ตอนที่ 15 : เสียใจ สายด่วนจากน้องสาว
ตอนที่ 15 : เสียใจ สายด่วนจากน้องสาว
เมื่อเห็นความสุภาพที่ฉางกุ้ยมีต่อเขา หลินฝานก็คิดอยู่ครู่หนึ่งและพอจะเดาเหตุผลได้
จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกไปและจับมือกับฉางกุ้ย เขายิ้มและกล่าวว่า “ผู้อำนวยการฉาง บริษัทของคุณดูไม่ต้อนรับผมเลยนะนะครับ”
“ผมขอโทษทีครับคุณหลิน” ฉางกุ้ยพูดด้วยรอยยิ้มขอโทษขอโพย
ซ่งกวนผิงฟังการสนทนาระหว่างทั้งสองและหัวใจของเขาก็เริ่มตื่นตระหนก
“ผ-ผู้อำนวยการ อย่าหลงกลหลินฝานสิครับ ไอ้อันธพาลนี่ชอบสร้างเรื่อง”
ใบหน้าของฉางกุ้ยเปลี่ยนเป็นจริงจังในขณะที่เขาหันไปและตะโกนว่า “หุบปาก! สร้างเรื่องงั้นเหรอ? ตึกเฉียนคุนทั้งตึกเป็นของคุณหลิน! นายคิดว่าเขาสร้างเรื่องงั้นเหรอ?”
ตู้ม!
คำพูดของเขาเป็นดั่งระเบิดที่ระเบิดออกในใจของทุกคน
ทุกคนที่อยู่ที่นี่อึ้งกิมกี่ไปเลย
ตึกเฉียนคุนตั้งอยู่ ณ ศูนย์กลางของเมืองเจียงเป่ยซึ่งเป็นตำแหน่งที่ที่ดินมีราคาแพงมาก ตึกสำนักงานทั้งตึกคงจะมีค่าสักหนึ่งพันล้านหยวนได้เลย!
นี่คือตัวเลขที่เกินจินตนาการสำหรับทุกคน
อย่างไรก็ตาม ตึกเฉียนคุนกลับเป็นของหลินฝานจริงๆ
หลี่หลานจวนเต็มไปด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง
ถ้าเธอรู้ว่าหลินฝานรวยมากขนาดนี้ เธอคงจะแก้ผ้าของเธอและหลับนอนกับเขาแล้ว ด้วยวิธีนั้น เธอก็คงจะเกาะเขาได้
เธอมีโอกาสที่จะได้แต่งเข้าตระกูลรวยๆ แล้ว!
“ผู้อำนวยการฉางพูดถูก” หลินฝานกล่าว “บริษัทของคุณควรใช้เงินเพื่อพัฒนาคุณภาพของพนักงานหน่อยนะครับ”
“อย่างที่เขาว่ากัน แอปเปิ้ลเน่าลูกเดียวก็ทำให้แอปเปิ้ลทั้งตระกร้าเน่าได้ แอปเปิ้ลเน่าควรถูกจัดการในทันที”
“มิฉะนั้นถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ มันก็คงจะสายเกินไปที่จะมาเสียใจ”
“คุณพูดมาก็มีเหตุผลครับคุณหลิน” ฉางกุ้ยพยักหน้าซ้ำๆ
“ซ่งกวนผิง ฉันไล่นายออก” เขาพูดอย่างเย็นชา
สีหน้าของซ่งกวนผิงเปลี่ยนไป
เขาได้ใช้ความพยายามเป็นอย่างมากในการกลายมาเป็นผู้จัดการของบริษัทนี้และได้รับเงินเดือนที่สูง
นอกจากนี้เขายังอวดเบ่งต่อหน้าญาติและเพื่อนๆ ของเขาอยู่บ่อยๆ
ถ้าเขาถูกไล่ออกจริงๆ ซ่งกวนผิงก็รู้สึกว่ามันเหมือนฟ้าถล่มลงมาเลย
“ผู้อำนวยการ คุณไล่ผมออกไม่ได้นะครับ!” ซ่งกวนผิงรีบตะโกนออกมา “ผมถูกคุ้มครองตามกฏหมายแรงงาน! ไล่ผมออกไม่ได้นะครับ!”
“นอกจากนี้ แม้ว่าหลินฝานจะเป็นเจ้าของตึกเฉียนคุน แต่เขาก็ไม่อาจทุบตีคนอื่นได้ ผมจะไปฟ้องศาล!”
ซ่งกวนผิงยืดพุงของเขาออกมาในขณะที่เขาพูดราวกับว่าเขาพบความมั่นใจบางอย่าง
หลินฝานหัวเราะและกล่าวว่า “ฟ้องฉันเหรอ? เอาสิ! ฉันจะรอให้นายฟ้องฉันนะ!”
“ขอฉันคิดก่อนนะ เนื่องจากมันเป็นการทะเลาะวิวาท… ฉันก็น่าจะถูกขังสักสองสามวันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ฉันยังไม่ใช่คนเริ่มก่อนด้วย บางทีฉันก็คงจะถูกตักเตือนเท่านั้น”
“แต่ซ่งกวนผิง จะเกิดอะไรขึ้นหากฉันให้คนตรวจสอบสัญญาการซื้อขายของนายกับบริษัทจื่อต้าล่ะ?”
“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเราส่งมันให้ตำรวจ?” หลินฝานถาม
ใบหน้าของซ่งกวนผิงซีดเผือด
เขาได้รับสินบนมากมายจากการจัดซื้อของเขา และพวกมันก็เป็นสินบนก้อนโตเลย
ถ้าตำรวจรู้เรื่องนี้ เขาก็น่าจะต้องติดคุกไม่ต่ำกว่า 10 ปี
ซ่งกวนผิงตื่นตระหนกและกล่าวว่า “ฉันจะไม่ฟ้องนายแล้ว!”
“ฉันจะไปจากบริษัทเดี๋ยวนี้แหละ”
หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็ไม่เก็บของด้วยซ้ำและวิ่งออกไปราวกับว่าเขากำลังหลบหนี
เรื่องตกใจจึงจบลงทั้งแบบนั้น
บริษัทหัวใจโบยบินจำกัด ออฟฟิศของผู้อำนวยการ
ฉางกุ้ยรินชาให้หลินฝานด้วยตัวเองและพูดขอโทษขอโพย “คุณหลิน ผมขอโทษจริงๆ นะครับ”
หลินฝานไม่สนใจ “ไม่เป็นไรครับ มันก็แค่เรื่องเล็กๆ”
“ผมได้ยินมาว่าคุณเคยทำงานที่บริษัทของพวกเรางั้นเหรอ?” ฉางกุ้ยถาม
“ครับ ผมแค่หาอะไรเล่นเมื่อผมเบื่อ” หลินฝานตอบ
“คุณหลิน คุณต่างจากพวกเราทุกคนจริงๆ!” ฉางกุ้ยกล่าว
หลังจากคุยกันสักพัก ในที่สุดฉางกุ้ยก็ยกเรื่องสำคัญขึ้นมาพูด
“มันเหลือเวลาอีกสองเดือนก่อนที่สัญญาของหัวใจโบยบินในตึกเฉียนคุนจะสิ้นสุดลง ผมอยากทราบว่าคุณสะดวกที่จะเซ็นสัญญาใหม่กับพวกเราเมื่อไหร่ดีครับ?” ฉางกุ้ยถาม
หลินฝานกล่าว “โอ้ เรื่องนั้น เอาแบบปีที่ผ่านมาละกัน ผมจะให้ฝ่ายจัดการทรัพย์สินมาช่วยจัดการนะครับ”
ใบหน้าของฉางกุ้ยเผยให้เห็นร่องรอยของความสุขเมื่อเขาได้ยินเช่นนี้
มันต้องรู้ว่าราคาของสินค้าและค่าเช่ากำลังเพิ่มสูงขึ้น
ถ้าเขาเช่าสำนักงานในราคาเดิม มันก็จะเท่ากับกำไรที่เพิ่มขึ้นของเขา
หลังจากคุยกันต่อไปอีกสักพัก หลินฝานก็ขอตัว
เขาตรงไปยังลานจอดรถใต้ดิน สตาร์ทเครื่องยนต์ของลัมโบร์กินี่ และขับไปที่ทางออก
หลี่หลานจวนที่ยืนอยู่ในลานจอดรถใต้ดินเห็นทุกอย่าง
ใบหน้าของเธอทวีความเสียใจมากยิ่งขึ้นไปอีก
หลินฝานเป็นมหาเศรษฐีที่ขับซุปเปอร์คาร์คันนั้น!
ไม่แปลกเลยที่เขาบอกว่าการขับรถซุปเปอร์คาร์ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร
…
หลินฝานไม่มีทางรู้เลยว่าหลี่หลานจวนกำลังคิดอะไรอยู่
เขาขับลัมโบร์กินี่และเร่งความเร็วไปตลอดทาง
เมื่อหลินฝานกลับมาถึงโรงแรมฮิลตัน มันก็เป็นเวลา 12:00 น. แล้ว
ทันใดนั้นเอง โทรศัพท์ของเขาก็สั่นเล็กน้อย และอั่งเปาก็โผล่ขึ้นมา
[ติ๊ง! ขอแสดงความยินดีด้วย คุณได้รับเงิน 3 หยวน]
[ติ๊ง! ขอแสดงความยินดีด้วย คุณได้รับบัตรประจำตัวหัวหน้าหน่วยสิบของกองพลมังกร]
...
[ติ๊ง! ขอแสดงความยินดีด้วย คุณได้รับเงิน 999 หยวน]
[ติ๊ง! ขอแสดงความยินดีด้วย คุณได้รับเงิน 5,000 หยวน]
เวลา 1 นาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว
คราวนี้หลินฝานได้เงินมาทั้งสิ้น 50,000 หยวน
เขาไม่สนใจเรื่องเงินอีกต่อไปแล้ว
สายตาของหลินฝานจดจ้องไปที่คำว่า ‘หัวหน้าหน่วยสิบของกองพลมังกร’
[ตราประจำตัวของหัวหน้าหน่วยสิบแห่งกองพลมังกร หลังจากใช้มัน คุณจะกลายเป็นหัวหน้าหน่วยสิบของกองพลมังกรแห่งประเทศ คุณจะมีสถานะเทียบเท่ากับผู้นำเมืองและได้เพลิดเพลินไปกับสิทธิพิเศษอื่นๆ (อัตลักษณ์พิเศษจะแสดงเสน่ห์เฉพาะตัวออกมา)]
เมื่อหลินฝานเห็นสิ่งนี้ ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความตกใจ
หัวหน้าหน่วยสิบของกองพลมังกร พลังนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว
หลินฝานไม่ลังเลเลยและเลือกใช้บัตรประจำตัว
ทันใดนั้นเอง ตราสัญลักษณ์รูปมังกรที่แกะสลักอย่างวิจิตรบรรจงก็ปรากฏขึ้นมาบนอากาศ แล้วค่อยๆ เคลื่อนไปที่มือของเขา
ในขณะที่หลินฝานกำลังตรวจสอบมัน โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นซะก่อน
“น้องเหยา ทำไมวันนี้โทรหาพี่ได้?” หลินฝานรับสายและถามด้วยรอยยิ้ม
อย่างไรก็ตาม เขาก็ได้ยินเสียงสะอื้นจากปลายสายอีกด้าน
รอยยิ้มบนใบหน้าของหลินฝานหายไปทันที เขาถามออกมาด้วยความเป็นกังวล “น้องเหยา เกิดอะไรขึ้น? ร้องไห้ทำไม? ใครรังแกเธอเหรอ? รีบบอกพี่มา! พี่จะไปสอนบทเรียนให้คนพวกนั้นเอง!”
หลินเสี่ยวเหยาสะอื้นและกล่าวว่า “พ-พี่… พ่อไม่สบายและเลือดไหลออกมาเยอะเลย”
หวือ!
ทันทีที่เธอพูดเช่นนั้น หลินฝานก็รู้สึกราวกับว่ามีกินก้อนใหญ่ทุบเข้าใส่หัวใจของเขา
มันเจ็บปาก!
หายใจไม่ออกเลย!
หลินฝานรีบถาม “น้องเหยา บอกพี่มา ทำไมพ่อถึงเลือดออก? ตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง?”
“สองวันก่อน จู่ๆ พ่อก็อาเจียนเป็นเลือดขณะกินข้าว จากนั้นรถพยาบาลก็พาพ่อไปที่โรงพยาบาล”
“เมื่อวาน หมอบอกว่า… มันมีเนื้องอกอยู่ในท้องของพ่อ”
หลินเสี่ยวเหยาอดไม่ได้ที่จะเริ่มร้องไห้ออกมาอีก “พี่ พวกเราควรทำยังไงดี? หนูกลัวจัง!”
หลินฝานปลอบเธอ “พ่อต้องไม่เป็นอะไร น้องเหยาไม่ต้องห่วง พี่จะกลับไปให้เร็วที่สุด”
หลังจากวางสายจากน้องสาวของเขา หลินฝานก็ต่อสายไปหาแม่ของเขา ไต้เว่ยเสวี่ย
อีกฝ่ายรับสายหลังจากผ่านไปสักพัก
“ลูกฝาน โทรมามีอะไรงั้นเหรอ?” เสียงแหบแห้งของไต้เว่ยเสวี่ยดังขึ้นจากปลายสาย
“พ่อเป็นไงบ้างครับ?” หลินฝานถาม “การผ่าตัดเริ่มหรือยัง?”
“เสี่ยวเหยาบอกลูกเหรอ? เด็กคนนี้ แม่อุตส่าห์บอกว่าอย่าไปบอกลูก” ไต้เว่ยเสวี่ยดุเธอ “หลินฝาน ไม่ต้องห่วงนะ ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อยหลังจากการผ่าตัดของพ่อ”
หลินฝานกล่าว “แม่ ผมเพิ่งโอนเงินไปให้ แม่พาพ่อไปหาหมอที่ดีที่สุด ผมจะกลับจากเจียงเป่ยเดี๋ยวนี้แหละครับ”
ในความเป็นจริงแม้ว่าจะไม่มีข่าวการเจ็บป่วยของพ่อ แต่หลินฝานก็วางแผนที่จะกลับไปเยี่ยมบ้านอยู่แล้ว
หลังจากเธอวางสาย โทรศัพท์ของไต้เว่ยเสวี่ยก็สั่น
[แจ้งเตือนจากธนาคารวาณิช: เงิน 5,000,0000 หยวนถูกฝากเข้าบัญชีของคุณ]
ไต้เว่ยเสวี่ยมองไปที่เลขศูนย์ยาวๆ บนหน้าจอโทรศัพท์ของเธอและนิ่งอึ้งไปเลย