บทที่ 61: ได้ยินพวกเขาคุยกัน
“ท่านผู้เฒ่า?”
หูเจียวเจียวหันไปถามหัวหน้าเผ่าเพื่อขอความเห็นจากเขา
ชายชราขมวดคิ้วเล็กน้อย หากลู่หลีถูกงูพิษกัดหรือโดนโบย 100 ไม้ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ตาย แต่เขาก็เหมือนตายทั้งเป็นไปแล้วอยู่ดี
เผ่าแห่งนี้เป็นเผ่าเล็ก ๆ ที่มีภูตอาศัยอยู่ไม่มากนัก แต่เมื่อหัวหน้าเผ่าคิดไตร่ตรองว่าจิ้งจอกสาวเชี่ยวชาญวิธีการเพาะปลูก เขาจึงพยักหน้าเห็นด้วย
“ทำตามที่เจ้าพูดเถอะ” จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นเรียกชายคนหนึ่ง “เอาตัวเขาไป—”
ทว่าก่อนที่ชายแก่จะกล่าวจบ หูเจียวเจียวก็ขัดจังหวะเขาขึ้นมาว่า "ท่านผู้เฒ่า ข้าอยากจะลงโทษเขาด้วยตัวเอง"
คนเป็นหัวหน้าเผ่าตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะมองไปที่ร่างกายอันบอบบางของแม่จิ้งจอก ถ้านางทำมันเอง แรงโบยอาจจะลดลงหลังจากที่นางลงไม้ไปได้ไม่กี่ครั้งใช่ไหม?
ดูเหมือนว่าหูเจียวเจียวแค่ต้องการสั่งสอนลู่หลีให้ได้รู้สำนึก ใจจริงแล้วนางไม่ได้โหดร้ายอย่างที่ทุกคนในเผ่าคิด
ไม่นานชายผู้มีตำแหน่งสูงสุดก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ "ตกลง เจ้าลงมือเองได้เลย"
ผู้หญิงคนนี้ยังใจดี นางรู้ว่าหากให้ผู้ชายคนอื่นเป็นคนลงมือ ลู่หลีคงจะพิการไปเสียก่อน
จากนั้นหัวหน้าเผ่าก็โบกมือส่งสัญญาณให้ภูตชายจับตัวกวางหนุ่มไป ขณะที่แม่กวางเฒ่ากำลังร้องไห้คร่ำครวญแทบขาดใจอยู่ข้าง ๆ
ทางด้านหูเจียวเจียวเผยรอยยิ้มมุมปาก แล้วหันกลับมาแสร้งทำเป็นเดินไปใต้ต้นไม้เพื่อหยิบไม้ เมื่อเธอหลบอยู่หลังต้นไม้ เธอก็หยิบไม้ที่เรียวยาวออกมาจากมิติ
ตามปกติแล้ว หัวหน้าหมู่บ้านมักจะใช้ไม้พลองทำโทษทางกายกับภูตที่กระทำผิดอยู่บ่อย ๆ ถึงแม้ว่าไม้เรียวอันนี้จะดูบอบบางเพียงแค่พับมันก็สามารถหักได้แล้ว แต่หากใครก็ตามถูกสิ่งนี้ฟาด มันจะเจ็บลึกไปจนถึงไขกระดูกเลยก็ว่าได้
หลังจากที่จิ้งจอกสาวเดินออกมาจากหลังต้นไม้ ชาวบ้านทุกคนก็เห็นไม้เรียวยาวในมือของเธอก่อนจะพากันเยาะเย้ยเธอทันที "นี่หูเจียวเจียวกำลังล้อพวกเราเล่นอยู่หรือไง ไม้บางแบบนั้นตีไม่กี่ครั้งก็หักแล้วมั้ง"
"ใช่ ๆ ใช้ไม้บางขนาดนั้นตีมันจะถือว่าเป็นการลงโทษได้ยังไง!"
ในขณะเดียวกัน หูเจียวเจียวสัมผัสได้ถึงสายตาของคนอื่น แต่เธอก็เดินผ่านพวกเขาไปด้วยสีหน้าสงบนิ่ง จากนั้นเธอยกไม้ในมือขึ้นแล้วหวดอย่างแรง
เพี้ยะ!!
"อ๊ากกกกก!!"
เสียงกรีดร้องเหมือนวัวโดนเชือดดังออกมาจากปากของลู่หลีทันทีที่ไม้กระทบเข้ากับแผ่นหลังของเขา
ส่วนชาวบ้านที่ยืนมองอยู่รอบ ๆ แสดงสีหน้าดูถูกดูแคลนกวางหนุ่ม
ลู่หลีผู้นี้อ่อนแอเสียจริง ด้วยหุ่นเพรียวบางของหูเจียวเจียว นางแทบจะไม่มีพละกำลังเลย ทำไมเขาถึงต้องกรีดร้องคร่ำครวญขนาดนั้น?
ไม่น่าแปลกใจที่เหล่าภูตจะเข้าใจผิด เนื่องจากรูปลักษณ์ที่บอบบางและอ่อนแอของจิ้งจอกสาว แม้ว่าเธอจะเฆี่ยนตีคนกระทำผิดอย่างรุนแรง แต่ภาพที่ออกมามันก็ยังดูนุ่มนิ่มจนทำให้ผู้คนไม่รู้สึกกลัวเลย
หลังจากที่หญิงสาวฟาดไม้เรียวใส่ลู่หลีไป 100 ไม้ หยาดเหงื่อก็ไหลหยดลงจากหน้าผากสวย อีกทั้งมือที่เธอใช้จับไม้เรียวสลับกันก็บวมแดงเช่นกัน
เธอทุ่มเทพลังงานทั้งหมดเพื่อลงไม้เรียวไปที่แผ่นหลังของกวางหนุ่ม 100 ไม้ ทำให้ตอนนี้บนหลังของเขามีรอยแตกเลือดซิบออกมาเป็นริ้ว ๆ เมื่อพิจารณาดูแล้ว เธอคาดว่าอีกฝ่ายน่าจะลุกจากเตียงไม่ได้เป็นเวลาหลายเดือนเลยทีเดียว
หูเจียวเจียวไม่รู้สึกเลยว่าตนทำแรงเกินไป ถ้าไม่ใช่เพราะมีเซรุ่มจากในมิติของเธอประกอบกับเธอไปถึงที่เกิดเหตุทันเวลา หลงหลิงเอ๋อคงจะเสียชีวิตไปนานแล้ว
การที่ผู้ชายคนนี้แค่หลังแตกมันยังน้อยไปด้วยซ้ำ ซึ่งเทียบกับสิ่งที่ลูกสาวของเธอต้องเผชิญไม่ติดฝุ่นเลย
หลังจากที่ลู่หลีส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนดังก้องไปทั่วท้องฟ้า ในที่สุดเขาก็เป็นลมหมดสติไป
ส่วนภูตที่คอยจับตัวคนถูกทำโทษอยู่ข้าง ๆ ก็ปล่อยให้เขาล้มลงกับพื้น ในเวลาเดียวกับที่ปล่อยให้แม่กวางเฒ่าวิ่งร้องไห้เข้าไปอุ้มลูกชายกลับบ้าน
ถัดมา หูเจียวเจียวหันไปพูดอย่างเย็นชากับครอบครัวลู่ว่า "ครั้งต่อไปที่เจ้ารังแกลูกของข้า มันจะไม่จบง่าย ๆ อย่างนี้แน่นอน"
เวลานี้แม่ลู่ไม่กล้าพูดอะไรอีก เพราะปัจจุบันแม้แต่หัวหน้าเผ่าก็ยังเข้าข้างจิ้งจอกสาว นางจึงเดินกลับบ้านไปอย่างสิ้นหวัง
จากนั้นหูเจียวเจียวชำเลืองมองเหล่าภูตที่อยู่รอบตัวเธอ ก่อนจะพบว่าลู่เมี่ยนเอ๋อกับอิงหยวนก็ยืนมองเหตุการณ์อยู่ไม่ไกล เธอจึงอดไม่ได้ที่จะส่งสายตาเย็นชาไปทางพวกเขา
เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าลู่เมี่ยนเอ๋อจะไม่รู้เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่เช่นนี้ของน้องชาย
เมื่อหญิงสาวล้างแค้นให้กับหลงหลิงเอ๋อเสร็จแล้ว เธอก็ไม่ได้รั้งรออะไรอีกจึงเดินไปบอกลาท่านผู้เฒ่าและเธอก็เดินกลับบ้านไป
หลังจากเหตุการณ์นี้จบลง ความรู้สึกของชาวบ้านที่มีต่อหูเจียวเจียวก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ
ทว่าแม่จิ้งจอกไม่รู้เรื่องนี้เลยสักนิด พอเธอมาที่กลับบ้าน นอกจากดูแลลูก ๆ และช่วยบำรุงหลงหลิงเอ๋อจนฟื้นตัวแล้ว เธอก็เริ่มจัดสวนปลูกมันฝรั่งทุกวัน
1 สัปดาห์ผ่านไป ในที่สุดมันฝรั่งในถ้ำที่ด้านหลังภูเขาก็งอกตาออกมา
จากนั้นหูเจียวเจียวสอนให้พวกผู้ชายหั่นมันฝรั่งที่แตกหน่อเป็นชิ้น ๆ ขุดร่องตื้น ๆ ในทุ่ง และฝังมันฝรั่งที่แตกหน่อไว้ในดิน
ส่วนหัวหน้าเผ่ายังคงยุ่งอยู่กับการพากลุ่มภูตชายออกไปล่าสัตว์ เมื่อเขากลับมาที่เผ่าอีกที มันฝรั่งในทุ่งก็แตกหน่อเป็นต้นสีเขียวเล็ก ๆ แล้ว
"หูเจียวเจียว ขอบคุณมากที่ช่วยดูแลการปลูกผลไม้ดินในเผ่า! ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า ทุกคนคงอดตายในฤดูหนาวนี้!"
เมื่อชายชรามองไปที่ต้นกล้ามันฝรั่งในทุ่ง เขาก็เผยรอยยิ้มสดใสออกมา
ตอนนี้ชายแก่กำลังนั่งอยู่บนพื้น
เขาไม่เคยเบื่อเลยที่จะต้องมานั่งเฝ้าดูต้นพืชเล็ก ๆ สีเขียวพวกนี้ ในขณะที่ในใจของเขาเอาแต่นึกกลัวว่าต้นกล้าทั้งหมดจะเหี่ยวแห้งไป ดังนั้นเขาจึงไม่อยากปล่อยให้พวกมันห่างหายจากสายตาไปแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว
"ท่านผู้เฒ่า ข้าแค่ส่งข้อความของเทพอสูรให้พวกท่าน ความช่วยเหลือที่แท้จริงมาจากชาวบ้านที่ช่วยกันลงมือลงแรง ทั้งหมดนี้จะต้องยกความดีความชอบให้กับทุกคน" หูเจียวเจียวตอบกลับเขาด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
“ดี!” หัวหน้าเผ่ายิ้มกว้างถึงหูจนใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งวัย
“ว่าแต่… เมื่อไหร่ผลไม้ดินพวกนี้จะออกผล มีอะไรที่ข้าต้องทำต่อไปอีกไหม?”
หลังจากที่ชายสูงวัยซึมซับความอิ่มเอมใจแล้ว เขาก็ไม่ลืมที่จะถามถึงสถานการณ์ในอนาคต
“กว่ามันจะออกผลต้องใช้เวลาประมาณ 3 เดือน เนื่องจากผลไม้ดินไม่ชอบน้ำ ดังนั้นอย่ารดน้ำให้มันมากเกินไป มิฉะนั้นต้นกล้าพวกนี้จะตาย” หูเจียวเจียวอธิบายให้อีกฝ่ายฟัง
เธอเองก็ไม่สามารถจับตาดูที่นี่ได้ทุกย่างก้าว เธอจึงต้องบอกข้อควรระวังพวกนี้ให้แก่หัวหน้าเผ่าทราบเอาไว้
เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต แล้วทุกคนจะมาโทษว่าเธอเป็นต้นเหตุ
หญิงสาวไม่อยากมาแบกรับความผิดครั้งใหญ่ที่ตนไม่ได้ก่อ
"ตกลง ข้าจะให้คนมาเฝ้าไว้พรุ่งนี้" ชายชราพยักหน้าซ้ำ ๆ โดยไม่สงสัยในคำพูดของหูเจียวเจียวเลยสักนิด
“ท่านผู้เฒ่า ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอตัวกลับก่อน” แม่จิ้งจอกยิ้มจาง ๆ และพยักหน้าให้อีกฝ่ายเป็นการบอกลา
"อืม" หัวหน้าเผ่าพยักหน้าตอบกลับ จากนั้นจู่ ๆ เขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงรีบเรียกเธอไว้ "ช้าก่อน! แล้ว... หลงโม่จะกลับมาเร็ว ๆ นี้หรือเปล่า?"
เมื่อหูเจียวเจียวได้ยินชื่อของหลงโม่ก็ชะงักไป แล้วหันกลับไปมองคนพูดอย่างสงสัย
“เจ้าอย่าเพิ่งเข้าใจผิด ข้าไม่ได้มีความหมายอื่น อีกไม่กี่เดือนก็จะถึงฤดูหนาวแล้ว ชีวิตที่ต้องอาศัยในป่านั้นยากลำบาก ถ้าเป็นไปได้ เจ้าจะให้เขากลับมาได้ไหม ถึงยังไงเขาก็จะได้ช่วยเจ้าดูแลลูก ๆ ด้วย เจ้าคิดว่ายังไง?”
ชายสูงวัยพูดจบแล้วก็เผยรอยยิ้มใจดีออกมา
เขาเห็นว่าในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้หูเจียวเจียวประพฤติตัวดีขึ้น และคงจะดีมากถ้านางยอมให้สามีกลับเข้ามาอยู่ในเผ่าอีกครั้ง
นอกจากนี้พวกเขายังมีโอกาสที่จะช่วยเพิ่มสมาชิกใหม่ให้กับเผ่าแห่งนี้ได้มากขึ้น
ในฐานะหัวหน้าเผ่า เขาจึงมักจะคิดถึงอนาคตของเผ่าตนเองก่อนทุกเรื่อง
ช่วงนี้จิ้งจอกสาวยุ่งจนเกือบลืมไปว่ายังมีเรื่องของหลงโม่อยู่ พอชายชราเอ่ยถึงเรื่องดังกล่าว รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็แข็งกระด้างขึ้นเล็กน้อย
หลงโม่กำลังจะกลับมาเร็ว ๆ นี้...
เมื่อผู้เฒ่าเห็นว่าสีหน้าของหูเจียวเจียวไม่ค่อยดี เขาก็คิดว่าเธอไม่ต้องการให้มังกรหนุ่มกลับมา ดังนั้นเขาจึงรีบเปลี่ยนคำพูด "ถ้าเจ้าไม่ต้องการให้เขากลับไปอยู่ที่บ้าน งั้นเจ้าก็ให้เขาไปอาศัยอยู่ที่อื่นในเผ่าดีหรือไม่..."
“ไม่ ท่านผู้เฒ่า ข้าไม่ได้ไม่อยากให้หลงโม่กลับมา ถ้าเขากลับมาคราวนี้ ข้าจะไม่ไล่เขากลับไปอาศัยอยู่ในป่าแน่นอน” หญิงสาวยิ้มอย่างมีเลศนัยและพูดขัดจังหวะอีกคน
นี่ล้อเล่นกันอยู่หรือไง เธอไม่กล้าห้ามไม่ให้จอมวายร้ายกลับมาหรอก
เธอจะต้องพึ่งพาชายคนนั้นไปตลอดชีวิต!
เธอจำเป็นต้องกอดขาเขาไว้ให้แน่น และเธอไม่สามารถปล่อยมันไปได้แม้ว่าเธอจะถูกฆ่าตายก็ตาม!
หัวหน้าเผ่าที่ได้ยินแบบนั้นผงะไปครู่หนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้คาดคิดว่าหูเจียวเจียวจะพูดเช่นนี้
หลังจากที่เขารักษาท่าทางตัวเองให้กลับมาสงบ เขาก็พยักหน้าพร้อมกับยิ้มอย่างพึงพอใจเหมือนผู้ใหญ่ใจดี "ดี ๆ ดีมาก เจ้าเป็นคู่ชีวิตกัน เจ้าควรสนับสนุนซึ่งกันและกัน และช่วยกันสร้างครอบครัวที่อบอุ่น"
ขณะนี้รอยยิ้มบนใบหน้าของจิ้งจอกสาวค่อนข้างเป็นธรรมชาติ แต่เธอแอบสาปแช่งในใจว่า
ฉันก็ได้แต่ภาวนาว่าขออย่าให้หลงโม่ฆ่าฉันเลย วอนขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายช่วยลูกช้างด้วยเถิด!
เวลาต่อมา ทั้งคู่ก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ไม่นานร่างเพรียวบางก็เดินออกมาจากหลังต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกล
เมื่อกวางสาวมองตามหลังของคนทั้ง 2 ไป ดวงตาสีดำสนิทของนางก็ฉายแสงที่มืดมน
"รดน้ำไม่ได้งั้นหรือ? ข้าอยากเห็นนักว่าถ้านางปลูกผลไม้ดินไม่ได้ ท่านผู้เฒ่าจะยังสนับสนุนนางอีกไหม..."
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: นึกถึงไม้เรียวกับก้านมะยมของคุณครูสมัยเรียนเลย เรียว ๆ บาง ๆ นี่แหละแสบยิ่งนัก ; - ;