ตอนที่ 60 : ยืนยันที่ตั้งร้านทั้งสามสาขา
มีไม่กี่คนที่อยากจะเช่าสถานที่ราคาแพงเช่นนี้ และแม้ว่าเจ้าอ้วนหวังจะยอมลดราคาให้ แต่ก็ไม่มีใครที่ยินดีจะรับช่วงต่อเลย
“เฮ้อ..ภรรยาที่บ้านก็โทรมาเร่งแล้ว พ่อกับแม่ก็ยังโทรมาถามว่าเมื่อไรจะจัดการเสร็จอีก”
พอนึกถึงแม่ของเขาที่โทรมาด่า หาว่าเขาไม่เป็นห่วงภรรยาและลูก ทั้งยังด่าเขาว่าเป็นคนเห็นแก่เงิน เจ้าอ้วนหวังก็รู้สึกหดหู่ใจมาก
มีใครบ้างจะยอมเสียเงินตั้งหลายแสนไปเปล่าๆ?
อันที่จริงแล้วเขาสามารถจ้างผู้จัดการมืออาชีพมาบริหารร้านโดยไม่ต้องปล่อยเซ้งก็ได้ แต่หลังจากที่รู้ว่ามีลูก ใจของเขาก็ไม่ได้ยึดติดกับที่นี่แล้ว เขาเพียงแค่ต้องการกลับบ้านเกิดเพื่ออยู่อย่างสงบสุขกับภรรยาและลูกของเขา
ท้ายที่สุดแล้วการเปิดร้านที่นี่ก็มีความเสี่ยงอยู่เช่นกัน มันอาจจะไม่สามารถสร้างกำไรได้และอาจปิดตัวลงหลังจากมอบหน้าที่ให้คนอื่นดูแลต่อ
"หืม?"
ทันใดนั้นเจ้าอ้วนหวังก็มองไปที่ในระยะไกล ซึ่งกำลังมีคนสองคนเดินเข้ามาทางร้านของเขา
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ดวงตาของเจ้าอ้วนหวังก็สว่างขึ้นทันที
ในช่วง 10 วันที่ผ่านมา เสื้อผ้าทั้งหมดในร้านของเขาถูกเอาออกไปหมดแล้ว ร้านค้าก็กลายเป็นว่างเปล่า และยังมีป้ายเขียนไว้ว่าปล่อยเซ้งที่หน้าประตูร้านด้วย
เมื่อมีคนมาที่ร้านตอนนี้ ก็แสดงว่าเขาอยากเช่าที่นี่ต่อ
และราวกับว่าเขาล่วงรู้อนาคต คนจากบริษัทตัวกลางก็รีบเดินมาจากอีกทางหนึ่ง
"สวัสดีครับ ผมเป็นเจ้าของร้านนี้..." แม้ว่าชายหนุ่มที่มาจะดูอายุน้อยมาก แต่เจ้าอ้วนหวังก็ไม่ประมาทเขา และแนะนำตัวว่าเป็นเจ้าของร้านอย่างรวดเร็ว
แน่นอน คนที่มาก็คือฉินหยุนและฉินเสี่ยวเทา
"ผมเพิ่งตกแต่งร้านนี้ใหม่ๆเลย ถ้าคุณฉินต้องการเปิดร้านขายเสื้อผ้า คุณสามารถใช้มันได้ทันที แต่ถ้าคุณต้องการเปิดร้านขายอย่างอื่น คุณก็ปรับเปลี่ยนการตกแต่งแค่นิดหน่อยก็พอ หรือไม่ก็ไม่ต้องเปลี่ยนอะไรก็ได้ ถึงยังไงสไตล์การตกแต่งของร้านผมก็เหมาะกับการขายทุกอย่าง" เจ้าอ้วนหวังกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ในเวลานี้ ฉินหยุนก็มองไปรอบๆร้านค้าแห่งนี้อยู่เช่นกัน
ร้านกว้างขวางมาก ผนังก็เป็นของใหม่ ดูก็รู้ว่าเพิ่งได้รับการปรับปรุงมา นอกจากนี้ก็ไม่มีอะไรอีก หากเขาต้องการเปิดร้าน เขาสามารถขนของเข้ามาในร้านได้เลย
"ร้านค้าถือว่าใช้ได้เลยครับ แต่เกี่ยวกับค่าเช่า... " ฉินหยุนพยักหน้าและเอ่ยถาม
เมื่อเห็นว่าฉินหยุนรู้สึกสนใจเล็กน้อย เจ้าอ้วนหวังก็ดีใจ เขากล่าวว่า "ร้านนี้อยู่ในถนนย่านการค้าและทำเลก็ดีมาก ก่อนหน้านี้ผมเซ็นสัญญาหนึ่งปีกับเจ้าของที่ และค่าเช่าก็อยู่ที่ 400,000 หยวน ซึ่งผมชำระเต็มจำนวนแล้ว และตอนนี้ยังเหลือสัญญาเช่า 11 เดือน คุณฉิน ในเมื่อคุณได้รับการแนะนำจากบริษัทตัวกลาง คุณก็น่าจะรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของผมตอนนี้แล้ว ที่บ้านของผมมีเรื่องด่วนที่รอให้ผมไปจัดการอยู่ ดังนั้นผมจะคิดค่าเช่าเพียง 10 เดือน หักค่าธรรมเนียมต่างๆแล้วก็เท่ากับ 330,000 หยวนครับ"
เมื่อได้ยินสิ่งที่เจ้าอ้วนหวังกล่าว ฉินหยุนก็ส่ายหัวและกล่าวว่า "ราคามันสูงเกินไป และไม่ตรงกับราคาที่ผมต้องการ"
ที่เขาต้องการคือพื้นที่ขนาด 150 ตารางเมตรหรือมากกว่านั้นนิดหน่อยที่มีราคาอยู่ประมาณ 200,000 หยวน
แน่นอน ถ้าหาที่อื่นไม่ได้ เขาอาจจะพิจารณาที่นี่อีกครั้ง
เขาละสายตาออกมาและพูดกับตัวแทนจากบริษัทตัวกลาง "ไปดูร้านอื่นกันเถอะ"
ตอนนี้ฉินหยุนยังพอมีเวลา และเขาวางแผนที่จะไปดูร้านค้าอีกสักสองสามแห่ง
"ได้ครับคุณฉิน ตามผมมาได้เลย" ตัวแทนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเห็นว่าฉินหยุนหันกลับไปโดยไม่ลังเลเมื่อเขาได้ยินราคา และกำลังจะไปดูที่อื่น เจ้าอ้วนหวังก็เริ่มกังวล
แม้แต่ในถนนย่านการค้าที่ผู้คนพลุกพล่านแห่งนี้ ธุรกิจต่างๆก็ไม่ได้ดีมากนัก มองไปรอบๆก็อาจจะเห็นร้านค้าบางร้านที่ปิดไปแล้วอยู่เป็นระยะๆ
ทำเลที่ดีย่อมหมายถึงค่าเช่าที่แพงมหาศาล นอกจากค่าเช่าก็ยังมีค่าใช้จ่ายต่างๆอีก เช่น เงินเดือนพนักงาน ค่าน้ำ ค่าไฟ เป็นต้น หากคุณต้องการทำกำไร คุณก็ต้องทำยอดขายให้ได้เป็นจำนวนมาก อันที่จริง หลายๆร้านแทบจะไม่สามารถไปถึงจุดๆนั้นได้เลย
ตามคำกล่าวที่ว่า การทำธุรกิจในเมืองใหญ่เหมาะสำหรับผู้ที่มีเงินทุนเพียงพอ หากคุณมีเงินทุนไม่เพียงพอที่จะโยนไปรอบๆได้ เมื่อเงินทุนหมด คุณก็อาจจะไม่สามารถทำกำไรได้อีกต่อไป
ทุกๆปี ไม่รู้ว่ามีคนกี่คนที่เริ่มทำธุรกิจของตัวเอง แต่หลังจากผ่านไป 2-3 ปี คนเหล่านั้นก็กลับไปทำงานกินเงินเดือนอย่างตั้งใจ มีตัวอย่างให้เห็นมากมาย
"เอ่อ..คุณฉินครับ ผมอยากรู้ว่าราคาที่คุณตั้งไว้ในใจคือเท่าไร?" เมื่อเห็นฉินหยุนกำลังหันกลับไป เจ้าอ้วนหวังก็กัดฟันและเอ่ยออกมาทันที
เขาไม่อยากรออยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว อันที่จริงก่อนหน้านี้ก็มีคนมาดูที่ร้านนี้อยู่เหมือนกัน แต่หลังจากมองไปรอบๆอยู่สองสามครั้ง เขาก็จากไปที่อื่นและก็ไม่กลับมาอีกเลย
ท้ายที่สุดก็มีสถานที่อีกมากมายให้เลือก
เป็นเพราะว่าเขากำลังจะจากไปจริงๆ เขาจึงอยากให้อีกฝ่ายจ่ายเงินก้อนเดียวจบ ถ้าเป็นที่อื่นๆ เงื่อนไขต่างๆนั้นผ่อนคลายกว่า อีกฝ่ายอาจจะแค่ต้องจ่ายค่าเช่าแบบรายเดือนเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้นในตอนเริ่มต้น
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินหยุนก็หันกลับไปมองเจ้าอ้วนหวัง เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นจึงกล่าวว่า "สามแสน ถ้าเป็นสามแสนผมสามารถเช่าที่นี่ต่อได้"
ทันทีที่เขาเปิดปาก เขาก็ลดไป 30,000 ทันที
เมื่อได้ยินคำพูดของฉินหยุนแล้ว เจ้าอ้วนหวังก็ลังเลอย่างเห็นได้ชัด แต่เขาก็ยังคงกัดฟัน พยักหน้าและเอ่ยว่า "เอาล่ะ สามแสนก็สามแสน!"
แม้ว่าจะเสียไปอีก 30,000 หยวน แต่ก็ไม่ถือว่ามากเกินไป ยังไงก็ไม่ขาดทุนมากนัก
"โอ้ ตกลงงั้นเหรอ" เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินหยุนก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เขาไม่คิดว่าเจ้าอ้วนหวังจะยอมตกลงอย่างง่ายดาย
ถ้าเขารู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ ข้อเสนอของเขาคงจะต่ำกว่านี้อีกแน่
อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดออกไปแล้ว ฉินหยุนก็จะไม่กลับคำ
ทำเลที่เขามองไว้ก่อนหน้านี้มีพื้นที่ขนาด 150 ตารางเมตร ค่าเช่าอยู่ที่ 300,000 หยวน
แต่ตำแหน่งที่นี่ ดูแล้วพื้นที่ใหญ่กว่า ซึ่งน่าจะมีพื้นที่ประมาณ 200 ตารางเมตร
แม้จะไม่ครบปี แต่ก็ยังเหลือเวลาอีก 11 เดือน 5 วัน ซึ่งก็ถือว่านานอยู่
"ว่าไงครับคุณฉิน ไม่รู้ว่าคุณคิดยังไง?" เมื่อมองไปที่ฉินหยุนที่กำลังประหลาดใจ เจ้าอ้วนหวังอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม
เขารู้สึกตรึงเครียดเล็กน้อย กังวลว่าฉินหยุนจะยังไม่พอใจกับราคา และต่อรองราคาลงอีก
"งั้นก็ตกลงครับ คุณติดต่อเจ้าของที่ได้เลย เรามาเริ่มจัดการขั้นตอนต่างๆกัน" ฉินหยุนพยักหน้าพลางกล่าว
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว เขาก็ต้องการที่จะทำให้เสร็จโดยเร็วที่สุด
"โล่งอกไปทีครับคุณฉิน!" เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจ้าอ้วนหวังรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง เขาเริ่มกดโทรศัพท์โทรออกอย่างรวดเร็ว
ไม่นานเจ้าของที่ก็มาถึง และสัญญาเช่าร้านทั้งหมดก็ถูกโอนไปยังฉินหยุน
เพื่อไม่ให้เหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นกลางทาง อย่างสถานการณ์ของซุนหยาตง ฉินหยุนจึงคอยจับตาดูและกำหนดสัญญาลงนามกับเจ้าของที่เป็นพิเศษ
ใช้เวลาสักพัก แต่ในที่สุดทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย
"ฮ่าฮ่า คุณฉิน ถ้าภรรยาผมไม่ได้ตั้งท้องและผมต้องกลับไปบ้านเกิด ผมคงไม่เต็มใจจะปล่อยที่นี่ให้คุณแค่ 300,000 หยวนหรอกนะครับ"
หลังจากทำทุกอย่างเสร็จสิ้น เจ้าอ้วนหวังก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก พูดคุยกับฉินหยุนด้วนรอยยิ้ม และยังบอกสถานการณ์ที่บ้านของเขาให้ฟังด้วย
แต่เมื่อคิดว่าอุตส่าห์มาที่นี่เพื่อเปิดร้านด้วยตัวเอง เจ้าอ้วนหวังก็รู้สึกหดหู่ใจอย่างมาก
เขามาที่นี่ด้วยความตื่นเต้น ลงทุนไปมากมาย แค่ค่าเช่าก็ปาไป 400,000 หยวนแล้ว ก่อนเปิดร้านเขายังใช้เงินไปกับการโฆษณาประชาสัมพันธ์ จัดหาพนักงาน หาเสื้อผ้ามาขาย ชั้นวางของ และอื่นๆอีกมากมาย เขาเพิ่งเริ่มเปิดร้านได้ไม่ถึงครึ่งเดือนเลย เอาตรงๆร้านก็ยังถือว่าไม่ได้เปิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ เพราะมันยังอยู่ในขั้นตอนการประชาสัมพันธ์ การเตรียมการต่างๆ แต่สุดท้ายมันก็ปิดตัวไปเรียบร้อยแล้ว
พนักงานที่ได้รับสมัครมาต่างก็ถูกให้ออกจากงาน เสื้อผ้าที่รับมาขายก็ถูกส่งคืนในราคาที่ต่ำสุดๆเช่นกัน หลังจากที่โยนทุกอย่างทิ้งไปเป็นเวลาเกือบเดือน ซึ่งเขาก็ไม่มีรายได้เข้ามาเลย แต่ตอนนี้ก็ยังเสียเงินไปอีกเกือบ 200,000 หยวน
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินหยุนยิ้มโดยไม่คิดอะไรมาก
ที่นี่มีพื้นที่ขนาด 200 ตารางเมตร เขาจ่ายค่าเช่าแค่ 300,000 หยวน ซึ่งถือว่าถูกมาก ฉินหยุนมั่นใจว่าหากไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ที่แห่งอื่นราคาจะไม่ถูกเท่าที่นี่แน่นอน
ดังนั้นเขาจึงไม่ไปดูที่ร้านอื่นแล้ว
หลังจากพูดคุยกันสองสามคำอย่างสุภาพ เจ้าอ้วนหวังก็จากไปทันที และในที่สุดร้านนี้ก็ตกเป็นของฉินหยุน
‘200 ตารางเมตร ห้าเท่าของขีดจำกัดของพื้นที่ที่ค่ายกลรวบรวมโชคลาภระดับที่หนึ่งใช้ น่าจะเพียงพอแล้ว’ เมื่อมองไปที่ร้านค้าขนาดใหญ่แห่งนี้ ฉินหยุนกล่าวอย่างเงียบๆในใจของเขา
(จบตอน)