่ยเฟยได้ทำการขอวันหยุดฉินหมางเป็นเวลา 1 วัน โดยเหตุผลประการแรกคือเขาจะต้องเข้าไปในค่ายชั้นในเป็นเวลา 24 ชั่วโมง ส่วนประการที่ 2 คือเขาได้รับผลึกน้ำแข็งอำพันมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาจึงจำเป็นจะต้องเตรียมตัวสำหรับการปรุงยา
หลังจากทำการตั้งค่าเครื่องปรุงยาเป็นที่เรียบร้อยแล้วเซี่ยเฟยก็ใช้นิ้วแตะที่แหวนมิติพร้อมกับหยิบหินสีขาวอมเหลืองออกมา
หินก้อนนี้ยังไม่ได้รับการเจียระไนมันจึงทำให้บริเวณขอบหินยังมีมุมที่แหลมคม แต่อีกนัยหนึ่งมันก็ดูเป็นวัตถุดิบที่ยังไม่ได้รับการแตะต้อง
แน่นอนว่าหินก้อนนี้นั่นก็คือผลึกน้ำแข็งอำพันที่เซี่ยเฟยต้องยอมจ่ายราคาอันเจ็บปวดเพื่อที่เขาจะได้รับมันมา
เขาจำเป็นจะต้องใช้คะแนนพิเศษที่ได้รับมาจากการแข่งขันรถเอ็กซ์ตรีม 3,000 คะแนนกับแหวนมิติขนาด 4 ลูกบาศก์เมตรเพื่อแลกมากับหินสีขาวก้อนเล็ก ๆ ชิ้นนี้
เซี่ยเฟยพิจารณาหินสีขาวภายในมือซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนที่จะถอนหายใจออกมาด้วยความเสียดาย จากนั้นเขาก็นำมันไปวางไว้บนโต๊ะพร้อมกับนำผลวิญญาณหลวนออกมาด้วย
วัตถุดิบทั้งสองชนิดต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นวัตถุดิบที่ล้ำค่า โดยวัตถุดิบชนิดหนึ่งมีคุณสมบัติที่ร้อนจัด ส่วนวัตถุดิบอีกชนิดหนึ่งมีคุณสมบัติที่เย็นจัดซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
การพยายามรวมวัตถุดิบทั้งสองชนิดนี้เข้าด้วยกันจะส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาอันรุนแรง และถ้าหากว่าในกระบวนการปรุงยามันมีความผิดพลาดเกิดขึ้นมาแม้แต่เพียงนิดเดียว มันก็อาจจะก่อให้เกิดการระเบิดขึ้นมาได้เลย
แต่วิธีการแบบนี้ถือได้ว่าเป็นหลักการสำคัญของการปรุงยาตามแบบฉบับของอันธอยู่แล้ว เพราะเขามักจะทำการเลือกวัตถุดิบที่ขัดแย้งกันมาผสมเข้าด้วยกันเพื่อสร้างน้ำยาปาฏิหาริย์เสมอ
หลังจากเตรียมการมาหลายชั่วโมงเซี่ยเฟยก็ได้รับน้ำยาขวดใหญ่มาเก็บไว้ในแหวนมิติ ซึ่งสิ่งที่เขาจำเป็นจะต้องทำก็มีเพียงแค่การรอให้น้ำยาส่วนที่ตกค้างในร่างกายถูกดูดซึมไปจนหมด ก่อนที่เขาจะเริ่มรับประทานน้ำยาขวดใหม่
—
ช่วงเวลาเช้าตรู่เซี่ยเฟยและเฉินตงก็ออกมารอด้านหน้าของหอพักตั้งแต่ยังไม่มีใคร
หลังจากนั้นไม่นานคนที่เหลือก็เดินทางมาสมทบ โดยเยว่เกอตั้งตารอที่จะเดินทางไปยังค่ายชั้นในมาตั้งนานแล้ว ดังนั้นระหว่างรอเธอจึงพูดจาอย่างตื่นเต้นกับหมานจุนและเป๋ยไฮ่ไม่หยุดหย่อน
หลังจากที่พวกเขาพูดคุยกันไปสักพักรถรับส่งขนาดกลางก็บินมาจากระยะไกล ก่อนที่จะมาลงจอดในพื้นที่โล่งด้านหน้าหอพัก
เมื่อประตูรถถูกเปิดออกมันก็มีคนสองคนเดินออกมา โดยทางฝั่งของผู้ชายคือเซียวไห่ลี่ผู้นำทีม 13 ส่วนอีกฝั่งคือสาวงามผู้มีนามว่าเย่เสี่ยวหาน
“ครั้งนี้เป็นเกียรติสำหรับผมและเสี่ยวหานมากที่จะได้พาพวกคุณเข้าไปยังค่ายชั้นใน ถ้าหากว่าพวกคุณไม่เข้าใจอะไรเชิญถามมาได้เลย ผมจะพยายามตอบคำถามอย่างเต็มที่” เซียวไห่ลี่พูดด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
‘เสี่ยวหาน? ดูเหมือนว่าพวกเขาจะสนิทกันสินะ’ เซี่ยเฟยคิดกับตัวเอง
เย่เสี่ยวหานขมวดคิ้วให้กับคำพูดของเซียวไห่ลี่เล็กน้อยแต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
หลังจากรถรับส่งบินไปทางภูเขาทางทิศตะวันตกเป็นเวลา 10 นาที ภาพของอาคารสีขาวก็ปรากฏขึ้นท่ามกลางภูเขาที่มีแม่น้ำสายยาวไหลผ่านกลางค่ายฝึก ทำให้ค่ายฝึกถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนเชื่อมด้วยสะพานข้ามแม่น้ำที่ดูหรูหราและท่ามกลางภูเขาแห่งนี้ก็มีอาคารอยู่ประมาณ 7-8 หลัง
เมื่อเทียบกับอาคารด้านนอกแล้วอาคารของค่ายชั้นในดูเล็กกว่า เพราะอาคารแต่ละหลังมีความสูงเพียงแค่ประมาณ 3 ชั้นเท่านั้น
อาคารที่โดดเด่นที่สุดคืออาคารทรงกลมที่อยู่ตรงกลาง ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่และมีรูปร่างโค้งมนราวกับไข่มุกที่ถูกฝังอยู่บนพื้น
รถรับส่งได้ลงจอดในพื้นที่โล่งก่อนที่เซียวไห่ลี่และเย่เสี่ยวหานจะเดินนำทุกคนเข้าไปในอาคารรูปทรงสี่เหลี่ยม
หากมองผ่าน ๆ ค่ายฝึกชั้นในก็ดูเหมือนจะว่างเปล่าทำให้สภาพแวดล้อมตกอยู่ในความเงียบสงัดและได้ยินเพียงแค่เสียงธรรมชาติของพื้นที่แห่งนี้เท่านั้น
“พวกคุณยังไม่ได้ทานอาหารเช้าใช่ไหม? อาคารแห่งนี้คือโรงอาหารของค่ายฝึกชั้นในและพวกเราจะเริ่มต้นจากที่นี่” เซียวไห่ลี่กล่าวอย่างสุภาพ
ร้านอาหารภายในอาคารมีความหรูหรามากโดยที่นั่งทั้งหมดเป็นโซฟากว้างที่สะดวกสบายและมีฟังก์ชั่นคอยนวดกล้ามเนื้ออัตโนมัติ ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีในการทานอาหารและเครื่องดื่มหลังจากทำการฝึกฝนมาอย่างหนัก
หลังทานอาหารเช้าพร้อมกับเดินไปรอบ ๆ เซียวไห่ลี่และเย่เสี่ยวหานก็พาทุกคนไปยังอาคารทรงกลมที่ดูสะดุดตาและมีอักษรตัวใหญ่สีทองเขียนเอาไว้ว่า ‘ศูนย์ฝึกหมิงเหอ’
“นี่คือศูนย์ฝึกหมิงเหอซึ่งเป็นแก่นสำคัญของค่ายชั้นใน สาเหตุที่พวกเราเดินไปรอบ ๆ แล้วไม่พบใครนั่นก็เพราะทุกคนในค่ายชั้นในอยู่ในศูนย์ฝึกแห่งนี้ทั้งหมด”
“การแข่งขันภายในค่ายชั้นในดุเดือดมาก มันจึงไม่มีใครยอมเสียเวลาในการฝึกฝนแม้แต่วินาทีเดียว คนส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะกินนอนอยู่ในศูนย์ฝึก เดี๋ยวหลังจากนี้ผมจะพาพวกคุณเข้าไปเยี่ยมชมด้านใน” เซียวไห่ลี่กล่าว
ทันทีที่เข้าไปในศูนย์ฝึกหมิงเหอเซี่ยเฟยก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ผิดปกติราวกับว่าพื้นที่แห่งนี้เต็มไปด้วยพลังงาน ดังนั้นในระหว่างที่เขากำลังเดินเขาจึงรู้สึกตื่นเต้นอย่างไม่สามารถจะอธิบายได้
“พลังงานที่นี่หนาแน่นมากเลย!” อันธโผล่หัวออกมาพร้อมกับมองไปรอบ ๆ
อย่างไรก็ตามศูนย์ฝึกแห่งนี้ก็ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย แต่เหตุผลของความไม่สบายใจคืออะไรก็เป็นสิ่งที่แม้แต่ตัวของเขาก็ไม่สามารถจะบอกได้
ใจกลางห้องโถงมีหลุมลึกขนาดใหญ่ที่มีความลึกลงไปหลายร้อยเมตรและมีทางเดินเป็นวงกลมนำไปยังห้องต่าง ๆ ที่อยู่ติดกัน
เซี่ยเฟยพยายามนับในใจและได้พบว่าภายในอาคารมีชั้นใต้ดินทั้งหมด 50 ชั้น โดยแต่ละชั้นมีห้องทั้งหมด 12 ห้องทำให้รวมทั้งหมดมีห้องฝึกอยู่ทั้งสิ้น 600 ห้อง ซึ่งสามารถรองรับนักเรียนได้พร้อมกัน 600 คน
“ย้อนกลับไปในตอนที่ผมยังเรียนอยู่ผมก็มีช่วงเวลายากลำบากที่นี่อยู่เหมือนกัน ถ้าผมจำไม่ผิดผมเคยอยู่ในห้องฝึกนานที่สุด 5 เดือนติดต่อกันโดยไม่ออกมาด้านนอกเลย” เซียวไห่ลี่กล่าวขณะคิดถึงความหลัง
“ทางค่ายชั้นในได้เตรียมห้องเอาไว้ให้กับพวกคุณ 5 ห้องแล้ว ตอนนี้พวกคุณสามารถเข้าไปสัมผัสกับประสบการณ์ในค่ายชั้นในได้ 24 ชั่วโมง หลังจากนั้นถึงแม้ว่าพวกคุณจะไม่ต้องการแต่ผมก็จะค่อย ๆ เตะพวกคุณออกมาทีละคน” เซียวไห่ลี่พูดติดตลก
หลังจากทุกคนลงลิฟต์ใต้ดินไปจนถึงชั้นที่ 15 เซียวไห่ลี่ก็ได้มอบการ์ดระบุเลขห้อง 5 ใบให้กับพวกเซี่ยเฟย
ระหว่างนั้นเย่เสี่ยวหานก็รู้สึกลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เธอจะกัดริมฝีปากและพูดออกมาว่า
“เซี่ยเฟยช่วยมากับฉันหน่อย”
“ดูสิมีใครบางคนกำลังได้รับการดูแลแบบพิเศษด้วย” เยว่เกอทำหน้าบึ้งหันไปทางเซี่ยเฟย
เป๋ยไฮ่และหมานจุนปิดปากแอบดีใจ ขณะที่เซียวไห่ลี่ที่อยู่ด้านข้างกำลังรู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมากแต่ใบหน้าของเขายังคงประดับด้วยรอยยิ้ม
เย่เสี่ยวหานไม่สนใจการพูดจาหยอกล้อของคนอื่น เธอจึงนำเซี่ยเฟยจนไปหยุดอยู่หน้าห้อง 1512
หลังจากนั้นหญิงสาวก็เอื้อมมือไปหยิบการ์ดในมือของเซี่ยเฟยก่อนที่จะนำการ์ดไปเปิดประตู
“เข้ามาสิ ฉันมีอะไรจะบอก” เย่เสี่ยวหานกล่าวด้วยเสียงกระซิบ
พื้นที่ในบริเวณนี้มีอยู่อย่างจำกัดทำให้คนอื่น ๆ ได้ยินเสียงของเย่เสี่ยวหานอย่างง่ายดายแม้ว่าเธอจะพูดออกมาเบา ๆ ก็ตามทำให้พวกเป๋ยไฮ่ส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างชั่วร้ายอีกครั้ง
เซียวไห่ลี่กัดฟันยืนมองอยู่ห่าง ๆ พร้อมกับจ้องไปทางเซี่ยเฟยอย่างเย็นชา
เซี่ยเฟยเดินเข้าไปภายในห้องอย่างช่วยไม่ได้และทันทีที่เขาก้าวเท้าเข้ามาเย่เสี่ยวหานก็ปิดประตู
“ห้องฝึกภายในศูนย์ฝึกหมิงเหอเต็มไปด้วยพลังงานที่สามารถดูดซึมเข้าไปได้อย่างต่อเนื่อง แต่คุณต้องจำเอาไว้ให้ดี ๆ ว่าพลังงานพวกนี้ไม่สามารถแปรเปลี่ยนเป็นพลังได้ในทันที มันจำเป็นที่จะต้องใช้เวลา” เย่เสี่ยวหานอธิบายกับเซี่ยเฟย
“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนรู้อยู่แล้วหรอ?” เซี่ยเฟยถามอย่างสงสัย
“ฉันยุ่งมากไปสินะ” เย่เสี่ยวหานกล่าวพร้อมกับก้มหน้าลง
ท่าทางของหญิงสาวทำให้เซี่ยเฟยผงะไปครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะเผยรอยยิ้มและพูดออกมาว่า
“ถ้าให้พูดตามตรงมันก็นิดหน่อย แต่มันก็ไม่ได้แย่เกินไปเท่าไหร่”
เย่เสี่ยวหานดูผิดหวังเล็กน้อยก่อนที่เธอจะพยักหน้าและเดินออกจากห้องไป
หลังจากนั้นเซี่ยเฟยก็เดินสำรวจรอบ ๆ ห้องเพื่อทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมในห้องฝึก
พื้นที่ภายในห้องแบ่งออกเป็นห้องด้านนอกและห้องด้านใน โดยห้องด้านนอกเป็นพื้นที่นั่งเล่นที่ประกอบไปด้วยโต๊ะ, โซฟา, เก้าอี้, เตียง, ห้องน้ำและคอมพิวเตอร์
เมื่อเซี่ยเฟยเปิดประตูไปยังห้องด้านในคลื่นพลังงานอันรุนแรงก็หลั่งไหลออกมาราวกับน้ำทะเลที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ความผันผวนของพลังงานนี้เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมากคล้ายกับว่ามันสามารถเคลื่อนที่ผ่านผิวหนังและพุ่งเข้าไปในร่างของเขาได้โดยตรง
คลื่นพลังงานพวกนี้คล้ายกับลมที่ถูกเป่าเข้าไปในลูกโป่ง มันจึงทำให้ในเวลาเพียงแค่ไม่นานร่างกายของเซี่ยเฟยก็เริ่มถูกเปลี่ยนเป็นสีแดง
อันธเดินไปรอบ ๆ ห้องพร้อมกับทำการสังเกตห้องแห่งนี้อย่างต่อเนื่อง
“นายยังจำหัวใจจักรวาลได้ไหม?” อันธถาม
“ฉันจำได้ว่ามันเป็นสิ่งที่ฉันได้รับมาในตอนสำรวจแอตแลนติส ถ้าฉันจำไม่ผิดนายบอกฉันว่ามันเป็นแหล่งบรรจุพลังงานบริสุทธิ์ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดของจักรวาล” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“ใช่แล้ว ฉันคิดว่าพลังงานในห้องนี้ให้ความรู้สึกเหมือนกับพลังงานในหัวใจจักรวาล แต่สิ่งที่ฉันสงสัยคือพวกเขาเปลี่ยนพลังงานพวกนั้นให้กลายเป็นคลื่นพลังงานที่ร่างกายของมนุษย์สามารถดูดซึมเข้าไปได้ยังไง”
เซี่ยเฟยเคยอ่านเจอในหนังสือว่าพลังงานถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือพลังงานรูปแบบคลื่นและพลังงานในเชิงเส้น
พลังงานเชิงเส้นเป็นพลังงานที่เอาไว้ใช้กับเครื่องจักรแต่มันเป็นสิ่งที่ร่างกายของมนุษย์ไม่สามารถดูดซึมได้ เนื่องมาจากโครงสร้างร่างกายของมนุษย์มันจึงทำให้มนุษย์สามารถดูดซึมได้เพียงแต่พลังงานในรูปแบบของคลื่นเท่านั้น
การทำให้พลังงานภายในหัวใจจักรวาลกลายเป็นพลังงานที่ร่างกายของมนุษย์สามารถดูดซึมได้เป็นเทคโนโลยีที่อันธไม่เคยได้ยินมาก่อน
หากมนุษย์สามารถใช้เทคโนโลยีนี้ได้อย่างเชี่ยวชาญ พวกเขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพึ่งพาอาหารเพื่อเติมเต็มพลังงานให้กับร่างกาย แต่สามารถทำการดูดซึมพลังงานจากแร่ต่าง ๆ เข้าสู่ร่างกายได้โดยตรง
วิธีการนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องอาหารได้เท่านั้น แต่มันยังจะช่วยเสริมสร้างสมรรถภาพทางร่างกายของมนุษย์ได้อีกด้วย
“เรื่องนี้ช่างน่าทึ่งจริง ๆ ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมสมาพันธ์จัสทิสถึงสามารถประสบความสำเร็จมาได้จนถึงวันนี้ ที่แท้พวกเขาก็ได้ครอบครองเทคโนโลยีการแปลงพลังงานแบบนี้นี่เอง” อันธอุทานอย่างตื่นเต้น
หลังจากนั้นไม่นานเซี่ยเฟยก็เริ่มรู้สึกอึดอัดราวกับว่ามันมีเข็มเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังทิ่มแทงไปทั่วทั้งร่างของเขา
“พลังงานนี้มันจะช่วยให้ฉันเพิ่มระดับความสามารถได้ไหม?” เซี่ยเฟยถาม
“ไม่… ระบบการทำงานภายในร่างกายของนายได้รับความเสียหาย ดังนั้นพลังงานพวกนี้จึงไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับนาย อย่างมากที่สุดมันก็ช่วยให้นายรู้สึกกระฉับกระเฉงเท่านั้นแหละ” อันธพูดตามตรง
เหตุการณ์นี้ถึงกับทำให้เซี่ยเฟยพูดไม่ออกและในชั่วขณะหนึ่งมันก็ทำให้เขาแอบรู้สึกผิดหวัง
“แต่พลังงานนี้ก็ช่วยเร่งกระบวนการผลัดเปลี่ยนเซลล์ได้ ซึ่งมันจะช่วยให้นายสามารถดูดซึมน้ำยาได้ดีขึ้น ถ้าหากว่านายอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้เป็นเวลานาน นายจะสามารถดื่มน้ำยาได้เร็วกว่าเดิมหรือจะเรียกว่ามันช่วยเพิ่มระดับความสามารถของนายแบบอ้อม ๆ ก็ได้”
“เร่งกระบวนการดูดซึมน้ำยาหรอ” เซี่ยเฟยอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง
หลังจากนั้นชายหนุ่มก็หยิบเครื่องตรวจสอบสารตกค้างในร่างกายออกมาจากแหวนมิติพร้อมกับทำการตรวจสารอัลฟ่าที่ตกค้างอยู่ในร่างกาย
“พระเจ้า! นายลองดูสิตัวเลขดัชนีอัลฟ่ากำลังลดลงเร็วมาก!! แบบนี้ฉันก็สามารถกินยารอบใหม่ได้แล้วใช่ไหม?”
***************