บทที่ 20: ครีมมหัศจรรย์
ความเร็วในการฟื้นตัวของบาดแผลของถังเจิ้นนั้นน่าทึ่งจริง ๆ สถานการณ์ผิดปกติเช่นนี้บอกเลยว่ายากที่จะไม่ดึงดูดความสนใจ
พวกมู่หรงจื่อเหยียนเองก็เห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับบาดแผลของถังเจิ้นเหมือนกัน คนเหล่านั้นได้มองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่งมู่หรงจื่อเหยียนกับเฉียนหลงต่างก็เห็นความตกอกตกใจและความงุนงงของอีกฝ่าย เห็นได้ชัดวาชาวพื้นเมืองทั้งสองเองก็พึ่งจะเคยเห็นฉากอัศจรรย์เช่นนี้เป็นครั้งแรก
มู่หรงจื่อเหยียนมองบาดแผลของถังเจิ้นอีกรอบก่อนจะพูดด้วยใบหน้ามึน ๆ “ถึงครีมไม้เลื้อยจะมีค่าและมีผลในการรักษาบาดแผลที่น่าอัศจรรย์ก็เถอะ แต่มันไม่ได้มีผลในทันทีเหมือนกับยาพลังเทพในตำนานหรอกนะ”
เฉียนหลงที่อยู่ข้าง ๆ พยักหน้าเห็นด้วย เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็ไม่เคยเห็นการรักษาบาดแผลที่รวดเร็วเช่นนี้มาก่อน
“ยาพลังเทพ?”
ถังเจิ้นที่กำลังโฟกัสกับความน่าอัศจรรย์ของครีมไม้เลื้อยเงยหน้าขึ้นมาถาม “ยาพลังเทพคืออะไร? มันมีผลเหมือนกับครีมนี่งั้นเหรอ!”
มู่หรงจื่อเหยียนพยักหน้า “ยาพลังเทพเป็นยามหัศจรรย์ที่จะมีกันในโหลวเฉิง ปรุงโดยเภสัชกรที่มีชื่อเสียง ยาพลังเทพมีสรรพคุณวิเศษมากมาย บางชนิดสามารถล้างพิษ บางชนิดสามารถเพิ่มพลังต่อสู้ และบางชนิดสามารถรักษาบาดแผลได้ ว่ากันว่าขอแค่อาการบาดเจ็บไม่ถึงแก่ชีวิตแค่ดื่มยาพลังเทพนั่นเข้าไปจะสามารถฟื้นตัวได้ในเวลาเพียงไม่นาน”
เมื่อเห็นถังเจิ้นฟังอย่างตั้งใจมู่หรงจื่อเหยียนก็บึนปากของเธอเล็กน้อย “ถึงผลของยาพลังเทพจะดี แต่ราคาก็สูงจนน่ากลัวมาก พ่อฉันได้มาขวดหนึ่งจากงานประมูลโหลวเฉิงแห่งอื่น เห็นพ่อบอกว่าต้องใช้ลูกปัดสมองเลเวลห้าตั้งร้อยเม็ด เท่ากับลูกปัดสมองเลเวลหนึ่งตั้งล้านเม็ดแหน่ะ!”
ถังเจิ้นไม่เพียงแค่พูดไม่ออกเมื่อได้ยินราคาหรอก ในใจยังสบถคำหยาบด้วย ลูกปัดสมองเลเวลหนึ่จำนวนหนึ่งล้านเม็ดคือสิบล้านเหรียญทองในมือถือ!
แบบนี้จ้าวเมืองโหลวเฉิงที่ขายยาพลังเทพพวกนั้นก็ร่ำรวยสุด ๆ ไปเลยสิ!
ขณะที่ถังเจิ้นแอบอิจฉามู่หรงจื่อเหยียนก็เล่าข่าวลือบางอย่างเกี่ยวกับยาพลังเทพที่เธอเคยได้ยินมา ในระหว่างนั้นเธอยังบอกถังเจิ้นว่าครีมไม้เลื้อยสามารถดื่มพร้อมกับน้ำได้ด้วยซึ่งมันใช้ในการรักษาอาการบาดเจ็บภายในได้อย่างทรงประสิทธิภาพ
เมื่อมู่หรงจื่อเหยียนบอกมาแบบนั้นถังเจิ้นเลยไม่รอช้าลองดื่มชิ้นเล็ก ๆ ลงไปโดยไม่ลังเล
ตอนนี้เขาสงสัยสรรพคุณของครีมตัวนี้อย่างมากและแทบรอดูผลอันมหัศจรรย์ของมันไม่ไหวแล้ว
ซึ่งผลการทดลองทำให้เขาพอใจมาก อาการเจ็บหน้าอกที่แต่เดิมเหมือนโดนเหยียบแผลจนเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลาบัดนี้ได้บรรเทาลงไปมากในทันที และยามที่หายใจก็ไม่มีอาการปวดอย่างหนักมากวนแล้ว
ในเวลาเดียวกันถังเจิ้นรู้กลับสึกว่าดูเหมือนจะมีอากาศไหลเวียนอยู่ในอกของตน ตามด้วยความรู้สึกชา ๆ แล้วก็เกิดอาการคันยิบ ๆ จนอยากกรีดมันออกไปเพราะรำคาญมาก
หลังจากนั้นไม่นานถังเจิ้นก็ไออย่างรุนแรงและกระอักลิ่มเลือดสีดำออกมาจากปาก
อาการผิดปกติของร่างกายถังเจิ้นเจิ้นทำให้พวกมู่หรงจื่อเหยียนดูตกใจ แต่ตัวเขาเองกลับดูตื่นเต้นอย่างมาก เพราะครีมนี้เหมือนทำให้เขามองเห็นถนนแห่งชีวิตของตนที่ปูไปด้วยทองคำ!
ครีมที่มีค่าของโลกนี้เมื่อใช้กับถังเจิ้นซึ่งเป็นคนที่มาจากอีกโลกหนึ่งได้แสดงผลลัพธ์ที่สุดแสนจะน่าอัศจรรย์ขึ้น ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะได้ผลที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้เมื่อใช้กับชาวโลกคนอื่นหรือไม่
ถ้าได้ผลจริงก็เป็นเส้นทางที่เสริมดวงของแท้!
ทว่าแม้จะไม่ได้ผลอะไรกับคนที่โลกเดิมก็ตาม แต่การสำรองครีมนี้ไว้ใช้ยามฉุกเฉินก็เป็นการทำประกันชีวิตที่ค่อนข้างมั่นคงพอสมควร
ถังเจิ้นตัดสินใจว่าจะให้ความสนใจกับข่าวใด ๆ ก็ตามที่เกี่ยวกับไม้เลื้อยชนิดนี้ให้มากขึ้นในอนาคต หากเขาพบมันเมื่อไหร่จะรีบคว้ามาไว้ในครอบครองอย่างแน่นอนไม่ว่าจะต้องจ่ายราคาเท่าไหร่ก็ตาม
การผจญภัยต่างโลก สิ่งที่สำคัญเป็นอันดับแรกคือความปลอดภัยในชีวิต!
เมื่อไต่ถามสองคนนี้เรื่องไม้เลื้อยดังกล่าวแต่ละคนก็บอกแค่ว่ามันงอกและเติบโตอยู่ในหุบเขาที่เข้าไปไม่ได้ เพราะที่เหล่านั้นส่วนใหญ่แล้วมันจะมีแต่มอนสเตอร์ดุร้ายน่ากลัวมากมายเข้าไปทำรัง
หากต้องการเข้าไปรวบรวมวัตถุดิบปรุงยาในสถานที่ประเภทนี้แปลว่าต้องแบกรับความเสี่ยงที่สูงมาก ขนาดโหลวเฉิงบางแห่งที่มีเภสัชกรอาศัยอยู่ยังรับซื้อในราคาสูงชะลูด
มีทีมสำรวจผู้พเนจรเข้าไปหาอยู่บ่อยครั้งอยู่เหมือนกัน แต่เบื้องหลังผลประโยชน์อันมากมายมหาศาลนั้นก็มีความเสี่ยงอันมหาศาลซ่อนอยู่เป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งก็มีบ้างที่ทีมสำรวจผู้พเนจรทั้งทีมโดนมอนสเตอร์กวาดล้างจนหมดสิ้นจนเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ราคาของวัตถุดิบปรุงยาสูงชะลูดอย่างที่บอก
ครีมในมือของมู่หรงจื่อเหยียนถูกผู้ใต้บังคับบัญชาของพ่อเธอนำออกมาตอนที่หนีจากโหลวเฉิง แปลว่าเจ้าของเดิมคือพ่อของมู่หรงจื่อเหยียนซึ่งเป็นเจ้าเมือง
ในขณะที่พูด ๆ อยู่มู่หรงจื่อเหยียนก็ช่วยเฉียนหลงและต้าสยงทายาไปด้วย จากนั้นก็ค่อย ๆ พันผ้าพันแผลให้ทั้งคู่อย่างระมัดระวัง
หลังจากทำแผลให้เฉียนหลงและต้าสยงแล้วชายทั้งสามคนก็ทรุดลงบนเตียงพร้อม ๆ กันและจ้องมองกันและกัน
ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่รู้สึกอะไรเป็นพิเศษ แต่เมื่อพวกเขานอนลงบนเตียงแล้วความเจ็บปวดและความเหนื่อยล้าก็ประดังประเดเข้ามา จากนั้นไม่นานพวกเขาก็ผล็อยหลับไป
พวกเขานอนกันดึกมาก เมื่อถังเจิ้นตื่นนอนก็ปาเข้าไปตอนบ่ายแล้ว
เฉียนหลงกับต้าสยงก็ตื่นขึ้นเช่นกัน หลังจากซัดโจ๊กเนื้อ 2 ชามที่มู่หรงจื่อเหยียนทำให้เสร็จแล้วถังเจิ้นก็ยืดเส้นยืดสายบิดขี้เกียจอย่างสบาย ๆ ด้วยสีหน้าพึงพอใจ
เมื่อเห็นต้าสยงยกกะละมังใบเล็กขึ้นซดโจ๊กถังเจิ้นก็ยิ้มออกมาแล้วหันไปพูดกับเฉียนหลงว่า “เมื่อกี้ฉันคิดเรื่องนี้ดูแล้ว การแก้แค้นไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ ปล่อยพวกมันเต้นแร้งเต้นกาไปก่อน รอให้อาการบาดเจ็บหายดีค่อยไปจัดการก็ยังไม่สาย”
หลังจากที่เฉียนหลงได้ยินคำพูดนั้นใบหน้าของเขาก็มีร่องรอยของความไม่เต็มใจ แต่มันก็หายไปอย่างรวดเร็วโดยนั่งฟังคำพูดของถังเจิ้นต่อไปอย่างเงียบ ๆ
ถังเจิ้นสังเกตเห็นการแสดงออกที่เฉียนหลงทำโดยเข้าใจอีกฝ่ายเหมือนกันว่าคงแทบระงับความแค้นในใจไว้ไม่อยู่ แต่เขาไม่ได้อธิบายเหตุผลต่อและบอกเรื่องอื่นแทน “ฉันวางแผนที่จะขายของซักชุดนึง แต่นายก็รู้ว่าฉันไม่คุ้นเคยกับที่นี่เลยต้องขอพึ่งนายละ”
“แล้วก็ตอนขายนายไปหาจ้างคนที่ไว้ใจได้มาหน่อย ส่วนเรื่องอุปกรณ์สวมใส่เด๋วฉันจัดให้เอง”
ถังเจิ้นหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นก็ถอนหายใจออกยาว ๆ และกล่าวต่อว่า “ฟู่ กำลังคนของเราน้อยเกินไปเพราะงั้นเวลาสู้เลยเสียเปรียบแบบนี้ ถ้าเราสร้างโหลวเฉิงได้แล้วยังไงก็ต้องมีการรับสมัครกำลังพลเพิ่มอยู่แล้ว เป็นเรื่องที่ขึ้นอยูกับเวลาเท่านั้น”
เฉียนหลงเอนกายลงบนเตียงพลางพยักหน้าเงียบ ๆ
แม้ว่าการแสดงออกของเขาจะดูสงบแต่กลับรู้สึกโกรธและระงับมันไว้ในใจ หากถังเจิ้นไม่ตัดสินใจกลับไปที่ที่เกิดเหตุในภายหลังล่ะก็เกรงว่าเขาอาจจะหาทางแก้แค้นไอ้หน้าหนวดตั้งแต่ตอนนี้เลยก็เป็นได้
ต้าสยงนั้นทึ่มทื่อเฉย ๆ กับเรื่องนี้ แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บเช่นกันแต่เขาก็เล่นกับเด็กหญิงตัวน้อยอย่างมีความสุขด้วยของเล่นที่ถังเจิ้นนำมาให้ เมื่อเห็นมือเท้าที่หยาบกร้านของเขาแสดงท่าทางระมัดระวังเก้ ๆ กัง ๆ แล้วช่างเป็นภาพที่ชวนอารมณ์ดีจริง ๆ
หลังจากพูดเสร็จถังเจิ้นนอนหงายลงบนเตียงทำท่าเหม่อ ๆ ราวกับจ้องมองเพดานอย่างงุนงง แต่จริง ๆ แล้วกำลังดูดซับลูกปัดสมองเลเวล 2 ที่ต้าสยงเก็บมาได้อยู่ และเป็นอย่างที่กะเอาไว้คือลูกปัดสมองของมอนสเตอร์เลเวล 2 นี้ 2 เม็ดแลกเป็นเหรียญทองในมือถือได้ 200 เหรียญ อัตราแลกเปลี่ยนคือ 1 ต่อ 100
เมื่อเห็นอัตราการแลกเปลี่ยนนี้ถังเจิ้นรู้สึกเหมือนอกหักทันที และความเกลียดชังที่เขามีต่อไอ้หน้าหนวดก็เพิ่มขึ้นไปอีก สำหรับถังเจิ้นตอนนี้เหรียญทองคือประกับภัย มันช่วยให้เขาซื้อความปลอดภัยและความแข็งแกร่งที่มากขึ้นได้ และการสูญเสียมันไปก็ไม่ต่างจากเอามีดมากรีดใจ
เมื่อรวมกับความรู้สึกอัปยศอดสูที่เขาได้รับก่อนหน้านี้กระหน่ำซ้ำเติมเข้ามา ความเกลียดชังที่เขามีต่อไอ้หน้าหนวดก็ไม่น้อยไปกว่าเฉียนหลง
การพักฟื้นเป็นวัน ๆ นั้นน่าเบื่อ แต่ก็ยังโชคดีที่ครีมไม้เลื้อยของมู่หรงจื่อเหยียนให้ผลลัพธ์ที่น่าอัศจรรย์ทำให้ถังเจิ้นสามารถเดินได้อย่างอิสระในเวลาเพียงสามวัน
เช้าตรู่วันนี้เขาออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์นอกถ้ำอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็บอกให้มู่หรงจื่อเหยียนดูแลผู้บาดเจ็บขณะที่เขาจัดแจงอุปกรณ์ของตนให้เรียบร้อยและออกจากที่พักไปอย่างสบาย ๆ
ครึ่งชั่วโมงต่อมาถังเจิ้นก็เคลื่อนย้ายกลับไปที่บ้านของตน
เพื่อกำจัดความรู้ที่ติดมาด้วยจากการต่อสู้แลกชีวิตถังเจิ้นเลยอาบน้ำล้างตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ เสร็จแล้วก็ทำความสะอาดบ้านแล้วค่อยออกจากบ้านอย่างสบายอารมณ์
เขานั่งรถไปยังสถานที่ใกล้ ๆ ชานเมือง จำได้ว่าเมื่อก่อนเคยผ่านที่นี่และเห็นว่ามีร้านตีเหล็กอยู่หลายร้านที่บริเวณนี้
หลังจากลงจากรถเขาก็เดินไปรอบ ๆ และเลือก ๆ มาร้านหนึ่ง
ในขณะนี้ที่ร้านตีเหล็กไม่มีลูกค้าอยู่ มีแต่ชายวัยกลางคนรูปร่างกำยำหนวดเคราดกหนานั่งดกเบียร์ยกตีนเป็ดขึ้นมาแกล้มอยู่ที่โต๊ะ เมื่อเขาเห็นถังเจิ้นเข้ามาก็เลยเอามือเช็ดปากและพูดเสียงดังลั่น
“ว่าไงน้องมาทำไรเรอะ!”
“อยากได้มีดอันใหญ่ ๆ ซักร้อยเล่มจากแหนบรถยนต์อะทำได้ปะพี่”
ถังเจิ้นถามกลับ
“จะเอามีดพวกนี้ไปทำไรอะ?”
ชายคนนั้นมองไปที่ถังเจิ้นอย่างระแวดระวัง
“พอดีกะว่าจะเปิดร้านในเถาเป่าขายมีดขายดาบ พี่รู้จักการขายของออนไลน์อยู่ใช่ปะ?”
แม้ถังเจิ้นไม่รู้สึกว่าอีกฝ่ายจะดึงเชงอะไรแต่ก็ยังอธิบายอย่างตั้งใจ
ชายคนเลยลุกขึ้นกระดกเบียร์อึกสุดท้ายแล้วพยักหน้า “คนอื่นอาจไม่รับงานน้องแต่พี่อะรับชัวร์ แต่ ๆ ๆ ราคาไม่ถูกนา แน่ใจนะว่าจะเอาอะ!”
“งั้นก็คุยเรื่องราคากันก่อน!”
หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายเจรจาต่อรองราคาแล้วถังเจิ้นออร์เดอร์ของและหมายเหตุว่าขอเป็นอย่างเร็วที่สุด
อีกทั้งยังบอกเถ้าแก่ด้วยว่าถ้าของที่ทำคุณภาพดีล่ะก็ออร์เดอร์ทั้งหมดในอนาคตจะให้แกคนเดียวไปเลย
หลังจากที่จ่ายมัดจำส่วนหนึ่งและตกลงเวลารับคร่าว ๆ แล้วถังเจิ้นก็ออกจากร้านตีเหล็ก
หลังจากคุยงานกันอยู่นานถังเจิ้นรู้สึกหิวขึ้นมาเล็กน้อยดังนั้นเขาจึงเดินสุ่ม ๆ ไปเจอเข้ากับร้านเล็ก ๆ ที่ขายหม่าล่าทั่ง เขาเข้าไปสั่งอาหารแล้วไปนั่งรอที่โต๊ะ
เวลานี้เป็นช่วงเที่ยงทำให้ร้านอาหารมีคนพลุกพล่าน และโต๊ะในร้านแม้จะมีหลายสิบโต๊ะแต่ก็ถูกลูกค้านั่งจนเต็มอย่างรวดเร็วซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาว
บนโต๊ะที่ถังเจิ้นนั่งมีเด็กผู้หญิงสามคนที่ดูเหมือนเด็กนักเรียนกำลังคุยกันในเรื่องที่ตัวเองสนใจ
ในตอนนี้การได้ยินของถังเจิ้นเฉียบคมมาก หูของเขาเลยเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยในเรื่องต่าง ๆ นานา และเมื่อฟังหัวข้อเรื่องแฟชั่นที่พวกเธอคุยกันเขาก็รู้สึกเหมือนตัวเองแก่แล้วขึ้นมาหน่อย ๆ ทั้งที่ความจริงแล้วเขาพึ่งจะอายุยี่สิบต้น ๆ เท่านั้นแท้ ๆ!
หลังจากที่รู้สึกแอบแก่อยู่ในใจเสร็จแล้วหม่าล่าทั่งก็มาเสิร์ฟ ถังเจิ้นก็หยิบตะเกียบมาพุ้ยกินฝังตัวเองลงในมื้ออาหาร
เพราะความหิวถังเจิ้นเลยรีบกินจนเสร็จอย่างรวดเร็ว เช็ดปาก และลุกขึ้นจากไป
ในเวลาเดียวกันกับที่เขาออกไปจากร้าน เด็กผู้หญิงสามคนที่โต๊ะเดียวกันก็กินเสร็จและออกจากร้านไปตาม ๆ กัน
ถังเจิ้นกำลังเดินคิดนู่นนั่นนี่ไปเรื่อยเปื่อย และในขณะที่เขากำลังจะก้าวเท้าเล็กน้อยเพื่อเริ่มข้ามถนนกลับได้ยินเสียงอู้อี้ตามด้วยเสียงกรีดแหลมเสียดแทงแก้วหูดังขึ้น
เมื่อหันหน้าไปดูตามเสียงเขาก็เห็นรถออฟโรดคันหนึ่งพุ่งเข้ามาหาเขาอย่างกับวัวบ้า!