ตอนที่ 14 : ส่งมอบงาน เลือดสาดบริษัท
ตอนที่ 14 : ส่งมอบงาน เลือดสาดบริษัท
วันต่อมา แสงอาทิตย์อุ่นๆ ส่องเข้ามาทางหน้าต่างและตกลงข้างเตียง
หลินฝานลืมตาตื่นอย่างงงๆ และหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างเคยชิน
ข้อความที่ยังไม่ได้อ่านจากทางธนาคารได้ปราฏขึ้นบนหน้าจอแล้ว
[แจ้งเตือนจากธนาคารวาณิช: เงิน 7,000,000 หยวนถูกฝากเข้าบัญชีของคุณ]
หลินฝานลุกขึ้น อาบน้ำ และลงไปยังร้านอาหารที่อยู่ด้านล่างเพื่อกินข้าวเช้า หลังจากนั้นเขาก็สตาร์ทเครื่องยนต์ของลัมโบร์กินี่และมุ่งหน้าไปยังตึกเฉียนคุน
ระหว่างทางมันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่เขาจะดึงดูดสายตาของผู้คนมากมายที่อยู่ข้างทาง
...
ณ ชั้นเจ็ดของตึกเฉียนคุน บริษัทหัวใจโบยบินจำกัด
“ซุปเปอร์คาร์สีเทา-เงินคันหนึ่งเพิ่งขับเข้ามาจอดที่ลานจอดรถ” หลี่หลานจวนผู้มีใบหน้าคมกล่าว
“เห้อ เสียดายจริงๆ ที่ฉันไม่ได้เห็นมหาเศรษฐีในรถ”
น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความเสียดาย และใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความคิดถึง
มันราวกับว่าเธอพลาดเงินไปหลายร้อยล้าน
“แต่ฉันคิดว่ามหาเศรษฐีคนนั้นจะต้องสูง หล่อ และเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบแน่” เธอเสริมหลังจากเว้นวรรคไป
หญิงสาวใบหน้ากลมตอบ “ฉันไม่รู้หรอกนะว่ามหาเศรษฐีคนนั้นหน้าตาเป็นยังไง แต่รถซุปเปอร์คาร์คันนั้นเจ๋งสุดๆ ไปเลย! เขาเท่มาก!”
ในเวลานั้นเอง หลินฝานก็เดินเข้ามาอย่างไม่รีบร้อนและกล่าวว่า “มันก็แค่รถเอง ไม่เห็นใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลย”
หลี่หลานจวนเหลือบมองเขาด้วยหางตาและพูดด้วยความดูถูก “ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร? ฉันกลัวว่าแม้แต่ล้อของรถคันนั้นนายก็ยังจะซื้อไม่ได้หน่ะสิ แต่นายก็ยังพูดจาซะใหญ่โต”
หลังจากพูดเช่นนั้น หลี่หลานจวนก็เดินไปข้างหน้าด้วยรองเท้าส้นสูงที่หนาเท่าหัวแม่มือของเธอ
มันราวกับว่ายิ่งเธออยู่ใกล้หลินฝานมากเท่าไร สถานะของเธอก็จะยิ่งต่ำต้อยลงเท่านั้น
หลี่หลานจวนใบหน้าและร่างกายของเธอหว่านเสน่ห์ให้เพื่อนร่วมงานช่วยเธอทำงาน
อย่างไรก็ตาม กลอุบายทั้งหมดของเธอก็ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิงเมื่ออยู่ต่อหน้าหลินฝาน
นี่ทำให้หลี่หลานจวนไม่พอใจมากๆ อันที่จริง เธอเกลียดหลินฝานซะด้วยซ้ำ
หลินฝานเป็นคนประเภทที่ไม่เคยทำอะไรที่เขาไม่ควรทำ
นอกจากนี้ หลี่หลานจวนยังเป็นผู้หญิงที่ศัลยกรรมมาทั้งตัว มันจึงไม่มีทางที่เขาจะช่วยเธอ
‘ฉันไม่ใช่พ่อของเธอซะหน่อย ทำไมฉันต้องทำด้วย?’
หลินฝานเดินเข้าไปที่สำนักงานของเขาและจัดการเอกสารทันที เขามอบพวกมันให้กับเพื่อนร่วมงานของเขา
เขาหันกลับมาและกำลังจะจาก แต่เขาก็เห็นหลี่หลานจวนกำลังยืนอยู่ข้างๆ ผู้จัดการซ่งกวนผิงที่มีใบหน้าดุร้ายซะก่อน เธอกำลังกระซิบอะไรบางอย่างกับเขา
จากนั้นซ่งกวนผิงก็เดินเข้ามาและกล่าวว่า “หลินฝาน นายจะลาออกเหรอ?”
“ครับ” หลินฝานตอบกลับอย่างสบายๆ
“ให้ฉันดูเอกสารที่นายส่งมอบหน่อย” ซ่งกวนผิงหยิบเอกสารขึ้นมาและเปิดอ่านมันแบบผ่านๆ
“นายส่งมอบเอกสารบ้าอะไรเนี้ย?” เขาตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “รีบกลับไปจัดการเอกสารพวกนี้ซะ!”
ในขณะที่เขาพูด เขาก็โยนเอกสารใส่หลินฝาน
ดวงตาของหลินฝานเย็นวาบขึ้นมาในขณะที่เขาหลบไปด้านข้าง
ซ่งกวนผิงเห็นว่าหลินฝานหลบได้ และมันก็ราวกับว่าศักดิ์ศรีของเขาถูกท้าทาย เขาจึงหยิบเอกสารจากบนโต๊ะขึ้นมาอีกและขว้างมันใส่หลินฝานอีกครั้ง
ร่างของหลินฝานแกว่งไปมาในขณะที่เขาหลบหลีกได้สำเร็จอีกครั้ง
ชายคนนี้จู่โจมเขาซ้ำๆ
เขาคิดจริงๆ เหรอว่าหลินฝานเป็นพวกขี้แพ้?
ใบหน้าของหลินฝานเย็นวาบขึ้นมา เขาหยิบแก้วน้ำใบหนึ่งขึ้นมาและกระแทกมันเข้าใส่ศีรษะของซ่งกวนผิง
ปัง!
แก้วแตก และเลือดก็สาดกระเซ็น
ร่างกายที่แข็งแรงของซ่งกวนผิงล้มลงกับพื้นและขดตัวเป็นลูกบอล เขากุมศีรษะและเอาแต่คร่ำครวญ
“อ๊า มึนหัวไปหมดแล้ว”
“เจ็บโคตรๆ…”
กลิ่นเลือดจางๆ ค่อยๆ กระจายไปทั่วสำนักงาน
ซ่งกวนผิงยังคงกุมศีรษะที่มีเลือดไหลออกมาเอาไว้ เขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการลุกขึ้น “หลินฝาน แกมันขี้ขลาด!”
เขากำลังตวาดหลินฝานอยู่ แต่เขาก็รู้สึกกลัวขึ้นมาเมื่อเห็นใบหน้าอันเย็นชาของอีกฝ่าย เขาจึงเปลี่ยนคำพูด “ก-แกตีฉัน!”
“ตีนายเหรอ? ฉันไปตีนายตั้งแต่เมื่อไหร่?” หลินฝานพูดอย่างใจเย็น
ในขณะที่เขาพูด เขาก็เดินเข้าไปหาซ่งกวนผิง
ฝีเท้าและความเร็วของหลินฝานนั้นปกติมาก
อย่างไรก็ตาม ซ่งกวนผิงก็กลัวมากจนเขาก้าวถอยไปและพูดด้วยความตื่นตระหนกว่า “อย่าเข้ามานะ…”
ในเวลาเดียวกัน ดวงตาของเขาก็มองไปรอบๆ สำนักงานเพื่อขอความช่วยเหลือ
อย่างไรก็ตาม ซ่งกวนผิงก็กดขี่คนในบริษัทและไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสังคมเลย แล้วมันจะไปมีใครเต็มใจที่จะช่วยเขา?
“ฉันจะเรียกตำรวจนะถ้าแกยังทำแบบนี้อยู่!” ซ่งกวนผิงตะโกนออกมาด้วยความหวาดกลัว
อย่างไรก็ตาม มันก็ราวกับว่าหลินฝานไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูดเลยในขณะที่เขาเดินหน้าต่อ
ตุบ ตุบ ตุบ
ในเวลานั้นเอง มันก็มีเสียงฝีเท้าหนักจากทางด้านนอก
จากนั้นฉางกุ้ยที่แต่งกายด้วยชุดสูทและรองเท้าหนังก็เดินเข้ามา
เขามองภาพสำนักงานที่วุ่นวายและขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้น?”
การกระทำของหลินฝานก่อนหน้านี้ได้ทำให้หลี่หลานจวนกลัว เธอซ่อนตัวอยู่ที่มุมหนึ่งและไม่กล้าส่งเสียง
ในเวลานั้นเอง หลังจากที่ได้ยินเสียงของฉางกุ้ย สีหน้าของหลี่หลานจวนก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย และเธอก็รีบโผล่หน้าออกมา
“ผู้อำนวยการฉาง ฉันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นค่ะ พนักงานที่ชื่อหลินฝานอยากจะลาออก ดังนั้นผู้จัดการซ่งจึงบอกให้เขาส่งมอบงานตามกฎ”
“อย่างไรก็ตาม หลินฝานก็ทำงานชุ่ยๆ ดังนั้นผู้จัดการซ่งจึงบอกให้เขาทำมันใหม่ ในท้ายที่สุดหลินฝานก็โกรธมากจนเขาทุบตีผู้จัดการซ่งค่ะ”
เมื่อหลี่หลานจวนพูดเช่นนี้ออกไป เธอก็ยังทำหน้าให้ดูอ่อนแอและหวาดกลัวอีกด้วย
นี่คือมารยาตามปกติที่เธอมักจะใช้กระตุ้นความปรารถนาของผู้ชายให้มาปกป้องเธอเพื่อที่เธอจะได้ใกล้ชิดกับเขามากขึ้น
ในอดีต หลี่หลานจวนไม่มีโอกาสได้ใช้มารยาแบบนี้เพื่อล่อลวงฉางกุ้ยเลย
ในตอนนี้เมื่อเธอได้พบกับเขาสักที มันจึงเป็นธรรมดาที่เธอจะไม่พลาดโอกาสนี้ไป
ในเวลานั้นเอง หลี่หลานจวนก็ได้เริ่มฝันถึงชีวิตอันสวยหรูที่เธอจะได้มีร่วมกับฉางกุ้ยแล้ว
“ผู้อำนวยการครับ คุณต้องช่วยผมนะครับ!” ซ่งกวนผิงกล่าว
เมื่อฉางกุ้ยได้ยินเช่นนี้ เขาก็ขมวดคิ้วมากขึ้นกว่าเดิม
มันไม่ใช่เพราะการวิวาท
แต่มันเป็นเพราะเขารู้สึกเหมือนว่าเขาเคยได้ยินชื่อ ‘หลินฝาน’ มาก่อน
อึดใจต่อมา ม่านตาของฉางกุ้ยก็หดตัวลงในขณะที่เขาเดินเข้าไปหาหลินฝาน เขาก้มหัวลงเล็กน้อยและยื่นมือของเขาออกไป “สวัสดีครับ คุณหลิน”
ในที่สุดฉางกุ้ยก็จำได้ว่าเขาไปได้ยินชื่อ ‘หลินฝาน’ มาจากไหน
เจ้านายคนใหม่แห่งตึกเฉียนคุนชื่อหลินฝาน!
อันที่จริง เมื่อวานเขาได้เห็นรูปของหลินฝานแล้วด้วยซ้ำ!
หลี่หลานจวนเห็นว่าฉางกุ้ยกำลังคุยกับหลินฝานด้วยน้ำเสียงที่ดีมาก
น้ำเสียงที่ดีมาก?
ไม่! มันไม่ใช่แค่น้ำเสียงจะดีเท่านั้น!
อันที่จริงมันยังมีร่องรอยของความเคารพบางๆ เจืออยู่ด้วย
หลี่หลานจวนดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างออกมาได้และอธิบายว่า “ผู้อำนวนการคะ คุณอาจจะเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นคนอื่นไป แต่หลินฝานเป็นแค่พนักงานธรรมดาๆ ในบริษัทของเราก็เท่านั้นเองค่ะ”
“เมื่อครู่เขายังทุบตีผู้จัดการซ่งด้วย เขาหยาบคายมาก ระวังด้วยนะคะ เดี๋ยวจะเจ็บตัวเอาได้ค่ะ”
เธอเรียกเจ้าของตึกเฉียนคุนว่าเป็นคนหยาบคายต่อหน้าเขาเลยงั้นเหรอ?
ช่างกล้า?
ถ้าหลี่หลานจวนทำให้หลินฝานปฏิเสธที่จะต่อสัญญากับเขาใหม่ เขาจะต้องเสียหายมากขนาดไหนกัน?
เมื่อฉางกุ้ยคิดได้เช่นนั้น เขาก็รู้สึกโกรธมาก
ถ้าหลินฝานไม่อยู่ตรงหน้าของเขา ฉางกุ้ยก็คงจะสวดหลี่หลานจวนไปแล้ว
เข้าใจผิดคิดว่าหลินฝานเป็นคนอื่นงั้นเหรอ?
มันเป็นไปไม่ได้เลย!
ไม่ต้องพูดถึงว่าชื่อและหน้าตาของหลินฝานจะเห็นกันเป๊ะๆ กับสิ่งที่เขาเห็นเมื่อวาน
แต่เสื้อผ้าแบรนด์เนมของหลินฝานก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา
นอกจากนี้ ฉางกุ้ยยังบอกได้ตั้งแต่มองแวบแรกว่าหลินฝานสวมนาฬิกาวาเชอรอง กงสตองแตง รุ่นทัวร์เดอลีล ซึ่งเป็นนาฬิกาหรูที่มีมูลค่านับสิบล้านหยวน
ทั้งหมดนี้บ่งชี้ว่าคนที่อยู่ข้างหน้าเขาเป็นเจ้าของตึกเฉียนคุนแน่ๆ