ตอนที่แล้วบทที่ 20: ครีมมหัศจรรย์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 22: ชีวิตแต่ละวันและการจัดซื้อ

บทที่ 21: สุดยอดความแข็งแกร่ง


เมื่อเห็นรถออฟโรดที่เสียการควบคุมพุ่งเข้ามาหาตัวทันใดนั้นถังเจิ้นก็รู้สึกว่าหนังศีรษะของตัวเองจะระเบิด  ความรู้สึกวิกฤตเกิดขึ้นในใจและอยากจะกระโดดหลบเพื่อหลีกเลี่ยงอันตราย

ด้วยความเร็วปฏิกิริยาปัจจุบันเขาสามารถระเบิดพลังอันรุนแรงออกมาทำให้การที่จะหลีกเลี่ยงรถออฟโรดคันนี้ย่อมไม่น่าเป็นปัญหา

แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็สังเกตเห็นว่าที่ด้านหลังรถออฟโรดมีคนสองคนนอนจมกองเลือดอยู่กับพื้นโดยไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย

เขากะว่าจะหลบตามแผน  แต่เสียงกรีดร้องที่ดังทะลวงแก้วหูกลับทำให้เขาต้องระงับแผนกระโดดหลบลงไปในพริบตา

เพราะในข้างหน้าเขาเห็นว่ามีแม่เด็กสาวทั้งสามนางนั้นอยู่ซึ่งเดินแซงเขาไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้  และในระยะสั้น ๆ ขนาดนี้ทั้งสามไม่มีทางหลบรถที่กำลังเสียหลักคันนั้นได้เลย

ถังเจิ้นได้เห็นดวงตาสีแดงเลือดของคนขับรถออฟโรดและท่าทางหวาดกลัวของหญิงสาวที่อยู่ข้างหน้า

เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ตอนนี้หากว่าถังเจิ้นกระโดดหลบล่ะก็แม่สามสาวจะถูกรถนี่ชนปลิวกระเด็นในอีกหนึ่งวินาทีต่อมา

หากในวัยแรกแย้มแบบนี้กลับต้องมาประสบเคราะห์กรรมจนเผลอ ๆ อาจถึงตายมันก็ช่างน่า...  และตอนนี้ก็เป็นไปได้ที่เขาจะยื่นมือออกไปและให้ความช่วยเหลือแก่พวกเธอให้รอดพ้นจากอันตรายนี้ได้!

และดูเหมือนว่าจะไม่จำเป็นต้องคิดอีกต่อไปแล้ว

ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายนี้กลับมีความคิดมากมายแล่นผ่านถังเจิ้น  แต่ในที่สุดเขาก็ตะโกนออกมาทันทีพร้อมกับรีบวิ่งจากด้านหลังไปโผล่ตรงหน้าแม่สามสาวด้วยความเร็วปานสายฟ้าฟาดพลางยกมือผลักออกไปด้วย

ในขณะนี้พลังทั้งหมดในร่างกายของเขาถูกระดมขึ้นมาและรวมอยู่ที่ฝ่ามือ

ขีดจำกัดของพลังสุดแรงผู้ใหญ่จะถูกปลดปล่อยออกมาอย่างไม่มีเงื่อนไข

ตู้ม!

หลังจากเกิดเสียงดังทุก ๆ คนต่างก็ต้องตกตะลึงกับภาพตรงหน้า!

เพราะฉากที่หญิงสาวถูกรถซัดกระเด็นขึ้นฟ้าไม่ปรากฏตามที่ผู้คนทั่วไปคาดคิด  แต่กลับเกิดจุดพลิกผันอย่างน่าอัศจรรย์

ในสายตาของเด็กสาวทั้งสามที่กำลังหวาดกลัวและของผู้คนที่สัญจรไปมาด้วยความตกใจ  ฝ่ามือของถังเจิ้นได้กดแน่นที่หน้ารถออฟโรดเสียการควบคุมและบังคับให้มันต้องหยุด

ยังไม่ทันที่เด็กสาวทั้งสามคนจะรู้ตัวว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นต่อหน้าพวกเธอ

สายตาก็ปรากฏเป็นภาพรถออฟโรดที่อยู่ห่างจากพวกตัวเองทั้งสามนางไปไม่ถึงครึ่งเมตรแล้ว  และยังมองเห็นร่างที่มั่นคงและแข็งแกร่งประดุจขุนเขาอยู่เบื้องหน้าด้วย  เขาคนนี้คือคนที่กระชากพวกเธอทั้งสามกลับออกมาจากเงื้อมมือมัจจุราช!

“โอโหคุณอาโคตรเจ๋งสุด ๆ อะ!”

เด็กผู้หญิงที่สูงที่สุดในบรรดาเด็กผู้หญิงทั้งสามในชุดเสื้อกันหนาวสีเบจเป็นคนแรกที่กรีดร้องอย่างตื่นเต้นและมองถังเจิ้นด้วยความชื่นชม

เมื่อได้ยินสิ่งที่หญิงสาวสวมเสื้อกันหนาวพูดเด็กสาวอีกสองคนก็ได้สติขึ้นมาบ้าง  ทั้ง ๆ ที่ยังตะลึงอยู่แต่พวกเธอก็ยังมองเขาด้วยความขอบคุณผสมปนเปไปกับความตกใจ

คนที่เดินผ่านไปผ่านมาก็เริ่มฟื้นจากสภาพจากการกลายเป็นหินและกระซิบกระซาบกันด้วยน้ำเสียงตกใจชี้โบ๊ชี้เบ๊อุทานดังลั่น  แต่ละคนต่างด้นเดากันไปว่าเจ้าหนุ่มนี่บังคับรถออฟโรดให้หยุดได้ยังไง

หากเป็นรถออฟโรดที่เบรกในช่วงเวลาคับขันก็คงจะสมเหตุสมผล  แต่น่าเสียดายเพราะเมื่อพิจารณาดูจากสภาพแล้วรถมันไม่ได้หยุดเพราะคนขับเหยียบเบรก

แต่ถ้าเจ้าหนุ่มมันทำสิ่งนี้โดยอาศัยแค่พลังกายล้วน ๆ ล่ะ?  นี่โคตรน่ากลัวแล้วนะเฮ่ย!

แรงกระแทกที่เกิดจากรถออฟโรดที่เสียการควบคุมคันนี้กี่แรงม้าก็ไม่รู้  มันสามารถชนคนธรรมดาอัดเข้ากับกำแพงจนแหลกเป็นเศษเนื้อได้สบาย ๆ หากใช้แค่แรงเปล่า ๆ ในการหยุดมันแปลว่าความแข็งแกร่งนั้นไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์จะมีไว้ในร่างกายได้

เรื่องแบบนี้มันมีแค่ในหนังในนิยายหรือการ์ตูนเท่านั้นแล่ะ  แต่ตอนนี้กลับได้มาเห็นชนิดต่อหน้าต่อตาจะ ๆ

เมื่อคนเริ่มวิพากษ์วิจารกันหนาหูเข้า  ถังเจิ้นผู้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์มากที่สุดตอนนี้เริ่มตกอยู่ในที่นั่งลำบากซะแล้ว

“เล่นใหญ่เหี้ย ๆ ละกู!”

ถังเจิ้นสบถใส่ตัวเองโดยไม่ได้สังเกตปฏิกิริยาของหญิงสาวที่ได้รับการช่วยเหลือและผู้คนที่เดินผ่านไปมาเลย  เขาได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นอยู่ในใจ

แล้วจากนั้นแขนเขาก็หมดความรู้สึก  ร่างกายของเขาสั่นระริกจนแทบกระอักเลือดออกมา  เลือดลมในร่างกายตีกันยุ่งไปหมด

อาการบาดเจ็บเก่าที่พึ่งรักษาไปมีทีท่าว่าจะกำเริบ

เขากัดฟันและค่อย ๆ เคลื่อนแขนที่หมดแรงออก  และถังเจิ้นก็ต้องตกใจอย่างหนักเมื่อพบว่ามีรอยฝ่ามือลึกสองรอยประทับบนตัวรถที่เป็นโลหะ!

ฉากตรงหน้านี้ทำให้ถังเจิ้นไม่กล้าอยู่ต่อเพราะกลัวว่าจะถูกคนที่ชอบสอดรู้สอดเห็นตรวจสอบ

ความลับในตัวเขาน่าตกใจเกินกว่าจะให้ใครพบเจอ

เขารีบทิ้งเรื่องราวตรงหน้าทั้งหมดและกะจะหายไปโดยไม่สนถูกผิดใด ๆ ตราบใดที่คนหาตัวเขาไม่เจอก็ทำอะไรเขาไม่ได้

หลังจากตัดสินใจได้แล้วถังเจิ้นก็หันหลังกลับโดยก้มหน้าลงแล้วหนีไปด้วยความเร็วสูงปานสายฟ้าฟาดในทันที

เมื่อเห็นถังเจิ้นวิ่งไปอย่างกับจะหนีเอาชีวิตรอดจากอะไรบางอย่างพวกคนอื่น ๆ ที่ดูอยู่ก็งงงวยกับภาพที่เห็นและด้นเดากันว่าทำไมพ่อผู้กล้าหนุ่มต้องวิ่งหนีด้วยหนอ?

เด็กผู้หญิงสามคนที่อยู่ใกล้รถออฟโรดมากที่สุดเองก็เห็นรอยฝ่ามือในเวลาเดียวกัน  และทั้งสามคนที่รอดชีวิตจากภัยพิบัติครั้งนี้ก็มองหน้ากันด้วยความตกใจ  ใบหน้าที่งดงามเต็มไปด้วยความรู้สึกเหลือจะเชื่อ

เมื่อมองไปที่ถังเจิ้นที่ค่อย ๆ หายไปในฝูงชนทั้งสามสาวก็อยากรู้เรื่องของเขามากเหลือเกิน

ถังเจิ้นวิ่งไปได้ซักพักพอเห็นว่าไม่มีใครสนใจแล้วก็เรียกแท็กซี่

หลังจากปิดประตูรถอย่างเหนื่อยแรงแล้วก็ให้คนขับพากลับบ้านเลย

ถังเจิ้นซึ่งนอนอยู่บนเตียงตอนนี้รู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่แขนและหน้าอก  ราวกับว่ากระดูกหักทุกตารางนิ้ว  ความเจ็บปวดที่เสียดแทงทำให้เขาเหงื่อแตกท่วมไปทั้งตัว

ทว่าเขาก็รู้สึกว่าตัวเองยังโชคดีมาก  ถ้าไม่ใช่เพราะได้ดูดซับลูกปัดสมองเพื่อยกระดับให้สูงขึ้นจนร่างกายกลายพันธุ์แล้วล่ะก็วันนี้เขาจะต้องเป็นหนึ่งในคนที่ถูกรถชนกระเด็นไปกองรวมกับแม่สามสาวนั่น  ซึ่งบทสรุปของเขาคงไม่ตายก็พิการ

เรื่องการช่วยชีวิตเด็กสาวทั้งสามคงไม่ต้องพูดอะไรมาก  เพราะตอนนี้แม้เขาจะบาดเจ็บแต่ก็ไม่รู้สึกเสียใจเลย

หลังจากดื่มครีมไม้เลื้อยพร้อมกับน้ำที่มีรสขมแต่กลับกลิ่นหอมลงไปแล้วถังเจิ้นก็รู้สึกดีขึ้นมาก

เมื่อเวลาผ่านไปความเจ็บปวดทางร่างกายก็ค่อย ๆ บรรเทาลง  และถังเจิ้นที่เหนื่อยล้ามามากแล้วก็ค่อย ๆ หลับไป

เมื่อเขาตื่นขึ้นในเช้าของวันรุ่งขึ้น  และเขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าอาการบาดเจ็บที่เคยหนักหนาตอนนี้มันกลับไม่มีอะไรที่ส่งผลกระทบต่อกิจวัตรประจำวันของตัวเองอีกต่อไป

หลังจากตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่าร่างกายไม่มีอะไรที่ผิดปกติถังเจิ้นก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก

ในเวลาเดียวกันเขาก็คร่ำครวญอยู่ในใจกับความมหัศจรรย์ของครีมไม้เลื้อย  เพราะอาการบาดเจ็บของเขาเกือบจะหายเป็นปกติในชั่วข้ามคืน  ช่างเป็นยาที่มหัศจรรย์จริง ๆ!

หลังจากถอนหายใจจนคลายความกังวลเสร็จแล้วถังเจิ้นก็นับ ๆ วันดูและพบว่าถึงเวลาที่เขาต้อง ‘จ่ายหนี้’ ตามเวลาที่กำหนดไว้ในแต่ละเดือนแล้ว

เมื่อเอามือถือออกมาเขี่ยหารายชื่อติดต่อก็ตระหนักได้ว่ามือถือมันใช้แบบเดิมไม่ได้แล้วนี่หว่า!

ก็มันกลายพันธุ์ไปแล้วอะ  แล้วมันจะไปโทรออกได้ไง?

“ที่ยุ่ง ๆ ก็เพราะมันแต่ทำไมถึงลืมเรื่องมันไปได้วะเรา”

คิด ๆ แล้วก็รำคาญตัวเองหน่อย ๆ ซึ่งไม่แปลกใจเลยว่าทำไมทุก ๆ ครั้งที่กลับมาถึงไม่เห็นมีใครโทรหาบ้างเลย  ที่แท้สาเหตุก็มาจากไอ้นี่นี่เอง

ในเมื่อมันโทรไม่ได้ก็ต้องออกไปซื้อเครื่องใหม่  จากนั้นเขาก็กด ๆ เบอร์ที่ตัวเองจำได้

“คร้าบอาซุน  ผมเสี่ยวถัง!  ว่างป่าวคร้าบ...  ตอนนี้อาอยู่ไหนอะ...  เคคร้าบไปเด๋วนี้แหล่ะคร้าบ”

หลังจากวางสายแล้วถังเจิ้นก็ขึ้นแท็กซี่มุ่งหน้าไปยังห้างสรรพสินค้าในท้องถิ่นที่กำลังปรับปรุง

หลังจากลงจากรถและมองไปรอบ ๆ ถังเจิ้นก็พบทางเข้า  เขาเดินหลีกวัสดุตกแต่งที่วางเกลื่อนตรงขึ้นไปยังชั้นสามที่กำลังอยู่ระหว่างการปรับปรุง

หลังจากค้นหาตามตำแหน่งที่อีกฝ่ายบอกไม่กี่นาทีในที่สุดก็เห็นอาซุนที่ตัวเปื้อนฝุ่นเต็มไปหมด

หลังจากกล่าวสวัสดีเสียงดังอาซุนที่เห็นถังเจิ้นก็เช็ดเหงื่อบนหน้าผากแล้วเดินเข้ามาหา

“ว่าไงเสี่ยวถัง!”

อาซุนที่สวมชุดหลวม ๆ ยิ้มให้ถังเจิ้น  แต่รอยย่นบนใบหน้ากลับชัดเจนขึ้น

ถังเจิ้นถอนหายใจในใจ  พ่อบุญธรรมของตนก็ช่างไม่ได้เรื่องซะจริงเชียว  ดันมาโกงเงินที่อาซุนหาด้วยน้ำพักน้ำแรงอย่างยากลำบากซะได้!

อาซุนน่ะเป็นคนดีและเป็นเพื่อนบ้านที่ดีของครอบครัวด้วย

สมัยที่เขากับน้องยังเล็กนั้นอยู่กันอย่างอดอยากก็ได้อาซุนนี่แหละที่มักจะเรียกให้ไปกินข้าวเย็นด้วยกันอยู่เสมอ  เขาปฏิบัติต่อทั้งสองพี่น้องปานลูกหลานของตัวเองด้วยซ้ำ

ต่อมาพ่อบุญธรรมได้หลอกเอาเงินที่อาซุนเก็บหอมรอมริบจากการไปทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำไป  ตอนลูกสาวแกเข้าเรียนมหาลัยแต่ไม่มีเงินจ่ายค่าเล่าเรียนนี้เล่นเอาแกเกือบเป็นบ้าตาย

เมื่อใดก็ตามที่ถังเจิ้นจ่ายได้เงินเดือนมาเขาก็จะเจียดส่วนหนึ่งไว้จ่ายอาซุนอยู่ตลอด  แต่จะมากจะน้อยก็ขึ้นอยู่กับว่าได้มาเท่าไหร่  สิ่งสำคัญคือขอแค่ได้ช่วยชดเชยความรู้สึกผิดในใจตัวเองลงได้บ้าง

ครั้งนี้เขานำเงินทั้งหมดที่พ่อบุญธรรมติดหนี้แกอยู่มาจ่ายให้หมด

ในขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่นั้นจู่ ๆ ก็มีหญิงสาวแสนสวยคนหนึ่งขึ้นบันไดมา  เธอแต่งตัวด้วยชุดที่ดูดีมีสไตล์และทันสมัยซึ่งไม่เข้ากับสภาพแวดล้อมที่ดูเละเทะตรงนี้เลย

ข้างหลังผู้หญิงคนนี้มีผู้ชายกว่าหนึ่งโหลเดินตามมาซึ่งดูเหมือนว่าเธอจะเป็นหัวหน้าของคนพวกนี้

ถังเจิ้นมองไปที่ผู้หญิงคนนั้นและเห็นว่าเธอกำลังชี้นู่นชี้นี่พร้อมกับพูดคุยอะไรอยู่ส่วนพวกผู้ชายข้าง ๆ ก็ขีด ๆ เขียน ๆ อะไรลงบนสมุดบันทึกเล่มเล็ก ๆ

ฉากนี้ความหัวสูงนี้ทำให้ถังเจิ้นหัวเราะเบา ๆ เพราะดูเหมือนจะได้เห็นผู้หญิงที่เก่งและไม่ยอมแพ้ผู้ชายซะแล้ว

การตกแต่งห้างสรรพสินค้ามีเสียงดังเกินไปทำให้คุยกันไม่ได้ยิน  ดังนั้นอาซุนเลยพาถังเจิ้นไปที่บันใดหนีไฟเพื่อออกจากไซด์งาน  และถังเจิ้นก็รู้สึกเหมือนโลกได้สงบสุขลงอีกครั้ง

เขาหยิบเงินออกมาจากกระเป๋าและยื่นให้อาซุนพร้อมบอกให้อีกฝ่ายนับเงิน

อาซุนผงะไปแป๊บหนึ่งก่อนจะผลักเงินคืนโดยยืนยันว่าไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้

เขารู้ดีว่าถังเจิ้นนั้นยากลำบากขนาดไหนกับการวิ่งหาเงินไปทั่วเพื่อช่วยให้น้องสาวได้เรียนพร้อมปลดหนี้ให้พ่อบุญธรรมไปด้วย

หากไม่ใช่เพราะครอบครัวของตนเองก็ยากลำบากเหมือนกันล่ะก็  ตอนถังเจิ้นคืนเงินเดือนต่อเดือนเขาก็คงจะไม่รับหรอก

“เดิมทีเงินนี้เป็นเงินของอา  ผมแค่เอามาคืนแทนพ่อ  ตอนนี้ผมมีธุรกิจเป็นของตัวเองแล้วแต่ละเดือนหาเงินได้มากมาย  เพราะงั้นอาไม่ต้องห่วงหรอกครับ”

อาซุนรับยอมเงินคืนไปหลังจากที่ถังเจิ้นว่ามาแบบนั้น  แต่เขาก็ยังปฏิเสธค่าขอบคุณที่ถังเจิ้นซึ่งจะให้โดยถือว่าเป็น ‘ดอกเบี้ย’

อาซุนถอนหายใจสองสามเฮือกใหญ่แล้วก็ดุขึ้นประมาณว่าพ่อบุญธรรมของถังเจิ้นนี่ก็ไม่ไหวจริง ๆ ที่ปล่อยให้ลูกสองคน  ให้ถังเจิ้นกับน้องสาวซึ่งทั้งคู่ต่างก็เป็นคนมีเหตุผลต้องทนทุกข์

ถังเจิ้นทำได้เพียงแค่ตอบด้วยรอยยิ้มโดยไม่ได้พูดอะไรอีก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด