ตอนที่ 86: อุบัติเหตุ
ตอนที่ 86: อุบัติเหตุ
ถึงแม้ว่าการแข่งขันรถเอ็กซ์ตรีมของค่ายฝึกจัสทิสลีกจะไม่ใช่กิจกรรมที่มีชื่อเสียง แต่มันก็สามารถดึงดูดความสนใจจากผู้ชมได้เป็นจำนวนมากและผู้ชมส่วนใหญ่ก็มาที่นี่เนื่องจากชื่อเสียงของสมาพันธ์จัสทิส
ท้ายที่สุดแล้วสมาพันธ์จัสทิสก็เป็นหนึ่งในสมาพันธ์นักสู้ชั้นยอดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจักรวาลและได้รับความเคารพจากคนโดยทั่วไป
การแข่งขันครั้งนี้ได้มีการถ่ายทอดสดผ่านทางเฮกสตาร์ทีวีและช่องทางอื่น ๆ อีกมากมาย
ยิ่งไปกว่านั้นแม้แต่ทีมมังกรสองหัวที่มีชื่อเสียงก็ยังเลือกที่จะเข้าร่วมการแข่งขันโดยไม่รับค่าจ้าง เพราะพวกเขาคิดว่าการเข้าร่วมการแข่งขันกับจัสทิสฝึกหัดเหล่านี้นับได้ว่าเป็นเกียรติยศที่น่าภาคภูมิใจของพวกเขา
แบรนด์จัสทิสเปรียบเสมือนกับป้ายการันตี ตราบใดที่มีชื่อของพวกเขาปรากฏขึ้นมาแม้แต่ร้านขนมข้างทางก็จะกลายเป็นธุรกิจที่โด่งดังในช่วงข้ามคืน
สมาพันธ์จัสทิสได้รับกำไรจากการลงทุนและเงินสนับสนุนเป็นจำนวนมากในทุก ๆ ปี ซึ่งพวกเขาก็ได้ใช้แบรนด์จัสทิสนี้ไปลงทุนและนำกำไรกลับมาพัฒนาองค์กรให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ในขณะที่ทางฝั่งของเฮอร์มิทจะแตกต่างออกไป เพราะพวกเขายึดมั่นในวิธีการได้รับทรัพยากรจากภายนอกด้วยวิธีโบราณนั่นก็คือการทำงานหาเงินเท่านั้น
การทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จและรับค่าตอบแทนถือได้ว่าเป็นแหล่งเงินทุนที่ใหญ่ที่สุดสำหรับสมาพันธ์เฮอร์มิท แม้ว่าพวกเขาจะมีการลงทุนกับบริษัทบางแห่งอยู่บ้าง แต่มันก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่สำคัญมากนักเนื่องจากพวกเขาจะไม่เปิดเผยตัวในนามของเฮอร์มิท
หรือมันอาจจะกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่าจัสทิสเปรียบเสมือนกับนักรบผู้กล้าหาญที่มีทั้งเกียรติยศ, เงินทอง, ชื่อเสียงและทุกสิ่งที่ผู้แข็งแกร่งสมควรจะได้รับ
ในขณะที่เฮอร์มิทเปรียบเสมือนกับนักฆ่าที่เดินทางรอบโลก, มีใช้ชีวิตที่ยากจน, หมกมุ่นอยู่กับศิลปะการต่อสู้และอาศัยอยู่ในเงามืด
—
ในห้องส่วนตัวที่หรูหราที่สุดทางทิศตะวันออกของสนามแข่งแสงจันทร์
ปัจจุบันเย่จิ่งชานและโรเบิร์ตกำลังนั่งคุยสารทุกข์สุกดิบพร้อมกับเพลิดเพลินไปกับผลไม้และของว่างที่ถูกจัดไว้ให้
“คุณคิดว่าการแข่งขันวันนี้ใครจะเป็นผู้ชนะ?” โรเบิร์ตถามด้วยรอยยิ้ม
“มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นทีมของหนี่เว่ยแชมป์ของปีที่แล้ว แต่ถ้าพูดถึงอันดับ 1 แน่นอนว่ามันก็ต้องเป็นทีมมังกรสองหัวที่คว้าแชมป์การแข่งรถเอ็กซ์ตรีม 5 สมัย” เย่จิ่งชานตอบหลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“แล้วเซี่ยเฟยที่อยู่ในตำแหน่งที่ 4 ล่ะ ผลงานของเขาก็ไม่ได้แย่นะ คุณคิดว่าเขามีโอกาสไหม?” โรเบิร์ตถาม
“ไม่ครับ” เย่จิ่งชานตอบ
“หือ? ทำไมคุณถึงดูมั่นใจขนาดนั้น เด็กหนุ่มคนนี้กำลังได้รับความสนใจและผมยังได้ยินมาว่าลูกน้องของคุณถึงห้าคนกำลังพยายามแย่งชิงตัวเขาเข้าแผนกของตัวเอง” โรเบิร์ตถามด้วยความสนใจ
“เซี่ยเฟยเป็นเด็กฉลาดและมีศักยภาพที่ยอดเยี่ยมก็จริง แต่เด็กคนนี้ค่อนข้างจะมุทะลุและเขาก็ลึกลับมากเกินไป”
“คุณกำลังหมายความว่ายังไงกันแน่?” โรเบิร์ตถาม
“เขาค่อนข้างคาดเดาไม่ได้และถึงแม้ว่าเขาจะมีศักยภาพเพียงพอที่จะเป็นนักสู้ชั้นยอด แต่เขาจะไม่มีวันเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ที่ยอมเสียสละตัวเองเพื่อความยุติธรรมให้แก่มวลมนุษยชาติ” เย่จิ่งชานกล่าวอธิบาย
“ผู้บัญชาการเย่! ผมขอชื่นชมในอุดมการณ์ของคุณจริง ๆ แต่คุณก็ต้องเข้าใจว่า มันเป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะเต็มใจเสียสละเพื่อความยุติธรรมเหมือนคุณ” โรเบิร์ตหัวเราะเสียงดัง
เมื่อได้ยินคำพูดของโรเบิร์ต เย่จิ่งชานก็เงียบเสียงลงโดยที่ไม่สามารถโต้ตอบอะไรกลับไปได้ เนื่องจากเขาเป็นคนที่ยึดมั่นในความยุติธรรมเป็นอย่างมากและด้วยอุดมการณ์นี้มันจึงทำให้เขาต้องเผชิญหน้ากับความทุกข์ทรมานในชีวิต ดังนั้นเขาจึงเข้าใจความหมายที่โรเบิร์ตกล่าวออกมาได้เป็นอย่างดี
“คุณคือจัสทิสระดับทองที่มีอายุน้อยที่สุดในภูมิภาคดาวเอ็นดาโร่และเป็นบุคคลสำคัญคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้ดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าแผนกที่สำนักงานใหญ่ แล้วทำไมคุณมองเรื่องง่าย ๆ แบบนี้ไม่ออก” โรเบิร์ตพูดด้วยความติดตลก
“เฮ้อ! ลืมมันไปซะเถอะเราอย่าไปพูดถึงเรื่องในอดีตเลย มาพูดเรื่องปัจจุบันกันดีกว่า ผมได้ข่าวว่าในปีนี้เซียวไห่ลี่ลูกศิษย์ของคุณเพิ่งได้เลื่อนตำแหน่งเป็นจัสทิสระดับ 5 ดาวเงินทั้ง ๆ ที่เพิ่งมีอายุเพียงแค่ 25 ปี” เย่จิ่งชานถอนหายใจยาว ๆ พร้อมกับเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา
“ผมคิดว่าเขามีโอกาสที่จะทำลายสถิติของผมและกลายเป็นจัสทิสระดับทองก่อนที่เขาจะอายุครบ 27 ปี”
“ถึงคุณไม่พูดเรื่องนี้แต่ผมก็กำลังจะคุยกับคุณอยู่พอดี คุณรู้ไหมว่าทำไมผมถึงส่งทีม 13 มาที่ค่ายฝึก” โรเบิร์ตยิ้มอย่างมีเลศนัย
“ทีม 13 ถือได้ว่าเป็นทีมที่ค่อนข้างแข็งแกร่งที่อยู่ในอำนาจของคุณ การส่งพวกเขามายังค่ายฝึกก็เท่ากับคุณจะเสียกำลังคนโดยใช่เหตุ ดังนั้นมันเป็นไปได้ไหมว่ามีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับพวกเขา?” เย่จิ่งชานตอบไปตามความคิดของเขา
“คุณเดาถูก แต่มันไม่ใช่ปัญหาเล็ก ๆ อย่างที่คุณคิด ความจริงมันเป็นปัญหาที่ค่อนข้างใหญ่ด้วย!” โรเบิร์ตกล่าวพร้อมกับจ้องมองไปที่เย่จิ่งชานราวกับต้องการสื่อความหมายอะไรบางอย่าง
—
ในตอนนี้เซี่ยเฟยกำลังสวมชุดป้องกันสีแดงเพื่อเตรียมพร้อมในการแข่งขัน นอกจากนี้เขายังได้สวมชุดต่อสู้วินด์ชาโดว์ไว้ข้างในเพื่อเป็นการป้องกันอีกชั้นหนึ่ง
ชุดป้องกันพิเศษสำหรับนักแข่งนอกจากมันจะทำมาจากเนื้อผ้าที่แข็งแรง กันไฟและป้องกันแรงกระแทกแล้ว มันยังมีเข็มขัดนิรภัยพิเศษติดไว้ที่เอวของตัวชุดอีกด้วย
หากเกิดอุบัติเหตุในระหว่างการแข่งขันเข็มขัดนิรภัยพิเศษจะเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติและปกป้องผู้ขับขี่ด้วยฟองพลังงานสีขาว
เซี่ยเฟยหนีบหมวกกันน็อกไว้ใต้แขนขณะจุดบุหรี่แล้วเดินออกมาจากห้องแต่งตัว
เมื่อเยว่เกอที่รออยู่ข้างนอกเห็นชายหนุ่มดวงตาของเธอก็เปล่งประกายออกมาทันที เธอจึงเดินไปรอบ ๆ ชายหนุ่มอยู่ 2-3 ครั้งแล้วพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น
“สุดยอด! นายใส่ชุดนี้แล้วโคตรเท่เลย!!”
เซี่ยเฟยเพียงแค่พยักหน้าอย่างเฉยเมยในคำชมของหญิงสาว จากนั้นเขาจึงเปิดไมโครคอมพิวเตอร์และโทรไปหาแอวริล
เนื่องจากในตอนนี้เขาอยู่ในสนามแข่ง มันจึงมีผู้คนอยู่รอบตัวเขาเป็นจำนวนมาก ชายหนุ่มจึงเลือกใช้หน้าจอขนาดเล็กในการโทร ซึ่งในหน้าจอก็ได้ปรากฏเป็นภาพของแอวริลที่สวมชุดสีชมพูพร้อมกับกอดตุ๊กตาหมีและมองมายังเขาด้วยรอยยิ้ม
แอวริลยังถือได้ว่าเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กและเมื่อหน้าจอถูกปรับให้มีขนาดเล็ก มันจึงทำให้ชายหนุ่มรู้สึกว่าเธอดูเหมือนกับนางฟ้าตัวน้อยในเทพนิยาย
จากนั้นเซี่ยเฟยจึงเดินไปยังรถแข่งคันสีแดงเพลิงพร้อมกับเบี่ยงแขนเพื่อให้หญิงสาวได้เห็นรถชัด ๆ
“เธอบอกว่าอยากดูรถแข่งของฉันใช่ไหม นี่ไง บอกแล้วว่ามันไม่มีอะไรที่น่าสนใจจริง ๆ” เซี่ยเฟยกล่าว
“ฮิฮิ ฉันก็แค่อยากรู้ว่ารถแข่งของนายจะหน้าตาเป็นยังไง” แอวริลพูดอย่างซุกซน
“การแข่งขันกำลังจะเริ่มแล้ว ไว้แข่งเสร็จฉันค่อยโทรหาอีกทีแล้วกัน” เซี่ยเฟยกล่าว
“โอเค! ฉันจะรอสายจากนายนะ สู้ ๆ คว้าชัยชนะมาฝากด้วย” แอวริลให้กำลังใจและพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
จากนั้นเซี่ยเฟยก็ยิ้มให้กับหญิงสาวแล้วปิดการเชื่อมต่อ ซึ่งเหตุการณ์นี้มันก็อยู่ภายใต้สายตาของเยว่เกอทุกประการ เธอจึงพุ่งเข้ามาหาเซี่ยเฟยทันที
“แฟนนายหรอ? เธอชื่ออะไร? บ้านอยู่ไหน? อายุเท่าไหร่? แล้วมีพี่น้องหรือเปล่า?” เยว่เกอรัวคำถามใส่ชายหนุ่มด้วยรอยยิ้มที่ขี้เล่น
“เธอจะอยากรู้ไปทำไม ฉันกับแอวริลเป็นเพื่อนกันเฉย ๆ” เซี่ยเฟยถึงกับพูดไม่ออกอยู่พักหนึ่งเมื่อได้ยินคำถามของผู้หญิงตรงหน้า
“สาวน้อยคนนี้สวยมาก เธอมีพี่น้องหรือเปล่า? นายแนะนำให้ฉันรู้จักหน่อยสิ” เยว่เกอถามพร้อมกับเข้ามากอดแขนของเซี่ยเฟย
“ฝันไปเถอะ! ฉันไม่มีทางแนะนำแอวริลให้เธอรู้จักหรอก” เซี่ยเฟยปฏิเสธพร้อมกับดึงแขนออกจากการเกาะกุมของหญิงสาว
คำถามของเยว่เกอได้ย้ำเตือนเซี่ยเฟยอีกครั้งว่านอกจากชื่อของแอวริลแล้วเขาก็ไม่ได้รู้ข้อมูลของหญิงสาวเลยแม้แต่น้อย เพราะทุกครั้งที่เขาพยายามจะถามเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ แอวริลมักจะหาข้อแก้ตัวและเปลี่ยนเรื่องอยู่เสมอราวกับว่าเธอไม่ต้องการพูดถึงมัน
“เอาล่ะเธอไปหาพวกเฉินตงได้แล้ว ฉันจะจัดการเรื่องที่นี่เอง” เซี่ยเฟยหันไปสั่งงานเยว่เกอหลังจากที่ส่ายหัวเพื่อสลัดความคิดเหล่านั้นทิ้งไป
“รับทราบค่ะ! ฉันจะปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเข้มงวด” เยว่เกอกล่าวตอบด้วยท่าทางที่ล้อเลียน
หลังพูดจบเยว่เกอก็หันหลังกลับและเดินออกไปจากสนามการแข่งขัน จากนั้นจู่ ๆ สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นใบหน้าที่กังวลขณะกัดริมฝีปากล่างของตัวเองเบา ๆ พร้อมกับบุคลิกร่าเริงสดใสที่หายไปในพริบตา
พนักงานคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเซี่ยเฟยพร้อมไมโครคอมพิวเตอร์ ซึ่งหลังจากที่เขาได้เช็คหมายเลขประจำเครื่องของรถแล้วเขาก็หันมากล่าวกับชายหนุ่มว่า
“หมายเลข 99 ได้เวลาประจำตำแหน่งแล้วตรงไปที่โซนตรวจสอบเพื่อทำการทดสอบได้เลย หลังจากนั้นจะมีคนพาคุณไปยังจุดออกตัว”
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับและกระโดดเข้าไปในห้องคนขับเพื่อขับรถเข้าไปในโซนตรวจสอบ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้ใช้เครื่องสแกนขนาดใหญ่ยืนยันตัวรถกับชายหนุ่มแล้ว มันก็ได้มีเจ้าหน้าที่อีกคนพาเขาไปยังจุดสตาร์ทหมายเลข 4
ในขณะเดียวกันรถหมายเลข 0, 73 และ 201 ได้จอดอยู่ที่นั่นแล้ว ซึ่งผลการวิ่งรอบทดสอบของพวกเขาดีกว่าเซี่ยเฟย ดังนั้นตำแหน่งออกตัวของพวกเขาจึงอยู่ด้านในที่จะทำให้ง่ายในการเบี่ยงเข้าโค้งแรก
ไป๋เย่ที่นั่งอยู่ในรถแข่งของตัวเองส่งรอยยิ้มและโบกมือทักทายเซี่ยเฟย
รถแข่งกว่า 300 คันต้องได้รับการตรวจสอบทั้งหมดก่อนเข้าสู่สนามการแข่งขัน ซึ่งมันก็ได้กินเวลาไปค่อนข้างนาน
ในระหว่างรอเซี่ยเฟยก็ได้มองสำรวจไปยังแท่นอัฒจันทร์ใกล้ ๆ เพื่อฆ่าเวลาและเขาก็ได้มองเห็นเย่เสี่ยวหานกับเซียวไห่ลี่นั่งอยู่ด้วยกัน
เซียวไห่ลี่พยายามชวนเย่เสี่ยวหานพูดคุย ในขณะที่หญิงสาวยังคงรักษาท่าทางที่เย็นชาเหมือนเคยและในบางครั้งเธอก็จะตอบชายหนุ่มด้วยคำสั้น ๆ โดยที่สายตาจะมองมายังรถแข่งสีแดงเพลิงในสนามอยู่เป็นระยะ ๆ
เนื่องจากเซี่ยเฟยได้ฝึกฝนเทคนิคเนตรมนตรา มันจึงทำให้สายตาของเขาดีกว่าคนทั่วไปเล็กน้อย ซึ่งในตอนนี้เขาก็ได้จ้องมองไปยังเซียวไห่ลี่โดยหวังว่าจะได้พบเบาะแสบางอย่าง
เซี่ยเฟยได้ค้นพบว่าเซียวไห่ลี่มีนิสัยที่แปลกประหลาด เพราะเขามักที่จะใช้มือสัมผัสใบหน้าอยู่เสมอ ซึ่งในแง่ของภาษากาย มนุษย์มักมีเหตุผลในการสร้างนิสัยที่เคยชินของตัวเองและสำหรับคนที่สัมผัสใบหน้าบ่อย ๆ ก็มีความเป็นไปได้อยู่ 2 อย่างเท่านั้น
อย่างแรกคือเขาคนนั้นกำลังรู้สึกตื่นเต้น ดังนั้นการเคลื่อนไหวโดยไม่ได้ตั้งใจนี้ก็เพื่อลดความกดดันของตัวเอง หรืออีกอย่างก็คือเขาคนนั้นค่อนข้างกังวลเกี่ยวกับการแสดงออกของตัวเอง ซึ่งการสัมผัสใบหน้าบ่อย ๆ ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ บนใบหน้าของพวกเขา
ในไม่ช้ารถแข่งกว่า 300 คนก็ได้เข้ามาสู่สนามเรียบร้อยแล้ว เซี่ยเฟยจึงหายใจเข้าออกลึก ๆ เพื่อเรียกสมาธิและมุ่งความสนใจไปยังสนามแข่งที่อยู่ตรงหน้า
ทันใดนั้นไฟแสดงความพร้อมสีแดงก็ได้สว่างขึ้นและเครื่องยนต์ของรถแข่งกว่า 300 คันก็ได้ส่งเสียงคำรามด้วยความรุนแรง
เมื่อไฟแสดงสถานะเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีเขียว การแข่งขันก็เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ!
บรื้น!
รถหมายเลข 0 ที่อยู่ด้านในสุดของสนามพุ่งออกไปด้วยความรวดเร็วและด้วยการที่มันเป็นรถของนักแข่งมืออาชีพ มันจึงทำให้ความเร็วต้นและการบังคับเลี้ยวของพวกเขามีประสิทธิภาพมากกว่ารถในสนามแข่งโดยทั่วไป
ส่วนรถหมายเลข 99, 201 และ 73 ก็พุ่งออกไปด้วยความเร็วพอ ๆ กัน
หลายสิบเมตรต่อมารถแข่งของเซี่ยเฟยก็เริ่มแสดงให้เห็นถึงความได้เปรียบในด้านอัตราเร่งที่เหนือกว่ารถคันอื่น ๆ และเมื่อมาถึงจุดสิ้นสุดทางตรง เขาก็ตามหลังรถ 2 คันหน้าอยู่แค่เล็กน้อย
เมื่อมาถึงโค้งแรกเซี่ยเฟยก็มองเห็นโอกาส เขาจึงเหยียบคันเร่งแล้วบังคับรถให้เลี้ยวไปทางด้านซ้ายทีละนิด
รถแข่งสีแดงเพลิงส่งเสียงคำรามอย่างรุนแรงในขณะที่บีบเข้าโค้ง ซึ่งการกระทำของเขาก็ทำให้เข็มขัดป้องกันเกือบจะขูดสิ่งกีดขวางและถูกเปิดใช้งาน
หลังจากผ่านโค้งนี้ไปได้เซี่ยเฟยก็แซงขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งที่ 2 ได้สำเร็จ
รถแข่งที่เซี่ยเฟยได้ประกอบขึ้นมานั้นถูกดัดแปลงอย่างระมัดระวังและปรับแต่งให้อยู่ในระดับบ้าคลั่ง หรืออาจจะกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่ามันเป็นรถแข่งที่ได้รับการดัดแปลงให้สามารถปลดปล่อยศักยภาพได้ถึงขีดสุด
เซี่ยเฟยเป็นผู้ใช้พลังพิเศษสายความเร็วเขาจึงมีอัตราการตอบสนองที่ว่องไว ซึ่งมันก็สามารถชดเชยข้อบกพร่องของรถแข่งคันนี้ได้ด้วยความคล่องตัวของเขาเอง
ในชั่วพริบตาเซี่ยเฟยก็เข้าสู่ส่วนที่ 2 ของสนามแข่งและรถหมายเลข 0 ก็ทิ้งห่างจากเขาไปพอสมควร ท้ายที่สุดแล้วทีมมังกรสองหัวก็เป็นทีมรถแข่งมืออาชีพ ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่มีความตั้งใจที่จะแข่งขันกับพวกนั้นเลย สิ่งที่เขาต้องทำคือนำหน้าทีมจากค่ายคนอื่น ๆ เท่านั้น
การแข่งขันในครั้งนี้จะดำเนินไปทั้งหมด 30 รอบ ซึ่งมันถือได้ว่าเป็นความท้าทายสำหรับนักแข่งทุก ๆ คน เพราะพวกเขาจะต้องมีสติและสมาธิอยู่ตลอดเวลา โดยห้ามทำผิดพลาดหรือตื่นตระหนกเลยแม้แต่นิดเดียว
“ในตอนนี้ผู้นำยังคงเป็นรถหมายเลข 0 ของทีมมังกรสองหัว ตามมาด้วยเซี่ยเฟยน้องใหม่จากค่ายฝึกจัสทิสลีก รถของเขาค่อนข้างมีศักยภาพที่ดีกว่านักเรียนคนอื่น ๆ โดยมีความเร็วเฉลี่ยสูงถึง 3,200 เมตรต่อวินาที ซึ่งใกล้เคียงความเร็วของทีมมังกรสองหัวเลยทีเดียว” ผู้บรรยายหนุ่มผมแดงอธิบายสถานการณ์อย่างกระตือรือร้นผ่านหน้าจอข้างสนาม
“ด้านหลังเซี่ยเฟยคือรถหมายเลข 201 โดยคนขับชื่อไป๋เย่และเขาก็ยังเป็นน้องใหม่ของค่ายฝึกเช่นกัน”
“เด็กใหม่ปีนี้น่าสนใจจริง ๆ พวกเขาสามารถครองตำแหน่งแถวหน้าได้ถึงสองคน ในขณะที่แชมป์ในปีที่แล้วอย่างหนี่เว่ยตกลงไปอยู่อันดับที่ 4 และระยะห่างระหว่างเขากับอันดับที่ 3 นั้นก็มากถึง 15 กิโลเมตร”
“ไม่น่าเชื่อ! หรือว่าปีนี้นักเรียนใหม่จะเป็นผู้คว้าชัยชนะ!!”
“การแข่งขันในครั้งนี้ต้องขี่ถึง 30 รอบ ผมคิดว่ายังเร็วเกินไปที่เราจะตัดสินผู้ชนะ” ชายวัยกลางผู้สวมแว่นตาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ชายหนุ่มผมแดงกล่าวแย้งออกมา
“ผมคิดว่ามันยังมีโอกาสที่รถหมายเลข 73 ของหนี่เว่ยจะสามารถคว้าชัยชนะได้ เพราะเขามีประสบการณ์และทักษะมากกว่า ในขณะที่นักเรียนใหม่มักที่จะทำผิดพลาดเมื่ออยู่ภายใต้แรงกดดัน ดังนั้นตราบใดก็ตามที่เซี่ยเฟยและไป๋เย่ทำพลาดแม้แต่นิดเดียว หนี่เว่ยก็จะใช้โอกาสนี้เพื่อแซงหน้าและสร้างความได้เปรียบอย่างแน่นอน”
“ผู้ชมทุกท่านครับ ผมเพิ่งได้รับข้อมูลมาว่าคนขับรถหมายเลข 99 คือเซี่ยเฟยที่สร้างกระแสฮือฮาไปทั่วทั้งภูมิภาคดาวเมื่อ 3 เดือนก่อน เพราะเขาคือเซี่ยเฟยที่ต่อสู้กับเฉินตงยาวนานกว่า 21 วัน!!” จู่ ๆ ชายหนุ่มผมแดงก็กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น
“ผู้อาวุโส จากข้อมูลนี้คุณยังคงคิดว่าหนี่เว่ยจะชนะการแข่งขันในครั้งนี้อยู่หรือเปล่า?!”
“ถ้าเขาคือเซี่ยเฟยคนนั้นมันก็คุ้มค่าที่จะตั้งตารอ ท้ายที่สุดแล้วความมุ่งมั่นและความดื้นรั้นของชายคนนี้ในการประเมินระดับวิกฤตก็เหนือกว่าคนธรรมดาทั่วไป แต่สำหรับการแข่งรถในครั้งนี้แล้วปัจจัยพวกนั้นมันยังไม่พอ เพราะมันต้องอาศัยประสบการณ์และการตัดสินใจที่ไม่ธรรมดาด้วย” ชายวัยกลางคนตอบคำถามหลังจากประมวลผลข้อมูลภายในหัว
—
แอวริลจ้องมองไปที่หน้าจอด้วยความกังวลในขณะที่พยายามฉีกตุ๊กตาหมีในมือของเธออย่างไม่ใยดี แต่ดูเหมือนว่าตุ๊กตาตัวนี้จะถูกเย็บมาเป็นอย่างดีและไม่สามารถฉีกให้ขาดได้ง่าย ๆ
“ฮึ่ม!” แอวริลทำหน้ามุ่ยด้วยความหงุดหงิด จากนั้นเธอก็หันไปหยิบกรรไกรออกมาจากลิ้นชักและใช้มันจัดการหมีน้อยผู้ไร้เดียงสาในมืออย่างโหดเหี้ยม
แม้ว่าหมีน้อยตัวนี้จะแข็งแรงแค่ไหนแต่มันก็ทำมาจากผ้าอยู่ดี หลังจากนั้นไม่นานหมีน้อยตัวนี้ก็กลายเป็นเศษชิ้นส่วนเล็ก ๆ น้อย ๆ
เหตุการณ์นี้ไม่สามารถรอดพ้นไปจากสายตาของพ่อบ้านชราประจำตระกูลที่แอบมองผ่านรอยแตกของประตูอยู่ได้ ซึ่งมันก็ทำให้เขาถึงกับส่ายหัวและพึมพำกับตัวเองออกมาว่า
“เฮ้อ! ล้มเหลวอีกแล้วสินะ”
—
ในตอนนี้การแข่งขันได้เข้าสู่ส่วนที่ 3 ของสนามแล้ว ซึ่งเซี่ยเฟยก็ยังคงเป็นผู้นำเหนือไป๋เย่และช่องว่างของพวกเขาก็ค่อย ๆ กว้างขึ้นเรื่อย ๆ
ชายหนุ่มขับรถแข่งหมายเลข 99 ผ่านโค้งปีศาจทั้ง 128 โค้งอย่างไม่มีปัญหาและกำลังมุ่งหน้าไปยังส่วนที่ 1 เพื่อเริ่มต้นใหม่ในรอบที่ 2
แต่จู่ ๆ เครื่องยนต์ของเซี่ยเฟยก็มีปัญหาและรถแข่งทั้งคันก็เสียการควบคุม!
เซี่ยเฟยตื่นตระหนกขึ้นมาทันทีในขณะที่ใช้สองมือจับคันบังคับรถไว้แน่น นอกจากนี้เขายังพยายามอย่างเต็มที่ในการควบคุมสมดุลย์ของรถเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ
รถแข่งสีแดงเพลิงแล่นไปอยู่หลายกิโลเมตรกว่าที่เซี่ยเฟยจะบังคับให้มันหยุดอยู่กลางสนามได้
พื้นที่ของสนามแข่งส่วนนี้ไม่ได้กว้างนัก ซึ่งหากรถคันหลังหลบไม่ทันมันก็มีโอกาสสูงมากที่พวกเขาจะชนรถของเซี่ยเฟยจนปลิว
เซี่ยเฟยตัดสินใจกระโดดลงมาจากห้องคนขับและโยนหมวกกันน็อกเข้าไปในห้อง จากนั้นจึงประคองรถแข่งด้วยมือทั้งสองข้างแล้วผลักมันไปข้างหน้าอย่างสุดแรง
บรื้น!
ทันใดนั้นเอง! รถหมายเลข 201 ของไป๋เย่ก็ได้ขับเฉียดมาด้านข้างของเซี่ยเฟยในระยะใกล้ราวกับจงใจ!!
แรงลมกระแทกที่พัดมาจากตัวรถแข่งเกือบที่จะทำให้ชายหนุ่มล้มลงไปกับพื้น แต่โชคดีที่เขายังคงสวมใส่ชุดวินด์ชาโดว์อยู่ด้านใน ไม่อย่างนั้นผลที่ตามมาอาจจะเป็นหายนะ
ส่วนหนี่เว่ยเมื่อเขาเห็นสถานการณ์นี้ เขาก็จงใจขี่รถเลี่ยงเซี่ยเฟยจากระยะไกลและพยายามชะลอลดความเร็วของรถเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ชายหนุ่มได้รับบาดเจ็บจากความเร็วลมที่มากเกินไป
เซี่ยเฟยตระหนักถึงปัญหาเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี เขาจึงรีบดันรถแข่งด้วยแรงทั้งหมดเพื่อไปยังขอบสนามที่ปลอดภัย
“ดูนั่นสิ! ดูเหมือนว่ารถหมายเลข 99 ของเซี่ยเฟยจะพังซะแล้ว ตอนนี้เขากำลังเข็นรถไปที่ข้างสนาม เขาจะต้องถอนตัวจากการแข่งขันในครั้งนี้ใช่ไหม?!” ชายหนุ่มผมแดงอธิบายสถานการณ์ด้วยน้ำเสียงที่เร่งรีบ
“น่าเสียดายจริง ๆ ก่อนหน้านี้เขายังขึ้นนำอยู่เลย แต่ดูเหมือนว่ารถของเขาจะปัญหา จากข้อมูลที่บริษัทรับพนันให้มา ดูเหมือนพวกเขาจะกังวลเกี่ยวกับรถของเซี่ยเฟยพอสมควร ดังนั้นมันอาจจะมีข้อบกพร่องบางอย่างเกี่ยวกับตัวรถตั้งแต่แรก” ชายวัยกลางคนกล่าวอธิบาย
“เดี๋ยวนะ! ทำไมเขาถึงหยิบคีมอเนกประสงค์ออกมา นี่เขาไม่ได้ตั้งใจจะถอนตัวออกจากการแข่งขันหรอ?!!” ชายหนุ่มผมแดงอุทานออกมาด้วยความตกใจ
การซ่อมรถแข่งในระหว่างการแข่งขันถือว่าเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ยากมาก เพราะถึงแม้ว่าพวกเขาจะสามารถแก้ไขข้อบกพร่องของตัวรถได้ แต่ในระหว่างนั้นเขาก็จะถูกคู่แข่งรายอื่น ๆ ทิ้งห่างไปไกล ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะกลับไปคว้าชัยชนะ
ในตอนนี้เซี่ยเฟยมีข้อสงสัยภายในหัวอยู่มากมายและเขาก็ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมรถแข่งของเขาถึงทำงานผิดปกติโดยไม่ทราบสาเหตุ
ด้วยเหตุนี้เขาจึงตัดสินใจที่จะเปิดฝากระโปรงรถเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์และเขาก็ได้พบว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้มันไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่มันเป็นฝีมือของใครบางคน!!
ในช่วงเวลานี้มันไม่ใช่เรื่องที่จะหาตัวคนผิด เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขาต้องรีบซ่อมรถทันทีแล้วกลับเข้าสู่สนามให้เร็วที่สุด!
ในพจนานุกรมของเซี่ยเฟยไม่มีคำว่ายอมแพ้ ตราบใดก็ตามที่เกมยังไม่จบเขาก็จะต้องสู้ต่อไปให้ถึงที่สุด
เมื่อตรวจสอบระบบของรถแล้วเขาก็ได้พบว่าส่วนที่เสียหายคือส่วนที่อยู่ระหว่างแผ่นกันสะเทือนอันที่ 2 และท่อแรงดัน
โชคดีที่ระบบพลังงานกับระบบรักษาสมดุลย์ยังคงทำงานได้ตามปกติ เพราะหากว่าระบบสำคัญทั้งสองนี้ได้รับความเสียหาย มันก็ถือได้ว่าเป็นหายนะที่ร้ายแรง
หลังจากประมวลสถานการณ์คร่าว ๆ แล้วเซี่ยเฟยก็ได้ข้อสรุปว่ารถของเขายังสามารถซ่อมได้
แต่เขาจะชดเชยเวลาที่เสียไปในระหว่างนี้ได้ยังไง?
ทางเดียวที่จะทำได้ในตอนนี้นั่นก็คือ เขาจะต้องปลดปล่อยศักยภาพของรถคันนี้อย่างเต็มที่!
มันเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เขาไล่ตามรถข้างหน้าได้!
เซี่ยเฟยได้ติดตั้งตัวควบคุมขนาดเล็กไว้ใต้ฝากระโปรงของรถแข่งสีแดงเพลิงและเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาปลดระบบควบคุม รถแข่งคันนี้จะสามารถใช้พลังงานได้มากถึง 110%
แต่ข้อเสียคือรถจะไม่เสถียรและควบคุมได้ยากมากขึ้นหลายเท่า!
ความอันตรายของมันไกลเกินกว่าความเสี่ยงที่จะแบกรับได้มาจนถึงตอนนี้!
ในความเป็นจริงเซี่ยเฟยไม่ต้องการที่จะปลดตัวควบคุมนี้เลยเว้นแต่ว่าเขาจะไม่เหลือทางเลือกแล้วจริง ๆ แต่ในตอนนี้ถ้าเขาไม่ปลดตัวควบคุม เขาก็จะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
การยอมแพ้ไม่ใช่ปัญหาสำหรับตัวเขาเพราะมันไม่มีใครสามารถที่จะชนะได้ตลอดไป
แต่เซี่ยเฟยไม่เต็มใจที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ให้กับคนขี้ขลาดอย่างแน่นอน!
รอก่อนเถอะ ไอ้ขี้โกง!
***************
โอ๊ยยยยยย! กำลังนำมาอยู่แล้วเชียว ทุกคนคิดว่าใครน๊อที่แกล้งพี่เฟย?
คิดถึงคนเดียวกันกับเราไหมน๊าา…