ตอนที่ 16 : หลงใหลในความเร็ว มาถึงโรงพยาบาล
ตอนที่ 16 : หลงใหลในความเร็ว มาถึงโรงพยาบาล
หลังจากหลินฝานวางสาย เขาก็ไม่มีอารมณ์ที่จะกินอะไรอีก เขาตรงไปยังลานจอดรถชั้นใต้ดิน
เมื่อเครื่องยนต์คำราม ลัมโบร์กินี่ก็พุ่งทะยานออกไปราวกับสัตว์ป่า
ในอดีตเมื่อเขาขับรถ หลินฝานมักจะรักษาระดับความเร็วและขับช้าๆ อยู่เสมอ
วิธีที่เขาขับรถนั้นดูไม่เหมือนว่าเขากำลังขับรถซุปเปอร์คาร์เลย แต่เป็นรถธรรมดาๆ
อย่างไรก็ตาม วันนี้หลินฝานกลับไม่ได้นุ่มนวลเลย
เขาแทบจะเจาะทะลุอากาศและเร่งความเร็วอย่างต่อเนื่อง
มันทำให้เกิดเสียงดังกึกก้องไปตามท้องถนนเป็นครั้งคราว
เมื่อหลินฝานขึ้นไปบนทางหลวง เขาก็เป็นดั่งปลาในน้ำและไร้ซึ่งการควบคุมใดๆ
เขาเร่งความเร็วต่อ!
ด้วยทักษะการขับรถอย่างมืออาชีพและการสนับสนุนจากทักษะมุ่งมั่นเต็มร้อย เขาจึงสามารถไปถึงความเร็วสูงสุดได้
หลินฝานอยากไปอยู่ข้างๆ ครอบครัวของเขาให้เร็วที่สุด
...
หญิงสาวสวยในชุดสีน้ำเงินกำลังขับรถเฟอร์รารีสีแดงบนทางหลวง
ในช่วงเวลานั้นเอง เธอก็ได้ยินเสียงคำรามของเครื่องยนต์มาจากไกลๆ ในทันใด
เมื่อมองผ่านกระจกมองหลัง สาวสวยในชุดสีน้ำเงินก็เห็นลัมโบร์กินี่สีเทาเงินกำลังขยับเข้ามาใกล้เธอ
ดวงตาที่เหมือนกับอัญมณีของเธอเปล่งประกายขึ้นในทันใด และริมฝีปากที่บางเหมือนใบวิลโลว์ของเธอก็โค้งขึ้นเล็กน้อย
หลังจากนั้นในทันใด ขาเรียวสวยของเธอก็เหยียบคันเร่ง
ตู้ม!
ทันใดนั้นเอง เฟอร์รารี่สีแดงเพลิงก็ส่งเสียงคำรามเหมือนสัตว์ร้ายและเร่งความเร็วขึ้น
การแข่งขันเริ่มขึ้นแล้ว
คนเราไม่สามารถตัดสินหนังสือจากหน้าปกได้ เฉกเช่นเดียวกับที่ทะเลไม่อาจประมาณได้
แม้ว่าสาวงามในชุดสีน้ำเงินจะดูเงียบขรึม แต่ก็คงไม่มีใครคิดว่าเธอมีจิตใจที่ร้อนแรงดั่งดวงอาทิตย์และทักษะการขับรถที่ท้าทายขีดจำกัดของความเร็วเช่นนี้
อย่างไรก็ตาม มันก็น่าเสียดายที่วันนี้เธอต้องมาพบกับหลินฝาน
ไม่ว่าสาวสวยผู้นี้จะเร่งความเร็วเท่าไร แต่หลินฝานก็ยังสามารถหดระยะห่างระหว่างพวกเขาเข้ามาได้ทีละนิดๆ
ในท้ายที่สุด หลินฝานก็หักเลี้ยวและกวาดผ่านสาวสวยในชุดสีน้ำเงินไปพร้อมกับสายลมอันรุนแรง
สาวสวยในชุดสีน้ำเงินมองเห็นร่างของหลินฝานผ่านกระจก
จากนั้นเธอก็เห็นเพียงไฟท้ายของรถที่กำลังแล่นออกไป
“ALF 666 ฉันหวังว่าจะพบกันอีกในเร็วๆ นี้นะ” สาวสวยในชุดสีน้ำเงินพูดเบาๆ
...
เมื่อครู่หลินฝานไม่ได้คิดเรื่องการแข่งเลย
เขายังคงเดินหน้าต่อไปด้วยความเร็วสูงที่สุดของเขา
เจียงเป่ยไม่ไกลจากเมืองชิง
ไม่นานนักเขาก็มาถึงโรงพยาบาลกลางของเมืองชิง
เขาเปิดประตูเข้าไปในวอร์ดและเห็นพ่อของเขา หลินเถากำลังนอนอยู่บนเตียง เขาหายใจโดยใช้หน้ากากออกซิเจนด้วยความยากลำบาก ใบหน้าเหี่ยวย่นของเขาซีดเซียว
หัวใจของหลินฝานเจ็บปวดขึ้นมา
แกร๊ก! แกร๊ก!
ในเวลานั้นเอง ประตูห้องก็เปิดออก
แม่ของเขา ไต้เว่ยเสวี่ยก็เดินเข้ามา
“หลินฝาน ลูกกลับมาเร็วจัง?” ไต้เว่ยเสวี่ยตกใจ
หลินฝานทำไม้ทำมือเพื่อบอกให้ออกไปคุยกันข้างนอกเพื่อไม่ให้รบกวนการพักผ่อนของพ่อ
บริเวณทางเดิน
“แม่ อาการของพ่อเป็นยังไงบ้างครับ?” หลินฝานถาม
ตอนแรกไต้เว่ยเสวี่ยได้ปิดบังหลินฝานไว้เพราะเธอไม่อยากให้เขาเป็นห่วง
แต่ในตอนนี้ที่หลินฝานรู้ว่าหลินเถาล้มป่วยแล้ว มันจึงไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรอีก
“มันมีเนื้องอกในท้องของพ่อ หลังจากที่พวกเราจ่ายค่าธรรมเนียมแล้ว พวกเราก็น่าจะได้รับการผ่าตัดภายในสองสามวันนี้” ดวงตาของไต้เว่ยเสวี่ยแดงเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดเช่นนี้
“ว่าแต่ลูกยังไม่ได้บอกแม่เลยเกี่ยวกับเงินห้าล้านก้อนนั้น?”
เมื่อหลินเถาล้มป่วย ไต้เว่ยเสวี่ยก็รู้สึกราวกับว่าฟ้าถล่มลงมา แต่เธอก็กัดฟันและอดทนไว้
ในสองวันที่ผ่านมา เธอได้คอยดูแลหลินเถาและขอยืมเงินคนไปทั่ว
อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดก็จำเป็นต้องใช้เงินก้อนโต้ และไต้เว่ยเสวี่ยก็ไม่อาจหาเงินก้อนนั้นได้ในเวลาสั้นๆ
ในวันนี้ จู่ๆ หลินฝานก็ส่งเงินมา 5 ล้าน ทำให้ไต้เว่ยเสวี่ยทั้งประหลาดใจและมีความสุขมาก อย่างไรก็ตาม เธอก็ยังไม่กล้าจ่ายค่าผ่าตัดในทันที
หลินฝานเป็นแค่พนักงานธรรมดาๆ เขาจะเอาเงินก้อนโตขนาดนี้มาจากไหน?
ไต้เว่ยเสวี่ยเป็นห่วงว่าเขาจะเลือกเดินทางที่ผิด
ถ้าเธอใช้เงินก้อนนี้ไปและมันกลับมาทำร้ายหลินฝาน มันก็คงจะสายเกินไปที่จะกลับมาเสียใจ
หลินฝานกล่าว “แม่ครับ ไม่ต้องห่วง นี่เป็นเงินที่ผมได้มาจากการลงทุนในหุ้นและซื้อบิทคอยน์ นอกจากนี้นี่ยังเป็นแค่ส่วนเล็กๆ เท่านั้น ครอบครัวของเราไม่ได้ขาดเงินอีกแล้ว”
หลินฝานไม่ได้คิดที่จะบอกใครเกี่ยวกับระบบ รวมทั้งพ่อแม่และน้องสาวของเขาด้วย
มันไม่ใช่ว่าหลินฝานไม่ไว้ใจพ่อแม่และน้องสาวของเขา แต่สิ่งสำคัญก็คือแม้ว่าเขาจะบอก พวกเขาก็คงจะไม่เชื่อหลินฝาน มันรังแต่จะเป็นการสร้างปัญหาเปล่าๆ
ไต้เว่ยเสวี่ยเองก็เคยได้ยินว่ามีคนรวยขึ้นมาในชั่วข้ามคืนจากการซื้อหุ้นและบิทคอยน์เหมือนกัน
ดังนั้นเมื่อเธอได้ยินคำพูดของหลินฝาน เธอก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกอยู่ภายในใจ
จากนั้นเธอก็มองไปยังหลินเถาที่นอนอยู่บนเตียงในวอร์ดด้วยสีหน้าเป็นกังวลมากๆ
หลังจากนั้นเธอก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงแหบๆ “แม่ขอไปจ่ายค่าธรรมเนียมก่อนนะ”
หลินฝานพูด “แม่ครับ นั่งพักอยู่นี่แหละ เดี๋ยวผมไปเอง”
โรงพยาบาลไม่เคยขาดแคลนผู้ป่วย และมันก็มีคิวยาวอยู่ที่เคาน์เตอร์ชำระเงิน
ในเวลานั้นเอง หมอในชุดขาวกลุ่มหนึ่งและชายวัยกลางคนสองสามคนในเสื้อเชิ้ตสีขาวที่เปล่งออร่าไม่ธรรมดาก็เดินเข้ามาพร้อมกัน
ข้างหลังพวกเขามีนักข่าวมืออาชีพสองสามคนที่ถือไมโครโฟนอยู่ในมือและพาดกล้องอยู่บนไหล่
ชายร่างผอมสูงที่ยืนอยู่ด้านข้างของหลินพูดด้วยความตกใจว่า “มันมีกล้องด้วย! เกิดอะไรขึ้น?”
ชายร่างเตี้ยกล่าว “ไม่มีทาง นายไม่เห็นข่าวเหรอ? ชายใส่แว่นคนนั้นคือผู้ว่า”
“สวรรค์! ผู้ว่าราชการจังหวัดมาเยี่ยมโรงพยาบาลงั้นเหรอ? นี่ไม่ได้หมายความว่าวันนี้พวกเราก็ได้ออกทีวีด้วยเหรอ?” ชายร่างสูงผอมพูดด้วยความตื่นเต้น
หลินฝานได้ยินบทสนทนาระหว่างคนทั้งคู่ และดวงตาของเขาก็หรี่ลงเล็กน้อย เขาตัดสินใจเดินเข้าไปหาคนพวกนั้น
ผู้ว่าถูกล้อมไว้ด้วยบอดี้การ์ด และคนธรรมดาย่อมไม่อาจเข้าไปใกล้ได้เลย
อย่างไรก็ตาม หลินฝานก็ไม่ใช่คนธรรมดา
เขาข้ามเหล่าบอดี้การ์ดไปอย่างง่ายดายและเข้าไปหาท่านผู้ว่า
“นายเป็นใครกัน?” ผู้ว่าสับสนเล็กน้อย
หลินฝานหยิบตรารูปมังกรออกมาจากกระเป๋าของเขาและกล่าวว่า “ท่านผู้ว่า คุณมีเวลาคุยกับผมเป็นการส่วนตัวหน่อยไหมครับ?”
ม่านตาของผู้ว่าที่แต่เดิมเคยใจเย็นสั่นเล็กน้อย
เขาเคยเห็นตรารูปมังกรมาก่อนและเข้าใจได้ชัดเจนว่ามันหมายถึงอะไร เขารีบพยักหน้าและกล่าวว่า “ได้สิ”
จากนั้นเขาก็หันไปหาหมอหัวโล้นและถาม “ผู้อำนวยการหวง คุณช่วยหาที่เงียบๆ ให้พวกเราหน่อยได้ไหม?”
“ได้ครับๆ เชิญทางนี้เลยครับ” ผู้อำนวยการหวงกล่าว
ในไม่ช้าผู้อำนวยการหวงก็พาทั้งสองคนไปยังห้องประชุมกว้าง
“ผู้อำนวยการหวง คุณก็ควรอยู่ที่นี่ด้วยนะครับ” หลินฝานกล่าว
“ครับ” ผู้อำนวยการหวงตอบ
ทั้งสามนั่งลง
หลินฝานไม่อ้อมค้อมและตรงเข้าประเด็น “ผมมาหาคุณในคราวนี้เพราะมีเรื่องส่วนตัวที่อยากขอความช่วยเหลือ”
เมื่อผู้ว่าได้ยินเช่นนี้ ไม่เพียงแต่เขาจะไม่โกรธ แต่เขายังรู้สึกดีใจขึ้นมาด้วย
แม้ว่าระดับของหลินฝานจะเท่าเทียมกับเขา แต่สิทธิพิเศษของอีกฝ่ายกลับมีมากกว่า
ถ้าเขาช่วยหลินฝานได้ เขาก็จะสามารถพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งคู่ได้ ในสายตาของผู้ว่า นี่คือสิ่งที่ดีมากเลย