(ฟรี) บทที่ 440 ท่านอาจารย์ไม่ต้องกังวล ศิษย์จะหลอมรวมเต๋าให้เร็วที่สุด!
“การบ่มเพาะ?” ใบหน้าเล็กๆของเซินหนิงเต็มไปด้วยความงุนงง
วิธีการบ่มเพาะที่ไม่เหมือนใคร?
เหลิงอู่เหยียนหันศีรษะไปทางอื่นโดยไม่รู้จะตอบอย่างไร
หลี่หรานมีใบหน้าที่สงบ “เมื่อเจ้าไปถึงระดับหนึ่ง การเดินและการยืนจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของการบ่มเพาะ ย้อนกลับไปตอนอยู่ในศาลาหมื่นดาบ เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าการนอนก็เป็นการบ่มเพาะเช่นกัน?”
“ข้าเข้าใจแล้ว ดูเหมือนว่าระดับของข้าจะต่ำเกินไป” เซินหนิงพยักหน้าอย่างเข้าใจ
หลี่หรานลูบหัวนาง “การบ่มเพาะนั้นไม่เพียงแค่ต้องพึ่งพาการทำงานหนักเท่านั้น เจ้าต้องมีการหยั่งรู้และความเข้าใจของตัวเองเพื่อไปสู่ขอบเขตที่สูงขึ้น”
“การหยั่งรู้?”
คำนี้ค่อนข้างแปลกสำหรับเซินหนิง สีหน้าของนางดูงุนงงเล็กน้อย
เหลิงอู่เหยียนระงับรอยยิ้มและมองหลี่หรานอย่างขบขัน
ผู้ชายคนนี้สามารถพูดเรื่องไร้สาระได้ตลอดจริงๆ เรื่องแบบนี้เขายังหาทางออกได้…
หลี่หรานสังเกตเห็นการจ้องมองของนางและขยิบตา
เหลิงอู่เหยียนหน้าแดงและลดศีรษะลง
“ท่านอาจารย์ ตอนนี้ข้าโคจรมันได้เล็กน้อย แต่บางส่วนก็ยังไม่ราบรื่น…” เซินหนิงรายงาน
เหลิงอู่เหยียนตกตะลึงเมื่อได้ยิน “เจ้าสามารถโคจรมันได้เล็กน้อยแล้ว?”
“ใช่” เซินหนิงพยักหน้า
เหลิงอู่เหยียนคว้าข้อมือของนางและค่อยๆถ่ายเทพลังวิญญาณลงไป
นางรับรู้ได้อย่างชัดเจนเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในร่างกายของเซินหนิง
นางเห็นร่องรอยของพลังวิญญาณที่ไหลเวียนอยู่ในเส้นชีพจร และร่องรอยของพลังวิญญาณที่ไหลเวียนอย่างไม่มีที่สิ้นสุดตามเส้นทางที่กำหนดไว้
“มันน่าประหลาดใจมาก เจ้าสามารถโคจรได้เล็กน้อยแล้วจริงๆ!”
เหลิงอู่เหยียนมองนางด้วยความประหลาดใจ
คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์โหยวหลัวนั้นเป็นที่รู้จักกันดีเรื่องความซับซ้อน เซินหนิงฝึกฝนมานานแค่ไหนกัน?
แม้ว่านางจะอยู่ที่ขั้นกลางของขอบเขตหลอมรวมลมปรารแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นางฝึกฝนคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์โหยวหลัว และนางสามารถบรรลุการโคจรเล็กน้อยแล้ว?
แม้แต่หลี่หรานก็ไม่ได้เร็วขนาดนี้ในตอนเริ่มต้น!
มันดูเกินจริงไปหน่อย
แต่ถ้าพิจารณาดีๆแล้วก็ไม่ถึงกับเข้าใจไม่ได้
เซินหนิงเดิมเป็นอัจฉริยะที่บ่มเพาะทั้งเต๋าและศิลปะการต่อสู้ ความเร็วในการบ่มเพาะของนางเป็นรองเพียงหลี่หรานผู้ซึ่งมีพรสวรรค์ระดับนักบุญ เมื่อรวมกับการชำระล้างไขกระดูกด้วยปราณดาบระดับจักรพรรดิของฉู่หลิงฉวน รากฐานของนางจึงหนาแน่นอย่างมาก
แม้ว่าจะเป็นเทคนิคการบ่มเพาะที่ฝึกฝนได้ยาก แต่ความยากก็ลดลงครึ่งหนึ่งสำหรับนาง
สิ่งสำคัญที่สุดคือเด็กสาวคนนี้ทำงานหนักมาก
ในทางตรงกันข้าม หลี่หรานเป็นเพียงปลาเค็มที่คร้านเกินกว่าจะพลิกตัว…
“เอาล่ะ นั่นคือทั้งหมดสำหรับวันนี้”
เหลิงอู่เหยียนกล่าวว่า “ในกรณีของเจ้าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการวางรากฐาน หากเจ้าทะลวงระดับเร็วเกินไปมันอาจมีผลตามมา”
แม้ว่าการบ่มเพาะคือการแล่นทวนกระแสน้ำ แต่การพักบ้างก็เป็นสิ่งสำคัญ และสำหรับอัจฉริยะระดับนี้ ความหมายของการทำงานหนักไม่ได้ยิ่งใหญ่มากนัก
โอกาส การหยั่งรู้ และโชคลาภเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
หลี่หรานเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของเรื่องนี้
มีศิษย์หลายคนในนิกายที่ขยันหมั่นเพียรในการบ่มเพาะมากกว่าเขา แต่เขายังสามารถบดขยี้คนเหล่านั้นได้ด้วยพรสวรรค์ระดับนักบุญ
พระเจ้าไม่เคยยุติธรรม
ไม่ว่าเจ้าจะยอมรับหรือไม่ก็ตาม บางคนยืนอยู่จุดสูงสุดตั้งแต่ที่พวกเขาเกิดมา
หลี่หรานเป็นเช่นนี้
เช่นเดียวกับเซินหนิง
“อื้อ” เซินหนิงพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
เหลิงอู่เหยียนพูดอีกครั้ง “คืนนี้เจ้านอนกับข้า ข้าจะใช้เทคนิคเต๋าเปิดตันเถียนให้”
“เปิดตันเถียน?” หลี่หรานตกตะลึงไปชั่วขณะ
เหลิงอู่เหยียนยิ้มและพูดว่า “ฉู่หลิงฉวนสามารถใช้ปราณดาบเพื่อชำระล้างไขกระดูก ทำไมข้าถึงจะใช้เทคนิคต๋าเปิดตันเถียนไม่ได้?”
แม้ว่าจริงๆแล้วไม่จำเป็นต้องรีบร้อนขนาดนั้น แต่ในแง่หนึ่งนี่คือ ‘สาส์นท้ารบ’ ของฉู่หลิงฉวน ในทางกลับกัน เป็นเพราะความรักในพรสวรรค์ นางจึงกระตือรือร้นที่จะช่วยเซินหนิงเปิดตันเถียน
“ปรากฏว่ามีวิธีการดังกล่าวด้วย” หลี่หรานพึมพำเบาๆ
เมื่อเห็นท่าทางของเขา เหลิงอู่เหยียนก็คิดว่าเขากังวลเกี่ยวกับการที่นางอาจทำร้ายเซินหนิงและอธิบายว่า “เจ้าไม่ต้องกังวล นี่ไม่ใช่การเร่งรัดการเติบโต สิ่งนี้จะกระตุ้นศักยภาพของนางเท่านั้น มันจะเป็นประโยชน์โดยไม่มีอันตรายใดๆ”
หลี่หรานส่ายหัว “แน่นอน ข้าเชื่อในตัวท่านอาจารย์ แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่ข้าสนใจ…”
“หืม?” เหลิงอู่เหยียนพูดอย่างงุนงง “แล้วเจ้าหมายถึงอะไร?”
หลี่หรานพูดด้วยน้ำเสียง ‘ขุ่นเคือง’ ว่า “ตอนที่ศิษย์เข้ามาในวิหารโหยวหลัวเป็นครั้งแรก เขาไม่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ ท่านอาจารย์ลำเอียงเกินไปไหม?”
“......”
เหลิงอู่เหยียนทั้งโกรธและขบขัน “เอาล่ะ เจ้าอิจฉาแม้แต่น้องสาวของเจ้าเอง?”
หลี่หรานถามอย่างตรงไปตรงมาว่า “ท่านอาจารย์ยังอิจฉานาง แล้วทำไมศิษย์จะทำบ้างไม่ได้?”
“อ๊ะ!” เหลิงอู่เหยียนหันหน้าหนีด้วยใบหน้าแดง “เจ้าอันธพาล เจ้าพูดเรื่องไร้สาระอีกแล้ว!”
“แต่ว่า...”
“หุบปาก!”
เซินหนิงมองไปที่พวกเขาทั้งสองด้วยความงุนงง
ทำไมนางไม่เข้าใจสิ่งที่อาจารย์และพี่ชายพูดถึงเลย?
นางรู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองนั้นแปลก มันเหมือนกับ... อาจารย์ฉู่?
“เอาล่ะ ไม่จำเป็นต้องอิจฉาไป”
เหลิงอู่เหยียนมองดวงตาเศร้าสร้อยของหลี่หรานและอยากจะหัวเราะอย่างบอกไม่ได้
“ใครบอกว่าผู้นำนิกายคนนี้ไม่ได้เปิดตันเถียนให้เจ้า?”
“อา?” หลี่หรานเกาหัว “เป็นไปได้ว่าท่านอาจารย์ช่วยข้าแบบนี้ตอนข้าเข้าร่วมนิกายครั้งแรก?”
“ไม่ใช่ตอนนั้น”
หลี่หรานยิ่งอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นเมื่อได้ยิน “แล้วตอนไหน?”
ใบหน้าสวยของเหลิงอู่เหยียนแดงเล็กน้อย นางเขินอายอย่างอธิบายไม่ได้และพูดเสียงเบา “ไม่นานมานี้… ในเวลานั้นจู่ๆเจ้าก็สนใจการบ่มเพาะอย่างมาก ข้าจึงอยากช่วยเจ้า…”
นางไม่สามารถพูดต่อได้เมื่อผ่านไปครึ่งทาง
“หือ?” หลี่หรานตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็นึกถึงบางสิ่งและถามด้วยความประหลาดใจ “ท่านอาจารย์กำลังพูดถึงเวลานั้น?”
เหลิงอู่เหยียนก้มหน้าลงโดยไม่พูดอะไร
เห็นได้ชัดว่านั่นคือการยอมรับ
หลี่หรานอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย เขารู้ว่าเหลิงอู่เหยียนกำลังพูดถึงอะไร
มีเหตุผลเพียงข้อเดียวที่ทำให้เขาอุทิศตนให้กับการบ่มเพาะ และนั่นคือการ ‘สื่อสารเชิงลึก’ กับอาจารย์
ในเวลานั้นมันเป็นครั้งแรกที่เขารู้ว่าอาจารย์ของเขามี ‘เงื่อนไข’ อย่างน้อยเขาต้องอยู่ในขอบเขตเหนือวิบัติขั้นต้น ในช่วงเวลานั้นหลี่หรานทำงานหนักจนถึงขีดสุด
เมื่อลืมตาขึ้นก็มีแต่การบ่มเพาะ และขอบเขตของเขาก็พัฒนาอย่างก้าวกระโดด
ปรากฎว่าเขาไม่ได้ต่อสู้เพียงลำพัง ท่านอาจารย์ช่วยเขาอย่างลับๆจริงๆ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ฐานการบ่มเพาะของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงเวลานั้น!
“ท่านอาจารย์ไม่ต้องกังวล ศิษย์จะหลอมรวมเต๋าให้เร็วที่สุด!” หลี่หรานทุบหน้าอกของเขาอย่างแรง
เหลิงอู่เหยียนปิดแก้มที่ร้อนผ่าวของนางและกระทืบเท้า “ยะ...อย่าพูดไร้สาระ ข้าไม่ได้รีบร้อน!”
/////