CD บทที่ 337 มุมานะพยายาม
ด้วยการเลื่อนตำแหน่งและเงินรางวัล 25, 000 หยวน ทำให้การผจญภัย ‘Zhen-Dui’ เสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์แบบ อัตราสำเร็จอยู่ที่ 93% เขาได้รับเสื้อเกราะกันกระสุนล่องหนซึ่งยากมากที่จะได้รับมากกว่าหนึ่งครั้ง!
จ้าวอยู่ใช้เสื้อเกราะกันกระสุนล่องหนไปสองครั้ง และพบว่ามันทั้งทรงพลังและใช้งานได้หลานสถานการณ์ แม้ว่ามันจะมองไม่เห็น แต่มันก็ทนทานต่อลูกกระสุนทั้งหมด เขาจึงไม่ต้องกังวลว่าจะถูกยิงเข้าที่ศีรษะเลย
อย่างไรก็ตามมีข้อบกพร่องอยู่ประการหนึ่ง เสื้อเกราะกันกระสุนล่องหนที่เขาได้รับในครั้งนี้อยู่ได้เพียง 30 นาทีเท่านั้นซึ่งผิดกับเสื้อเกราะที่เขาได้รับก่อนหน้านี้ มันอยู่ได้นานตั้งหนึ่งชั่วโมง
จ้าวอยู่เคยเจอสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน ในตอนนั้น เขาได้รับเครื่องเอกซเรย์ล่องหนมา แม้หน้าตาของมันจะเหมือนกันแต่ระยะเวลาการใช้งานกลับแตกต่างกันมาก อันหนึ่งใช้งานได้ 10 นาที ส่วนอีกอันใช้งานได้ 1 นาที
ดูเหมือนว่าของวิเศษทั้งหมดจะมีหลายเวอร์ชั่น ยิ่งอุปกรณ์อยู่ในขั้นสูงมากเท่าไหร่ ระยะเวลาใช้งานก็จะเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
‘ถึงมันจะใช้งานได้แปปเดียว แต่อย่างน้อย ๆ ก็ดีกว่าไม่มีเลย’ จ้าวอยู่คิดกับตัวเอง
ณ ตอนนี้ เวลาได้ล่วงเลยผ่านเที่ยงคืนแล้ว จ้าวอยู่จึงตัดสินใจเปิดคำทำนายของวันนี้ เขาได้รับคำว่า ‘Dui-Li’ โดย ‘Dui’ เป็นตัวแทนของเงิน และ ‘Li’ เป็นตัวแทนของมิตรภาพ
‘ฉันสงสัยว่าจะมีการผจญภัยแบบไหนรอฉันอยู่’ จ้าวอยู่คิด
ก่อนหน้านี้ จ้าวอยู่เคยหมกมุ่นอยู่กับการสืบสวนคดีซึ่งทำให้เขาไม่มีเวลาจัดการเรื่องส่วนตัว เช่น กองโน้ตเก่า ๆ และการลงทุนที่เขาสนใจ
จ้าวอยู่คิดว่าตัวเองเป็นคนรวย แต่เมื่อเทียบกับเหมี่ยวอิงแล้ว ยังมีโลกที่แตกต่างระหว่างพวกเขา ด้วยเหตุนี้ เขาจึงตัดสินใจว่าตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป เขาจะพิจารณาโครงการลงทุนและทำกำไรมหาศาล
...
เช้าวันรุ่งขึ้น จ้าวอยู่กลับมาวิ่งตามปกติในสวนสาธารณะกับต้าเหิง คราวนี้เขาได้ใส่สายจูงที่ปลอกคอของมันซึ่งทำให้สถานการณ์ดีขึ้นกว่าเดิมมาก ทำให้พวกคนแก่ไม่ได้กลัวต้าเหิงเหมือนก่อนหน้านี้
เมื่อวิ่งเสร็จแล้ว เขาก็เข้าไปอาบน้ำ พอเขาออกมาจากห้องอาบน้ำ เขาก็พบว่าแม่ของเขาได้เตรียมอาหารเช้าไว้ให้เขาแล้ว การได้ทานอาหารเช้าที่บ้านก็ถือเป็นพรอันประเสริฐเช่นกัน
แม่ของจ้าวอยู่บอกเขาว่าลุงนอกรีตสองคนของเขายังหาหนังสือโบราณไม่เจอ เธอจึงตั้งใจจะกลับไปบ้านเกิดของเธอและหามันด้วยตนเอง
จ้าวอยู่พยักหน้าเห็นด้วยอย่างรวดเร็วและพูดว่า
“หนังสือเล่มนี้สำคัญมาก แม่ต้องหามันให้ผมให้ได้นะครับ”
แม่ของเขาจึงตอบกลับไปว่า ถ้าเขาจะได้เงินห้าแสนหยวน เขาจะต้องไม่ลืมที่จะแบ่งผลกำไรให้เธอด้วย
หลังจากคุยเรื่องต่าง ๆ กับแม่ของเขาเสร็จแล้ว จ้าวอยู่ก็พาต้าเหิงไปทำงาน
แม้ว่าจะไม่มีคดีเร่งด่วน แต่บรรยากาศในห้องทำงานก็ไม่ได้ผ่อนคลายมากนัก พวกเขาต้องทำเอกสารรายงานของคดีปล้นธนาคารและคดีธุรกรรมอำพรางไปพร้อม ๆ นอกจากตามจับกุมคนร้ายแล้ว พวกตำรวจเองก็มีงานเอกสารที่ต้องจัดการเช่นกัน
แล้วอีกอย่าง เนื่องจากจ้าวหยู่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นหัวหน้าทีม เขาจึงมีเอกสารมากมายที่ต้องจัดการเช่นกัน นอกจากนี้ เขายังต้องเข้าร่วมการประชุมระดับสูง รายงานสิ่งที่เกิดขึ้น รวมทั้งเข้าประชุมสาธารณะ ฯลฯ
เขาต้องเข้าร่วมสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดกับเหมี่ยวอิง นี่เป็นสิ่งที่ต้องทำตลอดทั้งวัน มันทำให้เขายุ่งตลอดทั้งเช้า โชคดีที่จ้าวหยู่สามารถหาเวลาส่วนตัวระหว่างมื้อกลางวันได้ในที่สุด
หลังเลิกงาน จ้าวหยู่รีบออกจากสถานีตำรวจไปยังร้านอาหารที่เงียบสงบในซื่อฮวน เขานัดใครบางคนไว้ที่นั่น
‘ใครบางคน’ ที่ว่าคือนายเถาจากธนาคารฉินชาน
นายเถาได้สั่งอาหารไว้ให้จ้าวหยู่แล้ว ทั้งสองคนได้ชนแก้วและเริ่มการสนทนา
“คุณจ้าว บางครั้งฉันก็คิดว่าคุณเป็นผู้ช่วยชีวิตของฉัน!” นายเถากล่าวอย่างซาบซึ้ง “ฉันเคยรบกวนคุณเรื่องลูกชายของฉันมาแล้วครั้งหนึ่ง ใครจะคิดว่าฉันจะต้องพึ่งพาความช่วยเหลือของคุณอีกครั้งเพื่อช่วยเราให้รอดพ้นจากปัญหาในธนาคาร!”
“คุณก็พูดเกินไป!” จ้าวหยู่ตอบอย่างสุภาพว่า “ในฐานะตำรวจ นั่นเป็นความรับผิดชอบของฉัน ฉันจะทำทุกอย่างที่ทำได้!”
“ไม่ ไม่ ไม่” นายเถาพูด “ฉันได้ยินมาว่าคดีธุรกรรมอำพรางได้รับการแก้ไขอย่างยากเย็นเพียงใด ฉันได้ยินมาว่าคุณได้ยิงปะทะกับคนร้าย นอกจากนี้คนร้ายยังใช้ควันยาสลบด้วย เฮ้อ! ทั้งหมดเป็นความผิดของเราที่คุณต้องรับความเสี่ยง เรารู้สึกเสียใจมาก!”
"คุณเถา เราต่างก็รู้จักกันดี คุณไม่จำเป็นต้องเป็นทางการมากนัก มันทำให้ฉันรู้สึกแปลก ๆ นิดหน่อย ฮ่าฮ่าฮ่า” จ้าวหยู่ยิ้มจาง ๆ
“คุณจ้าว คุณช่างมีอารณ์ขันจริง ๆ” นายเถาชมเชย “ที่จริงฉันค่อนข้างสนิทกับพ่อแม่ของคนร้าย ใครจะรู้ว่าเด็กคนนั้นจะกลายเป็นคนร้ายในคดีธุรกรรมอำพราง ฉันยังทำใจเชื่อไม่ลงเลยจริง ๆ”
"โอ้? คุณรู้จักพวกเขางั้นเหรอ?” จ้าวหยู่รู้สึกประหลาดใจ
"ใช่!" นายเถากล่าว “แม่ของเขาเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของธนาคาร แต่ด้วยความทะเยอทะยานของเธอ เธอจึงถูกย้ายไปที่สำนักงานใหญ่อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ เธอเป็นผู้คิดค้นระบบตู้นิรภัยของธนาคารทุกแห่ง ผู้หญิงคนนั้นมีความสามารถจริงๆ!”
“สามีของเธอเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ฉันรู้จักเขาเพราะฉันเคยซื้อบ้านจากเขามาก่อน เลยมีโอกาสได้เจอเด็กคนนั้น ในตอนนั้นฉันจำได้เลยว่าฉันรู้สึกประทับใจในตัวเด็กคนนั้น...” นายเถาจิบชาแล้วพูดอย่างเศร้า ๆ ว่า “แต่ใครจะคิดว่าว่าเด็กคนนั้นจะโตมาเป็นฆาตกร ถ้าไม่ใช่เพราะอุบัติเหตุในครั้งนั้น บางทีเขาอาจจะเป็นนักธุรกิจชั้นแนวหน้าของฉินชานไปแล้วก็ได้ เฮ้อ! ช่างน่าสงสารจริง ๆ…”
“ใช่ คุณไม่มีทางรู้หรอก! เบื้องหลังทุกคดีย่อมเต็มไปด้วยสายธารแห่งหยาดน้ำตา” จ้าวหยู่ทวนคำพูดที่เป็นที่รู้จักกันดีของหันหน้าจิน
จากนั้นเขาก็ชนแก้วนายเถาอีกครั้ง
คำพูดดังกล่าวทำให้นายเถาตกตะลึง เขารีบถามจ้าวหยู่ว่ามันหมายความว่าอย่างไร หลังจากที่จ้าวหยู่อธิบายให้เขาฟังแล้ว นายเถาก็ชมเชยเขา
“ฉันไม่เคยคิดเลยว่าคุณจ้าวไม่เพียงเก่งในการไขคดีเท่านั้น แต่ยังรู้ถึงวลีที่ลึกซึ้งเช่นนี้ด้วย มันหายากมาก หาได้ยากจริง ๆ… โอ้ อย่างไรก็ตาม…”
นายเถาหยิบเช็คออกมาและส่งให้จ้าวหยู่
“ฉันอยากให้คุณรับมันไว้ ฉันสัญญาว่าถ้าคุณสามารถช่วยให้ธนาคารพ้นจากปัญหาได้ เราจะให้เงินรางวัลแก่คุณ นี่คือหนึ่งพันล้านหยวน มันมาจากพวกเราผู้ถือหุ้น เราหวังว่าคุณจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากสิ่งนี้ ถ้ามันไม่สะดวกเกินไป ฉันจะทำแบบเดียวกับคุณเหลียงโดยการออกใบรับรองให้คุณ!”
“ไม่ ไม่ ไม่ ฉันคงรับมันไม่ได้หรอก” จ้าวหยู่ปฏิเสธทันที “นายเถา คุณเข้าใจฉันผิด เหตุผลที่ฉันชวนคุณมาในวันนี้ เพราะฉันต้องการความช่วยเหลือจากคุณ ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อรับเงินรางวัล แล้วอีกอย่าง เงินตั้งมากขนาดนี้ ฉันรับมันไม่ได้หรอก!” จ้าวหยู่ปฏิเสธทันควัน
"โอ้? ถ้ามีอะไรที่ฉันพอจะช่วยคุณ ขอแค่คุณบอกฉันมา ฉันจะพยายามให้ดีที่สุด!” นายเถาอยากรู้อยากเห็น
“ถ้างั้น” จ้าวหยู่พูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “ฉันมีเพื่อนคนหนึ่งที่ต้องการเป็นเจ้าของยิมปราณก้นเหวในห้างหัวเป่ย แต่ก่อนหน้านี้มีบางอย่างเกิดขึ้นกับยิมนั้น มันเลยต้องเลื่อนออกไป ฉันติดต่อคนที่เกี่ยวข้องไม่ได้เลย ฉันเลยสงสัยว่าคุณจะช่วยฉันได้ไหม?”
“อ๋อ…” นายเถาครุ่นคิดแล้วตอบว่า “เรื่องนั้นไม่น่าจะเป็นเรื่องยาก ฉันเคยพบประธานของห้างหัวเป่ยอยู่สองสามครั้ง ฉันสามารถพูดคุยกับเขาผ่านเส้นสายของฉันได้”
“เยี่ยมมาก! เพื่อนของฉันบอกฉันว่าราคาไม่ใช่ปัญหาตราบใดที่เขาสามารถเป็นเจ้าของได้ก็เพียงพอแล้ว”
“ฮิฮิฮิ…” นายเถายิ้มออกมา “คุณจ้าว คุณบอกว่าคุณเห็นฉันเป็นเพื่อน ถ้าอย่างงั้นฉันขอถามตรง ๆ ได้มั้ยว่า คุณวางแผนที่จะเริ่มต้นธุรกิจด้วยเงินที่คุณเหลียงให้คุณหรือเปล่า?”
“ฮิฮิ…” จ้าวหยู่ยิ้มและคิดกับตัวเองว่า ‘ผู้ชายคนนี้เป็นจิ้งจอกแก่อย่างแน่นอน เขาเห็นความตั้งใจของฉันทันที’
นายเถาส่งเช็คให้เขาอีกครั้งและพูดว่า “ถ้าใช่ เงินก็คือการแสดงความยินดีกับการเปิดธุรกิจใหม่ของคุณ”
“ไม่ ไม่ ไม่” จ้าวหยู่ปฏิเสธทันที “ฉันไม่สามารถรับเงินนี้ได้ ฉันรู้ว่าคดีปล้นธนาคารและคดีธุรกรรมอำพรางได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจธนาคารของคุณอย่างรุนแรง ถ้าฉันจะเอาเงินของคุณไปตอนนี้ มันก็เหมือนกับว่าฉันกำลังเอาเปรียบคนที่กำลังเดือดร้อน
พูดตรง ๆ ฉันอาจต้องการความช่วยเหลือจากคุณในอนาคต ฉันจึงไม่สามารถรับเงินนี้ได้!”
“อืม... ถ้าอย่างนั้น ฉันขอขอบคุณในนามของผู้ถือหุ้นของธนาคาร” พูดจบนายเถาก็หยิบเช็คไปให้แล้วพูดอีกว่า “คุณจ้าว เงินจำนวนนี้ถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเราเห็นข้อบกพร่องของตัวเองเนื่องจากโศกนาฏกรรมครั้งนี้ คุณไม่ต้องกังวลไป เรากำลังแก้ไขเพื่อควบคุมระบบห้องนิรภัยให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้มีช่องโหว่สำหรับเหล่าอาชญากรอีก!”
“เยี่ยม!”
จากนั้นทั้งสองได้ชนแก้วและดื่มชาด้วยกัน
“แต่ว่า...” นายเถาพูดอีกครั้ง “ถ้าคุณกำลังมองหาการลงทุนจริง ๆ ธนาคารของเรามีแผนการที่ดีทีเดียว หากคุณสนใจ ฉันจะติดต่อให้ผู้ช่วยของฉันแนะนำบางอย่างให้คุณ”
“ฮ่าฮ่า ขอบคุณคุณมาก ไว้ฉันจะไปใช้บริการอย่างแน่นอน” จ้าวหยู่กล่าวแสดงความขอบคุณ “แต่ฉันจะโลภไม่ได้ ฉันขอโฟกัสที่ยิมเป็นลำดับแรก ฉันจะลงทุนมากกว่านี้ก็ต่อเมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว”
"ตกลง คุณจ้าว ยิ่งรู้จักคน ฉันยิ่งประทับใจในตัวคถณมากขึ้นเรื่อย ๆ คุณสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับตัวเองโดยที่อายุยังน้อย เป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมาก!“นายเถาชมเชยพร้อมกับยกถ้วยชาขึ้นอีกครั้ง”มา มาชนแก้วกันอีกครั้ง!”